**// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: budu Date: ม.ค. 04, 2008, 08:41 PM
นิกายในอิสลาม นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่
ถูกต้องของอิสลาม โดยนิกายเหล่านั้นมีจำนวนมาก และจะนำเสนอเฉพาะนิกายหลักๆ เท่านั้น
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม คือ
การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ
คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์
ในรายละเอียด
การแย่งชิงตำแหน่งการเป็นผู้นำ (ค่อลีฟะห์) หลังจากท่านศาสดามุมัดได้เสียชีวิต
ความเขลาและการหลงในเผ่าพันธุ์ตนเอง
ไม่มีความเข้าใจในตัวบทอย่างถูกต้อง ถึงแม้บางคนจะมีเจตนาดีก็ตาม
พลังแห่งความอิจฉาริษยาได้เข้าครอบงำจิตใจ
คนบางกลุ่มเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่แอบแฝงด้วยเจตนาทำลาย
กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม ได้แก่ ๑. ชีอะห์อิมามียะห์ (อิหม่ามสิบสอง) ชิอะห์อิหม่ามสิบสอง คือ มุสลิมกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่า ท่านอาลี (ผู้นำคนที่สี่ของมุสลิมหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัดเสียชีวิต) เป็นผู้ที่เหมาะสม
ในการดำรงตำแหน่งค่อลีฟะห์หลังจากท่านศาสดาได้เสียชีวิตลง มิใช่ท่านอบูบักร์ ท่านอุมัรและท่านอุสมาน ที่เรียกว่า อิหม่าม เนื่องจากคนกลุ่มนี้
ถือว่าการดำรงตำแหน่งอิหม่าม(ผู้นำ)เป็นเรื่องหลักและที่เรียกว่า สิบสอง ก็เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยึดการเป็นอิหม่ามของคนสิบสองคน โดยคนที่สิบสองนั้น
พวกเขากล่าวอ้างว่าหายตัวเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งที่เมืองซามุรรออ์ ประเทศอิรัก นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังเป็นปฏิปักษ์ทางความคิดและความเชื่อมั่น
อย่างรุนแรงกับบรรดาผู้ที่ยึดมั่นในแนวทางของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (ขอพร และความศานติจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่าน)
(ชาวซุนนะห์) และชีอะห์อิหม่ามสิบสองกลุ่มนี้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะเผยแพร่และให้แนวความคิดของตนครอบคลุมโลกอิสลาม
นิกายชีอะห์อิหม่ามสิบสองมีจุดศูนย์กลางการเผยแพร่อยู่ในประเทศอิหร่าน มีจำนวนมิใช่น้อยในประเทศอิรัก และจำนวนไม่มากนัก
ในปากีสถาน เป็นกลุ่มย่อยในเลบานอน ส่วนในซีเรียมีจำนวนน้อย แต่มีอิทธิพลทางการเมือง เนื่องจากผู้ปกครองประเทศเป็นชีอะห์
ดังกล่าวข้างต้น ยังมีชีอะห์อาศัยอยู่ในเกือบทุกประเทศอาหรับทั้งยี่สิบกว่าประเทศ ในประเทศอิสลามบางประเทศที่มิใช่อาหรับ
และอีกหลายประเทศในโลกนี้
๒. อิบาฎียะห์ (เค่าะวาริจญ์) อิบาฎียะห์ เป็นหนึ่งในกลุ่มมุสลิมที่ชื่อ เค่าะวาริจญ์ ที่เรียกว่า อิบาฎียะห์ เนื่องจากพาดพิงชื่อดังกล่าวไปยังผู้ก่อตั้ง
คือ อับดุลลอฮ์ บิน อิบ๊าฎ โดย อิบ๊าฎนั้นเป็นชื่อตำบลหนึ่งในเมืองอาริฎจังหวัดยะมามะห์ ของประเทศซาอุดิอาระเบีย
นิกายอิบาฎียะห์สามารถก่อตั้งรัฐอิสระขึ้นได้ในรัฐโอมาน และบรรดาอิหม่ามของอิบาฎียะห์ยังคงปกครองรัฐโอมานมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
เมืองทางประวัติศาสตร์ของนิกายอิบาฎียะห์ คือ ภูเขานุฟูซะห์ ในประเทศลิเบีย ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการเผยแพร่นิกายอิบาฎียะห์
นิกายอิบาฎียะห์ยังคงมีอยู่ในปัจจุบันนี้ ในรัฐโอมาน และมีจำนวนมากในลิเบีย ตูนิเซีย แอลจีเรีย ตอนกลางทะเลทรายทางทิศตะวันตก
ของทวีปอาฟริกาและในเมืองหนึ่งของประเทศทันซาเนีย
๓. นิกายมัวะตะซิละห์ มัวะอ์ตะซิละห์ เป็นนิกายหนึ่งในอิสลามที่อาศัยสติปัญญาในการทำความเข้าใจหลักการเชื่อมั่นของอิสลาม ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิด
มาจากการนำปรัชญาจากต่างชาติเข้ามาศึกษา จึงทำให้ผู้ยึดถือนิกายนี้ต้องหลุดออกจากหลักการที่ถูกต้องของอิสลาม
นักวิชาการกลุ่มนี้พยายามอธิบายตัวบทพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและวจนะท่านศาสดามุฮัมมัดตามความคิดของตนเอง พวกเขาจึง
อาศัยการเข้าใจตัวบทด้วยการตีความตามอำเภอใจ
อุดมการณ์สำคัญที่พวกมัวะอ์ตะซิละห์ยุคใหม่ยึดถือคือ คำกล่าวอ้างที่ว่า สติปัญญาคือหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงแก่นสาร
แห่งความจริง
๔. ไซดียะห์ ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มีหลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด
นิกายไซดียะห์มีจุดแผ่ขยายอยู่ที่ชายฝั่งคอซรอซ ไดลัม ฏ๊อบริสถาน และญีลานตะวันออก จนถึงแคว้นฮิญ๊าซและทาง
ทิศตะวันตกของอียิปต์ ปัจจุบันมีจุดศูนย์กลางการแผ่ขยายอยู่ที่ประเทศเยเมน
๕. นิกายอะชาอิเราะห์ อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ
ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์
นิกายนี้ได้รับการเผยแพร่มากขึ้นโดยสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดดและในเมืองไนซาบู้ร (เอเชียกลาง)ได้จัดเป็นหลักสูตรการ
เรียนการสอนโดยนักวิชาการสายอะชาอิเราะห์ และสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดด ถือเป็นสถาบันอิสลามที่ใหญ่ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นิกาย
อะชาอิเราะห์ได้รับการแพร่หลายอย่างกว้างขวางในโลกอิสลามปัจจุบัน มีการเรียนการสอนทั้งในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย
๖. นิกายมาตุรีดียะห์ มาตุรีดียะห์ เป็นนิกายที่ใช้วาทศิลป์และสติปัญญาในการโต้ตอบและยืนยันหลักการของศาสนาต่อคู่กรณี
นิกายมาตุรีดียะห์มีจุดแพร่หลายอยู่ในอินเดียและประเทศข้างเคียง ได้แก่ จีน บังคลาเทศ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน นอกจากนี้
ยังมีการเผยแพร่ในตุรกี อิตาลี เปอร์เซียและมอรอกโค
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: julee Date: ม.ค. 04, 2008, 11:17 PM
อัสสลามุอะลัยกุ้ม
รวมทั้งการนำเอาอารยธรรมของของชนกลุ่มอื่นมาปะปนในหลักการของอิสลาม การขยายอาณาจักรอิสลามของกลุ่มทางการเมืองต่างๆ จนทำให้เกิดการคลั่งไคล้ในอุดมการณ์ต่างๆ และได้รับอิทธิพลจากพวกยิวด้วยครับ
ขอบคุณพี่บูดูมากนะครับที่นำข้อมูลดีๆมานำเสนอให้กับพี่น้องมุสลิม ขอให้สอบผ่านนะคับ
วัสสลาม
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-azhary Date: ม.ค. 05, 2008, 12:43 AM
๕. นิกายอะชาอิเราะห์
อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ
ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์
การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง เพราะความจริงแล้ว อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน الشَاهِدُ หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์
เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ เช่น
พระองค์ทรงตรัสว่า
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا
"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14
แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี ดังนี้
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้ อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11
ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติัปัญญา แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไ่ม่ค้านกัน
วัลลอฮุอะลัม
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-azhary Date: ม.ค. 05, 2008, 05:47 AM
๕. นิกายอะชาอิเราะห์
อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ
ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์
ข้อเท็จจริงของหลักฐานยืนยันเรื่องของศาสนาของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ มีดังนี้ครับ
หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ์
ท่านพึงทราบเถิดว่า บรรดาพื้นฐานของหลักเตาฮีดและหลักอะกีดะฮ์ต่าง ๆ นั้น ดำรงอยู่บนหลักฐานของ อัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ที่ชัดเจน , การลงมติของปวงปราชญ์ และหลักฐานของสติปัญญาที่เที่ยงตรงและเป็นสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของบทบัญญัติศาสนา และดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นคุณลักษณะพิเศษของศาสนาอิสลามเหนือบรรดาศาสนาอื่น ๆ เพราะอิสลามจะไม่มีหลักการใดนอกจากสติปัญญามาสนับสนุนให้กับมันได้ ด้วยเหตุนี้ หนังสือประพันธ์ต่าง ๆ ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ในการจัดระดับขึ้นตอนของหลักฐานเพื่อโต้ตอบพวกบิดอะฮ์ พวกนอกลู่ และพวกเบี่ยงเบนนั้น วางอยู่บนพื้นฐานที่เราได้กล่าวมาแล้ว
รายละเอียดสิ่งดังกล่าว
1. อัลกุรอาน : คือรากฐานของบรรดาหลักฐานทั้งหลาย สารจากอัลเลาะฮ์ได้ถูกรับรองด้วยกับอัลกุรอาน สามารถนำมาเป็นหลักฐานเพื่อหักล้างหลักการที่ลุ่มหลง เป็นคำภีร์ที่อยู่เหนือคำภีร์อื่น ๆ ที่ถูกประทานจากฟากฟ้า และเป็นคำภีร์ที่แยกแยะสัจธรรมออกจากความอธรรม อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญชาใช้ให้ผู้ที่โต้แย้งกันกลับไปยังพระองค์และร่อซูลของพระองค์ (ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
พระองค์ทรงตรัสความว่า
فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ
"ดังนั้นหากพวกเจ้าได้โต้แย้งในสิ่งหนึ่ง พวกเจ้าก็จงหวนกลับไปยังอัลเลาะฮ์และร่อซูล" อันนิซาอฺ 59
การกลับไปหาอัลเลาะฮ์ตาอาลา คือการกลับไปหาอัลกุรอานและการกลับไปหาร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือการกลับไปยังบรรดาหะดิษที่ซอฮิห์อีกทั้งได้รับการยืนยันแน่นอนจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
2. อัซซุนนะฮ์ : การอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษเกี่ยวกับเรื่องของหลักอะกีดะฮ์นั้น ต้องมีเงื่อนไขว่า ผู้รายงานมีความไว้เนื้อเชื่อใจได้โดยมติเอกฉันท์ หมายถึง หะดิษต้องไม่ถูกรายงานมาด้วยสายรายงานที่มีการขัดแย้งกันเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของเขา ซึ่งเป็นทัศนะของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ จากนักปราชญ์หะดิษและนักปราชญ์ฟิกห์ ดังนั้นจึงถือว่าไม่เพียงพอในการอ้างหลักฐานด้วยกับหะดิษที่มีสายรายงานฏออีฟ หากแม้นว่าจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ กล่าวว่า "คำว่า الصوت (เสียง) จากสิ่งที่ถูกงดเว้นในการนำมาพาดพึงไปยังอัลเลาะฮ์และต้องการไปยังการตีความ(ตะวีล) เพราะว่าไม่เป็นการเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องคำว่าเสียงนี้โดยมีหะดิษที่รายงานจากหนทางที่มีผู้รายงานถูกวิจารณ์ขัดแย้งกัน หากแม้นว่าหะดิษจะได้รับการสนับสนุนก็ตาม" ฟัตหุลบารีย์ 1/174 หมายถึงหะดิษเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวไม่สามารถนำมายืนยันในเรื่องของอะกีดะฮ์
ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลบุฆดาดีย์ กล่าวไว้ในหนังสืออัลฟะกีฮ์วัลมุตะฟักกิฮ์ ความว่า "ประการที่สอง : ซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้น จะไม่ถูกรับรอง ด้วยคำกล่าวของซอฮาบะฮ์หรือตาบิอีน นอกจาก ด้วยกับหะดิษที่ซอฮิห์ยังไปท่านนบีโดยมีสายรายงานที่ถูกลงมติของนักหะดิษว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานด้วยกับหะดิษฏออีฟหรือหะดิษที่มีผู้รายงานที่ขัดแย้งกันในการรับรองความเชื่อถือของเขา ซึ่งหากแม้นว่ามีสายรายงานหนึ่งรายงานมา แล้วมีหะดิษอื่นมาสนับสนุน ก็ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้"
ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดของท่าน อบีสุไลมาน อัลค๊อฏฏอบีย์ ว่า "แท้จริงซีฟัตของอัลเลาะฮ์จะไม่ได้ถูกรับรองนอกจากด้วยกิตาบุลลอฮ์หรือหะดิษที่มีความซอฮิห์อย่างเด็ดขาด" อัลอัสมาอ์วัสซิฟาต 335
3. อัล-อิจญ์มาอฺ : (มติของปวงปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) ที่เกี่ยวกับประเด็นของศาสนา ดังนั้นรากฐานที่ยืนยันว่าบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์กอดีม(มีมาแต่เดิมโดยมิมีจุดเริ่มต้น)นั้น คือการอิจญฺมาอ์ที่เด็ดขาด(จากมติของปวงปราชญ์) ท่านชัยคุอิสลาม อัซซุบกีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรหฺอะกีดะฮ์อิบนุหาญิบ ความว่า "ท่านจงรู้เถิด หลักการของมวลสารและคุณลักษณะที่อุบัติทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่(มีการเปลี่ยนแปลง) ดังนั้น โลกทั้งหมด(คือสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์นั้น) คือสิ่งที่ใหม่(คือบังเกิดใหม่และมีการเปลี่ยนแปลง) และบนหลักการนี้ ก็คือมติ(อิจญ์มาอฺ)แห่งปวงปราชญ์มุสลิมีน และทุก ๆ ศาสนา และผู้ใดที่ขัดแย้งกับสิ่งดังกล่าวนี้ ถือว่าเขาเป็นกาเฟร เนื่องจากเขาขัดแย้งกับมติที่มีความเด็ดขาด" ดู หนังสือ อิตฮาฟ อัซซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน 2/132)
4. สติปัญญา ศ กล่าวคือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงส่งเสริมให้ปวงบ่าวใช้สติปัญญาในการใคร่ครวญถึงอาณาจักรและสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกสร้างเพื่อนำไปสู่การรู้จักผู้สร้าง คือ อัลเลาะฮ์ตาอาลา
พระองค์ทรงตรัสความว่า
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
การกล่าวว่า "อัลอะชาอิเราะฮ์ใช้สติปัญญามาเป็นหลักฐานในการยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องศาสนา ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่เข้าใจแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์อย่างแท้จริง เพราะความจริงแล้ว อัลอะชาอิเราะฮ์นำหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเป็นตัว ยืนยัน مُثْبِتٌ (มุษบิต) เรื่องของศาสนา โดยใช้สติปัญญามาเป็นตัวสนับสนุน شَاهِدٌ (ชาฮิด) หลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์
เช่นหลักฐานที่ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี อัลเลาะฮ์ทรงเอกกะ เช่น
พระองค์ทรงตรัสว่า
إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا
"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14
แต่อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี ดังนี้
أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ
"และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185
และสติปัญญาที่อัลอะชาอิเราะฮ์นำมาเป็นหลักการพิจารณาสนับสนุนตัวบทนั้น คือสติปัญญาที่ใคร่ครวญว่า อัลเลาะฮ์มิทรงคล้ายเหมือนกับสิ่งใด ซึ่งหลักการใคร่ครวญของสติปัญญาเช่นนี้ อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอานที่ชัดเจนและเด็ดขาดที่ว่า
لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ
"ไม่มีสิ่งใดมาคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงได้ยินยิ่งและทรงเห็นยิ่ง" อัชชูรอ 11
