ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: al-azhary Date: ส.ค. 16, 2007, 02:16 PM
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม
ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ไม่ว่าท่านจะเป็นคนร่ำรวย เป็นคนอยากจน เป็นกรรมกร เป็นข้าราชการ มีต่ำแหน่งการงานสูง ๆ เป็นคนเดินดินหรือนั่งรถสวยหรู ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นย่อมมีจุดจบเดียวกัน นั่นก็คือ ความตาย!
ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ในวันนี้กระผมจะพูดกับท่านเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง ซึ่งผู้คนส่วนมากจะเกิดความเบื่อหน่ายและไม่ชอบสดับรับฟัง นั่นก็คือเรื่องความตาย ซึ่งการรำลึกถึงความตายที่พร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถตัดเขี้ยวเล็บแห่งความอธรรมและการฝ่าฝืนได้ การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถขจัดความเสียหายประเภทต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถขัดเกลาจรรยามารยาทของเราได้ และการรำลึกถึงความตายพร้อมกับรู้ถึงแก่นแท้ของมันนั้นสามารถทำให้สังคมประดับประดาไปด้วยผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ดีงาม
เหตุใดต้องรำลึกถึงความตายก่อนการมีชีวิต?
ท่านผู้ศรัทธาทั้งหลาย! การรำลึกถึงความตายนั้น คือสิ่งที่มาเป็นเกราะป้องกันเพื่อทำให้ท่านสามารถเดินทางได้อย่างมั่นคงโดยไม่พลาดตกลงไปในความผิดและความเสียหาย และการรำลึกถึงความตายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถกำหนดเส้นทางก่อนที่จะเริ่มเดินทางแห่งชีวิตได้
ดังนั้น อัลเลาะฮ์ทรงเน้นความตายอยู่ก่อนความมีชีวิตก็ด้วยสาเหตุนี้ ทั้งที่เราทั้งเราทราบดีว่าเวลาที่จะตายนั้นต้องอยู่ลำดับหลังจากการมีชีวิตเสียก่อน
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
تَبارَكَ الَّذِي بِيَدِهِ الْمُلْكُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ، الَّذِي خَلَقَ الْمَوْتَ وَالْحَياةَ لِيَبْلُوَكُمْ أَيُّكُمْ أَحْسَنُ عَمَلاً وَهُوَ الْعَزِيزُ الْغَفُورُ
?องค์พระผู้ซึ่งอำนาจการปกครองอยู่ในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทรงเกียรติเลิศเลอยิ่ง และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง พระผู้ทรงบันดาล
ความตายและความมีชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่า ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้างที่มีผลงานอันดีงาม และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง? อัลมุลกิ : 1-2
ดังนั้น อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ให้เราตระหนักว่า ความตายนั้นแม้นว่าจะมาหลังจากการมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่มันเป็นเกราะที่มาป้องกันให้มนุษย์มีวิถีชีวิตอย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงกล่าวความตายก่อนการมีชีวิตอยู่ เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราจำเป็นต้องรำลึกถึงความตายก่อนการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา และให้ท่านดำเนินชีวิตเหมือนกับท่านใกล้จะถึงเวลาตายนั่งเอง
ความตายนั้นคือเหตุร้ายหรือไม่?
