กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ )
Pages: 12
การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 25, 2007, 12:53 PM
หน้าที่ 1
ความหมาย 
          ตักลีดทางภาษา  การใส่สร้อยคอ  และเป็นที่รู้จักคือสิ่งที่สตรีใส่ที่คอของเธอ
          ตักลีดทางวิชาการ   การตามความเห็นของผู้อื่นโดยไม่รู้หลักฐาน

การอธิบายความหมายนี้คือ
          1. แท้จริงการตักลีด  คือ  การรับความเห็นของผู้อื่น  ส่วนการรับอัลกุรอาน  หะดีษและอิจญมาอฺ  ไม่เรียกว่าการตักลีด  แต่เป็นการปฏิบัติตาม (اتباع) ดังนั้น  ความเห็นของคนอื่นในที่นี้หมายถึงการอิจญติฮาดของเขา
          2. ไม่เป็นการตักลีด  นอกจากว่าไม่รู้หลักฐาน  และเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับคนทั่วไปที่มีการตักลีดไม่มีความรู้และไม่มีความสามารถในการที่จะพิจารณาบรรดาหลักฐาน
          ส่วนผู้ที่มีความสามารถในการพิจารณาบรรดาหลักฐานนั้น  การรับความคิดเห็นของคนอื่น  ถ้าหากเขาเห็นว่าถูกต้องไม่เป็นการตักลีด  แต่เป็นการตัรชีฮฺ และการเลือก  แต่หากเขารับความเห็นของคนอื่นโดยไม่ได้พิจารณาหลักฐานถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการพิจารณาเขาก็เป็นผู้ตักลีด  และจะไม่ได้รับการให้อภัยหากมีการผิดพลาดเพราะเขามีความสามารถ
          3. เรื่องการตักลีด คือเรื่องของการอิจญติฮาด  ดังนั้นปัญหาที่อนุญาตทำการอิจญติฮาดก็อนุญาตตักลีด

          ผู้ที่ตักลีด  คือ  ผู้ที่ตามมุจญตะฮีดในการอิจญติฮาดของเขา  และปฏิบัติตามตักลีดของเขา  เขาไม่มีหน้าที่นำการตัรชีฮหรือจะมีความเห็นว่าถูกหรือผิด  เพราะเขาไม่มีความสามารถในเรื่องนั้น  ด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้ชื่อการตักลีดนี้ว่าตักลีด  ดังนั้น  ผู้ตักลีดเปรียบเสมือนสร้อยคอที่ถูกตั้งไว้ที่คอ  หรือมอบการงานของเขาแก่มุจญตะฮิด 

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 25, 2007, 01:10 PM
หน้าที่ 2
หุกมตักลีดในเรื่องฟิกฮฺ
         
บรรดาอุลามาอฺมีความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับการตักลีดในเรื่องฟิกฮฺ

          1. วาญิบ  จะต้องทำการอิจญติฮาดไม่อนุญาตให้ตักลีด  ดังนั้น (مكلف) ทุกคนจะต้องทำการอิจญติฮาดเพื่อตัวของเขาในเรื่องศาสนาและปฏิบัติตามการอิจญติฮาดของเขา  นี่เป็นความเห็นของศอฮีรียะฮฺ  มุอฺตาซิละฮฺที่แบกแดดและกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอฺ  อิมามียะฮฺ
 
          2. ไม่อนุญาตให้ทำการอิจญติฮาดและวาญิบจะต้องตักลีดหลังจากที่อิมามมุจญตะฮิดได้เกิดขึ้นแล้ว  นี่เป็นความเห็นของฮะชะวียะฮ์และตะอฺลีมียะฮฺ (الحثوية + التعليمية)

          3. ไม่ได้ห้ามทำการอิจญติฮาดแต่วาญิบสำหรับมุจญตะฮิดทำการอิจญติฮาด  และวาญิบตักลีดสำหรับคนทั่วไป  คือ ผู้ที่ไม่ครบคุณสมบัติของการอิจญติฮาด  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนอาลีมก็ตามนี่เป็นความเห็นที่ถูกคัดเลือกโดยอุลามาอฺ (محققين)

Re: การตักลีด By: al-azhary Date: ส.ค. 25, 2007, 01:37 PM
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ญะซากัลลอฮ์สำหรับคุณ  del_dangerous ครับ ถือว่าเป็นการนำเสนอเปรียบเทียบเชิงอุศูลุลฟิกห์เปรียบเทียบในเรื่องของการตัดลีดในรูปแบบที่ดีมากๆ ครับ โปรดนำเสนอต่อไปครับ  และเราคงได้เสวนาแลกเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพูนความรู้กันครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

والسلام
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 27, 2007, 06:18 PM
หน้าที่ 3
เหตุผลส่วนหนึ่งของผู้ที่มีความเห็นว่าหะรอมตักลีดคือ

1. คำตรัสของอัลลอฮฺ
          ความว่า : ที่จริงมันเพียงแต่จะใช้พวกเจ้าให้ประกอบสิ่งชั่ว และสิ่งลามกเท่านั้น และจะใช้พวกเจ้ากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
          (ซูเราะห์ อัลบากอเราะฮฺ อายะที่ 169)

          อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่าหะรอมพูดในสิ่งที่ไม่รู้ การพูดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยการตักลีดก็จะเข้าในความหมายของการพูดถึงสิ่งที่ไม่รู้  ด้วยเหตุนี้การตักลีดนั้นหะรอม

          เหตุผล / หลักฐาน  นี้ยอมรับไม่ได้  เพราะว่าอายะฮฺดังกล่าว  ครอบคลุมการห้ามอิจญติฮาดเกี่ยวกับปัญหาที่ได้ทำการอิจญติฮาด  เพราะว่าการบอกถึงสิ่งที่ทำการอิจญติฮาดก็หมายความว่า  ปฏิบัติตามสิ่งที่สงสัย (ظن) แต่อายะฮฺนี้ต้องการให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้รู้และมั่นใจ

2. คำกล่าวของท่านรอซูล
          طلب العلم فريضة على كل مسلم.
ความว่า : การแสวงหาความรู้นั้นวาญิบสำหรับมุสลิมทุกคน
          اجتهدوا كل ميسرلم خلق له
ความว่า : พวกท่านจงอิจญติฮาด  ดังนั้น  ทุกคนได้รับความง่ายต่อสิ่งที่อัลลอฮฺสร้างสำหรับเขา

          หะดีษทั้งสองนี้มีความครอบคลุมทางด้านบุคคลและด้านความรู้และทั้งสองนี้ชี้ให้เห็นว่าวาญิบทำการอิจญติฮาด

          เหตุผลนี้ก็ยอมรับไม่ได้  เพราะว่าหะดีษแรกนั้น (ไม่เข้าใน) หัวข้อที่เราพูดถึง  ด้วยความเห็นพ้องของอุลามาอฺ  เพราะว่าความรู้ (ความมั่นใจ) ไม่จำเป็นในการอิจญติฮาดและตักลีดโดยความเห็นพ้องของอุลามาอฺ  ส่วนหะดีษที่สองนั้นเกี่ยวกับผู้ที่ครบเงื่อนไขของการอิจญติฮาด
   
3. คนทั่วไปถ้าหากใช้ให้เขาตักลีดแน่นอนจะหนีไม่พ้นจากความผิดพลาดหรือการพูดเท็จของผู้ที่เขาตักลีด  ก็หมายความว่าได้ใช้ให้คนทั่วไปปฏิบัติตามความผิดพลาดและการพูดเท็จนั้น ทั้งๆ ที่ชะรออฺได้ห้ามการกระทำดังกล่าว
   
          เหตุผลนี้ก็ยอมรับไม่ได้เหมือนกัน  เพราะว่าคนทั่วไปถ้าหากเขาได้ทำการอิจญติฮาดก็จะไม่พ้นจากความผิดพลาดแต่จะเข้าใกล้ความผิดพลาดมากกว่า  เพราะเขาไม่มีคุณสมบัติในการอิจญติฮาด



Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 29, 2007, 09:30 PM
หน้าที่ 4
ส่วนเหตุผลของผู้ที่มีความเห็นว่าตักลีดนั้นวาญิบสำหรับคนทั่วไปคือ
1. อัลลอฮฺตรัสว่า

          ความว่า : ดังนั้น  พวกเจ้าจงถามบรรดาผู้รู้  หากพวกเจ้าไม่รู้ النحل :43

          อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าได้มีคำสั่งแก่คนที่ไม่รู้ให้ถามผู้รู้

2. บรรดาเศาะฮาบะฮฺและตาบีอีนทั้งหมดได้ให้ฟัตวาแก่คนทั่วไปที่ได้ถามหุกมของปัญหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีผู้ใดจากพวกเขาที่ขัดแย้งและไม่ได้ห้ามพวกเขา (คนทั่วไป) จากการถามและไม่ได้สั่งให้คนทั่วไปให้เรียนรู้จนถึงขั้นที่สามารถทำการอิจญติฮาด  นี่เป็นการอิจญมาอฺของบรรดาเศาะฮาบะฮฺและตาบีอีน
   
3. เหตุผลจากสติปัญญา คือ  การอิจญติฮาดนั้นเป็นคุณลักษณะหรือพรสวรรค์ / คุณสมบัติของคนจำนวนน้อย  ดังนั้น  ถ้าหากเราสั่งให้ทุกคนทำการอิจญติฮาดก็หมายความว่าเราใช้ให้เขาทำสิ่งที่มนุษย์ไม่มีความสามารถ  และสิ่งนั้นอิสลามได้ห้ามด้วยคำตรัส

          ความว่า : อัลลอฮฺจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น  البقرة : 286

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 29, 2007, 09:41 PM
หน้าที่ 5
การตักลีดในเรื่องอูศุล
          การตักลีดในเรื่องอูศุลที่เกี่ยวข้องกับอากีดะฮฺ  เช่น  การศรัทธาต่ออัลลอฮฺคุณลักษณะที่วาญิบสำหรับพระองค์  คุณลักษณะที่ไม่มี  ณ อัลลอฮฺ  คุณลักษณะที่อนุญาตสำหรับพระองค์และอื่นๆ นั้นอูลามาอฺส่วนมากมีความเห็นว่าไม่อนุญาตให้ตักลีด  แต่ทุกคนวาญิบต้องศึกษาและพิจารณาหลักฐานจากภาพรวม (جمالي) ถึงแม้ว่าเขาเป็นคนทั่วไป
          อัลอิมาม อัล  ซัรบีนีย์  ได้กล่าวว่า  แท้จริงคนทั่วไปนั้นไม่อนุญาตให้ตักลีดในเรื่องอูศุล  เพราะพวกเขาสามารถศึกษาและพิจารณาหลักฐาน (اجمالي)
          อัล อันบารีย์ และผู้ตามท่าน  ได้มีความเห็นว่า อนุญาตให้ตักลีดในเรื่องอูศุล พวกเขาส่วนหนึ่งได้มีความเห็นว่าตักลีดนั้น วาญิบและการพิจารณา (نظر) (การศึกษา) นั้นหะรอม