ดังนั้น อัลอะชาอิเราะฮ์จะไม่ทำการพูดพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิ์ต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ มะลาอิกะฮ์ และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว โดยยึดเพียงแค่การพิจารณาด้วยสติัปัญญา แต่ทว่าพวกเขาพูดในสิ่งดังกล่าวโดยนำสติปัญญา(ที่อยู่บนพื้นฐานข้างต้น)มาสนับสนุนความถูกต้องของสิ่งที่ได้นำมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น สติปัญญาตามทัศนะของอัละชาอิเราะฮ์คือสิ่งที่มาสนับสนุนหลักการของศาสนามิใช่เป็นพื้นฐานยืนยันในเรื่องของศาสนา เพราะการใคร่ครวญในแง่ของสติปัญญาที่บริสุทธิ์ปลอดภ้ยนั้น จะไม่ออกไปจากสิ่งที่ศาสนาได้นำมาและจะไ่ม่ค้านกัน
วัลลอฮุอะลัม
อ้างอิงจาก :
หลักฐานของอัลอะชาอิเราะฮ์ในการรับรองเรื่องอะกีดะฮ
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: sufriyan Date: ม.ค. 05, 2008, 09:22 AM
อัสลามูอาลัยกุม
หมายความว่า แนวทางอาชาอิเราะห์คือแนวทาง
แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่
ถูกต้องของอิสลาม
ตามความเห็นของคุณ budu หรือครับ ตอบหน่อยครับคุณ
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: pareet Date: ม.ค. 05, 2008, 01:58 PM
salam
แล้วนิกาย ซุนนี ละครับ
ใครพอจะสรุปให้ความรู้ได้ไหมครับว่า นิกาย ซุนนี
มีกี่แนวทาง
วัสลาม
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-azhary Date: ม.ค. 05, 2008, 05:43 PM
ความจริงเนื้อหาเหล่านี้ ผมคิดว่ามิใช่เขียนมาจากน้อง บูดู เองหรอกครับ แต่ไปคัดสรุปจากที่อื่นมาอีกที แต่ทว่าก็เป็นประโยชน์ให้ทางเราได้ชี้แจง ^^
นิกายในอิสลาม
นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่
ถูกต้องของอิสลาม โดยนิกายเหล่านั้นมีจำนวนมาก และจะนำเสนอเฉพาะนิกายหลักๆ เท่านั้น
แ่ค่คำนิยาม เพื่อเข้าสู่การนำเสนอรายละเอียด ก็ผิดแล้วล่่ะครับ เพราะคำนิยามนี้ ผู้เขียนมีความอคติมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว การให้คำนิยามก็ไม่รัดกุม คือไม่ญาเมี๊ยะอฺและไม่มาเนี๊ยะอฺเลย
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม คือ
การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ
คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์
ในรายละเอียด
๕. นิกายอะชาอิเราะห์
อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ
ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์
นิกายนี้ได้รับการเผยแพร่มากขึ้นโดยสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดดและในเมืองไนซาบู้ร (เอเชียกลาง)ได้จัดเป็นหลักสูตรการ
เรียนการสอนโดยนักวิชาการสายอะชาอิเราะห์ และสถาบันการศึกษาในกรุงแบกแดด ถือเป็นสถาบันอิสลามที่ใหญ่ที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นิกาย
อะชาอิเราะห์ได้รับการแพร่หลายอย่างกว้างขวางในโลกอิสลามปัจจุบัน มีการเรียนการสอนทั้งในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย
เรามาพิจารณากันครับ ผู้เขียนบอกว่า นิกายนั้นเกิดขึ้นเพราะเน้นความรุนแรง นั่นแสดงว่าอัลอะชาอิเราะฮ์เิกิดขึ้นมาเพราะเหตุความรุนแรง ซึ่งแบบนี้ผู้มีสติปัญญาจะไม่กล่าวกัน และผู้เขียนบอกว่า นิกายเป็นแนวทางที่หันเหออกจากอัลอิสลาม แต่ผู้เขียนเองกล่าวว่า อัลอะชาอิเราะฮ์มีความสอดคล้องกัแนวทางของชาวซุนนะฮ์ ดังนั้น เมื่อสอดคล้องกับแนวทางซุนนะฮ์ ก็แสดงว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ใช่นิกาย เพราะมิได้ออกจากแนวทางของอัลอิสลาม นั่นแสดงว่า ผู้เขียนนำเสนอค้านกับเองกับคำนิยาม
ดังนั้น จึงดูเหมือนว่าผู้เขียนเอง จะนำเสนอเอาใจอัลอะชาอิเราะฮ์บ้าง แต่รายละเอียดในการนำเสนอนั้น แฝงด้วยความอคติและไม่เข้าใจอัลอะชาอิเราะฮ์ อีกทั้งยังพยายามให้ผู้อ่านเข้าใจอัลอะชาอิเราะฮ์แบบผิด ๆ โดยนัย
