กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ข่าวสารและสังคมมุสลิม
Pages: 12345678910
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 03, 2015, 10:23 PM


ชอบๆ...^^

คำศัพท์ที่น่าสนใจของบทความนี้คือ

話す(はなす)     อ่านว่า ฮานะสุ แปลว่า พูด สนทนา บอกกล่าว
忘れる(わすれる)อ่านว่า วะสุเรหรุ แปลว่า ลืม
教える(おしえる)อ่านว่า โอชิเอหรุ แปลว่า สอน
覚える(おぼえる)อ่านว่า โอโบเอหรุ แปลว่า จำ จดจำ
関わる(かかわる)อ่านว่า กะกะวาหรุ แปลว่า เกี่ยวข้อง สัมพันธ์กับ เกี่ยวเนื่อง
学ぶ(まなぶ) อ่านว่า มะนาบุ  แปลว่า เรียนรู้ เล่าเรียน ศึกษา

แปลได้ตามนั้นเลยค่ะ...เพราะตรงตัวเลย...

แต่พี่อยากให้สังเกตดูที่ตัวคำศัพท์ตัวนี้

คำว่า 関わらせる (กะกาวาราเซหรุ)
ผันมาจากคำว่า 関わる (กะกาวาหรุ)

ซึ่ง 関わらせる อยู่ในหมวดคำกริยานุเคราะห์
ในชนิดของคำ 使役(shieki)คือ รูปใช้ให้กระทำ
จึงแปลได้ว่า "ใช้ให้เกี่ยวข้องด้วย" คือให้มีส่วนร่วมด้วย

ดังนั้น ที่เขาแปลว่า "แต่ถ้าให้ฉันได้ทำ" นั้นก็ถูกต้องค่ะ
ซึ่งถ้าให้ตรงตัวศัพท์ดังกล่าวเลยก็คือ

"แต่ถ้าให้ฉันได้เกี่ยวข้องด้วย"

เพราะคำ 関わる เป็นศัพท์ที่แปลว่า เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง น่ะค่ะ

ปล.สรุปตีความได้ว่า บทความหมายจะบอกว่า

"ถ้าแค่พูดกับฉัน ฉันก็จะลืม
ถ้าแค่สอนฉัน ฉันก็จะจำ
แต่ถ้าใช้ให้ฉันได้มีส่วนร่วมด้วย ฉันก็จะได้เรียนรู้ (ได้ศึกษา)

^^

ปล.น้องฟุยุเคยเรียนไวยากรณ์เรื่องคำ อุเคมิ กับ ชิเอกิ
มาแล้วรึยังคะ เพราะมันมีการผันกริยาเป็นรูปต่างๆด้วย
พอรูปเปลี่ยน ความหมายและหลักการใช้ก็จะเปลี่ยนไปตามรูปด้วย

ปล.เรื่องหลักไวยากรณ์ตรงนี้เป็นเรื่องหนัก
เรียนแป๊บๆไม่น่าจะได้ เอาไว้ถ้าพี่มีเวลา อินชาอัลลอฮฺ
จะนำหลักการใช้มาลงนะคะ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นภาษาญี่ปุ่น
ขั้นพื้นฐานซะแล้วน่ะสิ อยู่ในข้ันกลาง ยังไม่ถึงขั้นสูง
แต่ก็ต้องให้ได้พื้นฐานก่อน ถึงจะเข้าใจหลักไวยากรณ์ตรงนี้ได้

^^
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 04, 2015, 12:45 AM
อ้างถึง
ปล.น้องฟุยุเคยเรียนไวยากรณ์เรื่องคำ อุเคมิ กับ ชิเอกิ
มาแล้วรึยังคะ เพราะมันมีการผันกริยาเป็นรูปต่างๆด้วย
พอรูปเปลี่ยน ความหมายและหลักการใช้ก็จะเปลี่ยนไปตามรูปด้วย

ปล.เรื่องหลักไวยากรณ์ตรงนี้เป็นเรื่องหนัก
เรียนแป๊บๆไม่น่าจะได้ เอาไว้ถ้าพี่มีเวลา อินชาอัลลอฮฺ
จะนำหลักการใช้มาลงนะคะ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นภาษาญี่ปุ่น
ขั้นพื้นฐานซะแล้วน่ะสิ อยู่ในข้ันกลาง ยังไม่ถึงขั้นสูง
แต่ก็ต้องให้ได้พื้นฐานก่อน ถึงจะเข้าใจหลักไวยากรณ์ตรงนี้ได้

