Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2007, 06:56 AM
34. การถือศิลอด แทนพ่อแม่ของเราที่เสียชีวิตไปแล้วได้หรือไม่ ถ้าได้เนียตอย่างไร ถ้าไม่ได้เพราะอะไร?
ตอบ : หากผู้เสียชีวิตไปไม่ได้ชดใช้ศีลอดในเดือนรอมาดอนที่เคยขาดไป โดยเขาเสียชีวิตก่อนที่จะมีความสามารถชดใช้ศีลอดได้ ก็ไม่มีบาปอันใดติดตัวเขาเพราะเขาไม่ได้ละเลย ส่วนกรณีที่เขาเสียชีวิตภายหลังที่มีความสามารถชดใช้ได้แล้ว เขาย่อมมีบาปเพราะเป็นผู้ละเลย และอนุญาตให้วะลีย์ทำการถือศีลอดแทนเขาได้ ยิ่งกว่านั้น ยังถือว่าเป็นสุนัตให้เขาทำการถือศีลอดแทนผู้ตาย เพราะมีหะดิษซอฮิห์บุคอรีและมุสลิมระบุว่า
"ผู้ใดที่เสียชีวิตโดยเขายังมีการถือศีลอดติดค้างอยู่บนเขา ให้วะลีย์ของเขาทำการถือศีลอดแทน"
คำว่า "วะลีย์" หมายถึง ญาติของผู้ตายคนใดก็ได้ หากแม้นว่าเขาจะไม่ได้เป็นทายาทในทรัพย์มรดกก็ตาม
หะดิษมุสลิมได้รายงานว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนางได้กล่าวกับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า แท้จริงมารดาของฉันได้เสียชีวิตโดยที่ยังมีศีลอดบนบานอยู่บนนาง จะให้ฉันทำการถือศีลอดแทนมารดาของฉันหรือไม่? ท่านนบีกล่าวว่า เธอจงถือศีลอดแทนมารดาของเธอเถิด"
ส่วนบุคคลที่ไม่ได้เป็นญาติของผู้ตายจะถือศีลอดแทนผู้ตายไม่ได้ นอกจากจะได้รับการอนุญาตจากญาติหรือผู้ตายได้สั่งเสียเอาไว้ให้ถือศีลอดแทน แต่ถ้าหากบุคคลที่ไม่ใช่ญาติทำการถือศีลอดโดยไม่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการสั่งเสียจากผู้ตาย การถือศีลอดของเขาถือว่าใช้ไม่ได้ ( หนังสือมุฆนิลมัวะห์ตาจญ์ 2/184 - 185 )
วิธีเหนียตคือ "ข้าพเจ้าถือศีลอดฟัรดูรอมะดอนแทนจากบิดาของข้าพเจ้าเพื่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา"
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2007, 06:57 AM
35. ถ้าหากเราตื่นมาไม่ทันกินข้าวซาโฮรในการถือศีลอดวาญิบเราจะสามารถถือศีลอดในวันดังกล่าวหรือไม่?
ตอบ : การทานซะโฮรนั้น เป็นเพียงสุนัตของการถือศีลอด ไม่ใช่เงื่อนไขหรือองค์ประกอบของการถือศีลอด ดังนั้นหากตื่นมาทานซะโฮรทันหรือไม่ทัน ก็จำเป็น (วายิบ) ต้องถือศีลอดเดือนรอมะดอนนะครับ
เพราะฉะนั้นสุนัตสำหรับผู้ถือศีลอดให้ทานซะโฮร เพราะหะดิษบุคอรีและมุสลิมรายงานว่า "พวกท่านจงท่านซะโฮร เพราะในซะโฮรนั้นมีความสิริมงคล" ท่านอัลฮากิมรายงานไว้ในซอฮิห์ของท่านว่า "พวกท่านจงขอความช่วยเหลือต่อการถือศีลอดด้วยอาหารซะโฮรและต่อการละหมาดยามค่ำคืนด้วยการนอนกลางวัน" และสุนัตให้ล่าช้าการรับประทานอาหารซะโฮรตราบใดที่ไม่อยู่ในช่วงเวลาที่สงสัยว่าแสงอรุณจะขึ้นแล้วหรือไม่ เพราะมีหะดิษระบุว่า "ประชาชาติของฉันยังคงอยู่ในความดีงาม ตราบใดที่พวกเขารีบละศีลอดและล้าช้าทานซะโฮร" รายงานโดยอิมามอะห์มัด และเพราะการทานซะโฮรนั้นจะทำให้มีพละกำลังในการทำอิบาดะฮ์ และถือว่าเป็นการทานซะโฮรแล้ว ไม่ว่าจะทานอาหารมากหรือน้อยหรือเพียงดื่มน้ำก็ตาม เพราะมีหะดิษซอฮิห์อิบนุฮิบบานระบุว่า "พวกท่านจงทานซะโฮรเถิด ถึงแม้นว่าจะด้วยดื่มน้ำครั้งเดียวก็ตาม" และเวลาเข้าซะโฮรนั้นคือหลังเที่ยงคืนไปแล้ว (ดูหนังสือมุฆนีอัลมั๊วะหตาจญ์ 2/187)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2007, 07:00 AM
36 . กรณีเป็นโรคกระเพาะแล้วถือศีลอดมีข้อชี้ขาดอย่างไร?
