หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: Muftee Date: ต.ค. 08, 2007, 08:04 PM
หินดำ หินดำเป็นหินที่ถูกตั้งอยู่มุมของกะบะฮ์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคลุมรอบด้วยกับเงิน หินดำเป็นจุดเริ่มของการตอวาฟ หินดำถูกยกเหนือพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร เป็นหินที่มีความหนัก เป็นรูปทรงวงรี มีสีดำแดง
หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ โดยลงมาในสภาพที่เป็นชิ้นเดียว แต่ปัจจุบันนี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวน 8 ชิ้น ถูกเคลือบด้วยกับปูนน้ำมันที่สามารถมองผ่านได้ ซึ่งผสมด้วยขี้ผึ้ง ชะมดเชียง และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม) ซึ่งถูกวางไว้บนหัวของหินดำ
ความสำคัญของหินดำ
ผู้ที่นำเอาหินดำมาวางไว้ ณ กะบะฮ์คือท่านนะบีอิบรอฮีม เพื่อให้ผู้ตอวาฟเริ่มตอวาฟ ณ จุดเริ่มที่หินดำ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน
และคนแรกที่นำเอาเงินมาล้อมหินดำคือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ ซุเบร และคนรุ้นหลังก็ได้ปฏิบัติตามกันมา และคนสุดท้ายที่ดำเนินรอยตามแนวทางนี้ก็คือสุลต่านอุสมานีย์ นามว่า มูฮัมหมัด ร่อชาด คาน (ฮ.ศ.1331 / ค.ศ.1913) ด้วยกับเงินบริสุทธิ์ ต่อมากษัตริย์อับดุลอาซีซราชวงค์ซาอุดก็ได้เข้ามาปรับปรุงเพิ่มเติม และได้เปลี่ยนเป็นเงินใหม่ในปี ฮ.ศ.1375 / ค.ศ.1956
ในเทศกาลฮัจย์ปี ฮ.ศ.317 กลุ่มผู้มาทำฮัจย์ได้ถูกปล้นสะดมและถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด หนึ่งในสิ่งของที่ถูกปล้นก็คือหินดำ การบุกปล้นและสังหารอย่างนองเลือดในครั้งนี้นำโดยอบีฏอเฮร จากเผ่าอัลก็อรมาฏีย์ ในการปล้นครั้งนี้มีคนตายไปจำนวนมาก เผ่าอัลก็อรมาฏีย์ได้อ้างว่าฮัจย์ได้ถูกเปลี่ยนมายังมัสญิดกูฟะห์แล้ว เนื่องจากพวกเขาต้องการกอบโกยทรัพย์สินในช่วงฮัจย์ หินดำยังคงอยู่กับนายฏอเฮร จนกระทั้งอบูอัลกอเซ็มมาขอซื้อด้วยราคาสามหมื่นดินาร และเขาก็ได้นำกลับมาไว้ที่เดิมของมันในปี ฮ.ศ.339
สีของหินดำ
ได้มีรายงานจากท่านอิบนุอับบาสว่า แท้จริงท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังหิมะ? บางรายงานบอกว่า ?ขาวจัดประดุจดังเงิน?
เพราะอะไรถึงถูกเรียกว่า ?หินดำ?
