กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ มุอัลลัฟและความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม
Pages: 12
อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: al-azhary Date: ธ.ค. 30, 2006, 09:41 PM
อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่?

1. ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสนา  ได้ชี้ชัดโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า  ในช่วงระยะเวลาอันสั้นนั้น  อิสลามมีศักยาภาพในการทำให้ประจักษ์ถึงการสร้างบรรดาอารยธรรมอันโดดเด่นขึ้นมา  ซึ่งเป็นอารยธรรมที่มีอายุยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก  และหลักยืนยันต่าง ๆ ในสิ่งดังกล่าว  ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจน  ในสิ่งที่บรรดามุสลิมีนได้มอบเป็นมรดกตกทอดเอาไว้  จากวิทยาการอันมากมายในหลากหลายสาขาวิชา  และบรรดาหอสมุดระดับโลกได้ประมวลผลงานการประพันธ์ต่าง  ๆ  ไว้เป็นพัน ๆ ที่มาจากผลงานการประพันธ์ดั้งเดิมของอาหรับอิสลามที่เขียนด้วยมือ  ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า บรรดามุสลิมนั้นมีอารยธรรมดั้งเดิมอันมีเกียรติ   นอกเหนือจากนั้น  โบราณวัตถุของอิสลามได้แพร่หลายไปทั่วโลกอิสลามทั้งหมด และยังยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของศีลปกรรมของอิสลาม

อารยธรรมอิสลามของอิสลามได้แผ่คลุมไปถึงสเปนและเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของอารยธรรมอิสลามยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นหลักยืนยันดังกล่าวให้เห็นในยุโรปเช่นเดียวกัน  และแท้จริง  ยุโรปได้มีการขับเคลื่อนผลงานการแปลวิทยาการของมุสลิมีน  ในช่วงศตวรรษที่ 12 และ13  และดังกล่าวนั้น  คือพื้นฐานที่ยุโรปนำมาสร้างอารยธรรมสมัยใหม่

2.  อัลกุรอานอันทรงเกียรติให้กล่าวถึงความมีเกียรติอันยิ่งใหญ่ของวิชาความรู้และนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้  และยังส่งเสริมให้วิเคราะห์และศึกษาเกี่ยวกับจักรวาล  และพัฒนาฟื้นฟูผืนแผ่นดิน  บรรดาห้าโองการแรกที่ถูกประทานลงมาจากพระเจ้าได้เตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของวิชาความรู้  การอ่าน  และการวิเคราะห์ใคร่ครวญ (คือ โองการที่ว่า จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด ,  ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด , จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง ,  ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา , ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้) นี้คือ  คำบัญชาใช้ที่มีข้อบ่งชี้อันสำคัญให้บรรดามุสลิมีนมีความตระหนักตั้งแต่แรกแล้ว  และเช่นเดียวกันนี้  คือการที่อิสลามได้ริเริ่มความเจริญก้าวหน้าทางอารยธรรม  โดยนัยที่ครอบคลุมทั้งในแง่ของนามธรรมและรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องการหลักยืนยันใดทั้งสิ้น

3.  สำหรับความล้าหลังของมุสลิมมีนในปัจจุบันนี้   อิสลามไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดนั้นแต่อย่างใด  เพราะอิสลามต่อต้านทุกรูปแบบของความล้าหลัง  และในขณะที่มุสลิมีนมีความล้าหลังในเข้ารับรู้ถึงความหมายต่าง ๆ ที่แท้จริงของอิสลาม  พวกเขากลับมีความล้าหลังในการดำเนินชีวิต  ท่านมาลิก บิน นะบีย์  นักคิดชาวญะซาอิร  ผู้ล่วงลับไปแล้ว  ได้กล่าวสำนวนที่เป็นความสัจจริงว่า  "แท้จริงความล้าหลังที่บรรดามุสลิมีนได้ทุกข์ระทมอยู่ในปัจจุบันนี้  ไม่ใช่สาเหตุมาจากอิสลาม  แต่มันเป็นการลงโทษที่มุสลิมีนสมควรได้รับจากอิสลาม  เนื่องจากพวกเขาได้ละเลยและไม่ยึดหลักการของอิสลาม ซึ่งมันเสมือนกับความคิดของผู้โง่เขลา"   ดังนั้น  ระหว่างอิสลามกับความล้าหลังของมุสลิมีนย่อมไม่เกี่ยวข้องกันแต่ประการใด