ตอบ : กรณีที่ถือศีลอดแล้วอาการโรคกระเพาะกำเริบจนทำให้ไม่สามารถถือศีลอดต่อไปได้ ก็อนุญาตให้ละศีลอดได้ และเขาจำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้ก่อนรอมาดอนปีหน้าจะมาถึงโดยไม่ต้องเสียฟิดยะฮ์ (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/369)
หากเป็นกรณีป่วยโรคกระเพาะเรื้อรังที่ไม่หวังว่าจะหายนั้น ให้ถืออยู่ในข้อบังคับเดียวกับคนชราสูงอายุ คือให้ละศีลอดได้โดยมิต้องชดใช้ แต่ต้องเสียฟิดยะฮ์หนึ่งมุด คือหนึ่งลิตรกับอีกเศษหนึ่งส่วนสามของลิตร(หรือประมาณ 600 กรัม) (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/377)
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า
وَعَلَى الَّذِينَ يُطِيقُونَهُ فِدْيَةٌ طَعَامُ مِسْكِينٍ
"และบังคับแก่บรรดาผู้ไร้สามารถในการถือศีลอด ให้ชำระค่าชดเชย คือให้อาหารแก่คนอนาถา" อัลบะกอเราะฮ์ 184
และการเสียฟิดยะฮ์นั้น ให้กับคนอนาถาและคนอยากจน ถึงแม้ว่าอัลกุรอานจะกล่าวถึงคนอนาถา แต่คนยากจนนั้นสถานะภาพแย่กว่าคนอนาถา จึงอนุญาตเสียฟิดยะฮ์ให้แก่คนยากจนได้ยิ่งกว่า (มุฆนีลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/189)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2007, 07:03 AM
37. การแปรงฟันหรืออาบน้ำ ในขณะถือศิลอด เป็นมักโระห์หรือเปล่าครับ?
ตอบ : การแปรงฟันที่มักโระฮ์ คือทำการแปรงหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้วนะครับ เพราะมีหะดิษซอฮิห์รายงานว่า "กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดในวันกิยามะฮ์นั้น หอมตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ ยิ่งกว่ากลิ่นชมดเชียง" คำว่า กลิ่นหอมตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ หมายถึง ความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ตาอาลา และความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ตาอาลาตรงนี้มิได้จำกัดในวันกิยามะฮ์เท่านั้น ปัจจุบันในดุนยานี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะกลิ่นปากของผู้ถือศีลอดหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้วนั้น เป็นร่องรอยจากการทำอิบาดะฮ์ศีลอด ส่วนกลิ่นปากที่เกิดขึ้นก่อนจากดวงอาทิตย์คล้อย เป็นผลมาจากร่องรอยของอาหารที่เรารับประทานไป แต่มีนักปราชญ์ส่วนหนึ่งกล่าวว่า หากว่ากลิ่นปากนั้นได้เกิดขึ้นหลังจากการนอนหรือรับประทานสิ่งที่มีกลิ่นโดยลืม ถือว่าไม่มักโระฮ์ที่จะถูฟันด้วยไม้ซิว๊าก(ซูฆี)แปลงฟันหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้ว (หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/390 - 391)
สำหรับการอาบน้ำแบบปกตินั้น เป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้ครับ แต่สำหรับการอาบน้ำยกหะดัษใหญ่สุนัตให้อาบน้ำก่อนแสงอรุณขึ้นและหากอาบน้ำหลังอรุณขึ้นถือว่ามักโระฮ์เพราะน้ำจะเข้าไปสู่ภายในได้ (มุฆนีอัลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/179)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2007, 07:06 AM
38. ในขณะที่เราถือศิลอด แล้วมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาทำให้เสียศิลอดหรอไม่ครับ?
