ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: Muzarr Date: ส.ค. 07, 2013, 11:59 AM
อัสลามูอาลัยกุม
ผมมีปัญหาคาใจ ผมเป็นมุสลิมเข้าใหม่ อ่อนแอมาก แวดล้อมไปด้วยเพื่อนกลุ่มเดิมๆที่เป็นพุทธ จากคนที่เคยละหมาดก้ถูกดูดกลืนให้หลงลืมละหมาด ทิ้งละหมาด ถือศีลไม่ครบ แต่ด้วยกับความเมตตาของอัลลอฮ อัลลอฮก้ให้มีพี่น้องมุสลิมมาเยี่ยมเยือน มาชวนไปละหมาด ชวนไปมัสยิด จากเดิมที่เคยทิ้งละหมาดก้กลับมาละหมาด
ซิเกร เตาบัต อ่านยาซีน ขอดุอาว์ให้อัลลอฮอภัยโทษ
ผมขาดละหมาดฟัรดูนานหลายปี ผมจะแก้ไขอย่างไร ต้องละหมาดสุนัตให้มากๆหรือ ละหมาดฟัรดูซ้ำอีกรอบในแต่ละวัน เพื่อเป็นการชดเชยกับละหมาดฟัรดูที่ขาดไป
ผมถือศีลอดไม่ครบและผมก้ไม่เคยได้ถือศีลชดใช้ในปีนั้นๆ ปีข้ามปี ผมต้องทำอย่างไรคับ
(แต่รอมฏอนปีนี้ขาดแค่1วัน ) ปีก่อนๆ ผมจะชดใช้อย่างไร
ช่วยบอกแนวทางการแก้ไขด้วยนะคับ ผมคงไม่เก่งเรื่องบริจาคทาน60 คน มีทางไหนช่วยได้บ้างไหมคับ
รู้สึกบาปมากเลยคับ เหมือนลูกแกะที่ฝูงชัยฏอนรุมแทะกิน
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: Beechern Date: ส.ค. 07, 2013, 01:41 PM
วะอะลัยกุมุสลาม วะเราะฮ์มะตุลลอฮ์ วะบะรอกาตุฮ์
มาชาอัลลอฮ์
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: Beechern Date: ส.ค. 07, 2013, 01:42 PM
รอผู้รู้มาตอบครับ แต่ส่วนตัว ผมคิดว่าพี่น้อง "มาชาอัลลอฮ์ สุดยอด เยี่ยมไปเลย" ครับ
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: Bangmud Date: ส.ค. 07, 2013, 04:23 PM

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับท่านที่คิดได้ ในตอนที่ยังมีความสามารถ มิใช้ตอนวิญญาณถึงลูกกระเดือก
ท่านทำผิดด้วยการละทิ้งละหมาดและศีลอดที่เป็นฟัรฎุ
1. ขอให้ท่านกลับเนื้อกลับตัวเข้าหาอัลลอฮฺด้วยกฎเกณฑ์ 3 ประการ
1.1 ต้องละเลิกความผิดนั้นทันที
1.2 รู้สึกเสียใจในความผิดที่ได้กระทำไป ซึ่งท่านก็ได้แสดงออกแล้วว่าท่านเสียใจ
1.3 ต้องตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่กระทำอีก
เมื่อท่านกระทำตามนี้ครบก็เปรียบเสมือนท่านไม่มีความผิดใด ๆ ท่านเราะสูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า
(التَّائِبُ مِنَ الذَّنْبِ كَمَنْ لَاذَنْبَلَهُ) ผู้ที่สำนึกจากความผิดบาป ประหนึ่งเขาไม่มีความผิดเลย
สำหรับละหมาดที่ขาดไปนั้น ให้ชดเชยด้วยการทำละหมาดสุนัตต่าง ๆ ให้มาก ๆ ละหมาดที่แนะนำได้แก่
1. ละหมาดควบคู่กับละหมาดฟัรฎุ (ละหมาดเราะวาติบ)
2. ละหมาดกลางคืน (ตะฮัจญุด)
3. ละหมาดฎุหา
ส่วนศีลอดที่ขาดไป ไม่สามารถจำจำนวนวันได้ ให้ถือศีลอดสุนัตให้มาก ๆ เช่น ถือศีลอดวันจันทร์และวันพฤหัสบดี หรือถือศีลอดเดือนละ 3 วัน ถือศีลอดในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น วันอะเราะฟะฮฺ วันอาชูรอ และหมั่นทำเศาะดะเกาะฮฺบ่อย ๆ เมื่อมีทรัพย์สินเหลือจากความจำเป็น
อย่าหมดหวังกับความเมตตาของอัลลอฮฺครับ อัลลอฮฺตรัสว่า

"จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง (ด้วยการทำผิดบาป) พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ" อัซซุมัร สูเราะฮฺที่ 39 อายะฮฺที่ 53