ในเรื่องของ คำกริยารู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อีกเยอะเลยะคะ
เพราะเคยเรียนแค่ การผันกริยา กลุ่ม 1 2 3 เองคะ จำหลักการพอได้นิดหน่อย
(ซึ่งเรียนผ่านการดูวิดิโอจากยูทูป)  แต่ก็โหลดตารางการผันกริยาเป็นรูปต่างๆ เก็บไว้ดูเฉยๆ
(ยังไม่ได้ลงลึกเนื้อหา/การใช้)

**ที่ศึกษาบ่อยหน่อย(สนใจ) คือ คำช่วยต่างๆคะ

จากภาพที่น้องโพสต์ มีคำว่า なら ต่อท้ายตลอด
อยากให้พี่ช่วยอธิบายการใช้ของคำนี้ด้วยคะ


すべて ありがとうごさいました
thank you for everything


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 04, 2015, 02:59 AM
อ้างถึง
ปล.น้องฟุยุเคยเรียนไวยากรณ์เรื่องคำ อุเคมิ กับ ชิเอกิ
มาแล้วรึยังคะ เพราะมันมีการผันกริยาเป็นรูปต่างๆด้วย
พอรูปเปลี่ยน ความหมายและหลักการใช้ก็จะเปลี่ยนไปตามรูปด้วย

ปล.เรื่องหลักไวยากรณ์ตรงนี้เป็นเรื่องหนัก
เรียนแป๊บๆไม่น่าจะได้ เอาไว้ถ้าพี่มีเวลา อินชาอัลลอฮฺ
จะนำหลักการใช้มาลงนะคะ เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นภาษาญี่ปุ่น
ขั้นพื้นฐานซะแล้วน่ะสิ อยู่ในข้ันกลาง ยังไม่ถึงขั้นสูง
แต่ก็ต้องให้ได้พื้นฐานก่อน ถึงจะเข้าใจหลักไวยากรณ์ตรงนี้ได้

ในเรื่องของ คำกริยารู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อีกเยอะเลยะคะ
เพราะเคยเรียนแค่ การผันกริยา กลุ่ม 1 2 3 เองคะ จำหลักการพอได้นิดหน่อย
(ซึ่งเรียนผ่านการดูวิดิโอจากยูทูป)  แต่ก็โหลดตารางการผันกริยาเป็นรูปต่างๆ เก็บไว้ดูเฉยๆ
(ยังไม่ได้ลงลึกเนื้อหา/การใช้)

**ที่ศึกษาบ่อยหน่อย(สนใจ) คือ คำช่วยต่างๆคะ

จากภาพที่น้องโพสต์ มีคำว่า なら ต่อท้ายตลอด
อยากให้พี่ช่วยอธิบายการใช้ของคำนี้ด้วยคะ


すべて ありがとうごさいました
thank you for everything



........なら.......。
อ่านว่า........นะร่ะ...........

คือแปลว่า

ถ้า.........ก็จะ.........

คือเราจะใช้ในกรณีที่เราจะพูดว่า

"ถ้าทำสิ่งนี้ ก็จะเกิดสิ่งหนึ่งตามติดมา"

เช่นดั่งในประโยคดังกล่าวนั้นคือ

私に話すなら、私は忘れる。
อ่านว่า วะตะชิ-นิ-ฮะนาสุ-นะร่ะ, วะตะชิ-วะ-วะสุเรรุ
แปลว่า ถ้าพูดกับฉัน  ฉันก็จะลืม

ซึ่งหลักการใช้ nara ตัวนี้คือ
ให้ผันคำกริยาให้อยู่ในรูปพจนานุกรมค่ะ

เช่น 話す、教える、分かる、行く、学ぶ、読む เป็นต้น



ปล.พี่ขอแทรกนิดนึงนะคะ...เรื่องการขอบคุณ
สำหรับภาษาญี่ปุ่นมีเยอะมาก แตกต่างจากภาษาไทย
และภาษาอังกฤษ...

เช่นที่น้องฟุยุจังเขียนมาว่า

すべて ありがどうございました。
มีพิมพ์ผิดตรงตำแหน่ง ざ ค่ะ ต้องมีเต้งเต้งถึงจะถูกต้องน้าาาา
ไม่ใช่ さ ตัวนี้จ่ะ

ส่วน ประโยคขอบคุณนี้พี่ว่ามันแปลกๆ
ปกติ すべて เป็นวลีที่มักจะมีอะไรมาต่อท้าย

ยกตัวอย่างเช่น

すべてが私ようにされていただき、
ありがとうございました。

อ่านว่า สุเบะเต่ะ-ก๊ะ-วะตะชิ-โย่หนิ-สะเรเต๊ะ-อิตะดะกิ,
อะริกะโตโกะไซมะชิตะ

แปลว่า ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ฉัน...