ตอบ : สำหรับประเด็นน้ำล่อลื่น(น้ำมะซีย์)ออกมานั้น ถือว่าไม่เสียศีลอดนะครับ แต่หากน้ำอสุจิออกมาโดยการสัมผัส จูบ และนอนเอนกาย(กับภรรยา) ถือว่าเสียศีลอด (ดู หนังสือ ตั๊วะห์ฟะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 1/702 ตีพิมพ์ อัษษะกอฟะฮ์อัดดีนียะฮ์)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 04:18 AM
39. เดือนรอมะดอนชัยฏอนถูกล่ามโซ่ แต่ทำไมยังมีคนทำชั่วกันอีก?
ตอบ : แม้เดือนรอมะดอนชัยฏอนจะถูกล่ามโซ่ แต่ยังมีคนทำชั่วนั่นก็เพราะว่า ความชั่วต่าง ๆ ที่เขาเคยกระทำมาเป็นประจำนั้น มันได้ฝังติดอยู่ในจิตใจจนเกิดความเคยชิน และสามารถกระทำชั่วได้แม้กระทั้งในเดือนรอมะดอน เช่นบางคนชอบนินทาผู้อื่นและชอบโกหก เป็นต้น นั่นเพราะว่าเขาได้กระทำจนติดเป็นนิสัยก่อนเดือนรอมะดอน และเมื่อถึงเดือนรอมะดอนอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาก็ชักนำให้กระทำอีก
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า
فَلاَ تَتَّبِعُواْ الْهَوَى
"ดังนั้นพวกท่านอย่าตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ" อันนิซาอฺ 135
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
أَرَأَيْتَ مَنِ اتَّخَذَ إِلَهَهُ هَوَاهُ أَفَأَنتَ تَكُونُ عَلَيْهِ وَكِيلاً
"เจ้าเห็นไหม ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์(นัฟซู)ของเขามาเป็นพระเจ้าเขาของ? แล้วเจ้าจะเป็นผู้รับมอบหมายแก่เขา (เพื่อรับผิดชอบในตัวเขา)กระนั้นหรือ?" ฟุรกอน 43
ดังนั้น แม้ว่าชัยฏอนจะถูกล่ามโซ่ไว้แล้ว แต่อารมณ์นัฟซูใฝ่ต่ำของเราไม่ถูกล่ามไว้ครับ ซึ่งมันอยู่ที่ตัวของบุคคลนั้นจะควบคุมล่ามมันไว้ได้หรือเปล่า?
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 04:21 AM
40. การหยอกล้อภรรยาในขณะถือศีลอดรอมะดอนนั้นมีขอบเขตอย่างไร? และหากพลาดพลั้งร่วมประเวณีมีหลักการอย่างไร?
ตอบ : การจูบ , การกอด , การสัมผัส , อื่น ๆ โดยไม่มีสิ่งใดมากั้น ในช่วงกลางวันของเดือนรอมะฏอนไม่ทำให้เสียศีลอดแต่เป็นสิ่งที่ฮะรอม เพราะอาจจะเป็นการทำให้เสียอิบาดะฮ์ศีลอดโดยทางอ้อม เนื่องจากบุคอรีและมุสลิมได้รายงานหะดิษความว่า "ผู้ใดที่ล้ำเข้าไปในเขตหวงห้ามเขาย่อมเกือบจะตกลงไปในมัน" ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้รายงานหะดิษซอฮิห์จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ความว่า "ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผ่อนปรนการจูบสำหรับคนชราในขณะที่ถือศีลอด และท่านได้ห้ามการจูบสำหรับชายหนุ่ม และท่านกล่าวว่า คนชรานั้นสามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้ ส่วนชายหนุ่มจะทำให้การถือศีลของเขาเสีย
แต่หากเขาได้จูบ , กอด , สัมผัสภรรยาโดยไม่มีสิ่งกั้นขวาง แล้วจากนั้นอสุจิหลั่งออกมา ย่อมทำให้เสียศีลอด" (มุฆนีอัลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/171)
และถ้าหากพลาดพลั้งทำให้เกิดการร่วมประเวณีขึ้นระหว่างสามีภรรยาแม้จะไม่มีการหลั่งก็ตาม ถือว่าทำให้เสียศีลอด อีกทั้งยังกระทำบาป และต้องเสียค่าปรับ(กัฟฟาเราะฮ์) คือ ปลดปล่อยทาส หากไม่สามารถ ก็ให้ถือศีลอด 2 เดือนติดต่อกัน และหากไม่สามารถ ก็ให้อาหารแจกแก่คนยากจน 60 คน คนละหนึ่งมุดคือหนึ่งลิตรกับอีกเศษหนึ่งส่วนสามของลิตร (หรือประมาณ 600 กรัม) ซึ่งเป็นอาหารที่คนส่วนใหญ่ในเมืองนั้นรับประทาน และต้องชดใช้ถือศีลอดด้วย (อิอานะตุฏฏอลิบีน 2/376)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 04:23 AM
41. น้ำลายที่ออกมาจากปากช่วงถือศิลอดสามารถกลืนได้ไหม?