โปรดรับทราบไว้ด้วยว่า อัลลอฮฺไม่ทรงบังคับใครเกินความสามารถ พยายามชดเชยด้วยการทำความดีให้มากที่สุดแล้วหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ
ขอเป็นกำลังใจครับ
วัสสลาม
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: Muzarr Date: ส.ค. 07, 2013, 11:00 PM
ขอบคุณมากคับ สำหรับคำแนะนำ
ไม่ใช่ดุนยาที่ดูดกลืนผม ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมเดิมๆที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ เป็นเพราะผมอ่อนแอเอง
เวลาที่ผมขาดละหมาด อาม้าลอ่อนแอ ผมก้หลงลืมแนวทางไปหมด
เมื่อตอนที่ผมละหมาด เหมือนผมจับเชือกที่ยึดมั่นกับอิสลามเดินไปตามแนวทางถนน
พอเริ่มละหมาดไม่ตรงเวลา ไม่ละหมาด เหมือนผมเริ่มคลายเชือกพาตัวเองไปเกี่ยวกับดุนยา ไปเกี่ยวติดกับหนามของดุนยา เริ่มห่างไกลจากต้นสายของเชือกมาขึ้น เนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมด เหมือนคนสันหลังหวะ จะพาตัวเองกลับไปก้หมดแรง
ก้ด้วยกับความเมตตาของอัลลอฮที่ให้พี่น้องมาเยี่ยมเยือน หลบหน้าพี่น้องบ้าง เพราะรู้ว่าตัวเองผิด อาย แต่ก้ด้วยกับความเมตตาของอัลลอฮ
ผมก้ไม่อยากกลับไปบูชารูปปั้นอื่นใด เพราะเมื่อคิดทีไร อัลลอฮนี่แหละคือพระเจ้าที่แท้จริงที่สุด ผมก้เริ่มดึงเชือกกลับไปหาอัลลอฮอีกครั้ง
ยิ่งผมพยายามดึงเชือกกลับไปหาอัลอฮเท่าไร ก้เหมือนอัลลอฮช่วยดึงผมกลับไปเช่นกัน
คงมีมุอัลลัฟหลายคนที่เป็นแบบผม หรืออาจจะไม่เป็นแบบผม แต่จะให้ผมกลับไปเป็นพุทธแบบเดิมนั้น ผมคงไม่ไปแล้ว
บอกตรงๆเลยว่า ผมอยากเข้าสวรรค์ของอัลลอฮ ผมไม่อยากลงนรกญะฮันนัมเลย
ผมอยากชวนเพื่อนที่เป็นพุทธมาเข้าอิสลาม แต่ผมไม่มีความสามารถเลย
ขอบคุณสำหรับแนวทางปฎิบัตินะคับ ขออัลลอฮทรงตอบแทนความดี
พรุ่งนี้ผมจะมาบอกว่าทำไมผมถึงเข้าอิสลาม
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: BasemDeen Date: ส.ค. 07, 2013, 11:24 PM
ประทับใจครับ รอฟัง

Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: nada-yoru Date: ส.ค. 13, 2013, 09:45 PM
อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ และก็ทำให้นึกย้อนถึงตัวเองในวันวานด้วย
เพราะถึงตัวเองจะเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่พี่น้องและเหล่่าบรรพบุรุษ
จะนับถือศาสนาอิสลาม และพ่อกับแม่ก็ค่อนข้างเคร่งครัดในหลักการ
แต่ด้วยความที่เป็นคนดื้อและหัวแข็งมาแต่เด็ก เลยทำให้ยอมรับอะไรง่ายๆ
หรือรับฟังอะไรง่ายๆไม่ค่อยเป็น หลายๆครั้งมักมีคำถามถามโน่นถามนี่ตลอด
พอไม่ได้รับเหตุผลที่ตนเองยอมรับได้ก็ไม่เชื่อไม่ฟัง...
ก็เลยเป็นลูกสาวที่โดนพ่อเฆี่ยนตีจนแข้งลาย...แต่ก็ไม่วายดื้อดึงค่ะ
ถ้าจะบอกว่าที่ได้ดีมาจนทุกวันนี้เพราะไม้เรียวเหล่านั้นก็ไม่ผิดแปลกนัก
ยังนึกเลยว่า ถ้าเมื่อก่อนพ่อไม่ตีให้หลาบจำจะยังดื้อไปอีกนานแค่ไหน
กับการไปเรียนศาสนา...แม้จะไม่สนใจเรียนศาสนาเพราะไม่รู้ว่า
จะเรียนไปเพื่ออะไร แต่เพราะด้วยความเป็นที่เด็กที่แพ้ไม่เป็น
ก็เลยต้องเอาชนะหนังสือที่อ่านแสนยากพวกนั้นไปให้ได้
เลยทำให้ท่องจำสิ่งดีๆในหนังสือนั้นมาตลอด จำมาแบบไม่ซาบซึ้งนัก
เพราะเหมือนโดนบังคับให้จำ...เลยจำและบันทึกสิ่งดีๆดังกล่าวไว้แค่ตรงที่สมอง
แต่ไม่ได้ประทับไปในหัวใจ...