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 30, 2007, 06:05 PM
หน้าที่ 6
อูลามาอฺที่หุกมว่าวาญิบพิจารณา (نظر) หลักฐานนั้นได้ยึดหลักฐาน
         
1. การศึกษาและการพิจารณาหลักฐานนั้นไม่ได้ขัดวางการดำเนินชีวิตประจำวันไม่เหมือนกับปัญหาย่อย (فروع) เพราะว่าเรื่องอูศุลมีไม่มากและหลักฐานของมัน (اجمالي) มนุษย์ทุกคนมีความสามารถและปัญหาของมันไม่เปลี่ยนแปลง
2. มนุษย์ทุกคนถูกสั่งให้แสวงหาความรู้ด้วยความมั่นใจในเรื่องของอูศุล  หมายถึง  ความรู้ที่ได้ยึดหลักฐานไม่ใช่ตักลีดที่ยึดความคิด (ظن) เท่านั้น
3. หะดีษที่ได้รายงานในตอนหนึ่งที่อายะฮฺนี้ลงมา 

          ความว่า : แท้จริงในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน  และในการสับเปลี่ยนของกลางคืน  และกลางวันนั้นมีสัญญาณสำหรับปวงมีสติ ال عمران : 190
 
          หลังจากนั้นท่านนบีก็ได้กล่าวว่า
 
          عن ابن مردويه وعبدالله بن حميد : ويل لمن لا كها ولم يتفكر فيها

          ความว่า : ความหายนะหรือความพินาศจงเป็นของผู้ที่กัดกิน (อ่าน) อายะ ดังกล่าวและไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับมัน 

4. เดิมของหุกมตักลีดนั้น คือ ถูกตำหนิตามทัศนะของชะรออฺและไม่อนุญาตส่วนตักลีดที่อนุญาตในเรื่อง   ฟิกฮฺ (فروع) นั้นเป็นการยกเว้นจากหุกมเดิม

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 30, 2007, 06:11 PM
หน้าที่ 7
จำเป็นหรือไม่ในการยึดมัซฮับ

          จำเป็นหรือไม่ในการยึดมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งในอิสลาม  เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล  เพราะว่าก่อนหน้านี้เราได้ทราบแล้วว่า  ผู้ที่ถึงระดับมุจญตะฮิดนั้นวาญิบจะต้องรู้บรรดาหุกมจากหลักฐานด้วยวิธีวิเคราะห์พิจารณา  และอิจญติฮาด ดังนั้น  ไม่อนุญาตให้เขาตักลีด  แต่เขาวาญิบจะต้องปฏิบัติตามการ  อิจญติฮาดของเขาไม่เหมือนกับคนที่ไม่สามารถทำการอิจญติฮาดเขาวาญิบจะต้องตามอูลามาอฺ  มุจญตะฮิดถึงแม้ว่าโดยวิธีทางปากต่อปากหรือการศึกษา / อ้างอิงความเห็นว่าที่พวกเขาเขียนในหนังสือที่เป็นที่ยอมรับและเป็นของพวกเขาจริง  ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปควรตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งที่เขาเลือกจากมัซฮับ  ที่มีชื่อเสียงและยังมีอยู่ในปัจจุบันและมีการรายงานที่ถูกต้องมาถึงเรา  ถึงอย่างไรก็ตาม  สิ่งที่จะต้องมีในความคิดของเราคือ

1. มัซฮับทั้งหมดเป็นโรงเรียนและทัศนะของฟิกฮฺ  ที่ทำการอธิบายตัวบทของชะรออฺและอธิบายวิธีการกำหนดหุกมจากตัวบท  ดังนั้น  มัซฮับเป็นสื่อในการกำหนดและการรู้หุกมไม่ใช่เป็นชะรีอะฮฺใหม่และไม่ใช่เป็นเรื่องอื่นจากอิสลาม

2. แท้จริงชะรีอะฮฺ อิสลาม คือ ตัวบทอัลกุรอานและซุนนะฮฺยิ่งใหญ่และกว้างกว่ามัซฮับใดๆ ทั้งสิ้น  ไม่ใช่มัซฮับยิ่งใหญ่และกว้างกว่าชะรีอะฮฺ

3. ชะรีอะฮฺ อิสลามเป็นหลักฐาน (حجة) สำหรับทุกๆ มัซฮับ  ไม่ใช่มัซฮับเป็นหลักฐานสำหรับชะรีอะฮฺอิสลาม