4.  อิสลามยังเป็นผู้ริเริ่มในความเจริญก้าวหน้าของทุกอารยธรรมซึ่งครอบคลุมถึงความดีงามของมนุษย์  และในขณะที่บรรดามุสลิมีนทำการพิสูจน์สาเหตุต่าง ๆ ที่เป็นแก่นแท้ของความล้าหลังของพวกเขานั้น  แน่นอนว่า  พวกเขาจะไม่พบเลยว่าอิสลามได้อยู่ในบรรดาสาเหตุดังกล่าว 

แต่ดังกล่าวนั้น  ยังมีสาเหตุจากภายนอก  ซึ่งในด้านที่สำคัญหนึ่งนั้น  คือเหตุในช่วงสมัยของการล่าอาณานิคมได้ทำการหน่วงเหนี่ยวให้บรรดาประเทศอิสลามจากการเคลื่อนไหวในเชิงบวก  และส่วนหนึ่งจากสาเหตุจากภายในคือ  บรรดามุสลิมีนหลงลืมองค์ประกอบและคุณค่าต่าง ๆ  ในเชิงบวกที่เป็นตัวผลักดันเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตในอิสลาม

5.  ไม่อนุญาตให้สร้างความสับสนระหว่างอิสลามกับความตกต่ำของโลกอิสลามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน  ดังนั้น  ความล้าหลังที่บรรดามุสลิมกำลังทุกข์ระทมในปัจจุบันนั้น นับว่าเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์เท่านั้น  ไม่ใช่หมายความว่า  บรรดามุสลิมจะอยู่ในสภาพดังกล่าวเสมอไปตลอดจนสิ้นสุดประวัติศาสตร์  และไม่อนุญาตให้กล่าวหาว่าอิสลามได้อยู่เบื้องหลังในสิ่งดังกล่าว  ซึ่งเหมือนกับการไม่อนุญาตให้กล่าวหาว่าศาสนาคริสตร์อยู่เบื้องหลังในความล้าหลังของประเทศลาติอเมริกา 

ความมีคุณธรรมในเชิงวิชาการ  ทำให้เข้าใจว่า  การตัดสินจุดยืนของอิสลามเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางอารยธรรม  ต้องขึ้นอยู่กับการศึกษาวิจัยอย่างเป็นธรรมต่อรากฐานต่าง ๆ ของอิสลาม  ไม่ใช่ด้วยพื้นฐานของการเล่าลือ  กล่าวหา  และตัดสินทึกทักขึ้นมาเองโดยไม่มีรากฐานของความเป็นจริง

-----------------------

อ้างอิง จากหนังสือ حقائق إسلامية فى مواجهة حملات التشكيك "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม ในการเผชิญต่อการสร้างความสงสัย" ของท่าน ศาสตราจารย์ มะหฺมูด หัมดีย์ ซักซูก หน้า 94 - 95 - 96 ตีพิมพ์ อัลมัตตะบะฮ์ อัชชุรูก อัดเดาลียะฮ์ 2003 ค.ศ. - 1425 ฮ.ศ.

http://islamic-council.org/lib/FACTS-A-PDF/p5-110.pdf

Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: قطوف من أزاهير النور Date: ธ.ค. 30, 2006, 10:34 PM

ยะซากัลลอฮฺ
แต่สงสัยนิดนึง



อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่?

1. ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสนา  ได้ชี้ชัดโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า  ในช่วงระยะเวลาอันสั้นนั้น  อิสลามมีศักยาภาพในการทำให้ประจักษ์ถึงการสร้างบรรดาอารยธรรมอันโดดเด่นขึ้นมา  ซึ่งเป็นอารยธรรมที่มีอายุยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก  และหลักยืนยันต่าง ๆ ในสิ่งดังกล่าว  ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจน  ในสิ่งที่บรรดามุสลิมีนได้มอบเป็นมรดกตกทอดเอาไว้  จากวิทยาการอันมากมายในหลากหลายสาขาวิชา  และบรรดาหอสมุดระดับโลกได้ประมวลผลงานการประพันธ์ต่าง  ๆ  ไว้เป็นพัน ๆ ที่มาจากผลงานการประพันธ์ดั้งเดิมของอาหรับอิสลามที่เขียนด้วยมือ  ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า บรรดามุสลิมนั้นมีอารยธรรมดั้งเดิมอันมีเกียรติ   นอกเหนือจากนั้น  โบราณวัตถุของอิสลามได้แพร่หลายไปทั่วโลกอิสลามทั้งหมด และยังยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของศีลปกรรมของอิสลาม

อารยธรรมอิสลามของอิสลามได้แผ่คลุมไปถึงสเปนและเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของอารยธรรมอิสลามยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นหลักยืนยันดังกล่าวให้เห็นในยุโรปเช่นเดียวกัน  และแท้จริง  ยุโรปได้มีการขับเคลื่อนผลงานการแปลวิทยาการของมุสลิมีน  ในช่วงศตวรรษที่ 12 และ13  และดังกล่าวนั้น  คือพื้นฐานที่ยุโรปนำมาสร้างอารยธรรมสมัยใหม่

2.  อัลกุรอานอันทรงเกียรติให้กล่าวถึงความมีเกียรติอันยิ่งใหญ่ของวิชาความรู้และนักปราชญ์ผู้ทรงความรู้  และยังส่งเสริมให้วิเคราะห์และศึกษาเกี่ยวกับจักรวาล  และพัฒนาฟื้นฟูผืนแผ่นดิน  บรรดาห้าโองการแรกที่ถูกประทานลงมาจากพระเจ้าได้เตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของวิชาความรู้  การอ่าน  และการวิเคราะห์ใคร่ครวญ (คือ โองการที่ว่า จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด ,  ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด , จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง ,  ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา , ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้) นี้คือ  คำบัญชาใช้ที่มีข้อบ่งชี้อันสำคัญให้บรรดามุสลิมีนมีความตระหนักตั้งแต่แรกแล้ว  และเช่นเดียวกันนี้  คือการที่อิสลามได้ริเริ่มความเจริญก้าวหน้าทางอารยธรรม  โดยนัยที่ครอบคลุมทั้งในแง่ของนามธรรมและรูปธรรมอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องการหลักยืนยันใดทั้งสิ้น

3.  สำหรับความล้าหลังของมุสลิมมีนในปัจจุบันนี้   อิสลามไม่จำเป็นต้องแบกรับความผิดนั้นแต่อย่างใด  เพราะอิสลามต่อต้านทุกรูปแบบของความล้าหลัง  และในขณะที่มุสลิมีนมีความล้าหลังในเข้ารับรู้ถึงความหมายต่าง ๆ ที่แท้จริงของอิสลาม  พวกเขากลับมีความล้าหลังในการดำเนินชีวิต  ท่านมาลิก บิน นะบีย์  นักคิดชาวญะซาอิร  ผู้ล่วงลับไปแล้ว  ได้กล่าวสำนวนที่เป็นความสัจจริงว่า  "แท้จริงความล้าหลังที่บรรดามุสลิมีนได้ทุกข์ระทมอยู่ในปัจจุบันนี้  ไม่ใช่สาเหตุมาจากอิสลาม  แต่มันเป็นการลงโทษที่มุสลิมีนสมควรได้รับจากอิสลาม  เนื่องจากพวกเขาได้ละเลยและไม่ยึดหลักการของอิสลาม ซึ่งมันเสมือนกับความคิดของผู้โง่เขลา"   ดังนั้น  ระหว่างอิสลามกับความล้าหลังของมุสลิมีนย่อมไม่เกี่ยวข้องกันแต่ประการใด

4.  อิสลามยังเป็นผู้ริเริ่มในความเจริญก้าวหน้าของทุกอารยธรรมซึ่งครอบคลุมถึงความดีงามของมนุษย์  และในขณะที่บรรดามุสลิมีนทำการพิสูจน์สาเหตุต่าง ๆ ที่เป็นแก่นแท้ของความล้าหลังของพวกเขานั้น  แน่นอนว่า  พวกเขาจะไม่พบเลยว่าอิสลามได้อยู่ในบรรดาสาเหตุดังกล่าว 

