กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ถาม - ตอบปัญหาศาสนา
Pages: 1
อยากถามว่าด้วยการเท่าเทียมกันของอิสลาม By: rlk4210 Date: ส.ค. 11, 2007, 10:12 PM
หมายถึง อิสลามทุกคนเท่าเทียมกันหมดใช่ไหมครับอยากรู้ว่ามี ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการเท่าเทียมกันของคนในอิสลามอย่างไงบ้างช่วยยกมาหน่อยครับ

อยากถามว่าด้วยการเท่าเทียมกันของอิสลาม By: al-azhary Date: ส.ค. 11, 2007, 10:37 PM
بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

จุดยืนของอิสลามที่มีต่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

1.   นับว่าอิสลามเป็นศาสนาแรกที่ประกาศจุดยืนในเรื่องของมนุษยชนและเอาจริงจังในการรักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนดังกล่าว  นักศึกษาทุกคนที่ได้ศึกษากฏหมายอิสลาม จะทราบว่า  อิสลามนั้นมีเป้าหมายที่เป็นแบบอย่างในการคุ้มครองชีวิตของมนุษย์  ปกป้องไว้ซึ่งศาสนา , สติปัญญา , ทรัพย์สิน , และครอบครัว  ประวัติศาสตร์อิสลามได้ถ่ายทอดเกี่ยวกับชีวประวัติของท่านคอลิฟะฮ์ อุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบ  ต่อการเผชิญหน้าที่มายับหยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน  ซึ่งท่านอุมัรกล่าวว่า

"เหตุใดที่พวกท่านจับมนุษย์มาเป็นทาส  ทั้งที่มารดาของพวกเขาได้ให้กำเนิดพวกเขาโดยเป็นอิสระชน?"

2.  บรรดาสิทธิมนุษยชนในอิสลาม อยู่บนหลัก 2 ประการ

(1) หลักแห่งความเสมอภาคที่มีต่อมนุษย์

(2) หลักเสรีภาพที่มีให้กับมนุษย์

อิสลามได้วางพื้นฐานของหลักความเสมอภาค  ให้อยู่บน 2 หลักเกนฑ์

(1) จุดกำเนิดเดียวกันของมนุษย์

(2) ทุกคนมีเกียรติในความเป็นมนุษย์

สำหรับจุดกำเนิดเดียวกันของมนุษย์นั้น  อิสลามได้สะท้อนให้เห็นว่า  แท้จริงอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ได้สร้างมนุษย์ทั้งหมดจากชีวิตเดียว (คืออาดัม) ดังนั้น  มนุษย์ทั้งหมดย่อมเป็นพี่น้องในครอบครัวใหญ่ที่ไม่มีแง่มุมใดจะแบ่งแยกระดับชนชั้นได้  ความแตกต่างทางเชื้อชาติไม่มีผลกระทบต่อแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งจากมนุษย์ชาติทั้งหลาย  ด้วยเหตุนี้  ความแตกต่างทางเชื้อชาติ  สมควรเป็นตัวผลักดันให้เกิดการทำความรู้จัก  ความสนิทสนม  และการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างพวกเขา  ไม่ใช่นำมาเป็นหนทางของการโต้แย้งและความแตกแยก  อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنَّا خَلَقْنَاكُم مِّن ذَكَرٍ وَأُنثَى وَجَعَلْنَاكُمْ شُعُوباً وَقَبَائِلَ لِتَعَارَفُوا إِنَّ أَكْرَمَكُمْ عِندَ اللَّهِ أَتْقَاكُمْ

"โอ้มวลมนษย์! แท้จริงเราได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง  และบันดาลพวกเจ้าให้แตกออกเป็นเผ่าพันธ์และเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน  แท้จริงผู้มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเจ้า ณ ที่อัลเลาะฮ์ คือผู้ที่มีความยำเกรง" อัลหุญุร๊อต 13

ส่วนอีกกฏเกนฑ์หนึ่งที่มีให้กับความเสมอภาค  ก็คือ  ทุกคนมีเกียรติของความเป็นมนุษย์  อัลกุรอานได้ระบุถึงสิ่งดังกล่าว ความว่า