แล้วคำว่า "สอดคล้องกับแนวทางชาวซุนนะฮ์" นั้น ใครครับคือ ชาวซุนนะฮ์ ในเมื่ออะฮ์ลิสซุนนะฮ์ส่วนมากของโลกนี้คือ อัลอะชาอิเราะฮ์และมะตูรีดียะฮ์ แล้วจะเหลือแนวทางใหนเป็น ชาวซุนนะฮ์ ตามที่ผู้เขียนกล่าวมาหรือครับ หรือว่าหมายถึง "วะฮาบีย์" คือวะฮาบีย์นั้นไม่ได้ใช้ความรุนแรง ? แต่ทว่าคำนิยามนั้นยืนยัน

Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-azhary Date: ม.ค. 05, 2008, 06:03 PM
salam
แล้วนิกาย ซุนนี ละครับ
ใครพอจะสรุปให้ความรู้ได้ไหมครับว่า นิกาย ซุนนี
มีกี่แนวทาง
วัสลาม
วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์ครับ
บัง pareet ครับ โปรดเข้าไปอ่านกระทู้นี้ครับ :
แนวทางใดบ้าง ที่อยู่ในมัซฮับอะลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ วัสลาม
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: sufriyan Date: ม.ค. 05, 2008, 06:08 PM
salam
ความจริงผมก็ว่าไม่ใช่ความคิดคุณ budu เหมือนกันครับ แค่ทักท้วงอยากให้มีที่มาที่ไปหน่อยแค่นั้นเอง ครับ จะได้ประดับความรู้
วัสลาม
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-ciddix Date: ม.ค. 08, 2008, 01:54 PM
salammทุกคนครับ ผมเป็นน้องใหม่ของเวปนี้คนหนึ่งครับ เพราะด้วยสาเหตุเดือนที่ผ่านมาผมแค่จะเข้ามาหากรณีข้อแตกต่างหรือประเด็นขัดแย้งทางนิติศาสตร์และแนวทางยึดถือ(อกีดะ)ครับ หาอยู่หลายเวปและหลายอาทิตย์ครับแต่บังเอิญผมพิมท์ชื่อเวปไซด์ผิด แรกจะพิมพ์ชื่อ assunnah ในgoogle แต่ดันมาตกตัว a เวปกูเกิ้ล เลยพาผมออกมาเป็นเวป sunnah..........ซะดื้อๆๆ แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ ที่เจอในสิ่งที่ต้องการ ขอบใจผู้ที่นำเนื่อ้เรื่องมาลงครับ...และตั้งแต่นั้นมาเมื่อผมว่างๆก็จะเข้ามาหาอะไรที่ผมข้องใจประจำๆครับและก็แนะนำเพื่อนๆผมด้วยครับอิๆๆ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
แต่อีกอย่างหนึ่งที่ผมข้องใจคือ คุณ บูดู ที่ให้ฟามหมาย ในคำว่านิกายของศาสนาอิสลาม ซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่ทราบนะครับว่า อิสลามนั้นมีนิกายหรือลัทธิจตามที่คุณบูดูทราบมานะครับ>>>>>>>>>
เพราะนิกายนั้นมันเกิดจาก ใครบางคนที่ก่อตั้งแนวความคิดของตัวเองและอ้างตนว่าเป็นศาสดาหรือแนวทางของตน เช่นถ้าในศาสนาคริสตร์ก็มีเป็น 3 นิกาย คือ
-โปแตสแตนส์
-ออทอดอกซ์
-โรมันคาทอลิก
ถ้าศานาพุทธก็แบ่งออกเป็น 2 นิกาย
-มหายาน
-หินนยาน
และศาสนาอื่นๆอีกมาก
แต่อิสลามนั้นไม่มีนิกายอย่างที่ผมได้ศึกษามาเลยนะครับ นอกจากชีอะอีม่ามอะลีแล้ว บรรดผู้รู้สมัยก่อนและยุคหลังๆต่างถือว่าชีอะยุคหลังๆนี้ถือ คือไม่ชีอะกลุ่มของท่านอาลี(รด)เพราะว่า มีเบี่ยงเบนและแตกยอดแตกสาขาออกเป็น ชีอะ12อีม่าม หรือ -รอฟีเฏาะซึ่งนั้นก็คือ นิกายของเขาแต่ละสาขาๆ
ดังนั้น ผู้รู้ทั้งในยุคอดีตต่างถือว่า นิกายขอชีอะปัจจุบัน ที่แตกมาจาก เดิมของกลุ่มชีอะกลุ่มอีม่ามอะลีแล้ววถือ ว่าไม่ใช่สิ่งถูกต้องแนน่อน...
จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยใดๆของผม แต่ที่คุณบูดูบอกว่า แนวทางอาชาอิเราะเป็นกล่มนิกายแล้วนี่ซิ ผมเลยไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ,,,,,,,,,,,,,,,อยากให้อธิบายแบบมีหลักฐานครับ.....
แต่ที่ผมศึกษามา .....แนวทางการศัทธาในภาคอูซุลุดดีนหรือหลักการยึดมั่นแล้ว บรรดาอุลามะในยุคสลัฟเขาได้เแบ่งการศรัทธาของมุสลิม ที่เป็นออกเป็น 4 แนวทางศรัทธานะครับคือ
1.การศรัทธาแบบอะลิสซุนนะวัญญะมาอะ
2.การศรัทธาแบบมัวตะซิละ
3.การศรัทธาแบบยับบารียะ
4.การศรัทธาแบบอะลิ้กะชัฟ
ฉนั้นในสิ่งที่คูณบูดูกล่าวว่า
นิกาย ในที่นี้หมายถึง แนวความคิดที่โอนเอียงไปในทางรุนแรงและทำให้ผู้ฝักใฝ่จำนวนมิใช่น้อยต้องหันเหออกนอกแนวทางที่
ถูกต้องของอิสลาม >>>>>>>>>>>>>>>>>>