แต่ดังกล่าวนั้น  ยังมีสาเหตุจากภายนอก  ซึ่งในด้านที่สำคัญหนึ่งนั้น  คือเหตุในช่วงสมัยของการล่าอาณานิคมได้ทำการหน่วงเหนี่ยวให้บรรดาประเทศอิสลามจากการเคลื่อนไหวในเชิงบวก  และส่วนหนึ่งจากสาเหตุจากภายในคือ  บรรดามุสลิมีนหลงลืมองค์ประกอบและคุณค่าต่าง ๆ  ในเชิงบวกที่เป็นตัวผลักดันเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตในอิสลาม

5.  ไม่อนุญาตให้สร้างความสับสนระหว่างอิสลามกับความตกต่ำของโลกอิสลามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน  ดังนั้น  ความล้าหลังที่บรรดามุสลิมกำลังทุกข์ระทมในปัจจุบันนั้น นับว่าเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์เท่านั้น  ไม่ใช่หมายความว่า  บรรดามุสลิมจะอยู่ในสภาพดังกล่าวเสมอไปตลอดจนสิ้นสุดประวัติศาสตร์  และไม่อนุญาตให้กล่าวหาว่าอิสลามได้อยู่เบื้องหลังในสิ่งดังกล่าว  ซึ่งเหมือนกับการไม่อนุญาตให้กล่าวหาว่าศาสนาคริสตร์อยู่เบื้องหลังในความล้าหลังของประเทศลาติอเมริกา 

ความมีคุณธรรมในเชิงวิชาการ  ทำให้เข้าใจว่า  การตัดสินจุดยืนของอิสลามเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางอารยธรรม  ต้องขึ้นอยู่กับการศึกษาวิจัยอย่างเป็นธรรมต่อรากฐานต่าง ๆ ของอิสลาม  ไม่ใช่ด้วยพื้นฐานของการเล่าลือ  กล่าวหา  และตัดสินทึกทักขึ้นมาเองโดยไม่มีรากฐานของความเป็นจริง


-----------------------

อ้างอิง จากหนังสือ حقائق إسلامية فى مواجهة حملات التشكيك "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม ในการเผชิญต่อการสร้างความสงสัย" ของท่าน ศาสตราจารย์ มะหฺมูด หัมดีย์ ซักซูก หน้า 94 - 95 - 96 ตีพิมพ์ อัลมัตตะบะฮ์ อัชชุรูก อัดเดาลียะฮ์ 2003 ค.ศ. - 1425 ฮ.ศ.

http://islamic-council.org/lib/FACTS-A-PDF/p5-110.pdf




เข้าใจว่าคงไม่ได้หมายถึงมุสลิมีน อย่างเดียวใช่ป่าวคะ
แต่มันต้องมีเหตุผลซิ น่า ว่าทำไมถึงใช้คำว่ามุสลิมีนบ่อย ๆ
กระทู้นี้ยังมีเลย .. 



http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=65.0


อ้างถึง
เงื่อนไขในการเสวนา

1. ห้ามเผยแพร่สิ่งที่ขัดแยังอย่างชัดเจนกับหลักการของศาสนาอิสลาม

2. ห้ามมีการด่าทอระหว่างผู้เสวนาและหมิ่นเกียรติ

3. ห้ามทำการกล่าวตักฟีร(กล่าวกาเฟร) กับบรรดามุสลิมีน ไม่ว่าจะเป็นอุลามาอ์ มัซฮับต่าง ๆ หรือบรรดาผู้นำ