4. แท้จริงหลักการที่จะอนุญาตให้ตามมัซฮับนั้น คือ เพราะว่าได้มีความมั่นใจว่ามัซฮับได้มีความสำเร็จในการเสนอหุกม  ชะรีอะฮฺ  ให้แก่ผู้ตามโดยยึดอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ด้วยเหตุนี้  ถ้าหากปรากฏว่ามัซฮับใด  มัซฮับหนึ่งมีความผิดพลาดเกี่ยวกับปัญหาใดปัญหาหนึ่งและที่ถูก คือ ฝ่ายอื่นอย่างชัดเจน  ดังนั้น  สำหรับผู้ตามมัซฮับนั้นจะต้องไม่ตามมัซฮับนั้นและตามมัซฮับอื่นที่ถูกต้อง

5. สำหรับผู้ที่ตักลีดมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งก็อนุญาตให้เขาตักลีดมัซฮับอื่นในบางปัญหา  เพราะว่าเขาไม่วาญิบจะต้องผูกพันกับมัซฮับที่เขาตักลีดนั้นในทุกๆ ปัญหาที่มัซฮับนั้นทำการอิจญติฮาด  แต่การตักลีดมัซฮับอื่นนั้นจะต้องมีหลักฐาน / เหตุผลที่ทำให้เขาเปลี่ยนมัซฮับในปัญหาบางปัญหาและเช่นเดียวกันอนุญาตให้เขาถามคนอาลีมที่ไม่ใช่อูลามาอฺในมัซฮับของเขาเกี่ยวกับหุกมชะรออฺ  ในปัญหาอะไรก็ตามและอนุญาตให้ปฏิบัติตามฟัตวาของเขา

6. สำหรับผู้ตักลีด (ผู้ตาม) จะต้องไม่มีการยึดติด ( تعصب ) ต่อมัซฮับของเขาโดยไม่มีเหตุผล  เพราะว่าบรรดามัซฮับฟิกฮฺไม่ใช่ผู้ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกในอิสลาม  แต่มัซฮับเป็นแนวทางในการอธิบายชะรีอะฮฺและทำความเข้าใจมันและเป็นสื่อในการสำรวจ  พิจารณาและทำความเข้าใจหุกมและเป็นวิธีการในการกำหนดหุกม  ทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะรู้บรรดาหุกมที่อัลลอฮฺประทานลงมาและที่ได้กำหนดไว้
 
7. เราไม่ควรที่จะมีใจแคบเกี่ยวกับการมีความแตกต่างในมัซฮับเพราะว่า  ความเห็นที่แตกต่างในการกำหนดหุกมนั้นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมนุษย์เพราะว่า  สติปัญหาความรู้และความเข้าใจของคนเรานั้นจะมีความแตกต่างและไม่เหมือนกัน  ดังนั้น  แน่นอนจะทำให้มีความแตกต่างในการกำหนดหุกม  แต่เราควรดีใจเกี่ยวกับความแตกต่างในเรื่องฟิกฮฺที่ทำให้เราได้รับมรดกอันมากมายและเราะจะต้องคิดว่านั้นเป็นการเจริญเติบโตของฟิกฮฺและเป็นความคิดที่กว้างขวางของนักกฎหมายอิสลามเราที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้ความเสียสละแก่ชะรีอะฮฺอิสลาม

8. เราจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับความพยายามที่อูลามาอฺมุจญตะฮิดในมัซฮับต่างๆ ที่ได้ให้กับเรา  เราจะต้องเคารพพวกเขา  เราจะต้องมีมารยาทต่อพวกเขาขอดุอาอฺ  ให้พวกเขาได้รับความดี  และเราเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับผลบุญเป็นการตอบแทน  ถึงแม้ว่าอิจญติฮาดของเขานั้นถูกหรือผิด อย่างเช่น  คำสอนของอัลลอฮฺที่ว่า

          ความว่า : และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขาโดยพวกกล่าวว่า  ข้าแต่พระเจ้าของเรา  ทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา  และขอพระองค์อย่าได้ให้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อผู้ศรัทธา  ข้าแต่พระเจ้าของเราแท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู  ผู้ทรงเมตตาเสมอ الحشر : 10

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 30, 2007, 06:14 PM
หน้าที่ 8
การผูกพันกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเท่านั้น
          ตามที่เราได้ทราบก่อนที่ว่าอุลามาอฺمحققينส่วนมากมีความเห็นว่าวาญิบสำหรับผู้ที่ไม่มีความสามารถในการอิจญติฮาดจะต้องตักลีดและถามผู้ที่มีความสามารถในการอิจญติฮาดเกี่ยวกับหุกมฟิกฮฺ  มาถึงตรงนี้คำถามว่า  สำหรับเขาวาญิบจะต้องผูกพันกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด (หุกม) หรือไม่ ?
          อุลามาอฺ محققين ส่วนมากมีความเห็นพ้องกันว่า  วาญิบตักลีดสำหรับคนทั่วไปและผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติในการอิจญติฮาด  และพวกเขามีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับวาญิบผูกพันกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด
          ความเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้นั้น  ถ้าหากว่าคนทั่วไปหรือคนที่ไม่มีคุณสมบัติในการอิจญติฮาดนั้นยังไม่ได้ปฏิบัติตามความเห็นของมุจญตะฮิดคนหนึ่งเกี่ยวกับหุกมในปัญหาใดปัญหาหนึ่ง  แต่ถ้าหากเขาได้ยึดและปฏิบัติตามความเห็นของมุจญตะฮิดคนหนึ่งแล้วเขาไม่ควรถอนออก (ยกเลิก) และไปตามความเห็นของมุจญตะฮิดคนอื่น  หรือในคำพูดอีกนัยหนึ่ง คือ เขามีความผูกพันกับมุจญตะฮิดคนแรกในปัญหานั้น  อุลามาอฺมีความเห็นพ้องตามความเห็นของอัลอามีดีย์  และอิบนุลฮาญิบ  แต่ตามความเห็นของคนอื่นว่า  อุลามาอฺมีความเห็นที่แตกต่างดังต่อไปนี้ 

Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ส.ค. 30, 2007, 06:23 PM
หน้าที่ 9
1. อุลามาอฺส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า  จะต้องผูกพันกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง  เพราะเขาได้เชื่อว่า  มัซฮับที่เขาตามนั้นถูกต้อง  ดังนั้น  เขาจะต้องยึดตามความเชื่อของเขา
2. อุลามาอฺ  อีกส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า  ไม่จำเป็นต้องตักลีด  มัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด  แต่อนุญาตให้เขาตักลีดมุจญตะฮิดคนไหนที่เขาต้องการ  ดังนั้น  หากว่าเขาได้ยึดตาม  มัซฮับใดมัซฮับหนึ่งแล้ว  เช่น  มัซฮับอบูหะนีฟะฮฺ  หรือมัซฮับชาฟีอีย์  เขาไม่จำเป็นต้องยึดตามมัซฮับนั้นตลอด  แต่อนุญาตให้เขาย้ายจากมัซฮับนั้นไปสู่มัซฮับอื่น  เพราะว่า  ไม่วาญิบสำหรับเขานอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺและรสูลกำหนดวาญิบเท่านั้น  หมายความว่าเขาสามารถตามอุลามาอฺคนไหนได้โดยไม่ยึดคนใดคนหนึ่งดังมีอายะฮฺอัลกุรอานว่า

          ความว่า : ดังนั้น  พวกเจ้าจงถามบรรดาผู้รู้  หากพวกเจ้าไม่รู้  النحل : 43
   
          เหตุผลอีกอย่างหนึ่ง คือ  ผู้ที่ขอฟัตวาในสมัยเศาะฮาบะฮฺ  และตาบีอีนไม่ได้ผูกพันกับมัซฮับหนึ่ง แต่พวกเขาจะถามมุจญตะฮิดคนไหนที่พวกเขาพบโดยไม่ได้ผูกพันกับคนใดคนหนึ่งหรือมัซฮับหนึ่ง  และไม่มีใครห้ามการกระทำของพวกเขา  ดังนั้น  เป็นการเห็นพ้องของบรรดามุจญตะฮิดในสมัยนั้นว่า  ไม่วาญิบตักลีดอิมามหรือมัซฮับนั้นๆ เกี่ยวกับปัญหาทั้งหมด
          อีกอย่างหนึ่ง  การบังคับคนที่ไม่ใช่มุจญตะฮิดยึดตามความเห็นของอิมามหรือมัซฮับที่แน่นอนนั้นจะนำไปสู่ความแคบทั้งๆที่ความเห็นที่แตกต่างของบรรดามุจญตะฮิดเกี่ยวกับหุกมฟิกฮฺนั้นเป็นรอฮฺมัติจากอัลลอฮฺแก่บ่าวของพระองค์

3. อัลมามีดีย์  และอัลกะมาล  บิน  อัลหะมาม  มีความเห็นว่า  ถ้าหากเขาได้ปฏิบัติตามหุกมของปัญหาส่วนหนึ่งยึดตามมัซฮับที่แน่นอนเขาไม่สามารถที่จะตักลีดมัซฮับอื่นเกี่ยวกับเรื่องนั้น  แต่ถ้าหากว่าเขายังไม่ปฏิบัติตามหุกมของปัญหานั้น  เขาสามารถที่จะตักลีดมัซฮับอื่นเกี่ยวกับปัญหานั้นได้เพราะว่า  ชะรออฺไม่กำหนดวาญิบสำหรับเขาปฏิบัติตามมัซฮับที่เขายึด  แต่ชะรออฺจะกำหนดให้เขาตาม  อุลามาอฺคนใดคนหนึ่งโดยไม่แน่นอน

         ความเห็นที่สองเป็นความเห็นที่มีน้ำหนักตามความเห็นของอุลามาอฺ
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ก.ย. 07, 2007, 06:38 PM
หน้าที่ 10
การไม่ยึด ( ไม่ผูกพัน) มัซฮับที่แน่นอน (تلفيق)
          ความหมายของตัลฟีก
          ตัลฟีก  คือ  การปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยวิธีที่มุจญตะฮิดของเขาไม่ยอมรับ เช่น คนหนึ่งได้  ตักลีด  มุจญตะฮิดสองคนในอิบาดะฮฺอย่างหนึ่ง  แต่มุจญตะฮิด  ทั้งสองไม่ยอมรับว่าอิบาดะฮฺนั้นถูกต้อง  เพราะไม่เหมาะสมกับคำสอนของแต่ละคน  ( มุจญตะฮิด )
          ตัวอย่าง  คนหนึ่งได้อาบน้ำละหมาดตามมัซฮับชาฟีอีย์ที่ได้มีการเช็ดส่วนหนึ่งของศีรษะ  หลังจากนั้นเขาได้แตะ (สัมผัส) กับผู้หญิงตามมัซฮับมาลีกีย์ที่มีความเห็นว่า น้ำละหมาดจะไม่เสียโดยการสัมผัสกับผู้หญิงที่เขาสามารถแต่งงานได้หลังจากนั้นเขาก็ได้ละหมาด  ดังนั้น  การอาบน้ำละหมาดที่เขาได้ละหมาดโดยวิธีดังกล่าวนั้นไม่มีอิมามมุจญตะฮิดคนใดจากบรรดามุจญตะฮิด  ที่ได้ยอมรับว่าถูกต้อง  เพราะว่าอิมามชาฟีอีย์มีความเห็นว่าน้ำละหมาดของเขานั้นเสียด้วยการสัมผัสกับผู้หญิง  ส่วนอิมามมาลิก  มีความเห็นว่าการอาบน้ำละหมาดของเขาไม่ถูกต้อง  เพราะเขาไม่เช็ดศีรษะทั้งหมด