وَلَقَدْ كَرَّمْنَا بَنِي آدَمَ

"ขอยืนยัน เราได้ให้เกียรติแก่(มนุษย์)ลูกหลานอาดัม" อัลอิสรออ์ 70

ดังนั้น  ด้วยเกียรตินี้  อัลเลาะฮ์ได้ทรงทำให้มนุษย์เป็นตัวแทนของพระองค์ในพื้นพิภพนี้  บรรดามะลาอิกะฮ์ได้ให้การสุยูด(ให้เกียรติ)แก่เขา  และทรงทำให้เขาเป็นนายแห่งจักรวาล  และทรงให้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินยอมสิโรราบให้แก่เขา  ฉะนั้น  ด้วยเหตุดังกล่าว   มนุษย์จึงมีฐานันดร  มีเกียรติภูมิที่เหนือกว่าบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด  และอัลเลาะฮ์ทรงมอบเกียรตินี้ให้แก่มนุษย์ทุกคนโดยไม่มีการยกเว้น  เพื่อให้เป็นสายใยแห่งการคุ้มครองและปกป้องให้กับมนุษย์ทุกคน  ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างคนรวย  คนจน  ชนชั้นผู้นำ  และผู้อยู่ใต้การปกครอง  ซึ่งทั้งหมดจะต้องอยู่ต่อหน้าอัลเลาะฮ์และอยู่ต่อหน้ากฏหมายของพระองค์  และไม่ว่าในสิทธิต่าง ๆ โดยรวมนั้น  ย่อมมีความเท่าเทียมกัน(ในวันนั้น)

สำหรับหลักการที่สองที่ได้เน้นย้ำถึงสิทธิมนุษยชนนั้น คือหลักอิสระภาพ ที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดให้มนุษย์มีภาระหน้าที่ในการทำนุบำรุงผืนแผ่นและสรรสร้างอารยะธรรมแห่งมนุษยชาติ  ซึ่งไม่มีภาระหน้าที่ใดที่ปราศจากอิสระภาพ  แม้กระทั่งเรื่องของการศรัทธาและการปฏิเสธซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงกำหนดให้มันผูกพันธ์อยู่กับความปรารถนาของมนุษย์ 

 فَمَن شَاء فَلْيُؤْمِن وَمَن شَاء فَلْيَكْفُرْ

"ดังนั้น  ผู้ใดปรารถนา  เขาก็จงศรัทธาเถิด  และผู้ใดปรารถนา  เขาก็จงปฏิเสธเถิด" อัลกะฮ์ฟี 29

เฉกเช่นนี้  ความเสรีภาพย่อมครอบคลุมถึงทุกเสรีภาพของมนุษยชาติ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาสนา  การเมือง  และทัศนะความคิด

3.  การพิพากษาตามคำสอนของอิสลาม  จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและการปรึกษาหารือ  อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้มนุษย์ให้มีความยุติธรรมและให้พวกเขานำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  อัลเลาะฮ์ทรงตรัส ความว่า

إِنَّ اللّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالإِحْسَانِ
 
"แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้มีความยุติธรรมและมีคุณธรรม" อัลนะห์ลิ 90

وَإِذَا حَكَمْتُم بَيْنَ النَّاسِ أَن تَحْكُمُواْ بِالْعَدْلِ

"และเมื่อพวกเจ้าทำการตัดสินในระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย  พวกเจ้าจะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม" อันนิซาอ์ 58

และยังมีอายะฮ์ต่าง ๆ อีกมากมายที่ได้ยืนยันเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว  สำหรับการปรึกษาหารือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ขอคำปรึกษาหารือกับบรรดาซอฮาบะฮ์และท่านยึดทัศนะความเห็นส่วนมาก  หากแม้นว่าจะขัดกับความเห็นของท่านก็ตาม  เช่นบรรดามุสลิมีนต้องการทำสงครามอุหุด  ทั้งที่ท่านนบีมีความเห็นว่าไม่ทำสงคราม  แต่ความเห็นส่วนใหญ่ให้ออกทำสงคราม  ดังนั้น  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ยอมตกลงตามความเห็นของพวกเขาและออกทำสงคราม  ความพ่ายแพ้ได้ประสบแก่บรรดามุสลิมีน  แต่พร้อมกับสิ่งดังกล่าว  อัลกุรอานก็ยังคงตอกย้ำให้มีความจำเป็นต้องปรึกษาหารือ  ฉะนั้น  อัลเลาะฮ์ได้ทรงตรัสกับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ความว่า