4. ห้ามโฆษณาเชิญชวน ไปสู่แนวทางที่สร้างความแตกแยกในประเทศ






Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: sufriyan Date: ธ.ค. 30, 2006, 11:41 PM
สลามครับ คุณลั๊ลลาชาดำ (หรือชาดำเย็น)
ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงสงสัยว่าทำไมถึงมีแต่มุสลีมีนไม่มี มุสลิมะฮ์บ้างเลยไช่ไหมครับ ถ้าผมจำไม่ผิด มุสลิมีนในบางความหมายจะครอบคลุมรวมไปถึงมุสลิมะฮ์ด้วย เพราะพระนางฮาวามาจากซี่โครงของนาบีอาดำครับ การเรียกมุสลิมีนในบางโอกาส ก็รวมถึงมุสลีมะฮ์ด้วยอย่างไม่ตอ้งสงสัยและไม่ต้องน้อยใจครับ รึคนอื่นๆว่าไงครับ  หือ  คุณอัลฯ
อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: al-azhary Date: ธ.ค. 31, 2006, 02:24 AM
น้องลั้ลลาชา(อุรูซะฮ์) ครับ  การที่อิสลามเน้นกล่าวถึงผู้ชายมากกว่านั้น  นัยหนึ่งก็คือ  สตรีเป็นเพศที่พึงปกปิดมากกว่าบุรุษ  น้องลองพิจารณาตรงประเด็นนี้ซิครับ  อิสลามกล่าวไว้ว่า  ผู้ชายจะได้แต่งงานกับนางฟ้าในสรวงสวรรค์  แต่ทำไมอิสลามไม่กล่าวว่า สตรีที่ไม่ได้แต่งงานในโลกนี้จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มในสรวงสวรรค์  ก็เพราะการที่ไม่ได้กล่าวหลักการดังกล่าวนี้ไว้นั้น  อันเนื่องจากสตรีมีความละอาย อิสลามได้ปกปิดและสงวนท่าทีของพวกนางเอาไว้  โดยกล่าวเพียงเฉพาะผู้ชายอย่างเดียว ;D   


Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: قطوف من أزاهير النور Date: ธ.ค. 31, 2006, 09:45 PM

อ่ออ  จริงด้วย ยะซากัลลอฮฺ
^^ ไม่ได้น้อยใจ แต่สงสัยเฉย ๆ ว่าทำไมใช้คำว่ามุสลิมีน
ส่วนที่ว่ากุรอ่าน ได้ปกปิดและสงวนท่าทีของผ้หญิงเอาไว้
ฮิกมะฮฺ ชัด ๆ เนอะ  ;D

ขออัลลอฮฺ ซบ. ตอบแทน ( ขอเอาไปเผยแพร่ต่อนะ )
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: musalmarn Date: ม.ค. 02, 2007, 09:03 PM
น้องลั้ลลาชา(อุรูซะฮ์) ครับ  การที่อิสลามเน้นกล่าวถึงผู้ชายมากกว่านั้น  นัยหนึ่งก็คือ  สตรีเป็นเพศที่พึงปกปิดมากกว่าบุรุษ  น้องลองพิจารณาตรงประเด็นนี้ซิครับ  อิสลามกล่าวไว้ว่า  ผู้ชายจะได้แต่งงานกับนางฟ้าในสรวงสวรรค์  แต่ทำไมอิสลามไม่กล่าวว่า สตรีที่ไม่ได้แต่งงานในโลกนี้จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มในสรวงสวรรค์  ก็เพราะการที่ไม่ได้กล่าวหลักการดังกล่าวนี้ไว้นั้น  อันเนื่องจากสตรีมีความละอาย อิสลามได้ปกปิดและสงวนท่าทีของพวกนางเอาไว้  โดยกล่าวเพียงเฉพาะผู้ชายอย่างเดียว ;D   



แต่เท่าที่ทราบมาจากผู้รู้และอาวุโสบางท่าน

จริงอยู่... ที่อิสลามกล่าวถึงบุรุษว่าจะได้แต่งงานกับนางฟ้า หรือ แถวบ้านผมเรียกว่า บีดาลดารี แต่ทำไม... อิสลามไม่ได้บอกถึงสตรีล่ะ ว่าผลตอบแทนจะได้อะไร

ก็เพราะว่า... สตรีที่ซอลีฮะฮที่เป็นภรรยาของเรา ณ ปัจจุบัน จะ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4  ;) ก็ตามที นางจะเป็นหัวหน้าของ บีดาลดารี ที่อยู่ภายใต้อาณัติของเรา

บีดาลดารี สวยงามขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง ถึงขนาดอุลามาอบางท่านกล่าวไว้ว่า "หากแม้นนางยื่นนิ้วชี้แค่ข้อเดียวลงสู่บนโลก เมื่อนั้นเหล่าบุรุษทั้งหลายจะต้องตกตลึงกับความงามของนางจนขนาดที่ว่าบางคนเป็นบ้า บางคนไม่ยอมทำอะไร (จะบอกให้รู้ว่าสวยอย่างมากๆ)"