ตอบ : การกลืนน้ำลาย ไม่เสียทำให้เสียศีลอด หากแม้นว่าจะรวมน้ำลายไว้ในปากแล้วกลืนเข้าไป ก็ไม่ทำให้เสียศ๊ลอด เพราะป็นการยากลำบากที่จะระวังไม่ให้กลืนลงไป แต่ถ้าหากว่าน้ำลายได้ออกมาจากปากหรือออกมาที่ริมฝีปากแล้วหลังจากนั้นเขาได้นำมันกลับเข้าไปด้วยลิ้นแล้วกลืนเข้าไป ถือว่าทำให้เสียศีลอด (หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/168 - 169)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 04:25 AM
42. เราสามารถใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อทำความสะอาดปากในช่วงกำลังถือศิลอดได้หรือไม่?
ตอบ : การใช้น้ำยาบ้วนปากไม่ทำให้เสียศีลอด แต่ถือว่ามักโระฮ์ไม่ควรทำ เพราะนำยาบ้วนปากจะทำให้กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดซึ่งเป็นร่องรอยของอิบาดะฮ์หายไป เพราะมีหะดิษซอฮิห์รายงานว่า "กลิ่นปากของผู้ถือศีลอดในวันกิยามะฮ์นั้น หอมตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ ยิ่งกว่ากลิ่นชมดเชียง" คำว่า กลิ่นหอมตามทัศนะของอัลเลาะฮ์ หมายถึง ความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ตาอาลา และความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ตาอาลาตรงนี้มิได้จำกัดในวันกิยามะฮ์เท่านั้น ปัจจุบันในดุนยานี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะกลิ่นปากของผู้ถือศีลอดหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้วนั้น เป็นร่องรอยจากการทำอิบาดะฮ์ศีลอด ส่วนกลิ่นปากที่เกิดขึ้นก่อนจากดวงอาทิตย์คล้อย เป็นผลมาจากร่องรอยของอาหารที่เรารับประทานไป แต่มีนักปราชญ์ส่วนหนึ่งกล่าวว่า หากว่ากลิ่นปากนั้นได้เกิดขึ้นหลังจากการนอนหรือรับประทานสิ่งที่มีกลิ่นโดยลืม ถือว่าไม่มักโระฮ์ที่จะถูฟันด้วยไม้ซิว๊าก(ซูฆี)แปลงฟันหลังจากดวงอาทิตย์คล้อยแล้ว (หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/390 - 391)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: papaah Date: ก.ย. 19, 2007, 10:07 AM
การชิมอาหารโดยไม่ล่วงเข้าลำคอเสียบวชไหมครับ ? พ่อบ้าน, แม่ครัว, ฝากถามด้วยความเป็นห่วงในอิบาดะห์ของเขาว่า เขามีหน้าที่ในการปรุงอาหาร ไม่อยากให้รสชาดอาหารของเขาเปี่ยนไป และเขาก็ไม่ประสงค์จะทิ้งการถือศีลอด ฝากถามว่า เขาชิมอาหารที่เขาปรุงได้หรือไม่ ? เพราะบางคนแนะนำเขาว่า เมื่อเอาเข้าไปในปากแล้ว รู้รสชาดแล้ว บ้วนทิ้ง ตามด้วยการบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า จนปากหมดกลิ่นและรสอาหารแล้วก็ไม่เป็นไร จริงไหมครับ ? ? ?

Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 08:47 PM
43. การชิมอาหารโดยไม่ล่วงเข้าลำคอเสียบวชไหมครับ ?
ตอบ : ตอบ อนุญาตให้ชิมอาหารในขณะปรุงเพื่อทำการละศีลอด แต่ถือเป็นมักโระฮ์ไม่สมควรกระทำ เพราะเกรงว่าอาหารจะพลาดเข้าไปภายใน (มุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/180) แต่หากชิมอาหารแล้วรู้สึกว่ากลิ่นของอาหารเข้าไปสู่ลำคอ ถือว่าไม่เสียศีลอด เพราะกลิ่นของรสอาหารนั้นเป็นเพียงรอยไม่ใช่ตัวตนของอาหาร (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบียน 2/360)
ข้อแนะนำ ควรใช้ลิ้นแตะชิมอาหารและระมัดระวังอย่าให้อาหารล่วงผ่านคอหอย หลังจากนั้นก็บ้วนน้ำแกงที่ชิมนั้นทิ้งไป แต่หากว่ามีกลิ่นรสชาดของอาหารคงหลงเหลืออยู่ เช่นรสเผ็ด รสขม ถือว่าเป็นเพียงรอยของรสชาดอาหารที่หลงเหลืออยู่ที่ผ่อนปรนให้ไม่เป็นไรครับ ไม่จำเป็นต้องบ้วนปากด้วยน้ำหรอกครับ
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 19, 2007, 09:41 PM
44. ถ้าหากเราจะเหนียตถือศิลอดตลอดเดือนตามมัซฮับมาลีกีได้หรือเปล่าครับ ในฐานะผมอยู่มัซฮับชาฟีอี?
ตอบ : ท่านอัลกอฏี อบีลวะลีด อัลบาญี นักปราชญ์มัซฮับมาลิกี กล่าวว่า "อนุญาตให้ทำการเหนียตถือศีลอดตลอดเดือนรอมะดอนจากคืนแรกของรอมะดอน โดยขัดแย้งกับท่านอบูหะนีฟะฮ์และท่านอัชชาฟิอีย์ หลักฐานต่อสิ่งที่เราได้กล่าวนั้น คือคำกล่าวของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "แท้จริงให้กับบุคคลหนึ่งนั้น คือสิ่งที่เขาได้เจตนา" และบุคคลนี้ได้เจตนา(เหนียต)ตลอดทั้งเดือนรอมะดอน ก็จำเป็นต้องเกิดขึ้นสำหรับเขาอย่างนั้น" (หนังสืออัลมุนตะกอ อธิบายหนังสืออัลมุวัฏเฏาะของอิมามมาลิก เล่ม 3 เรื่องถือศีลอดรอมะฏอน)
แต่หากถามว่าจะตักลีดตามมัซฮับมาลิกีย์ได้หรือไม่นั้น ขอตอบว่า อนุญาตให้ตามมัซฮับมาลิกีย์ได้ในเรื่องการเหนียตถือศีลอดตลอดทั้งเดือน โดยเหนียตในคืนแรกของรอมะดอนครั้งเดียว เพื่อป้องกันการลืมเหนียตทุก ๆ คืน (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/345)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 20, 2007, 06:46 AM
45. คนที่ทิ้งละหมาดบ่อยครั้งเมื่อเขาถือศีลอดแล้วอัลลอฮฺจะรับศีลอดของเขาหรือเปล่าครับ??