หุกมการไม่ยึดมัซฮับที่แน่นอน (تلفيق) ในเรื่องฟิกฮฺ
          สิ่งที่เราต้องเข้าใจ  คือ  ขอบข่ายของการตัลฟีก  คือ  ในเรื่องของการอิจญติฮาดที่มีความสงสัย (ظنية) หรือเรื่องที่อุลามาอฺมีความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น  ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับอากีดะฮฺ  อีมาน  อัคลาก  และสิ่งที่รู้ได้โดยง่าย  เกี่ยวกับศาสนาก็ไม่เข้าในขอบข่ายของการตัลฟีก  เพราะว่าเป็นเรื่องที่จะตักลีดไม่ได้โดยการเห็นพ้องของอุลามาอฺและเป็นเรื่องที่ไม่เข้าในขอบข่ายของการอิจญติฮาด 
ด้วยเหตุที่ว่าตัลฟิกนั้นจะเกิดขึ้นกับเรื่องฟิกฮฺ  ที่ได้มีการอิจญติฮาดเท่านั้นก็จะต้องให้รายละเลียดเกี่ยวกับหุกมของมันดังต่อไปนี้
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ก.ย. 07, 2007, 06:40 PM
หน้าที่ 11
หุกมเกี่ยวกับตัลฟิกได้แบ่งออกเป็น 3  ประเภท
          ประเภทแรก  หุกมฟิกฮฺ  ที่ยึดความง่ายและความเบา  คือ เรื่องเกี่ยวกับอิบาดะฮฺเท่านั้น  ประเภทนี้อนุญาตให้ตัลกฟิก  เพราะจุดประสงค์ของมัน คือ เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ  โดยไม่มีความยากลำบาก ดังนั้น  ไม่สมควรที่จะมีความแคบในเรื่องนี้
          ส่วนอิบาดะฮฺ  ที่มีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินก็จะต้องเคร่งครัดเพื่อจะได้ระมัดระวัง  เพราะกลัวว่าสิทธิของคนจนหายไป  ดังนั้น  ผู้จ่ายซะกาต  ไม่สมควรที่จะยึดความเห็นที่อ่อนแอ (ضعيف) หรือไม่สมควรมีการตัลฟีกทุกๆ มัซฮับที่จะนำไปสู่ความสูญเสียสิทธิของคนยากจน
          ประเภทที่สอง  หุกมฟิกฮฺ  ที่ยึดความ ورع และมีความระมัดระวัง คือ หุกมเกี่ยวกับสิ่งที่อิสลามห้าม
          ประเภทนี้ไม่ควรตัลฟิก  นอกจากในตอนที่จำเป็นตามชะรออฺ  เพราะว่าความจำเป็นนั้นอนุญาตให้ทำสิ่งที่หะรอม 
          ส่วนที่ว่าไม่ควรตัลฟิก  เกี่ยวกับสิ่งที่ห้ามหรือหะรอมนั้น  เพราะเป็นการยึดความ ورع และระมัดระวังที่ได้ยึดจากหะดีษ อิบนุ มัสอูด