และยังมีอีก เช่น

すべての私の歌を聞いていただき、
ありがとうございました。

อ่านว่า สุเบะเต่ะ-โนะ-วะตะชิ-โนะ-อุต่ะ-โวะ-
กีเต๊ะ-อิตะดะกิ, อะริกะโตโกะไซมะชิตะ

แปลว่า ขอบคุณที่นั่งฟังบทเพลงทั้งหมดของฉัน



応援してくださったすべての皆様,
ありがとうございました!
今後ともよろしくお願いいたします!

อ่านว่า โอเอ็นชิเตะ-กุดะซัตตะ-สุเบะเต่ะ-โนะ-มินะสะม่ะ,
อะริกะโตโกะไซมะชิตะ!
กงโกะ-โต๊ะโม่ะ-โยโรชิกุ-โอเนะกะอิ-อิตะชิมะสุ!

แปลว่า ขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งหมดที่ทุกคนมอบให้กันค่ะ
และในคราวหน้า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยเช่นกันนะคะ

และอันนี้แถม ^^

本当にありがとうございました。
อ่านว่า ฮงโตนิ-อะริกะโตโกะไซมะชิตะ
แปลว่า ขอบคุณจริงๆ

และถ้าเราพูดในที่ประชุม มีคนมากมายมาเข้าฟังการบรรยาย
ของเรา เราจะก็จบการสนทนาด้วยคำว่า

ご清聴 ありがとうございました。
อ่านว่า โกะเซโจ-อะริกะโตโกะไซมะชิตะ
แปลว่า ขอบคุณที่เข้าร่วมรับฟังค่ะ

^^

ดังนั้น คำว่า すべて (สุเบะเต่ะ) ที่แปลว่า ทั้งหมด
จำต้องมีอะไรมารองรับเอาไว้ข้างหลังน่ะค่ะ 
เพื่อที่จะได้รู้ว่า ทั้งหมดที่ว่านั้นคืออะไร...


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 04, 2015, 10:11 PM

Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 05, 2015, 12:15 AM


ชอบๆ....

ทุกข้อเข้าใจหมด ยกเว้นข้อ 10 แบบว่างงๆ
ที่งงนั้นไม่ได้งงในส่วนของภาษาญี่ปุ่นน้าาาา
แต่งงๆที่เขาแปลมาเป็นไทย

10. 少衣多浴 (โชอิตะโยกุ)  สวมหนาให้น้อยๆ อาบน้ำให้มากๆ

พี่ไม่แน่ใจว่าคนแปลเขาหมายจะสื่ออะไร และไม่แน่ใจว่าคนอื่นงงเหมือนพี่รึเปล่า
เพราะเท่าที่ดูในตัวอักษรญี่ปุ่นไม่มีตัวไหนบ่งบอกถึงคำว่า "หนา" เลยจริงๆ

เพราะ 衣 (อิ) แปลว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ ชุด

พี่เลยคิดว่า...ในตัวของภาษาญี่ปุ่นเขาหมายจะสื่อว่า
มีเสื้อผ้าน้อยๆ อาบน้ำให้เยอะๆ (รึเปล่า) อิอิ

คือบางคนมีเสื้อผ้าเยอะมาก มีชุดสวยๆใหม่ๆให้ใส่ตลอด
แต่ไม่ค่อยอาบน้ำ แบบว่าขี้เกียจอาบน้ำบ่อยๆ
เสื้อผ้าสวยๆและมีมากมายให้ผลัดเปลี่ยนก็อาจไม่ช่วยอะไร
(พ่ีเข้าใจว่าภาษาญี่ปุ่นเขาต้องการจะสื่อออกมาอย่างนี้นะ)


ส่วน สวมหนาให้น้อยๆ อาบน้ำให้มากๆ

อันนี้พี่งง...หรือน้องฟุยุว่างายยยยยย....เหอๆ

เพราะพี่อาจจะแค่งงๆอยู่คนเดียวก็ได้...
เนื่องจาก พี่แอบคิดว่า...