ความจริงแล้วมิใช่เป็นเช่นนั้น แม้อัลเลาะฮ์ทรงพรรณนาว่าความตายคือเหตุร้าย ดังคำตรัสของพระองค์ความว่า
فَأَصابَتْكُمْ مُصِيبَةُ الْمَوْتِ
?ดังนั้นเหตุร้ายของความตายได้มาประสบแก่พวกเจ้า? อัลมาอิดะฮ์ :109
ดังนั้น เหตุร้ายที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงกล่าวพรรณนาไว้นั้น ไม่ใช่เป็นเหตุร้ายของผู้ที่กำลังจะจากโลกนี้ไป แต่ทว่ามันเป็นเหตุร้ายสำหรับคนรักและวงศาคณาญาติทั้งที่พวกเขาจะมีความโศกเศร้าและมีความเจ็บปวดเมื่อต้องมีการพลัดพราก ซึ่งเหตุร้ายนี้ก็คือเหตุร้ายของการพลักพราก ดังนั้นเหตุร้ายนี้จะตกอยู่บนผู้ใดหรือ? ย่อมไม่ใช่ผู้ที่จากไป แต่ตกอยู่บนผู้มีชีวิตอยู่ซึ่งผู้เป็นที่รักได้จากพวกเขาไป สำหรับผู้ตายนั้น หากเขาอยู่ในความตายที่น่าปิติยินดี เขาก็จะได้รับความสุขตามที่ได้รับสัญญาเอาไว้ และหากเขาอยู่ในความหมายของความตายที่อยู่ในเหตุร้าย เขาก็จะได้ประสบกับมันตามที่สัญญาไว้
ดังนั้น คนที่มีชีวิตสามารถที่จะวาดหวังความตายให้อยู่ในความหมายของเหตุร้ายได้ถ้าหากเขาต้องการ หรือเขาสามารถวาดความตายให้เป็นความปิติยินดีก็ได้ ถ้าหากเขาต้องการเช่นนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ จึงมีโอกาสแล้ว! ที่ จะสามารถวาดหวังความตายของเขาให้เป็นอย่างไรก็ได้ตามที่เขาต้องการ
ฉะนั้น หากท่านต้องการที่จะวาดหวังความตายให้เป็นความปิติยินดี ท่านก็จงประพฤติดี หมั่นรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ ละหมาดให้ครบห้าเวลา ถือศีลอดในเดือนรอมะฏอน ปฏิบัติตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้และละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม แต่หากท่านต้องการที่จะวาดหวังให้ความตายเป็นเหตุร้าย ก็นึกแต่เรื่องดุนยา ละทิ้งละหมาด ไม่ถือศีลอด สร้างความเดือนร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น เนรคุณพ่อแม่ ปฏิบัติสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงห้าม แล้วท่านจะได้รับตามสิ่งที่ได้วาดหวังเอาไว้
นี้คือข้อเท็จจริง
โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย วันหนึ่งสุไลมาน บุตร อับดุลมาลิก หนึ่งในคอลิฟะฮ์บนีอุมัยยะฮ์ ได้ไปเยี่ยมท่านอบูหาซิม أبو حازم ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ สุไลมานได้เข้าไปนั่งใกล้ท่านอบูหะซิมเหมือนกับศิษย์นั่งใกล้ ๆ ครู แล้วเขากล่าวว่า โอ้ อบู หาซิม อะไรหรือที่ทำให้เรารังเกียจความตาย? อบูหาซิมกล่าวว่า เพราะพวกท่านทำนุบำรุงโลกดุนยาของพวกท่าน และในขณะเดียวกันพวกท่านได้ทำลายอาคิเราะฮ์ของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านก็จะรังเกียจที่จะย้ายจากที่พำนักอันจำเริญไปสู่ที่พำนักอันเสื่อมโทรม สุไลมานกล่าวถามว่า แล้วเราจะไปหาอัลเลาะฮ์ในสภาพอย่างไรหรือ? ท่านอบูหาซิม กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ประพฤติดี เขาย่อมเสมือนกับผู้เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปหาครอบครัว สำหรับผู้ที่ประพฤติชั่วนั้น เขาเหมือนกับทาสที่หนีนายซึ่งถูกลากให้ไปพบกับนายของเขาโอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! มีความจำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนทั้งหลายปิดกั้นตนเองที่จะให้ความสนใจมัน เราพูดเพื่อที่จะให้เราพากเพียรทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อให้เรากลายเป็นคนดี หลังจากนั้น เมื่อเราได้กลับไปสู่ผู้อภิบาลของเราในวันพรุ่งนี้ การกลับไปของเราสู่พระองค์นั้นก็เสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลซึ่งกำลังกลับไปหาครอบครัวของเขาหรือไม่? และเราไม่จำเป็นต้องรำลึกถึงความตายกระนั้นหรือ? เพื่อจะไม่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ประพฤติชั่วและเพื่อไม่ให้เป็นเฉกเช่นทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวไปพบกับนายของเขาเพื่อรอคอยการลงทัณฑ์
ด้วยเหตุนี้แหละที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ?ผู้ใดรักที่จะได้พบกับอัลเลาะฮ์ พระองค์ก็จะทรงรักที่จะพบกับเขา และผู้ใดรังเกียจที่จะได้พบกับอัลเลาะฮ์ พระองค์ก็จะทรงรักเกียจที่จะพบกับเขา?