          ما اجتمع الحرام والحلال الاغلب الحرام الحلال   

          ความว่า : ไม่ได้รวมกันระหว่างสิ่งหะรอมและสิ่งหะลาล  นอกจากจะต้องให้หะรอมชนะหะลาล
         
          ส่วนที่ว่าไม่ควรตัลฟิกเกี่ยวกับเรื่องที่ห้ามที่มีความเกี่ยวข้องกับสิทธิของมนุษย์ เพราะมันมีจุดประสงค์จะรักษาสิทธิและปกป้องอันตรายและการเป็นศัตรู  ทั้งๆ ที่ตัลฟิกนั้นเป็นการหลีกเลี่ยง (حيله) เพื่อจะได้ทำลายสิทธิของคนอื่น  และทำอันตรายให้กับเขา
          ประเภทที่สาม  หุกมฟิกฮฺที่ยึดผลประโยชน์ของมนุษย์  และความสงบสุขของพวกเขา คือ หุกมฮุดูด  มุอามาลาต  การใช้จ่ายทรัพย์สิน  การแต่งงานและที่เกี่ยวข้องกับมัน
          ส่วนมุอามาลาต  การใช้จ่ายทรัพย์สินฮุดูด  การปกป้องเลือดและอื่นๆ ที่มนุษย์ต้องปฏิบัติ (تكليف) ที่ได้ยึดผลประโยชน์ของพวกเขา  ก็จะต้องปฏิบัติตามทุกๆ มัซฮับที่มีความเห็นใกล้กับผลประโยชน์ของมนุษย์  และความสงบสุขของพวกเขา  ถึงแม้ว่าจะเป็นการตัลฟิกก็ตาม  เพราะความพยายามเพื่อจะได้มา  ซึ่งผลประโยชน์ของมนุษย์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเปลี่ยนแปลงของเวลา  อุรุฟ  ความเจริญ  และการพัฒนา
          การวัดผลประโยชน์ คือ  ทุกสิ่งที่มีการรักษา  หลัก  5  ประการ  คือ  ศาสนา  ชีวิต  ตระกูล   สติปัญญา  และทรัพย์สิน
          การแต่งงานและที่เกี่ยวข้องกับมัน  เช่น  การหย่า  และอื่นๆ นั้น  การกำหนดหุกมได้ยึดความสุขของสามีภรรยาและลูกๆ เรื่องนี้จะได้รับการรักษาความผูกพันและการมีชีวิตที่ดีระหว่างสามีภรรยา  ด้วยเหตุนี้  ทุกประการที่จะนำไปสู่เรื่องดังกล่าวแล้วก็จะต้องปฏิบัติถึงแม้ว่าจะเป็นการตัลฟิกก็ตาม  แต่อย่าให้การตัลฟิกนั้นเป็นวิธีการเพื่อจะทำเล่นๆ กับการแต่งงานและหย่าร้าง  เพื่อจะได้รักษาสิทธิของสตรีและรักษาตระกูล  ดังนั้น  ถ้ามีตัลฟิกก็เป็นสิ่งที่ถูกห้าม

สรุป
          ในการกำหนดว่าตัลฟิกนั้นอนุญาตหรือไม่คือ  ทุกสิ่งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียหรือบทความบกพร่องของหลักการหรือฮิกมะฮฺของชะรีอะฮฺ  ก็ห้ามการทำตัลฟิก แต่ถ้าจะนำไปสู่สิ่งตรงกันข้าม  ก็อนุญาตเพื่อจะให้มนุษย์  ได้รับความสุขสบายในดุนยาและอาคิเราะห์  โดยให้ความง่ายในเรื่องอิบาดะฮฺและมุอามาลาต
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ก.ย. 07, 2007, 06:44 PM
หน้าที่ 12
การตักลีดมัซฮับอื่นนอกจาก  4  มัซฮับ
          เราได้ทราบแล้วว่าคนทั่วไปวาญิบผูกพันกับมัซฮับอิมามของเขา  แต่เขาสามารถที่จะปฏิบัติตามความเห็นมัซฮับอื่นในบางเรื่องหรือในหลายๆ เรื่อง หรือเขาสามารถจะย้ายไปสู่มัซฮับอื่น  แล้วการตักลีดนั้นจะต้องอยู่ภายใน 4  มัซฮับ  ที่มีชื่อเสียงเท่านั้นหรือสามารถตักลีด  นอกเหนือจาก 4  มัซฮับ  นั้น เช่น  มัซฮับบรรดาเศาะฮาบะฮฺ  มัซฮับซอฮีรีย์  มัซฮับอัลไลซ   มัซฮับเอาซาฮีย์  มัซฮับอิบนุ  ญะรีร  หรือ อื่นๆ ตรงนี้ อุลามาอฺ  มีความเห็นที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
          1. อุลามาอฺ ส่วนมากมีความเห็นว่า  ไม่อนุญาตให้ตักลีดมัซฮับอื่นในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟัตวา
          2. อุลามาอฺ  อีกส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า  อนุญาตตักลีดมัซฮับอื่นในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟัตวา
          3. ตามความเห็นของอิซซุดดีน  บิน อับดุลสะลาม  ที่สำคัญคือ ถ้ามัซฮับนั้นผู้ตักลีดมีความมั่นใจว่าถูกต้องก็อนุญาตให้ตักลีด