ละหมาดก็โดนบังคับให้ละหมาด เวลาพ่อแม่เผลอก็ชิ่งหนีไม่ละหมาด
ที่ละหมาดก็เพราะว่าเกรงใจพ่อน่ะค่ะ...
ส่วนถือศีลอด แรกๆก็ถือศีลอดเพราะว่าโดนสั่งให้ถือ...
ก็ต้องถือไปเพราะเกรงใจพ่ออีกนั่นแหล่ะ ไม่ค่อยได้ซาบซึ้งกับมันเลย
แต่เมื่อทำไปๆ มันเหมือนรู้สึกว่าได้รับสิ่งดีๆจากการถือศึลอด
จึงเริ่มซาบซึ้งกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กับละหมาดนั้น ยังไม่ซาบซึ้ง
ยังดื้อดึงเมื่อเวลาที่คนอื่นเผลอและไม่จับตามองมา...
ทุกวันนี้หันกลับไปมอง แล้วก็ตอบกับตัวเองได้เลยว่า
ละหมาดในวันวานนั้น ที่ทำไป ไม่ได้ผลบุญอะไรเลย
เพราะเราทำไปเนื่องจากเกรงใจพ่อ ไม่ได้เกิดจากหัวใจ
ที่ยำเกรงอัลลอฮฺอย่างแท้จริง...
แต่อยากให้คนที่อ่านได้รับรู้เอาไว้อย่างนึงว่า...
เพราะความรู้สึกรักและเกรงใจพ่อแม่เป็นที่ตั้งนั่นแหล่ะค่ะ
ที่สอนให้เราได้เริ่มเรียนรู้ความรักที่อัลลอฮฺมอบให้กับเรา
และทำให้เรารู้สึกรักอัลลอฮฺ เกรงใจอัลลอฮฺ
สุดท้าย...ก็ทำให้ทุกวันนี้ เริ่มรู้สึกสัมผัสถึงความรู้สึกที่ว่า
"รักพ่อกับแม่เพื่ออัลลอฮฺ"
เพราะความรักและความเกรงใจต่อท่านทำให้เราไม่กล้า
ทำร้ายจิตใจท่าน และเหมือนอัลลอฮฺจะเมตตาคนประเภทนี้
พระองค์จึงประทานทางนำ ประทานแสงสว่างให้
สอนให้ข้าน้อยที่เคยทำเบากับเรื่องละหมาดและเรื่องอะม้าลอิบาดะฮฺต่างๆ
ได้หัดเข้าใจถึงคุณค่าของอะม้าลเหล่านั้นว่ามันมีค่าและมีความสำคัญอย่างไร
จากที่เคยโดนบังคับให้ละหมาด ก็อยากจะละหมาดเอง
แม้ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครคอยสั่ง เราก็พร้อมจะก้มลงซูญูดต่ออัลลอฮฺ
ด้วยใจที่ยอมสิโรราบแล้ว...
แม้หลายครั้งจะยังอ่อนแอ แต่ก็พยายามที่จะต่อสู้กับความอ่อนแอนั้นมาตลอด
และก็คงต้องสู้กับมันไปตลอดจนสิ้นลมหายใจ...
ข้าน้อยคนนึงที่ยอมรับกับตัวเองว่า...พ่อแม่ สังคม สิ่งแวดล้อม
หรือความเลวร้าย ทุกข์ภัยต่างๆที่รายล้อมตัวเรานั้น
มิใช่ตัวแปรสำคัญที่จะทำร้ายตัวเราเลย หากว่าเรานั้นเข้มแข็งพอ
เราจะดีหรือไม่ดี มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวแปรภายนอก
แต่มันเกิดจากตัวแปรสำคัญภายในซึ้งใกล้ตัวเราที่สุด...
นั่นคือ...จิตใจของเรานั่นเองค่ะ...
สิ่งที่ท่านมูซาคิดและเป็นมานั้น ข้าน้อยก็เคยสัมผัสมา
แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นมุสลิมมาแต่กำเนิด
แต่ขอให้ท่านเชื่อมั่นเถิดว่า...ศรัทธานั้นเกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่ว่าจะกับใครหรือเมื่อใดก็ตาม....และมันก็เสื่อมได้เช่นกัน
หากเราไม่มั่นคงและไม่ยึดมั่นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น...