คนแปลเป็นไทยอาจจะ ตีความจากคำว่า

少衣(โชอิ) เป็น เสื้อน้อยชิ้น (คือถ้ามากชิ้นก็จะหนา) อย่างนี้รึเปล่า
ก็เลยกลายเป็น สวมหนาน้อยๆ อาบน้ำเยอะๆ

แต่การสวมหนามันมีประโยชน์กว่าการสวมบางๆน้อยชิ้นนี่สิ...
ซึ่งสำหรับพี่ การมีเสื้อผ้ามากชิ้นให้เปลี่ยนบ่อยๆ แต่ไม่ค่อยอาบน้ำ
มันจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อเปลี่ยนชุดใหม่แต่ไม่อาบน้ำ
มันก็ยังตัวเหม็นอยู่ดี ว่าไหม

ซึ่งมันพอจะไปในทิศทางเดียวกับข้ออื่่นๆทั้ง 9 ข้อ

เลยทำให้พี่งงกับตรรกะที่ว่า

"สวมหนาให้น้อยๆ อาบน้ำให้เยอะๆ" สุดๆ

หรือน้องฟูยุจังมีความเห็นเป็นเช่นไร บอกหน่อยจิ ^^


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 05, 2015, 11:29 AM
ขอบอกก่อนว่า ตอนอ่านเจอครั้งแรกก็งง ถึงตอนนี้ก็ยังงๆอยู่อีก แฮๆๆ
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 05, 2015, 12:33 PM



ฉันจึงรู้สึกว่า..รอบๆตัวฉันมีแต่คนที่ถูกใจทั้งนั้น 
私の周りには素敵な人しかいないみたい

ตัวคันจิแต่ละตัว อ่านว่าอย่างไรคะ 周    素敵    人
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 05, 2015, 06:01 PM
ขอบอกก่อนว่า ตอนอ่านเจอครั้งแรกก็งง ถึงตอนนี้ก็ยังงๆอยู่อีก แฮๆๆ

มีึคนงงเป็นเพื่อนแระ อิอิ
งั้น...คงต้องงงต่อไป...เอาไว้พี่ได้เจอคนญี่ปุ่นตัวเป็นๆตอนไหน
พี่จะลองถามดูว่าเขาคิดเห็นเป็นประการใด...

เพราะพี่มองว่า ในข้อ 10 มันดูจะเป็นเรื่องของการตีความค่ะ ^^
ดูประหลาดกว่า 9 ข้อที่ว่ามามาก...เหอๆ



Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 05, 2015, 06:20 PM



ฉันจึงรู้สึกว่า..รอบๆตัวฉันมีแต่คนที่ถูกใจทั้งนั้น 
私の周りには素敵な人しかいないみたい

ตัวคันจิแต่ละตัว อ่านว่าอย่างไรคะ 周    素敵    人

เจอภาษาวัยรุ่นในบทความนี้ด้วย...เหอๆ...เพิ่งรู้...ว่า...
「愛」ตัวนี้ เขาจะอ่านแบบอังกฤษได้ด้วย...เหอๆ...
เดี๋ยวค่อยมาขยายความ ขอไปหาที่มาที่ไปของมันก่อน
แบบว่า...อาจารย์ญี่ปุ่นที่สอนภาษาให้...เขาจะหาว่าทำภาษาเขาวิบัติเอา
แต่เท่าที่เห็น คนญี่ปุ่นนั่นแหล่ะตัวดี ทำภาษาตัวเองวิบัติมาก็เยอะแระ อิอิ


ปล.คันจิที่ว่า...เป็นเช่นนี้

周り อ่านว่า มะวาหริ  แปลว่า บริเวณรอบๆ / แถวๆ

素敵な人 อ่านว่า สุเตะกิ-นะ-ฮิโตะ
ซึ่ง
素敵 อ่านว่า สุเตะกิ  แปลว่า วิเศษสุด งดงาม สวย เยี่ยมยอด สง่า

ดังนั้น 素敵な人 จึงแปลได้ว่า คนที่วิเศษสุด / คนที่เยี่ยมยอด
หรือ จะแปลว่า คนที่ถูกใจ ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรค่ะ
เพราะเอาเข้าจริงๆพี่เองก็ไม่รู้ว่าคนพูดเขาต้องการพูดเพื่ออะไร
มีบุพบทหรือเรื่องราวก่อนหน้านั้นยังไง
เนื่องจากคำๆนี้ ถ้าพูดถึงคนที่ตัวเองรักและประทับใจ
มันก็จะเป็นอีกเรื่องนึง...อิอิ

suteki เป็นคำชมที่คนได้รับจะรู้สึกดีมากๆค่ะ แต่จะชมเรืื่อยเปื่อยไม่ค่อยได้
มันจะทำให้ดูไม่จริงใจ...ปกติเราจะได้ยินคนเอ่ยชมคำนี้
เนื่องจากผลงานเข้าตาเขา หรือ ผลการเรียนเยี่ยมยอด หรือเป็นคนดีเอามากๆ
หรือเป็นคนที่ค่อนข้างสมบูรณ์เพอร์เฟค หรือ เป็นคนที่มีอะไรโดดเด่นจริงๆ

เพราะถ้าเราพูดไปโดยที่คนที่เราชมเขาไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น
เขาก็จะไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่ เพราะคนญี่ปุ่นเขาอาจจะคิดว่าเรา
ประชดเอา...เหอๆ

พี่เลยรู้สึกว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นจะค่อนข้างพูดอะไรเว่อร์มากๆ
เขามักใช้คำเหล่านี้พร่ำเพรื่อโดยไร้ความจริงใจในถ้อยคำ
จากที่ควรจะทำให้คนฟังรู้สึกดีกลับทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก...