เมาลานา ตอรีก ญามิล อาวุโสทางด้าน... (มาอัฟด้วยผมจำไม่ได้ระหว่างฮาดิษหรือตะเซาวุฟเนี่ยะแหละ) จากปากีสถาน ท่านสำเร็จการศึกษาจากมัรกัสไรวินด์ ละฮอร์ ปากีสถาน อาวุโสท่านนี้ได้บรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวของ บีดาลดารี จนขนาดที่ว่า คนที่นั่งฟังต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ (ฆุศ็อล) ยกฮาดัศใหญ่เลยทีเดียว

มาชาอัลลอฮ

นั่น บีดาลดารี แล้วบรรดาภรรยาของเราล่ะ ที่ซื่อสัตย์ต่อสามี ซื่อสัตย์ทุกๆ เรื่อง ฏออัตทุกกระเบียดนิ้ว จะได้เป็นหัวหน้าของเหล่า บีดาลดารี มาชาอัลลอฮ จงนึกภาพเถิดว่า ภรรยา หรือ อะฮลีของเราจะสวยงามขนาดไหน

ดังนั้น... สิ่งที่ผมแนะนำต่อเหล่ามุสลีมะฮคือ มีโอกาสก็แต่งงานเลย  :P

ผมคงไม่ได้แนะนำผิดไปใช่ไหม

เพราะ... การแต่งงานถือว่าเป็นซุนนะฮอย่างนึง

นั่นแค่ความรู้อันน้อยนิดของผม ที่ผมอยากบอก ก็แค่นั้นเอง มาอัฟด้วยหากมีอะไรผิดพลาด
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: salamah Date: มี.ค. 02, 2007, 09:55 AM
น้องลั้ลลาชา(อุรูซะฮ์) ครับ  การที่อิสลามเน้นกล่าวถึงผู้ชายมากกว่านั้น  นัยหนึ่งก็คือ  สตรีเป็นเพศที่พึงปกปิดมากกว่าบุรุษ  น้องลองพิจารณาตรงประเด็นนี้ซิครับ  อิสลามกล่าวไว้ว่า  ผู้ชายจะได้แต่งงานกับนางฟ้าในสรวงสวรรค์  แต่ทำไมอิสลามไม่กล่าวว่า สตรีที่ไม่ได้แต่งงานในโลกนี้จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มในสรวงสวรรค์  ก็เพราะการที่ไม่ได้กล่าวหลักการดังกล่าวนี้ไว้นั้น  อันเนื่องจากสตรีมีความละอาย อิสลามได้ปกปิดและสงวนท่าทีของพวกนางเอาไว้  โดยกล่าวเพียงเฉพาะผู้ชายอย่างเดียว ;D   



แต่เท่าที่ทราบมาจากผู้รู้และอาวุโสบางท่าน

จริงอยู่... ที่อิสลามกล่าวถึงบุรุษว่าจะได้แต่งงานกับนางฟ้า หรือ แถวบ้านผมเรียกว่า บีดาลดารี แต่ทำไม... อิสลามไม่ได้บอกถึงสตรีล่ะ ว่าผลตอบแทนจะได้อะไร

ก็เพราะว่า... สตรีที่ซอลีฮะฮที่เป็นภรรยาของเรา ณ ปัจจุบัน จะ 1 หรือ 2 หรือ 3 หรือ 4  ;) ก็ตามที นางจะเป็นหัวหน้าของ บีดาลดารี ที่อยู่ภายใต้อาณัติของเรา

บีดาลดารี สวยงามขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง ถึงขนาดอุลามาอบางท่านกล่าวไว้ว่า "หากแม้นนางยื่นนิ้วชี้แค่ข้อเดียวลงสู่บนโลก เมื่อนั้นเหล่าบุรุษทั้งหลายจะต้องตกตลึงกับความงามของนางจนขนาดที่ว่าบางคนเป็นบ้า บางคนไม่ยอมทำอะไร (จะบอกให้รู้ว่าสวยอย่างมากๆ)"
เมาลานา ตอรีก ญามิล อาวุโสทางด้าน... (มาอัฟด้วยผมจำไม่ได้ระหว่างฮาดิษหรือตะเซาวุฟเนี่ยะแหละ) จากปากีสถาน ท่านสำเร็จการศึกษาจากมัรกัสไรวินด์ ละฮอร์ ปากีสถาน อาวุโสท่านนี้ได้บรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวของ บีดาลดารี จนขนาดที่ว่า คนที่นั่งฟังต้องลุกขึ้นไปอาบน้ำ (ฆุศ็อล) ยกฮาดัศใหญ่เลยทีเดียว