ท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ? แน่นอนสีดำนั้นมีอยู่เฉพาะหัวของหินดำเท่านั้น แต่ส่วนที่เหลือเป็นสีขาว ซึ่งบอกเล่าโดยมูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ เพราะเขาเห็นด้วยกับตาของเขาโดยเขากล่าวว่า ?ฉันได้สังเกตหินดำในขณะที่มันแตกเป็นชิ้นๆ เห็นว่าความดำนั้นมีอยู่บนหัวของหินดำเท่านั้น และส่วนที่เหลือของมันเป็นสีขาว
ความประเสริฐของหินดำ
1. ท่านร่อซู้ลฯ ใช้มืออันมีเกียรติของท่านยกหินดำขึ้น ในขณะที่ชาวกุเรชบูรณะกะบะฮ์เสร็จสิ้น พวกเขามีความขัดแย้งกันว่าใครจะเป็นผู้นำเอาหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน เหตุการณ์นี้เกือบสร้างฟิตนะห์ (ความวุ่นวาย) ระหว่างลูกหลานชาวกุเรช แล้วท่านอบูอุมัยยะห์ อิบนุ อัลมุเฆเราะห์ได้ยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า โอ้ชาวกุเรชเอ๋ย ! พวกท่านจงให้บุคคลแรกที่เข้ามาทางประตูมัสญิดนี้เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างพวกท่านเถิด แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตาม ปรากฏว่าคนแรกที่เดินเข้ามาก็คือท่านร่อซู้ลฯ (ศ็อลฯ) ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นท่านร่อซู้ลฯ พวกเขาก็กล่าวว่า ชายคนนี้เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ เรายินดี (ให้เขาเป็นผู้ตัดสิน) ชายคนนี้คือมูฮัมหมัด เมื่อท่านร่อซู้ลฯเดินมายังพวกเขา แล้วพวกเขาก็บอกเรื่องราวการขัดแย้งระหว่างพวกเขา ท่านร่อซู้ลฯ จึงกล่าวว่า ?จงเอาผ้าหนึ่งชิ้นมาให้ฉัน? แล้วผ้าก็ได้ถูกนำมา แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ยกหินดำด้วยกับมืออันมีเกียรติของท่านวางไว้บนผ้าผืนนั้น แล้วท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้กล่าวว่า ?ทุกๆเผ่าจงจับด้านหนึ่งจากผ้านี้ และจงยกมันขึ้นพร้อมๆกัน? แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติตามจนกระทั้งถึงที่วางหินดำ ท่านร่อซู้ลฯ ก็ได้ใช้มือของท่านยกหินดำไปวางไว้ในที่ของมัน
2. ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นที่เพียงพอแล้วว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?
3. หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ เพราะท่านร่อซู้ลฯได้กล่าวว่า ?หินดำได้ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ในสภาพที่มีความขาวจัดประดุจน้ำนม ต่อมาความชั่วของมนุษย์ได้ทำให้มันเปลี่ยนสีเป็นสีดำ?
4. หินดำคือการสาบานของอัลลอฮฺบนโลกนี้ เพราะท่านนะบีกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้
5. หินดำจะเป็นพยานให้กับบุคคลที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ เพราะท่านนะบีได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริงสำหรับหินดำนี้มีลิ้นและมี2ริมฝีปาก มันจะเป็นพยานให้กับผู้ที่จูบหรือสัมผัสมันในวันกิยามะห์ด้วยความสัจจริง
6. บรรดาซอฮาบะห์ (อัครสาวกท่านร่อซู้ลฯ) จูบหินดำ แน่นอนท่านอุมัรได้จูบหินดำและกล่าวกับหินดำว่า ?แท้จริงฉันรู้ว่าท่านคือหินก้อนหนึ่งที่ไม่มีภัยไม่มีประโยชน์ หากแม้นว่าฉันไม่เห็นว่าท่านร่อซู้ลฯจูบท่าน ฉันก็จะไม่จูบท่าน?
7. หินดำเป็นจุดเริ่มตอวาฟ คือเครื่องหมายในการเริ่มตอวาฟ และสุนัตให้ทำการจูบหินดำในการตอวาฟด้วยสำหรับผู้ที่มีความสามารถ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: attasit50 Date: ธ.ค. 31, 2008, 08:22 AM
อยากทราบที่มาอะคับ มาจากไหน
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: itoursab Date: ส.ค. 29, 2009, 04:05 PM
2. ท่านร่อซู้ลฯ จูบหินดำ ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นที่เพียงพอแล้วว่า หินดำเป็นหินอันประเสริฐ แน่นอนได้มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรได้กล่าวว่า ท่านร่อซู้ลได้เรียกร้องให้จูบหินดำ ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ได้จูบหินดำพร้อมกับร้องไห้อยู่นาน ต่อมาท่านร่อซู้ลก็ผินออกมา แล้วท่านอุมัรก็ร้องไห้ แล้วท่านร่อซู้ลก็กล่าวว่า ?อุมัรเอ๋ย! ณ ที่นี่แหละที่น้ำตาได้ถูกหลั่งไหล?
...