ขนาดอาจารย์ที่ญี่ปุ่นพี่ยังบอกเลยว่า เด็กของเขาใช้ภาษา
ได้ห่วยแตกเหลือขนาด hehe

บอกว่า ภาษาที่ใช้บ่งบอกวุฒิภาวะของคน ไม่ว่าชนชาติไหน...เหอๆ


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 05, 2015, 10:25 PM
 party: party: party:

เข้าใจว่า ตัวคันจิ มีการอ่าน 2 แบบ คือ แบบจีนและแบบญี่ปุ่น
ขอถามว่า เมื่อไหร่เราจะอ่าน ตัวคันจิ แบบจีนและเมื่อไหร่เราจะอ่านแบบญี่ปุ่น(มีข้อสังเกตยังไงคะ)
------------------------------------------------------------
น้องเป็นคนชอบดูซีรี่ย์แบบซับไทยคะ เลยได้ฟังบ่อย แต่ด้วยกับว่าประโยคของญี่ปุ่นมันยาว
เลยได้ยินชัดหน่อยคือ คำตอนท้ายประโยค
ไม่ทราบว่า ประโยคที่ลงท้ายว่า "มาเสะ" มันจะบ่งบอกถึงอะไรคะ
เช่น อิรัชชัยมาเสะ  sad: sad:

 
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 05, 2015, 10:32 PM
อ้างถึง
เพราะถ้าเราพูดไปโดยที่คนที่เราชมเขาไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น
เขาก็จะไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่ เพราะคนญี่ปุ่นเขาอาจจะคิดว่าเรา
ประชดเอา...เหอๆ

พี่เลยรู้สึกว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นจะค่อนข้างพูดอะไรเว่อร์มากๆ
เขามักใช้คำเหล่านี้พร่ำเพรื่อโดยไร้ความจริงใจในถ้อยคำ
จากที่ควรจะทำให้คนฟังรู้สึกดีกลับทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก...

อ่านข้อความที่พี่เขียนมาถึงตรงนี้ นึกขึ้นมาได้ว่า
น้องเคยอ่านเจอ จากไหนจำไม่ได้แระ
คนญี่ปุ่นเวลากินอาหารแล้วต้องมีการชมว่า "โออีชี่" ตลอด
ถึงแม้อาหารจะไม่อร่อยก็ตาม (พี่nada เคยประสบแบบนี้มั้ยคะ)
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 05, 2015, 11:22 PM
อ้างถึง
เพราะถ้าเราพูดไปโดยที่คนที่เราชมเขาไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น
เขาก็จะไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่ เพราะคนญี่ปุ่นเขาอาจจะคิดว่าเรา
ประชดเอา...เหอๆ

พี่เลยรู้สึกว่า วัยรุ่นญี่ปุ่นจะค่อนข้างพูดอะไรเว่อร์มากๆ
เขามักใช้คำเหล่านี้พร่ำเพรื่อโดยไร้ความจริงใจในถ้อยคำ
จากที่ควรจะทำให้คนฟังรู้สึกดีกลับทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก...

อ่านข้อความที่พี่เขียนมาถึงตรงนี้ นึกขึ้นมาได้ว่า
น้องเคยอ่านเจอ จากไหนจำไม่ได้แระ
คนญี่ปุ่นเวลากินอาหารแล้วต้องมีการชมว่า "โออีชี่" ตลอด
ถึงแม้อาหารจะไม่อร่อยก็ตาม (พี่nada เคยประสบแบบนี้มั้ยคะ)

ถ้าเป็นเรื่องการกินอาหารนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องของมารยาทค่ะ
เขาไม่อยากทำลายน้ำใจของคนทำอาหาร
เลยต้องชมเพื่อเป็นการให้กำลังใจคนทำ...