มาชาอัลลอฮ

นั่น บีดาลดารี แล้วบรรดาภรรยาของเราล่ะ ที่ซื่อสัตย์ต่อสามี ซื่อสัตย์ทุกๆ เรื่อง ฏออัตทุกกระเบียดนิ้ว จะได้เป็นหัวหน้าของเหล่า บีดาลดารี มาชาอัลลอฮ จงนึกภาพเถิดว่า ภรรยา หรือ อะฮลีของเราจะสวยงามขนาดไหน

ดังนั้น... สิ่งที่ผมแนะนำต่อเหล่ามุสลีมะฮคือ มีโอกาสก็แต่งงานเลย  :P

ผมคงไม่ได้แนะนำผิดไปใช่ไหม

เพราะ... การแต่งงานถือว่าเป็นซุนนะฮอย่างนึง

นั่นแค่ความรู้อันน้อยนิดของผม ที่ผมอยากบอก ก็แค่นั้นเอง มาอัฟด้วยหากมีอะไรผิดพลาด


                                                                                                       :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :) :)
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: Goddut Date: มี.ค. 02, 2007, 02:09 PM
แต่ก็อย่าลืมว่า บรรดาผู้ที่ศรัทธา นั้น
ในวันกิยามะ พวกเขาจะมีใบหน้า รูปร่างลักษณะ แบบของเขา ที่ดีกว่านี้ นับร้อย นับพัน เท่า
คงไม่ต้องบอกว่า เป็น พันเท่าขนาดไหน
เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน  -..-

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: salamah Date: มี.ค. 02, 2007, 02:50 PM
แต่ก็อย่าลืมว่า บรรดาผู้ที่ศรัทธา นั้น
ในวันกิยามะ พวกเขาจะมีใบหน้า รูปร่างลักษณะ แบบของเขา ที่ดีกว่านี้ นับร้อย นับพัน เท่า
คงไม่ต้องบอกว่า เป็น พันเท่าขนาดไหน
เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน  -..-
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

อ้าว............แล้วไงต่อล่ะคุณ  Goddut  แค่นี้เหรอคะ...... :D :D :D
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: Goddut Date: มี.ค. 03, 2007, 02:52 AM
แค่สวยกว่าเดิม 10 เท่า

ก็หาที่ไหนเทียบไม่ได้แล้วครับ

แล้วไอ้พันเท่าที่ว่า  ผมเลยไม่ทราบว่าจะวิจิตพิสดารขนาดไหน

...
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: salamah Date: มี.ค. 03, 2007, 03:53 PM
แค่สวยกว่าเดิม 10 เท่า

ก็หาที่ไหนเทียบไม่ได้แล้วครับ

แล้วไอ้พันเท่าที่ว่า  ผมเลยไม่ทราบว่าจะวิจิตพิสดารขนาดไหน

...

ค่ะ.......สำหรับมุสลิมีนและมุสลิมะฮ์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย......พระองค์อัลเลาะฮ์ก็จะทรงตอบแทนสิ่งที่ดีกลับมาให้เสมอใช่ไหมคะ........คุณ   Goddut
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: nada-yoru Date: ต.ค. 13, 2009, 04:08 PM
 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนค่ะ

นานแล้วที่ไม่ได้อ่าน...พอมาอ่านอีกทีก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีกอย่่าง
ลืมไปเลยกับบางๆเรื่อง...


 loveit:

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ


Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: hiddenmin Date: ก.พ. 06, 2011, 10:28 AM

