การทำน้ำซอฟัร หุก่มว่าอย่างไร ??
ชี้ขาดโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งอียิปต์
ชี้ขาดโดย สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งอียิปต์
คำถาม : ฉันเป็นมุสลิมจากประเทศไทยและฉันอยากทราบว่า : น้ำซอฟัร(น้ำที่ทำขึ้นมาในเดือนซอฟัร) ดังเช่นที่ศูฟีย์บางกลุ่มได้กระทำขึ้น และศูฟีย์บางกลุ่มในประเทศไทยก็ได้กระทำมันเช่นกันในทุกๆ เดือน จากเดือนซอฟัร เนื่องจากผู้รู้บางท่านมีความเห็นว่า บะลาอฺ(ภัยพิบัติ) จากอัลลอฮฺ ตะอาลา จะถูกส่งลงมาทุกปี ปีละ 320,000 บะลาอฺ(ภัยพิบัติ)
ซึ่งบะลาอฺ(ภัยพิบัติ) ทั้งหมดนี้ จะถูกส่งลงมาในวันพุธสุดท้ายของเดือน ซอฟัร (เดือนที่สองแห่งฮิจเราะฮฺศักราช) และในวันดังกล่าว จะปรากฏว่าเป็นวันที่มีปัญหามากที่สุดในรอบปี ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่ละหมาดในวันดังกล่าวนี้(วันพุธสุดท้ายของเดือน ซอฟัร) 4 เราะกาอัต โดยที่เขาได้อ่านซูเราะฮฺ ฟาติหะฮฺหนึ่งครั้ง ในทุกๆ เราะกาอัต แล้วตามด้วยซูเราะฮฺ อัล-เกาษัร 17 ครั้ง แล้วก็ตามด้วยซูเราะฮฺ อัล-อิคลาศ(กุลฮุวัลลอฮฺ) 15 ครั้ง แล้วก็ตามด้วยซูเราะฮฺ อัล-ฟะลัก และซูเราะฮฺ อันนาส อย่างละหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็ให้สลาม แล้วก็ให้เขาขอดุอาหลังจากให้สลามว่า “ขอให้อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงปกปักษ์รักษาตนเองจากภัยพิบัติต่างๆ ทั้งหลายที่ถูกส่งลงมาในวันนี้”
และในบางมัสยิด พวกเขาจะมารวมกลุ่มกัน เพื่อให้ผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในหมู่พวกเขา ช่วยเขียนหมายเลขต่างๆ ลงในช่องว่างของบรรดาอายะฮฺอัล-กุรอานแห่งความปลอดภัยทั้งเจ็ด และใส่ไว้บนนามชื่อของบรรดานบีต่างๆ เช่นอายะฮฺที่ว่า..
سَلامٌ عَلَى نُوحٍ فِي الْعَالَمِينَ
“ความศานติจงมีแด่นูหฺในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย” (ซูเราะฮฺ อัศ-ศ็อฟฟาต : 79)
โดยหลังจากที่ได้เขียนทุกอย่างใส่ในกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ได้นำกระดาษชิ้นนั้นวางลงไปในน้ำ แล้วก็ดื่มน้ำนั้น โดยเชื่อมั่นในความเร้นลับของข้อเขียนในกระดาษนั้นว่า จะช่วยให้พวกเขาพ้นภัยไปได้ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่มาจากบัญญัติศาสนาหรือไม่ ?? หรือว่ามันเป็นอุตริกรรมที่หลงผิด ??
และด้านล่างนี้ คือ การะดาษที่แสดงรูปภาพของสิ่งที่ถูกเขียนในการทำน้ำซอฟัร
http://www.rabity.ac.th/article/art_240415.jpg
ตอบ ..