จนกลายเป็นเหมือนกับแนวทางของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไปน่ะค่ะ
ว่าเมื่อกินอาหาร ก็ต้องชมว่า "โออิชี่" หรือ "อร่อยจังเลย"
ไว้ก่อนเป็นดี เหอๆ

แต่สำหรับพี่...พ่ีชอบแนวทางของท่านนบี
ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมากค่ะ
คือท่านจะไม่พูดโกหก แต่จะมีฮิกมะในการบอก
อย่างเรื่องอาหาร ถ้าไม่อร่อย ท่านจะไม่พูดตำหนิหรือบ่น
แต่จะไม่กินแทน...คนทำอาหารให้จึงรู้ว่า อาหารนั้นไม่อร่อย...

นบีไม่พูดจาทำร้ายจิตใจใคร หากก็ไม่พูดโกหก
หรือพูดจาเลยเถิดเกินจริง พี่เลยรักแนวทางของท่าน... ^^
ซื่อตรง จริงใจ ไว้ใจได้

แต่พี่ไม่ค่อยมีฮิกมะเหมือนท่านสักเท่าไหร่...
บางครั้งก็เลยทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยไม่ตั้งใจอยู่บ่อยครั้ง อิอิ
ก็พยายามกันต่อปายยยยย... hehe

เช่น เพื่อนมันรู้ว่าพี่เป็นคนพูดตรง มันก็มักจะมาถามพี่ว่า
"ฉันสวยมั้ย" ปกติพี่ก็ไม่ได้อยากจะวิจารณ์หน้าตาใคร
พ่ีก็เลยยิ้มบอกเพื่อนไปว่า
"สวยกว่าพระจันทร์" เพื่อนมันเลยงง มันเลยย้ำว่า
"ขนาดนั้นเลยหรือ" พี่เลยบอกไปว่า
"พระเจ้าสร้างมนุษย์ทุกคนมาให้สวยกว่าพระจันทร์"

มันเลยงอนตุ๊บป่องเลยอ่ะ...เหอๆ

ใครมาชมพ่ีว่าสวยเหมือนดวงจันทร์เนี่ย พี่ไม่ยอมนะ....
hehe


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 06, 2015, 12:02 AM
party: party: party:

เข้าใจว่า ตัวคันจิ มีการอ่าน 2 แบบ คือ แบบจีนและแบบญี่ปุ่น
ขอถามว่า เมื่อไหร่เราจะอ่าน ตัวคันจิ แบบจีนและเมื่อไหร่เราจะอ่านแบบญี่ปุ่น(มีข้อสังเกตยังไงคะ)
------------------------------------------------------------
น้องเป็นคนชอบดูซีรี่ย์แบบซับไทยคะ เลยได้ฟังบ่อย แต่ด้วยกับว่าประโยคของญี่ปุ่นมันยาว
เลยได้ยินชัดหน่อยคือ คำตอนท้ายประโยค
ไม่ทราบว่า ประโยคที่ลงท้ายว่า "มาเสะ" มันจะบ่งบอกถึงอะไรคะ
เช่น อิรัชชัยมาเสะ  sad: sad:

 

คำที่ลงท้ายด้วย "มะเสะ" พี่นึกคำอื่นไม่ได้เลย เคยได้แต่ยินคำนี้เท่านั้น
คือ...

いらっしゃい(ませ)อ่านว่า อิรัชชะอิ (มะเสะ)
แปลว่า เชิญมา เชิญไป ยินดีต้อนรับ

เอาไว้สำหรับเรียกลูกค้าเข้าร้านค่ะ หรืออาจจะเขียนทำเป็นป้ายติดไว้หน้าร้าน
ตอนเรียนที่ญี่ปุ่นพี่กับเพื่อนเคยไปออกอีเว้นท์ขายของกับอาจารย์ที่มหาลัย
วันทั้งวัน พูดอยู่แต่คำๆนี้แหล่ะ พูดจนปากแห้งแตกเลยค่ะ
ขนาดลิปบาล์มยังเอาไว้อยู่ อิอิ ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยัง 20 องศาอยู่
แล้วต้องขายของไปเรียกลูกค้าไป เจ็ดวันเต็มๆ ค่าตอบแทนได้เยอะก็จริง
แต่ก็เข็ดหลาบไปตั้งแต่บัดนั้น...ยอมไปทำงานเสริฟในภัตตาคารเอา
 จะได้ไม่ต้องพูดคำๆนี้ตลอดเวลา...เหอๆ
แต่ตอนงานมหาลัย พี่เปิดร้านขายขนมจีนแกงเขียวหวานกับเพื่อนๆคนญี่ปุ่น
ขายหมดเกลี้ยงก็จริง แต่ปากพี่ท่ีต้องขยับพูดคำๆนี้ทั้งวัน
มันแตกแห้งอ่ะ...ของเพื่อนๆก็เหมือนกัน...เหอๆ...แต่ว่าสนุกดี
ได้ทำกิจกรรมกับชาวบ้าน โดยเฉพาะได้ทำอาหารไทยขาย...
กว่าจะได้ไก่ฮาล้าลมาทำ แทบปาดเหงื่อ...ขายไม่ใช่จะได้กำไรเล้ย
แต่โดนท่านอธิการบดีบีบบังคับให้ออกบูทขาย...เลยต้องยอม เหอๆ
ไม่ได้กลัวจะโดนไล่ออกจากมหาลัย เพียงแต่เกรงใจเพราะท่านอยากกิน
ขนมจีนแกงเขียวหวานนี่แหล่ะ...แกงเขียวหวานไทย
ไปดังที่ญี่ปุ่นนะจะบอกให้...รองจากผัดไทที่คว้าอันดับหนึ่ง
มาหลายสมัย ตอนแรกท่านจะให้พี่โชว์ลีลาผัดไทแข่งกับ
ยากิโซบะ แต่พี่ส่ายหน้าบอกว่า พี่ทำผัดไทไม่อร่อย
ขอเป็นเขียวหวานนะฮ้าา...อิอิ...ซึ่งลึกๆแล้วพ่ีกลัวว่าหัวไหล่
จะหลุดมากกว่า ก็ถ้าเล่นผัดทั้งวี่ทั้งวัน ไหล่พี่หลุดแน่...เหอๆ