รายละเอียด
          1. เพราะว่ามัซฮับของพวกเขาไม่มีการจัดระบบอย่างเรียบร้อย  และอาจจะทำให้ผู้ตามมีโอกาสผิดพลาดและมีข้ออ้าง  แตกต่างกับมัซฮับทั้ง 4  เพราะเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป  มีการจัดระบบเรียบร้อย  และได้มีการจัดทำเป็นตำราด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ของผู้ตามมัซฮับทั้ง 4  และมีการเผยแพร่และมีการอธิบายสิ่งที่ยากในการทำความเข้าใจสิ่งที่มีการเจาะจงจากสิ่งที่ครอบคลุม สิ่งที่ مطلق ให้เป็น مقيد ทั้งหมาดนี้จะทำให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติเพราะใกล้กับความถูกต้องและไกลจากความผิดพลาด
          อีมาม  อัลฮะรอไมน  กล่าวว่า  อุลามาอฺ محققين ได้มีความเห็นพ้องกันว่า  คนทั่วไปควรยึดมัซฮับของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ  แต่พวกเขาจะต้องตามมัซฮับๆ อิมามที่ได้ผ่านการทดสอบ  เพราะว่าพวกเขาได้อธิบายวิธีการวิเคราะห์  และพิจารณาหลักฐานที่พวกเขาได้กระทำพร้อมด้วยมีการแก้ไข  มีการอธิบายและได้มีการรวบรวมในตำราที่เป็นที่ยอมรับ
          อิบนุสอลาฮฺ  ได้กล่าวอีกว่า  สิ่งที่ดีควรตักลีดอิมามทั้ง  4  เท่านั้น  เพราะว่ามัซฮับทั้ง 4  ได้มีการแพร่หลายอย่างกว้างขวางเป็นที่รู้จักสิ่งที่มีการ مقيد จากสิ่งที่ مطلق สิ่งที่เจาะจงจากสิ่งที่ عموم และได้มีการเผยแพร่หุกมย่อยๆ แตกต่างกับมัซฮับอื่น
          2. แต่ท่านสุลัยมาน  อัลบุไญรีมีย์  อัชชาฟีอีย์ มีความเห็นว่าไม่สามารถที่จะตักลีดมัซฮับอื่นนอกจาก อิมามทั้ง 4  ในการให้ฟัตวาและการตัดสินคดี
          3. ความเห็นของอิซซุดดีน  นี้เป็นความเห็นที่มีน้ำหนักมากกว่าหรือ ถูกต้องกว่าตามการเลือกของ ดร.วะฮบะฮ  อัลซุไฮลีย์  เพราะไม่มีหลักฐานที่มีการบังคับให้มนุษย์  จะต้องผูกพันกับ 4  มัซฮับบเท่านั้น  เหตุผลเพราะว่า  มุจญตะฮิดทุกคนมีความเท่าเทียมกันสามารถที่จะปฏิบัติตามถ้าเห็นว่าถูกต้องว่ามาจากมุจญตะฮิดคนนั้นจริง
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ก.ย. 07, 2007, 06:47 PM
หน้าที่ 13
การเปลี่ยนมัซฮับ / การย้ายมัซฮับและความเห็นของอุลามาอฺ
          ตามความเห็นที่ถูกต้องกว่าจากความเห็นและการฟัตวาของอุลามาอฺ محققين จากมัซฮับชาฟีอีย์  เช่น อิบนุฮะญัรและอื่นๆ มีความเห็นว่า  คนทั่วไปไม่จำเป็น (วาญิบ) ผูกพันกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งแต่สำหรับเขาอนุญาตให้ย้ายจากมัซฮับหนึ่งไปยังอีกมัซฮับอื่นๆ ที่เป็นที่ยอมรับ (ได้มีการจัดระบบและได้มีการรวบรวมตำรา) ถึงแม้ว่าด้วยความต้องการของตนเองเท่านั้น  ถึงแม้ว่าจะย้ายตลอดไปหรือย้ายในบางเรื่องเท่านั้น  ถึงแม้ว่าได้มีการให้ฟัตวาหรือได้ตัดสินไปแล้ว หรือได้ปฏิบัติตามความเห็นของมัซฮับแรกที่ขัดแย้งกับความเห็นมัซฮับที่สองที่เขาจะปฏิบัติตามการอนุญาตให้ย้ายมัซฮับนั้นมีเงื่อนไข
          ประการแรก   อย่าให้การตักลีดนั้นไปถึงการตัลฟิก
          ประการที่สอง   ไม่ใช่  จุดประสงค์  เพื่อจะหาสิ่งที่ง่ายจากทุกๆ มัซฮับเพราะว่าการกระทำแบบนี้เป็นบาป  และอุลามาอฺส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าเป็นฟาสิก  แต่อิบนุดากีกิลอีดและอิซซุดดีน  บิน  อับดุลสะลาม  ไม่นับว่าเรื่องนี้เป็นเงื่อนไข ?อย่าแสวงหาสิ่งที่ง่ายในทุกๆ มัซฮับ? ที่เขาทั้งสองนับเป็นเงื่อนไขก็คือ  อย่าให้หุกมที่ตักลีดนั้นทำให้การตัดสินคดีของผู้พิพากษาเป็นโมฆะ

ความแตกต่างระหว่างอิดติบาอฺและตักลีด
          อิคติบาอฺ คือ ปฏิบัติตามหลักฐานและปฏิบัติตามวะฮฺยู
          ดังนั้น เรื่อง (محل) ของการอิดติบาอฺ  คือ ทุกๆ หุกมที่มีหลักฐานที่ชัดเจนจากอัลกุรอาน ซุนนะฮฺ และอิจญมาอฺ
          ส่วนเรื่องของตักลีด คือ เรื่องของการอิจญติฮาด  ดังนั้น ไม่มีการอิจญติฮาด และไม่มีการตักลีดในเรื่องที่มีตัวบทวะฮฺยู  ที่ถูกต้องความหมายก็ชัดเจนและไม่มีการขัดแย้ง
          ในเรื่องการอิจติบาอฺนี้ที่จะต้องมี คือ รู้ในสิ่งที่เขากระทำไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขของอิจญติฮาด
Re: การตักลีด By: del_dangerous Date: ก.ย. 07, 2007, 08:55 PM
การนำเสนอเรื่อง ตักลีดของผมจบลงแล้วครับ

ผู้ใดต้องการที่จะแนะนำสิ่งใดๆ หรือจะโพสต์อะไร เชิญตามสบายครับ

วัสลาม