ผ่านตามาได้ไงไม่รุ้...
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: ActionMask Date: ก.พ. 08, 2011, 12:02 PM
โลกปัจจุบันนี้ เจริญได้ก็เพราะอิสลามนี่แหละครับ เพราะอิสลามจะขจัดความโง่เขลา งมงาย ป่าเถื่อนออกไปจากสังคม มนุษย์จึงได้ลืมตาอ้าปากจากความป่าเถื่อนได้ เมื่ออัลลอฮ์ประทานอิสลามมาให้

ความเจริญในสังคมปัจจุบันคงยังมีไม่ได้ถ้าผู้คนยังคง เหยียดผิวกัน ถ้าผู้คนยังกราบไหว้รูปปั้น บูชาดวงดาว และบนบานศาลกล่าวกับสิ่งเทียมเท็จ

แต่อิสลามขจัดรากฐานแห่งความโสมมนี้ออกไป มนุษย์จึงได้รู้จักกับวิทยปัญญา จนในที่สุดก็เป็น จุดเริ่มต้นแห่งความเจริญในทุกสาขา

ตัวอย่างที่ง่ายๆ ที่ผมเคยอ่านเจอคือเรื่องสูตรของปีทากอรัส เป็นสูตรคณิตศาสตร์ ซึ่งมีการค้นพบมานานแล้ว แต่แทบจะไม่มีประโยชน์ในการนำมาใช้เลย นั่นเพราะบรรดาลูกศิษย์ของปีทากอรัส นับถือปีทากอรัสจนเป็นลัทธิ คำสอนนี้ก็กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วห้ามเผยแพร่ออกไป

จะเห็นได้ว่าการค้นพบของมนุษย์นั้นมีมาเรื่อยๆ แต่ว่า ก่อนสมัยแห่งอิสลาม ความรู้เหล่านั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับมนุษย์เท่าใดนัก เพราะความป่าเถื่อนยังมากมาย จนเมื่ออิสลามแผ่ขยายแสงสว่างออกไป สิ่งต่างๆ จึงกลับมามีประโยชน์กับมนุษย์ได้

ยุโรปเองก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการได้ก็เพราะได้รับเอาความเจริญจากมุสลิมไปนี่แหละครับ

ดังนั้นอิสลามนอกจากจะไม่ใช่เหตุผลของความตกต่ำแล้ว กลับกันอิสลามนี่แหละที่เป็นแสงสว่างนำทางให้กับมนุษย์ซึ่งอัลลอฮ์ประทานมาให้ อยู่ที่เราจะนำมาใช้หรือเปล่า ทำอย่างถูกวิธีไหมนั่นแหละ
Re: อิสลามต้องรับผิดชอบในความหล้าหลังของบรรดามุสลิมหรือไม่? By: ActionMask Date: ก.พ. 08, 2011, 12:05 PM
อ้างถึง
น้องลั้ลลาชา(อุรูซะฮ์) ครับ  การที่อิสลามเน้นกล่าวถึงผู้ชายมากกว่านั้น  นัยหนึ่งก็คือ  สตรีเป็นเพศที่พึงปกปิดมากกว่าบุรุษ  น้องลองพิจารณาตรงประเด็นนี้ซิครับ  อิสลามกล่าวไว้ว่า  ผู้ชายจะได้แต่งงานกับนางฟ้าในสรวงสวรรค์  แต่ทำไมอิสลามไม่กล่าวว่า สตรีที่ไม่ได้แต่งงานในโลกนี้จะได้แต่งงานกับชายหนุ่มในสรวงสวรรค์  ก็เพราะการที่ไม่ได้กล่าวหลักการดังกล่าวนี้ไว้นั้น  อันเนื่องจากสตรีมีความละอาย อิสลามได้ปกปิดและสงวนท่าทีของพวกนางเอาไว้  โดยกล่าวเพียงเฉพาะผู้ชายอย่างเดียว

เป็นการอธิบายที่สุดยอดมากครับอ่านปุ๊บ เก็ทขึ้นมาปั๊บเลย ผมคิดว่าใช่จริงๆ นั่นแหละ ถ้าบอกว่าสตรีที่ไม่ได้แต่งงานจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มในสวรรค์ล่ะก็ อายกันแย่เลย ทำอะไรก็คงจะขวยเขินกันมากๆ

แยบยลจริงๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ง่ายๆ แต่ผมไม่ทันได้คิด

สุดยอดๆ