ปล.ที่น้องได้ยินว่า "มะเสะ" ต่อท้ายประจำ พี่ว่าน่ะจะ
เป็นประโยคในรูปปฏิเสธแน่ๆเลย...
เช่น できません อ่านว่า เดะกิมาเซน
แปลว่า ไม่สามารถ ทำไม่ได้

ซึ่งเวลาคนญี่ปุ่นพูดไวๆ มันก็อาจจะฟังเป็น เดะกิมะเสะ
(รึเปล่า)

ปล.เรื่องการสังเกตว่าควรออกเสียงญี่ปุ่นหรือจีน
พี่ค่อยมาต่อนะคะ...รอแป๊บ (พี่ติดค้างเรื่องศัพท์วัยรุ่นเอาวไว้
ก่อนน้าาา เพราะว่า ยังไม่ได้ไปสืบค้น) hehe


Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: FuyuChan Date: พ.ค. 06, 2015, 12:32 AM
hai, watashi wa matte imasu(ฉันจะรอคะ)
 
party: party: yippy: yippy:

ปล.รู้ว่าแต่งประโยคผิด แต่ก็จะพิมพ์คะ
Re: ภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานสำหรับมุสลิม By: nada-yoru Date: พ.ค. 06, 2015, 12:43 AM
อักขรวิธีในภาษาญี่ปุ่น

ภาษาญี่ปุ่นใช้อักษรคันจิ (อักษรจีน) กับอักษร "คานะ"ซึ่งใช้แทนเสียง
2 ชุดที่รู้จักกันดี คือ "ฮิรากานะ" กับ "คาตาคานะ"

คือ

"อักษรคันจิ" ใช้แสดงความหมาย

"อักษระคาตาคะนะ" ใช้สะกดคำศัพท์ที่มาจากภาษาต่างประเทศ
(ที่ไม่ได้แปลงเป็นอักษรคันจิ) เช่น ศัพท์หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์

"อักษรฮิรากานะ" อักษรคันจิกับคาตาคานะนั้น ใช้เขียนคำที่แสดงความหมายหลักๆ
เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยมีอักษรฮิรากานะ
เป็นเสมือนปูนที่ใช้ฉาบอิฐแต่จะก้อนเข้าด้วยกัน


คำว่า "คันจิ" แปลว่า "อักษรจีน"  เป็นตัวอักษรที่ญี่ปุ่นนำเข้ามาจาก
ประเทศจีนพร้อมๆกับศาสนาพุทธและวัฒนธรรมอื่นๆ
อักษรจีนจำนวนมากเข้ามาพร้อมกับเสียงอ่านตามภาษาจีนซึ่งกลายมาเป็น
เสียงอ่านที่เรียกว่า "เสียงอง" แต่อาจผิดเพี้ยนไปจากเสียงเดิมในภาษาจีนบ้าง

ต่อมาอักษรคันจิถูกนำไปแทนคำในภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมาย
เหมือนอักษรนั้นๆ แล้วอ่านออกเสียงเป็นภาษาญี่ปุ่นคำนั้นเลย
ซึ่งเรียกว่า "เสียงคุน"

อักษรส่วนใหญ่มีความหมายตรงกับคำหลายๆคำในภาษาญี่ปุ่น
ทำให้เกิดเสียงอ่านทั้งแบบ ON และ KUN หลายเสียง