หะดิษนี้คือความหมายของคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวถามท่านว่า ?มันคือความตายกระนั้นหรือ โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์? ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงรังเกียจความตาย? ท่านร่อซูลลุลเลาะฮ์ กล่าวว่า ?ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่ทว่าผู้ศรัทธานั้น เมื่อความตายย่างใกล้มาถึง เขาจะได้รับข่าวดีด้วยความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์และสรวงสวรรค์ของพระองค์ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดจะเป็นที่รักยิ่งไปยังเขามากไปกว่าความตายแล้วได้พบกับอัลเลาะฮ์ และเมื่อคนกาเฟรได้ถึงความตาย เขาจะถูกแจ้งข่าวดีด้วยกับความพิโรธของอัลเลาะฮ์ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาทุกข์ใจยิ่งไปกว่าการได้พบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา?
ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกท่านจงตระเตรียมเสบียงไว้ก่อนตายเถิด ด้วยการรีบทำความดีก่อนที่ความตายจะมาเยือน ละหมาดห้าเวลาท่านปฏิบัติครบแล้วหรือยัง? ซึ่งถ้าหากยังไม่ครบท่านจงกอฏอชดใช้เถิด ถึงหากแม้นว่าท่านเคยขาดละหมาดมากมายจนไม่สามารถคณานับได้ก็ตาม เพราะหลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ท่านก็จะไม่สามารถอุทรห์ขอแก้ตัวได้อีกแล้ว และการที่อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงให้เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้นั้น เพราะพระองค์ทรงเปิดโอกาสให้เราทำเตาบะฮ์แก้ไขปรับปรุงตัวเองในการทำความดีต่อพระองค์ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา
มีคำถามหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวของเราเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดีกันแน่? กล่าวคือ หากมีคนหนึ่งถามท่านว่า ?ถ้าอัลเลาะฮ์ให้ท่านตายในขณะนี้ท่านพร้อมใหม?? ดังนั้น หากท่านพร้อมที่จะตายในขณะนี้ ท่านย่อมเป็นคนดีที่ต้องการไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา แต่ถ้าหากท่านรู้สึกยังไม่พร้อม แสดงว่าท่านยังเป็นคนไม่ดีและยังไม่ต้องการที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา เพราะฉะนั้น ท่านจงเป็นเสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปพบครอบครัวเถิด อย่าเป็นเหมือนทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวกลับหานายเพื่อรอการลงทัณฑ์เลย
قُلْ إِنَّ الْمَوْتَ الَّذِي تَفِرُّونَ مِنْهُ فَإِنَّهُ مُلاقِيكُمْ
"จงประกาศเถิดว่า แท้จริงความตายที่พวกท่านกำลังหลบหนีจากมันนั้น มันจะประสบกับพวกท่านอย่างแน่นอน" อัลญุมุอะฮ์ : 8
أقول قولى هذا وأستغفر الله لي ولكم
