ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 28, 2007, 11:16 PM
อัสสลามุ อลัยกุม
ที่จริงนั้นมีเองก็มีความสนใจเรื่องนี้มานานแล้ว และพยายามค้นหาข้อมูลมาโดยตลอด ไม่ว่าจากหนังสือ และอินเทอร์เน็ต และมีความหวังว่าสักวันคงได้ไปเยือนสถานที่ดังกล่าว และที่ผ่านมานั้น ผมได้เห็นสมาชิกของเว็บนี้คนหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ ได้ถามเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกะอฺบะฮฺ ผมเองก็รอว่าจะมีใครมาตอบคำถามนั้นบ้าง แต่ปรากฎว่าไม่มี ผมเลยคิดว่าจะช่วยตอบ และนำเสนอไปด้วย เพื่อให้สมาชิกดังกล่าวที่ถามได้รับทราบ และผู้คนทั่วไปด้วย
..................
Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟะฮฺ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 28, 2007, 11:35 PM
อัลกะอฺบะตุชชะรีฟะฮฺ
กะอฺบะฮฺ คือ อาคารทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกสร้างด้วยหิน ตั้งอยู่ตรงใจกลางของมัสญิดิลหะรอม ในมหานครมักกะฮฺ ประเทศซาอุดิอารเบีย เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวมุสลิมทั่วโลก บางครั้งกะอฺบะฮฺก็ถูกเรียกว่า "บัยตุลลอฮฺ" (บ้านของอัลลอฮฺ)
(บรรจง บินกาซัน:2542:9) แต่หาได้หมายความว่า พระองค์ทรงประทับ ณ ที่นี้ไม่ แต่มันเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางที่ร่างกายของชาวมุสลิมไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกต้องผินหน้าไป เมื่อจะทำการละหมาด ขอดุอาอฺ และกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ
นอกจากนี้ กะอฺบะฮฺ ก็ถูกเรียกด้วยชื่อต่างๆ เช่น
-
Baytul 'Ateeq {بيت العتيق} อ่านว่า "บัยตุลอะตีก" แปลว่า "บ้านเก่าแก่โบราณ" (Al-Qur'an:22:29) เพราะเป็นอาคารหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะอัลลอฮฺ
(บรรจง บินกาซัน:2542:9) -
Baytul Haram {بيت الحرام} อ่านว่า "บัยตุลหะรอม" แปลว่า "บ้านต้องห้าม" (Al-Qur'an:5:97) ซึ่งหมายความว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม สำหรับคนที่ไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺ และเป็นสถานที่ห้ามการหลั่งเลือด และทำความชั่วทุกอย่าง
(บรรจง บินกาซัน:2542:9)
Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 28, 2007, 11:54 PM
* ความเป็นมาของกะอฺบะฮฺ มีบันทึกคำบอกเล่ากล่าวว่า อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยนบีอาดัม มนุษย์คนแรก เพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะอัลลอฮฺ แต่หลังจากนั้นก็พังทลายลง เมื่อเกิดเหตุการณ์
"น้ำท่วมโลก" (สมัยนบีนุหฺ-ผู้นำเสนอ)
แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในคัมภีร์อัลกุรฺอาน ซูเราะฮฺ Al-Baqarah:127 และซูเราะฮฺที่ 22:26-27 บอกให้เราได้ทราบว่า กะอฺบะฮฺได้ถูกสร้างขึ้นโดยนบีอิบรอฮีม และนบีอิสมาอีล ลูกชายของท่าน ตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเคารพสักการะพระองค์ หลังจากนั้น อัลลอฮฺก็ได้ทรงบัญชานบีอิบรอฮีมให้เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้มาเคารพสักการะพระองค์ยังบ้านหลังนี้ นับแต่นั้นมา ผู้คนที่ศรัทธาในอัลลอฮฺ (ได้มาเยี่ยมเยือนยังบ้านหลังนี้) ตามคำเชิญชวนของนบีอิบรอฮีมจากทั่วสารทิศ (เพื่อ) มาสักการะอัลลอฮฺ (อย่าง) ต่อเนื่องกันมาโดยมิได้ขาด
หลังจากสมัยของนบีอิบรอฮีม ผู้คนในแผ่นดินอารเบียได้หลงออกไปจากแนวทางคำสอนของท่าน และได้มีการนำเอาเทวรูปบูชาต่างๆ มาเคารพสักการะแทนอัลลอฮฺ หรือไม่ก็ตั้งเทวรูปขึ้นเป็นพระเจ้าควบคู่ไปกับอัลลอฮฺ จนเทวรูปบูชารอบกะอฺบะฮฺมีจำนวนมากมายถึงสามร้อยกว่ารูป แต่หลังจากที่ท่านนบีมุหัมมัดได้เข้ายึดครองมักกะฮฺแล้ว ท่านก็ได้สั่งให้ทำลายเทวรูปบูชาทั้งหลายที่อยู่ข้างใน และรอบกะอฺบะฮฺลง จนหมดสิ้น และประกาศให้กะอฺบะฮฺเป็นเขตปลอดการเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: nujjaba Date: พ.ย. 29, 2007, 12:02 AM