ตอบ : ไม่อนุญาตให้มุสลิมคนใดทิ้งละหมาด เพราะอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สัญญาจะลงโทษอย่างรุนแรงสำหรับผู้ที่ทิ้งและละเลยการละหมาด ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "สัญญาที่มีระหว่างเราและพวกเขานั้นคือการละหมาด ดังนั้นผู้ใดที่ทิ้งละหมาดเขาย่อมกุฟุร" (หมายถึงเขาทิ้งละหมาดพร้อมกับปฏิบัติฟัรดูละหมาด) รายงานโดยอิมามอะห์มัด (มุสนัด 5/346)
ดังนั้น เขาอย่าทิ้งละหมาดจนกระทั่งทำให้ตกไปอยู่ในคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตาอาลาความว่า
أَفَتُؤْمِنُونَ بِبَعْضِ الْكِتَابِ وَتَكْفُرُونَ بِبَعْضٍ فَمَا جَزَاء مَن يَفْعَلُ ذَلِكَ مِنكُمْ إِلاَّ خِزْيٌ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا
"หรือว่าพวกเขาศรัทธาคำภีร์เพียงบางส่วนและปฏิเสธเป็นบางส่วนกระนั้นหรือ ที่จริงไม่มีการตอบแทน (ใด ๆ ที่จะสาสมกับความผิด) ของผู้ที่ประพฤติเช่นนั้นจากพวกเจ้า นอกจากความอัปยศในชีวิตของโลกนี้" อัลบะกอเราะฮ์ 85
ประเด็นการรับศีลอดหรือไม่รับศีลอดนั้น บรรดานักปราชญ์มิได้ทำการกล่าวอธิบายไว้ เพราะประเด็นเช่นนี้ ถูกมอบหมายไปยังอัลเลาะฮ์ตาอาลา ส่วนเรานั้นต้องมีความหวังต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลาให้พระองค์ทรงตอบรับการถือศีลอดของบรรดาผู้ถือศีลอดทั้งหลาย แต่ทว่าผู้ที่ถือศีลอดโดยไม่ทิ้งละหมาดนั้นจะมีความหวังที่จะได้รับการตอบรับการถือศีลอดมากกว่าผู้ที่ไม่ละหมาด
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวกับการถือศีลอดว่าใช้ได้หรือไม่นั้น ทั้งที่ความจริงผู้ละทิ้งละหมาดได้นำตนเองไปสู่ความอันตรายอันยิ่งใหญ่ และท่านนบีให้คำว่ากุฟุรกับผู้ทิ้งละหมาด และเขาได้ทำการละเลยต่อศาสนาเนื่องจากเขาได้ทิ้งเสาหลักของศาสนา แต่ทว่าการถือศีลอดของเขานั้นใช้ได้เพราะการถือศีลอดที่ใช้ได้นั้นไม่ได้ถูกวางเงื่อนไขว่าต้องทำละหมาด แต่การทิ้งละหมาดนั้นถือว่าเป็นบาปอันใหญ่หลวง ซึ่งไม่อนุญาตให้มุสลิมกระทำเช่นนั้น ดังนั้นมุสลิมท่านใดที่ทิ้งละหมาด เขาจงรีบทำการเตาบะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา วัลลอฮุตะอาลาอะลาวะอะลัม ( ฟะตะวา ชัยค์ ด๊อกเตอร์ อะลี ญุมอะฮ์ อัลบะบาน ลิมายัชฆุลุลอัษฮาน ฟัตวาที่ 78)
Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: admin Date: ก.ย. 20, 2007, 11:45 AM
ไหนๆก็จะถามแล้วต้อง อินเทร็นกับเขาหน่อย เดี๋ยวนี้เขาฮิตหูฟังโทรศัพแม้แต่ฟังอัลกรุอ่านแบบ in ear
มันจะยัดเข้าไปในรูหูเหมือนรูป แบบนี้จะเสียศีลอดไหม แล้วถ้ามีฝุ่นเกาะแล้วยัดเข้าไปจะเสียไหม


Re: ถาม - ตอบเกี่ยวกับการถือศีลอดรอมาฏอน By: al-azhary Date: ก.ย. 20, 2007, 02:13 PM
46. เดี๋ยวนี้เขาฮิตหูฟังโทรศัพแม้แต่ฟังอัลกรุอ่านแบบ in ear
มันจะยัดเข้าไปในรูหูเหมือนรูป แบบนี้จะเสียศีลอดไหม แล้วถ้ามีฝุ่นเกาะแล้วยัดเข้าไปจะเสียไหม?
ตอบ : ท่านอิมามอัรร๊อมลี ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า "หากเขาได้นำ(ก้าน)ไม้หรืออื่น ๆ เข้าไปในหู แล้วมันถึงไปยังภายในหู ย่อมทำให้เสียศีลอด" (นิฮายะตุลมั๊วะห์ตาจญ์ 3/167) คำว่า "ภายในหู" คือขนาดสุดของนิ้วมือเข้าไปถึง ส่วนกรณีของฝุ่นนั้นถือว่าเป็นวัตถุชนิดที่ผ่อนปรนให้ครับ