4. หินดำคือการสาบานของอัลลอฮฺบนโลกนี้ เพราะท่านนะบีกล่าวว่า ?แท้จริงแล้วหินดำนี้คือการสาบานของอัลลอฮฺในโลกนี้
ไม่ทราบว่ามีท่านใดพอให้คำอธิบายเพิ่ม สำหรับ ข้อ 2 และ 4
ได้บ้างครับ อยากทราบข้อมูลเพิ่มนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าด้วยครับ

Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: intellectual Date: มี.ค. 18, 2010, 12:47 PM
หินดำ
หินดำเป็นหินที่ถูกตั้งอยู่มุมของกะบะฮ์ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกคลุมรอบด้วยกับเงิน หินดำเป็นจุดเริ่มของการตอวาฟ หินดำถูกยกเหนือพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร เป็นหินที่มีความหนัก เป็นรูปทรงวงรี มีสีดำแดง
หินดำเป็นหินที่ถูกประทานลงมาจากสวรรค์ โดยลงมาในสภาพที่เป็นชิ้นเดียว แต่ปัจจุบันนี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวน 8 ชิ้น ถูกเคลือบด้วยกับปูนน้ำมันที่สามารถมองผ่านได้ ซึ่งผสมด้วยขี้ผึ้ง ชะมดเชียง และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม) ซึ่งถูกวางไว้บนหัวของหินดำ
หินดำมาจากสวรรค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอบด้วย
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: intellectual Date: มี.ค. 26, 2010, 05:58 PM
อยากทราบที่มาอะคับ มาจากไหน
มาจากสวรรค์
ทำไมไม่มีคนกวนมากกว่าตอบคำถาม
กั๊กข้อมูลหรือเปล่าเนี่ย :@
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: มาลิกกุ๊กกิ๊ก Date: เม.ย. 11, 2010, 11:36 AM
หากมีโอกาสจะไปสัมผัสสักครา
อินชาอัลลอฮฺ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: ahmad_dullah Date: มิ.ย. 08, 2010, 10:02 AM
และอัมบัร (ไขจากลำไส้ปลาวาฬนำมาใช้ทำเครื่องสำอางพวกน้ำหอม)ไม่ใช่ครับ อัมบัรในที่นี้คือต้นไม้ครับ และไส้ปลาวาฬก็ไม่ใช่อัมบัรครับ
ถ้าอัมบัรจากปลาวาฬ บางคนก็ว่ามันคือ น้ำเชื้อปลาวาฬ ที่ลอยมากับน้ำทะเลแล้วซัดเข้าฝั่งจนจับตัวเป็นก้อน บ้างก้ว่าไขปลาวาฬ
แต่ที่แน่ๆโครตเหม็นครับ กลิ่นคาวมากไม่ใช่น้ำหอม เอาไว้ทำยาโดป
ต้นอัมบัรมีอยู่ที่ประเทศอินเดีย รัฐอัสสัม (ถ้าจำรัฐไม่ผิด) และมีที่เดียวในโลก วิธีสกัดน้ำมันหอม เช่นเดียวกับน้ำมันไม้ กฤษณา(อัลอู๊ด)
ของแท้ในตอนนี้หายากมากและราคาไม่มีบอก เพราะขายให้เฉพาะๆเท่านั้น ที่เราใช้กันส่วนใหญ่เป็นเกรดผสม ไม่ก็ทำเทียมกลิ่น ของแท้ๆยาก
ชื่อของมันเมื่อมาเป็นน้ำหอมก็คือ ฮัยรอนอัสวัส(หินดำ) ตรงตัวเลยครับ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: ILHAM Date: ก.ค. 02, 2010, 02:56 AM
ไม้กฤษณา ประเทศไทยมีมั๊ย
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: ahmad_dullah Date: ส.ค. 22, 2010, 06:46 AM
ไม้กฤษณา ประเทศไทยมีมั๊ย
มีครับ อยากได้ป่ะคับ บัง อิอิ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: ILHAM Date: ส.ค. 22, 2010, 10:33 PM
ขายยังไง แพงมั๊ย พอดีว่า อยากได้น่ะ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: desmor11 Date: ธ.ค. 12, 2012, 10:21 AM
อยากเห็นหินดำซักครั้งอ่ะ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: abufarisy Date: ธ.ค. 12, 2012, 11:36 PM
อยากทราบที่มาอะคับ มาจากไหน
... ? มาช่วยขุดครับ
Re: หินดำที่กะอฺบะฮฺ............ By: BasemDeen Date: ธ.ค. 15, 2012, 08:25 AM
อยากทราบที่มาอะคับ มาจากไหน
... ? มาช่วยขุดครับ
ขุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