นั่งติดตามที่หน้าจอ

Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 29, 2007, 12:36 AM
* ลักษณะของกะอฺบะฮฺ - สร้างจากหินธรรมชาติ (ที่อยู่รอบๆ มักกะฮฺ)
- กว้างยาวประมาณด้านละ 40 ฟุต
- สูง 50 ฟุต
- ผนังทั้ง 4 ด้านไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูด้านเดียว
- ข้างในว่างเปล่า (แต่ปัจจุบันรัฐบาลซาอุดิฯ ได้ติดตั้งผ้าม่านอย่างดี ที่แต่ละด้านของผนังข้างใน ซึ่งจะเปลี่ยนทุกๆ 3 ปี-ผู้นำเสนอ)
- ตรงมุมด้านหนึ่งของตัวอาคารเป็นที่ตั้งของ "หินดำ" (حجرالأسواد - Hajar Al-Aswad) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและครบรอบของการเวียนรอบกะอฺบะฮฺ (طواف - Tawaf) ซึ่งเป็นหนึ่งในรุกุ่นของการประกอบพิธีอุมเราะฮฺและฮัจญฺ นอกจากมุมหินดำแล้ว มุมอื่นก็มีชื่อเรียกดังนี้
-
มุมอิรัก (ألركن العراق - Ar-Ruknul Iraqi) เป็นมุมที่ชี้ไปทางเหนือทางประเทศอิรัก
-
มุมชามี ( ألركن الشامي - Ar-Ruknash Shaami) เป็นมุมที่ชี้ไปทางทิศตะวันตกไปทางประเทศชาม (หรือซีเรียปัจจุบัน-ผู้นำเสนอ)
-
มุมยะมานี (ألأركن اليماني - Ar-Ruknul Yamani) เป็นมุมที่ชี้ไปทางทิศใต้ทางประเทศเยเมน
- ส่วน มุมหินดำนั้น ชี้ไปทางทิศตะวันออก (ผมดูในแผนที่หนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีการระบุ แต่ละประเทศในโลกนี้อยู่ทางทิศไหนบ้างของกะอฺบะฮฺ โดยเอากะอฺบะฮฺเป็นศูนย์กลาง ปรากฏว่า มุมหินดำนั้น ชี้มายังทิศตะวันออกเฉียงใต้หน่อย ตรงกับประเทศแถบเอเชียอาคเนย์ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยเราด้วย-ผู้นำเสนอ)
Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 29, 2007, 01:04 AM
* เหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับกะอฺบะฮฺ ในช่วงก่อนที่นบีมุหัมมัดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ กะอฺบะฮฺได้ถูกไฟไหม้ บรรดาหัวหน้าชาวเมืองมักกะฮฺจากตระกูลต่างๆ จึงได้ร่วมมือกันไปนำเอาไม้จากซากเรือของพวกกรีกที่จอดล่มอยู่ที่ชายฝั่งทะเล มาซ่อมแซมกะอฺบะฮฺ หลังจากที่ซ่อมแซมเสร็จแล้วก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาว่า ใครจะเป็นคนนำหินดำขึ้นไปติดตั้งยังที่เดิม เพราะแต่ละตระกูลต่างก็ต้องการได้รับเกียรติอันนี้ การแก่งแย่งเพื่อศักดิ์ศรีนี้รุนแรงจนถึงขึ้นเกือบมีการใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหา แต่ในที่สุด พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะฮฺก็ตกลงกันว่า ในวันรุ่งขึ้น หากพบใครเดินเข้ามายังบริเวณกะอฺบะฮฺ (ทางประตูอัสสลาม-ผู้นำเสนอ) เป็นคนแรก ทุกฝ่ายก็จะมอบหน้าที่การตัดสินความขัดแย้งให้แก่ผู้นั้น ในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่านบีมุหัมมัดได้เดินเข้ามาเป็นคนแรก พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะฮฺ จึงได้ขอให้ท่านนบีเป็นคนตัดสินปัญหาดังกล่าว ด้วยความเฉลียวฉลาดและต้องการที่จะให้ทุกฝ่ายได้รับเกียรติอย่างเท่าเทียมกัน ท่านจึงได้กางเสื้อคลุมของท่านลงบนพื้น แล้วยกหินดำวางบนเสื้อคลุมของท่าน หลังจากนั้นก็ให้ตัวแทนจากทุกฝ่ายจับชายเสื้อคลุมของท่าน และยกหินดำขึ้นพร้อมกัน แล้วท่านก็เป็นคนเอาหินดำไปติดตั้งยังที่เดิมของมันที่อาคารกะอฺบะฮฺ ปัญหาความขัดแย้งที่เกือบจะถึงขั้นนองเลือดจึงได้คลี่คลายลงด้วยดี
Re: ประวัติศาสตร์มหานครมักกะฮฺและอัลกะอฺบะตุชชะรีฟ By: Al Fatoni Date: พ.ย. 29, 2007, 06:36 PM
อัสสลามุ อลัยกุม
ปี 2010 มหานครมักกะฮฺจะเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ คอยติดตามนะครับวัสสลามุ อลัยกุม