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม (ทบความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: al-azhary Date: ส.ค. 16, 2007, 02:29 PM
ถึง บัง dektharue ครับ
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ได้นำเสนอบทความคุฏบะฮ์ เพื่อเป็นแนวในการนำไปตัดทอนและเพิ่มเติมเนื้อตามที่บังต้องการแล้วนะครับ และต้องมะอัฟด้วยที่ล่าช้าไปสองสัปดาห์
والسلام
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม (ทบความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ส.ค. 16, 2007, 03:14 PM
นี้คือข้อเท็จจริง โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย วันหนึ่งสุไลมาน บุตร อับดุลมาลิก หนึ่งในคอลิฟะฮ์บนีอุมัยยะฮ์ ได้ไปเยี่ยมท่านอบูหาซิม أبو حازم ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ สุไลมานได้เข้าไปนั่งใกล้ท่านอบูหะซิมเหมือนกับศิษย์นั่งใกล้ ๆ ครู แล้วเขากล่าวว่า โอ้ อบู หาซิม อะไรหรือที่ทำให้เรารังเกียจความตาย? อบูหาซิมกล่าวว่า เพราะพวกท่านทำนุบำรุงโลกดุนยาของพวกท่าน และในขณะเดียวกันพวกท่านได้ทำลายอาคิเราะฮ์ของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านก็จะรังเกียจที่จะย้ายจากที่พำนักอันจำเริญไปสู่ที่พำนักอันเสื่อมโทรม สุไลมานกล่าวถามว่า แล้วเราจะไปหาอัลเลาะฮ์ในสภาพอย่างไรหรือ? ท่านอบูหาซิม กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ประพฤติดี เขาย่อมเสมือนกับผู้เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปหาครอบครัว สำหรับผู้ที่ประพฤติชั่วนั้น เขาเหมือนกับทาสที่หนีนายซึ่งถูกลากให้ไปพบกับนายของเขา
เห็นภาพเลยครับ เพราะคนเราเวลาสร้างและทุ่มเทอะไรให้กับดุนยาเยอะเกินไป ก็จะลืมอาคิเราะฮ์ ซึ่งการลืมอาคิเราะฮ์ก็คือการทำลายมันนั่นเองครับ ดังนั้นจึงทำให้ท่านรังเกียจกับอาคิเราะฮ์เพราะท่านชอบกับสิ่งที่ท่านได้ทุ่มเทไว้ในโลกนี้ไม่อยากจากมันไปเลย
และคนเราเวลาจากบ้านมานานหลายปี แล้วได้เดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว หัวใจก็จะมีความคิดถึงคะนึงหาครอบครัว คิดถึงพ่อแม่พี่น้อง อยากเดินทางให้ถึงเร็วๆ ส่วนทาสที่หนีนายนั้นถือว่าเป็นความผิดมหันต์ หากถูกจับได้ก็ต้องลากคอมาให้นายทำการลงโทษซ่ะ
ฉันท์ใดฉันท์นั้นแหละครับ หากเราเป็นคนดีก็อยากที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ (ไม่ใช่อยากตายน่ะ) แต่หมายความว่าหากจะตายก็มีความยินดีที่จะได้พบกับพระองค์ แต่หากเป็นคนชั่ว ก็จะทุรนทุรายไม่อยากตัวเพราะกลัวถูกลงโทษ ตะเกี่ยตะกายหนีความตายกัน แต่มะลาอิกะฮ์ก็เตรียมลากกระชากวิญญาณไปจนได้แหละครับเพื่อไปรับผลกรรมที่ตนทำไว้.....เห็นภาพเลยครับ :'(
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม (ทบความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ส.ค. 16, 2007, 03:22 PM
มีคำถามหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวของเราเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดีกันแน่? กล่าวคือ หากมีคนหนึ่งถามท่านว่า ?ถ้าอัลเลาะฮ์ให้ท่านตายในขณะนี้ท่านพร้อมใหม?? ดังนั้น หากท่านพร้อมที่จะตายในขณะนี้ ท่านย่อมเป็นคนดีที่ต้องการไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา แต่ถ้าหากท่านรู้สึกยังไม่พร้อม แสดงว่าท่านยังเป็นคนไม่ดีและยังไม่ต้องการที่จะไปพบกับอัลเลาะฮ์ตาอาลา เพราะฉะนั้น ท่านจงเป็นเสมือนกับผู้ที่เคยอยู่ห่างไกลที่กำลังเดินทางไปพบครอบครัวเถิด อย่าเป็นเหมือนทาสที่หนีนายซึ่งกำลังถูกลากตัวกลับหานายเพื่อรอการลงทัณฑ์เลย
คำถามนี้ตอบอยากเหมือนกันน่ะขอรับ ยังไงก็ถามใจตนเองกันดูน่ะขอรับพี่น้อง ไม่ต้องไปตอบกับใคร แล้วนำคำตอบนั้นไปปรับปรุงตนเองกันครับพี่น้อง :'(
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: เด็กท่าเรือ Date: ส.ค. 16, 2007, 10:22 PM
วาอาลัยกุมมุสสลาม
อัลฮัมดุลิ้ลละห์ ขอขอบคุณน้องอัล-อัชอารี มากๆครับ ที่ได้นำเสนอคุตเบาะฮ์ในอาทิตย์นี้
จะนำไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดครับ(พรุ่งนี้พี่น้องได้ฟังแน่นอนครับ)รอมานานแล้ว
อัลฮัมดุลิ้ลละห์ อีกครั้งครับ
วัสสลามมุอาลัยกุม
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: SaFinah Date: ส.ค. 16, 2007, 10:30 PM
"จงประกาศเถิดว่า แท้จริงความตายที่พวกท่านกำลังหลบหนีจากมันนั้น มันจะประสบกับพวกท่านอย่างแน่นอน" อัลญุมุอะฮ์ : 8
"แท้จริงเราเป็นของอัลลอฮ์ และเราจะต้องกลับคืนสู่พระองค์"
คำถามนี้ตอบอยากเหมือนกันน่ะขอรับ ยังไงก็ถามใจตนเองกันดูน่ะขอรับพี่น้อง ไม่ต้องไปตอบกับใคร แล้วนำคำตอบนั้นไปปรับปรุงตนเองกันครับพี่น้อง :'(
อินชาอัลลอฮ์...ครับ :'(
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: คนเดินดิน Date: ส.ค. 17, 2007, 08:29 PM
;) ;) ;)
พรุ่งนี้ไปงานวิทย์เตรียมเสบียงไปมากมาย
แต่คำถามนึงที่วนเวียนอยู่ในสมองหลังจากอ่านกระทู้นี้คือ
แล้วเสบียงของโลกหน้าหล่ะฉันมีพอแล้วเหรอ

:'( :'( :'(
:'( :'( :'(
:'( :'( :'(
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ส.ค. 21, 2007, 09:35 AM
อัสลามุอะลัยกุ้มพี่น้อง
บางคนลืมเรื่องความตาย แต่บางคนไม่ลืมหรอก แต่ทำแกล้งลืม ก็รู้อยู่ว่าต้องตาย แต่ปฏิบัติตนเหมือนจะไม่ตายเสียอย่างนั้น ทุ่มเทดุนยากันจนไม่มีเวลาละหมาด เฮ้อ..... :'(
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: คะลัคคะลุย Date: มิ.ย. 10, 2009, 09:26 PM
ผมขอปริ้นท์ไปอ่านในคุตบะห์อีก 2 ศุกร์ ข้างหน้าครับ เยี่ยมๆ
แต่ผมยังจัดในชั่ว ยังทำชั่ว อัลลฮฮุอะกบัร
ก่อนถึงวันศุกร์ ขอแนะนำให้อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายเที่ยว ความเข้าใจจะได้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณนอกเหนือจากสิ่งที่ได้ถูกเขียน