فَاعْفُ عَنْهُمْ وَاسْتَغْفِرْ لَهُمْ وَشَاوِرْهُمْ فِي الأَمْرِ

"ดังนั้น  เจ้าจงอภัยให้พวกเขา  เจ้าจงขออภัยให้พวกเขา  และจงปรึกษาพวกเขาในการงาน(ต่าง ๆ ที่คิดกระทำ)"

และจุดมุ่งหมายนี้  จึงไม่รับพิจารณาความเห็นส่วนน้อยของนักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามที่อ้างว่าการปรึกษาหารือไม่มีความจำเป็น  เพราะการอ้างนี้ขัดกับบรรดาตัวบทของศาสนาที่ชัดเจน

อิสลามได้มอบให้บรรดามุสลิมีนมีความอิสระภาพในการเลือกสรรรูปของการปรึกษาหารือเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์โดยรวม  ดังนั้น  เมื่อผลประโยชน์ได้เรียกร้องให้ระบบการปรึกษาหารืออยู่ในรูปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน(เช่นระบบรัฐสภา)ที่มีอยู่ในประเทศต่าง ๆ  แน่นอนว่า อิสลามจะไม่คัดค้านสิ่งดังกล่าว  เพราะทั้งหมดย่อมเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องพร้อมกับมีความยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและสิ่งที่เกิดขึ้นจากความเจริญก้าวหน้าของแต่ละประเทศ

จากสิ่งดังกล่าว  ได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า  อิสลามให้ความสำคัญและปกป้องสิทธิมนุษยชน  มีความปรารถนาให้นำมาปฏิบัติอย่างถูกต้องกับหลักการปรึกษาหารือหรือประชาธิปไตยในรูปแบบปัจจุบัน

4.  อิสลามได้เปิดโอกาสให้แสดงทัศนะหลากหลายความคิด  อนุญาตให้มีการวินิจฉัย  วิเคราะห์  แม้กระทั้งประเด็นเรื่องของศาสนา ตราบใดที่เขามีคุณสมบัติและเงื่อนไขพร้อมในการเป็นนักวินิจฉัย  ซึ่งหากเขาทำการวินิจฉัยผิดย่อมได้รับหนึ่งการตอบแทนและหากเขาทำการวินิจฉัยถูกต้องย่อมได้รับสองการตอบแทน 

ผู้ศึกษาบรรดาแนวทาง(มัซฮับ)ต่าง ๆ ของนิติศาสตร์อิสลาม  เขาจะพบว่าในแนวทาง(มัซฮับ)เหล่านั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของแนวคิดในหลาย ๆ ประเด็นปัญหาด้วยกัน  โดยไม่มีผู้ใดกล่าวว่า  สิ่งดังกล่าวไม่เป็นที่อนุญาติ

จากตรงนี้  เราจะพบว่า  อิสลามได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น  เพื่อที่สะท้อนแนวคิดต่อผู้คนทั้งหลาย โดยมีเป้าหมายให้เกิดความดีงามแต่สังคมและรักษาไว้ซึ่งความสงบและเสถียรภาพ

-----------------------------------------

อ้างอิง จากหนังสือ حقائق إسلامية فى مواجهة حملات التشكيك "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม ในการเผชิญต่อการสร้างความสงสัย" ของท่าน ศาสตราจารย์ มะหฺมูด หัมดีย์ ซักซูก หน้า 81 - 85  ตีพิมพ์โดย สภาสูง เกี่ยวกับกิจการอิสลาม  ประเทศอียิปต์  ปี ฮ.ศ. 1422 - ค.ศ. 2001    

والله أعلى وأعلم