ตรงกันข้าม แนวทางการศรัทธาแบบอาชาอีเราะนั้นคือแนวทางของชาวอะลิสซุนนะวัลญามาอะอย่างแท้จริง...และเป็นแนวทางเดียวที่อุลามะทั้งอดีตและปัจจุบันยอมรับและถือว่า นี่คือสิ่งที่ท่านนบีกล่าวไว้ในฮาดิสของท่าน
ส่วน
.การศรัทธาแบบมัวตะซิละ.....การศรัทธาแบบยับบารียะอุลามะส่วนมากถือว่าเขานั้นก็ยังเป็นมุสลิมเพียงว่าแนวการศัทธาของเขานั้น ถือว่า อาจจบกพร่องในด้านความเข้าใจในตัวบท....ส่วน..การศรัทธาแบบอะลิ้กะชัฟ
นั้นถือว่าเป็นสิ่งพิเศษสำหรับบางบุคคล
ผมเข้าใจผิดยังไงแนะนำได้ครับ
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-ciddix Date: ม.ค. 08, 2008, 04:18 PM
คุณ บูดู กล่าวว่า...............สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดนิกายในอิสลาม คือ
การนำหลักปรัชญาจากตะวันตกเข้ามาศึกษา พร้อมทั้งพยายามเจาะประเด็นและค้นคว้าปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเร้นลับ เช่น ตัวตนและ
คุณลักษณะของอัลลอฮ์ รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายที่พระองค์ทรงใช้ให้เชื่อมั่น และศรัทธาโดยห้ามค้นคว้าหรือวิเคราะห์.........การนำหลักปรัชญามาค้นคว้าและศึกษาร่วมกับอัลกรุอ่านโดยมันมีความสอดคล้องกันนั้น ถือว่าไม่เป็นเรื่องผิดประการใด เพราะพระองค์ไม่ทรงที่จะห้ามให้เราค้นคว้าในทุกๆวิชาในโลกนี้ แต่การที่เอาสติปัญยาตัวเองเข้ามาพัวพันร่วมกับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างสรรค์นั้นถือว่าการที่ไม่สมควรยิ่งโดยเฉพาะ สติปัญญาอันต่ำต้อยของมนุษย์ยิ่งเขาเป็นผู้ไร้การศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้งด้วยแล้ว ถือว่าเขานั้น เป็นผู้ที่ฉ้อแลตัวเอง
การศึกษาในสิ่งพระองค์ทรงบอกแ ละกล่าวในอัลกรุอ่านนั้นรเป็นสิ่งที่ดียิ่ง ดังนั้นการ ที่มนุษย์ผู้มรสติเพิดเฉยกับการพิจรณาในสิ่งที่พระองค์พูดและถึงขั้นเลยเถิดว่าเป็นเรื่องผิดนั้น เปรียบได้ว่าเขาผู้นั้น ได้เชื่อในสิ่งที่เขาบอกทอดๆกันมาแต่ไม่เคยใช้สติปัญญาในการเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น หรืออาจจะกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า
เขานั้นเชื่อแบบคนตาบอดที่ไร้การค้นคว้าและพิจารณา
การที่บรรดาอุลามะและบรรดาลูกศิษย์ของคนในยุคสลัฟ ร่วมกันศึกษาในคำดำรัสเพื่อพิจารณาถึงสิ่งที่พระองค์กล่าวไว้และถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้สู่เรา นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่การที่ละเลยและไม่สนใจในกาลามุ้ลเลาะและปล่อยให้ชัยตอนเป็นผู้นำความคิดบวกกับสติปัญยาตัวเองมาตัดสินในสิ่งที่อุลามะก่อนๆเขากระทำกันนั้นถือว่า อันตรายยิ่ง
การบอกกล่าวคุณลักษณะของอัลลออ์ที่บรรดาผู้รู้ได้นำมาบอกกล่าวนั้นไม่ใช่กำจัดอยู่เพียง 20 คุณลักษณะของพระองค์ว่าต้องมีเพียงเท่านั้น แต่ในอัลกรุอ่านนั้นคุณลักษณะที่เราผู้เป็นมนุษย์ที่ไสมารถุจะพรรณาได้นั้นมันมีอยู่มากมายและมาก
กว่า นั้นยิ่งนัก
เพียงแต่ สิ่งไหนที่บรรดาผู้รู้เห็นว่า คุณลักษณะเพียง 20ประการ นั้นน่าจะเพียงพอและง่ายต่อความเข้าใจของมนุษย์กับสติปัญญาอันน้อยนิดของ มนุษย์
ในความเป็นจริงการบอกกล่าวถึงคุณลักษณะของพระองค์ในอัลกรุอ่านนั้นมัน ที่แท้จริงมัน ก็คือสิ่งที่พระองค์ได้ทรงพรรณาถึงคุณลักษณะของพระองค์ ให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นไว้ในอัลกรุอ่านแล้ว
....โดยผ่านผู้รู้ผู้ที่เข้าใจมาอีกขั้นตอยหนึ่งนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดีและสมควรจะให้เกียรติในสิ่งที่ผู้รู้เหล่านั้นเสียสละฉนั้น การเรียนรู้และรู้จักถึงคุณลักษณะของพระองค์นั้น เป็นมะรีฟัตที่จำเป็นยิ่งสำหรับมนุษย์ที่จะรู้จักในพระเจ้าของเขาก่อนที่เขาจะศรัทธาและกราบไหว้...................