แล้วน้องจะคุฏบะฮ์โดยไม่ประหม่า และอาจจะเมาไมค์ด้วยซ้ำ เป็นที่ทราบดีกว่า การอ่านคุฏบะฮ์แบบกล้า ๆ กลัว ๆ นั้นคือการไม่ได้เตรียมตัวนั่นเอง
สู้ ๆ ครับ การได้ขึ้นคุฏบะฮ์ คือก้าวแรกของการเป็นนักดาอีย์ เยี่ยมกว่าไปพูดที่งานมัสยิด เพราะคนฟังคุฏบะฮ์นั้น จำต้องมานั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยม
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: al-azhary Date: มิ.ย. 18, 2009, 03:55 AM
อัสลามูอาลัยกุม
คำแปลซูเราะห์อัลมุลก์ แปลแบบบังอัชก็ได้ใช่หรือป่าว แต่ของนักเรียนเก่าอาหรับแปล
(ความเจริญสุขจงมีแด่พระผู้ซึ่งอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง )
วันศุกร์นี้จะขึ้นแล้ว...เสียว
บังแปลมาจากอัลกุรอานแปลไทยของ อ.มัรวาน สะมะอูน ในตัฟซีรจะให้ความหมาย تَبَارَكَ ว่า มหาบริสุทธิ์ , ทรงเกียรติเลอลิศ , ความจำเริญสุข
ส่วนคำว่า بِيَدِهِ หากจะแปลว่าตรงตัว ก็คือ พระหัตถ์ หากจะแปลแบบ لاَزِم (ลาซิม)ความหมายที่เป็นผลสืบเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ก็คือ "กรรมสิทธิ์"
ดังนั้นแปลแบบฉบับของบังดีกว่าน่ะ เพราะอำนาจของอัลเลาะฮ์นั้นมีทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งทั้งหมดระหว่างทั้งสองอยู่ในกรรมสิทธิ์ปกครองของพระองค์
หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอย่างแรง
สรุปคือเลือกแปลเอาล่ะกันน่ะครับ
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 18, 2009, 09:17 AM
salam
อัลกุรอานแปลไทยที่ก๊ะใช้อ้างอิงเสมอ ก็คือ ฉบับของอ.มัรวาน สะมะอุน เช่นกัน 
น้องก็อดอัดภาพและเสียง ช่วงขึ้นคุฏบะฮ์ด้วยสิ แล้วนำมาลงที่นี่ เพื่อนๆ จะได้รับฟังกันถ้วนหน้า 
Re: ความตายสัจจะธรรมที่ถูกลืม(บทความคุฏบะฮ์วันศุกร์1) By: nada-yoru Date: ต.ค. 05, 2013, 01:17 AM
เป็นการตักเตือนที่ดีมากๆเลยค่ะ...
ขอขุดนะคะ...^^
ปล.บางคนไม่ได้ลืมความตาย และไม่ได้แกล้งลืมความตาย
แต่เพราะเข้าใจเรื่องความตาย แตกต่างกันไปตามแต่ความเชื่อของแต่ละคน...
และหากเราบอกว่า เชื่อแบบอิสลามนั้นถูก
เขาก็จะบอกว่า เชื่อแบบของเขาก็ไม่ผิด...แล้วอาจจะมีเพิ่มเติมเสริมให้อีกว่า
ทำไมต้องว่าว่าความเชื่อของคนอื่นผิดอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วของตัวเองถูกอย่างนั้นถูกอย่างนี้ด้วย...
ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย! ตัวเองดีมากนักหรือไง ถึงได้ยกย่องขนาดนี้...
แล้วก็ชอบยัดเยียดความเชื่อของตัวเองให้คนอื่นเชื่อตาม อย่างนี้ไม่ไหวเลย...
หากใครก็ตามได้เจออย่างนี้เข้า คงต้องได้อ้าปากค้างไปพักใหญ่...
แต่สำหรับข้าน้อย ชอบยืมคำของ โคนัน นักสืบจิ๋วมาใช้ประจำ
นั่นก็คือ...ใครจะเชื่ออย่างไรไม่รู้...แต่ที่รู้ๆ...
"ความจริง...มีเพียงหนึ่งเดียวเสมอ..."
真実はいつもひとつ。。。