อักษรคันจิบางตัวมีเสียงที่มาจากภาษาจีน (เสียงON) มากกว่า 1 เสียง
เพราะเสียงอ่านแต่ละเสียงเข้ามาในญี่ปุ่นต่างยุคสมัย ต่างวิธีการ
และมาจากต่างภูมิภาคของจีน บางคำยังแตกความหมายออกไป
ทำให้เกิดเสียงใหม่ขึ้นด้วย




เรื่องเสียงอ่าน

เสียงอง (ON) หรือ เสียงคุน (KUN)

เรานำอักษรคันจิมาใช้เขียนทั้งศัพท์ที่มาจากภาษาจีน
และศัพท์ที่มาจากภาษาญี่ปุ่นเอง

คำศัพท์ที่มาจากภาษาจีนมักปรากฏเป็นอักษรคันจิตั้งแต่ 2 ตัวข้ึนไป
ในขณะที่คำศัพท์ในภาษาญี่ปุ่นมักจะเขียนด้วยอักษรคันจิตัวเดียว

คำศัพท์ที่มาจากภาษาจีนมักจะเป็นคำประสม แต่คำภาษาญี่ปุ่น
จะเป็นคำๆเดียวที่แทนด้วยอักษรคันจิตัวเดียว (แต่ก็มิได้หมายความว่า
จะไม่มีคำประสมที่เป็นคำภาษาญี่ปุ่นเลย)

และเมื่อคำประสมที่มีทั้งคำที่เป็นคำจีน และคำญี่ปุ่น
ผู้อ่านจึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเสียงอ่านของคันจิว่าควรอ่านด้วยเสียง ON
หรือ เสียง KUN น่าเสียดายทีี่ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวที่จะยึดได้
อย่างไรก็พอสรุปกฎทั่วไปตามที่พบเห็นบ่อยๆ ได้ดังนี้

กฎข้อที่ 1 โดยปกติอักษรคันจิในคำศัพท์ประสม 1 คำ จะอ่านออกเสียง
ประเภทเดียวกันทุกตัว เช่น

เสียงONทั้งหมด เช่น 制度化 (เซโดกะ)
เสียงKUNทั้งหมด เช่น 安値 (ยะสุเนะ)

กฎข้อที่ 2  คำศัพท์ประสมมักอ่านด้วยเสียง ON เช่น 音楽 (องกะกุ)

กฎข้อที่ 3 คำศัพท์ประสมที่มี Okurigana มักจะอ่านออกเสียง KUN
เช่น 乗り換える (โนริกะเอรุ)

กฎข้อที่ 4 อักษรคันจิที่ปรากฎอยู่ตัวเดียว มักอ่านออกเสียง KUN เช่น
この子は大きい子だ。อ่านว่า โกะโนะ-โกะ-วะ-โอกี้-โกะ-ดะ

แม้จะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง แต่กฎข้างต้นก็พอจะใช้เป็นแนวทางได้
ทั้งน้ีต้องอาศัยความคุ้นเคยกับอักษรคันจิเช่นกัน


คัดลอกมาจากหนังสือ KODANSHA'S COMPACT KANJI GUIDE
หน้าที่ 1-5


ปล.ดังนั้นเราต้องอาศัยการท่องจำและหัดเขียน
เพราะนั่นคือการทำให้เราได้คุ้นเคยกับอักษรคันจิ
พอเราจดจำได้และคุ้นเคย พอเห็นปุ๊บเราจะอ่านได้
หรือบางครั้งแม้อ่านไม่ได้ เราก็พอจะรู้ความหมายของคำๆนั้น

พี่หรือแม้แต่เจ้าของภาษายังต้องพกพาดิกติดตัว
หรือต้องโหลดโปรแกรมของดิกมาไว้ในโทรศัพท์มือถือ
เพื่อเช็คคำหรือตัวอักษรคันจิอยู่บ่อยครั้งว่าเราเขียนถูกม้ัย
ที่ว่าแม่นแล้วยังมีพลาดเลยค่ะ...พี่เจอคำผิดในโฆษณาบ่อยๆก็มี
ขนาดทีวีญี่ปุ่นยังรณรงค์ให้มีการเขียนบทพูดเป็นซับไตเติ้ลเลยค่ะ
เวลาดูทีวีญี่ปุ่น เราก็ได้เรียนรู้คำศัพท์และการเขียนอักษรเหล่านั้น
ไปด้วย... ^^

ดังนั้น...วิธีที่จะทำให้เราแยกเสียงได้ หนีไม่พ้น การฝึกฝนและท่องจำ hehe