คัมภีร์อัล-กุรอาน เป็นทางนำจากอัลลอฮฺ ตะอาลา แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา นั้น ได้ทรงทำให้อายะฮฺต่างๆ ในอัล-กุรอานของพระองค์นั้น มีข้อจำเพาะเจาะจงต่างๆ มากมายที่พิเศษ เช่น สามารถใช้ในการป้องกันตนเองจากสิ่งต่างๆ ได้ ,สามารถใช้รักษาความผิดปกติต่างๆ ได้ ,สามารถใช้ในช่วงเวลาต่างๆ ที่จำเป็นได้ และยังสามารถใช้ปกป้องบะลาอฺ(ภยันตรายจากบททดสอบ) ต่างๆ ได้
เนื่องจากส่วนหนึ่งของความพิเศษต่างๆ จากบรรดาอายะฮฺเหล่านี้นั้น ก็ได้ถูกรายงานมาจากท่านรสูล(ซ.ล.) และส่วนหนึ่งก็ถูกรายงานมาจากบรรดาเศาะหาบะฮฺ และส่วนหนึ่งก็ถูกรายงานมาจากบรรดาสะลัฟุศศอลิหฺ(ชนรุ่นก่อนผู้ได้รับทางนำ) และส่วนหนึ่งจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยบรรดาปวงปราชญ์ทั้งหลาย โดยปวงปราชญ์ได้เรียกมันว่า “المجربات (สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ให้เกิดผล ; ผู้แปล)”
ซึ่งตราบใดที่ "อัล-มุญัรเราะบาต(สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ให้เกิดผล)" เหล่านี้นั้น เป็นการกล่าวรำลึกเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา และไม่ได้รวมไว้ซึ่งสิ่งที่ต้องห้ามทางศาสนา และไม่ได้พาดพิงสิ่งต่างๆ ไปยังท่านรสูล(ซ.ล.) ในสิ่งที่ท่านไม่ได้กล่าวเอาไว้ ดังนั้น “อัล-มุญัรเราะบาต(สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ให้เกิดผล)” เหล่านี้นั้น ก็ถือว่าเป็นบัญญัติศาสนา และถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้ ตามทัศนะที่เห็นพ้องต้องกันจากบรรดามุสลิมีนทั้งหลาย
แต่ทว่า “อัล-มุญัรเราะบาต(สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ทรงให้เกิดผล)” ต่างๆเหล่านี้ มันจะเป็นอุตริกรรมที่หลงผิดได้ก็ต่อเมื่อ มีใครคนใดคนหนึ่งไปดัดแปลงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และทำให้บรรดามุสลิมหลงผิด ในขณะที่ยึดติด(โดยถือเป็นวาญิบ) กับอัล-มุญัรเราะบาต(สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ให้เกิดผล) เหล่านี้
และมันก็จะเป็นอุตริกรรมที่หลงผิดเช่นกัน หากว่าใครคนใดคนหนึ่ง ได้ทำการปฏิเสธหรือคัดค้านในสิ่งที่บรรดามุสลิมในยุคก่อนๆ ซึ่งเป็นยุคที่ได้รับการรับรองในด้านความรู้และด้านคุณธรรม โดยที่พวกเขาทั้งหลายได้ปฏิบัติต่อกันมาในหลายยุคหลายสมัย ซึ่งไม่มีผู้ใดปฏิเสธหรือคัดค้านสิ่งต่างๆ เหล่านั้นแต่อย่างใด
ชี้ขาดโดย : สถาบันชี้ขาดปัญหาศาสนา ดารุลอิฟตาอฺ แห่งประเทศอียิปต์
Re: การทำน้ำซอฟัร หุก่มว่าอย่างไร ?? ชี้ขาดโดย สถาบัน ดารุลอิฟตาอฺ แห่งอียิปต์ By: Muftee Date: ก.ค. 13, 2012, 05:06 AM
ข้อสังเกต : อัล-มุญัรเราะบาต(สิ่งที่ได้ทดลองกันมาแล้วและอัลเลาะฮ์ให้เกิดผล ; ผู้แปล) ต่างๆ นั้น หากว่าเป็นการกระทำขึ้นโดยการใช้อัลกุรอานหรืออัล-หะดีษ หรือด้วยสิ่งที่ถ่ายทอดมาจากบรรดาเศาะหาบะฮฺ หรือด้วยสิ่งที่ถ่ายทอดมาจากสะลัฟุศศอลิหฺ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่อนุญาตให้กระทำได้ และถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในบัญญัติศาสนาอิสลาม ไม่ใช่บิดอะฮฺหรือเป็นอุตริกรรมที่หลงผิดแต่ประการใด
แต่ "อัล-มุญัรเราะบาต" ต่างๆ จะเป็นบิดดะห์หรืออุตริกรรมที่หลงผิดก็ต่อเมื่อ ไปอุตริขึ้นมาเอง เช่น การใช้คำพูดหรือใช้ถ้อยคำ ที่ไม่ได้มีการถ่ายทอดมาจากอัล-กุรอาน หรืออัล-หะดีษ เป็นต้น และเป็นการกระทำ ที่ทำให้บรรดามุสลิมหลงผิด อีกทั้งยังยึดติดโดยถือเป็นเรื่องจำเป็นต้องปฏิบัติอย่างขาดมิได้
และจะถือว่าเป็นการอุตริกรรมที่หลงผิดเช่นกัน หากว่าใครคนใดคนหนึ่งไปปฏิเสธ ในสิ่งที่คนซอและห์คนหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านความรู้และด้านคุณธรรมในยุคอดีตได้กระทำไว้ โดยที่ไปกล่าวหาว่า คนซอและฮฺเหล่านั้นได้กระทำสิ่งที่เลวร้าย ทั้งๆ ที่ในยุคนั้น และยุคที่ผ่านมาอย่างยาวนานนั้น กลับไม่เคยมีผู้ใดที่ปฏิเสธหรือคัดค้านกันเลย
วัลลอฮุ ตะอาลา อะลัม