มีคนเคยบอกกับข้าน้อยว่า...อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด
จนเกินไป เพราะมันจะทำให้สิ่งที่ง่ายนั้นยาก
และเราจะยากที่จะหลุดพ้น...
สำหรับข้าน้อยยอมรับปรัชญานั้นครึ่งนึงค่ะ
เพราะหากเราไม่ยึดติดกับดุนยาหรือโลกนี้จนเกินไปนัก
เราก็จะหลุดพ้นจากความกระหายหิวอันไม่มีที่สิ้นสุด
ไปได้บ้าง คือ เราจะไม่ตามกระแสต่างๆจนเกินไป...
แต่ถ้าเราไม่ยึดมั่นกับอัลลอฮฺ ผู้สร้างเรามาแล้ว
สุดท้าย เราจะเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย...แม้แต่ตัวตนก็ไม่มี
เมื่อใดที่เรายึดอัลลอฮฺเอาไว้เป็นที่มั่นแล้ว
ชีวิตเราจะมั่นคง...แม้อะไรๆในโลกนี้จะหาความมั่นคง
ไม่ได้เลยก็ตาม...แต่เมื่อเรายึดอัลลอฮฺไว้
อัลลอฮฺนั้นก็จะเพียงพอสำหรับเรา...
และเป็นที่มั่นสำหรับเราได้เสมอ...
เพราะพระองค์เท่านั้น...ที่มีอยู่จริง...
ปล.พ่อข้าน้อยบอกมาว่า...การเชิญชวนผู้อื่นให้หันมา
สนใจอิสลามและได้เข้าใจอิสลามนั้น...ให้เริ่มจากตัวเราค่ะ
แค่เราทำความดี ปฏิบัติตามหลักการอิสลามได้เป็นอย่างดี
ตามกำลังความสามารถของเรา...ภาพที่ออกมานั้น
มันคือภาพแห่งอัลอิสลามค่ะ อิสลามจะสวยงามหรือไม่
ก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะปฏิบัติออกมาให้สวยงามได้แค่ไหน
เพราะเราคือมุสลิม คือผู้ที่ได้ชื่อว่าปฏิบัติตามหลักการอิสลาม...
เราจึงเป็นบุคคลสำคัญ และทุกๆก้าว ทุกๆลมหายใจของเรา
จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการเชิญชวนผู้อื่นให้หันมาสนใจอิสลามค่ะ
เราอาจไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลยด้วยซ้ำไป
แค่เราพยายามเป็นมุสลิมที่ดีจนเต็มกำลังความสามารถ
ในทุกๆช่วงจังหวะของชีวิต...เก็บความไม่ดีเอาไว้ให้มิดชิด
และพยายามขจัดมันออกไปให้ได้...
ภาพที่ออกมาก็จะสวยงามตามแบบฉบับอิสลาม
ให้ผู้อื่นได้มองไปตลอดเส้นทางที่เราก้าวเดินแล้วค่ะ...
...อินชาอัลลอฮฺ...
และการจะทำตามอิสลามได้นั้น ก็เริ่มต้นด้วย"การอ่าน"ค่ะ
การอ่านนำมาซึ่งความรู้ ความรู้ทำให้เราปฏิบัติได้ถูกต้อง
มากขึ้น และเมื่อสงสัย...เราก็จะถามจากผู้รู้
และก็กลับมาอ่าน มาอ่านมาศึกษาและก็ถาม
ถามและอ่านไปอย่างนี้จนสิ้นลมหายใจ...
ข้าน้อยเชื่อว่า...ลมหายใจนี้ต่อให้หมดไปหรือมียาวนานแค่ไหน
ความรู้ที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺนั้นเราก็ไม่อาจเรียนรู้ได้หมด
แต่เรารู้แค่ว่า...เราพยายามเรียนรู้จนเต็มกำลัง
ตามที่อัลลอฮฺได้มอบเวลามาให้เราแล้ว...และเราก็ได้
ปฏิบัติไปตามความรู้นั้น...
และความรู้ที่ยังประโยชน์แก่เราอย่างแท้จริงนั้น
คือ ความรู้ที่ทำให้เรายำเกรงอัลลอฮฺ
ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ...
จะรอฟังท่านมูซามาเล่าเรื่องราวให้ฟังนะคะ
Re: ผมละทิ้งละหมาดและละเลยการถือศีลอด By: nada-yoru Date: ส.ค. 13, 2013, 10:12 PM
ลองดูคลิปนี้ดูนะคะ...ซาบซึ้งมากค่ะ
แถมให้ ครับ อิอิ