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: al-ciddix Date: ม.ค. 08, 2008, 04:41 PM
๓. นิกายมัวะตะซิละห์
มัวะอ์ตะซิละห์ เป็นนิกายหนึ่งในอิสลามที่อาศัยสติปัญญาในการทำความเข้าใจหลักการเชื่อมั่นของอิสลาม ซึ่งได้รับอิทธิพลความคิด
มาจากการนำปรัชญาจากต่างชาติเข้ามาศึกษา จึงทำให้ผู้ยึดถือนิกายนี้ต้องหลุดออกจากหลักการที่ถูกต้องของอิสลาม
นักวิชาการกลุ่มนี้พยายามอธิบายตัวบทพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและวจนะท่านศาสดามุฮัมมัดตามความคิดของตนเอง พวกเขาจึง
อาศัยการเข้าใจตัวบทด้วยการตีความตามอำเภอใจ
อุดมการณ์สำคัญที่พวกมัวะอ์ตะซิละห์ยุคใหม่ยึดถือคือ คำกล่าวอ้างที่ว่า สติปัญญาคือหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงแก่นสาร
แห่งความจริงมัวะตะซิละนั้นเป็นการศรัทธา หนึ่งที่ใช้สติปัญญาตัวเองเข้าร่วมพิจราณา สิ่งไหน ไม่กินกับปัญญาตัวเองสิ่งนั้นเขาจะใช้ความคิดตัวเองตัดสิน ควบคู่ไปด้วยเช่น การอ่านกรุอ่านให้กับชาวกรโบร์ เขาจะถือว่ามันไม่ถุกต้องและการกระทำนั้นจะไม่ถึงต่อผู้ที่อยู่ในกรุโบร์ (หรือผู้ที่ตายแล้ว)ดังนั้นพวกเขาจะไม่กระทำมัน ในสิ่งที่ชาวมัสหับกระทำกัน เพราะเขาเอาสติปัญญาตัวเองมาตัดสินว่า คนตายไปแล้วนั้นไม่สามารถรับรู้ใดๆจากการกระทำของคนเป็น และคนตายไปแล้วนั้นไม่มีความรู้สึกเปรียบเสมือนท่อนไม้ที่จะผลักหรือกว่ไปไหนก็ได้
ชาวมัวะตะซิละนั้นจะเเบ่งกำลัง ออกเป็น 2คือ กำลังหนึ่งเป็นของตัวเองกำลังหนึ่งเป็นของอัลลอฮ์ ฉนั้นกำลังนั้นต้องควบคู่กัน เช่น ถ้าหากว่า ถ้าต้องการอะไรสักอย่าง เช่นความรวย ก็ต้องใช้กำลังหรือสติปัญญาตัวเองที่ได้มาในการขวนขวาย สิ่งนั้น และในที่สุดมันต้องมาอย่างแน่อนอน ดั่งที่ที่ต้องการ เสมอไป นี่คือแนวคิดของ มัวะตะซีละ ที่เชื่อว่า คือเมื่อมนุษย์จะมนุษย์จะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็จะได้มา อย่างแน่นอน
โดยไม่ได้คิดว่า ความรวยความจนนั้น ล้วนมาจากพระองค์ ขยันเพียงไหน หรือตลอดชีวิต ถ้าพระองค์ไม่ยินยอมให้ก็รวยไม่ได้ หลายๆคนขยันตลอดเวลา แต่ณ.วันนี้เขาก็ยังลำบากขัดสนอยู่ซึ่งมีมากมายให้เห็น....
ฉนั้น แนวคิดมัวะตะละนั้น เขาเป็นเพียง แค่กาเฟรซีนดีนเท่านั้น และ เป็นมุสลิมเพียงแค่เปลือกนอก เพราะการศัรทธาเขานั้น ยังมีชีริกมาก
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: คนอยากรู้ Date: ม.ค. 08, 2008, 05:10 PM
เจ๋งครับ คุณ อัลซิดิก...... 2hand
///////บูดู กล่าวว่า.............๔. ไซดียะห์
ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มี
หลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด salam
๔. ไซดียะห์
ไซดียะห์ เป็นแขนงหนึ่งในนิกายชีอะห์ที่มีหลักการใกล้เคียงกับชาวซุนนะห์มากที่สุด
มีจุดแผ่ขยายอยู่ที่ชายฝั่งคอซรอซ ไดลัม ฏ๊อบริสถาน และญีลานตะวันออก จนถึงแคว้นฮิญ๊าซและทาง
ทิศตะวันตกของอียิปต์ ปัจจุบันมีจุดศูนย์กลางการแผ่ขยายอยู่ที่ประเทศเยเมน
๕. นิกายอะชาอิเราะห์
อะชาอิเราะห์ เป็นนิกายวิภาษวิทยา ซึ่งเป็นนิกายที่แยกออกมาจากมัวะอ์ตะซิละห์ โดยนิกายนี้ใช้สติปัญญาเป็นหลักฐานในการ
ยืนยันเรื่องของศาสนา และมีความสอดคล้องกับแนวทางของชาวซุนนะห์
งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
:allahuakbar:โอ คุณบูดู บูซุ สรุปแล้ว ทั้งอาชาอิเราะและไซยีดะ ไม่ใช่ชาวอะลิสซุนนะฯหรือครับ และที่บอกว่าทั้ง2กลุ่มใกล้เคียงกับชาวซุนนะนั้น เอามาตรฐานไหนมาวัดหรือครับ
อยากให้เอาหลักฐานมาเสนอกันดีกว่านะครับ ที่ว่าซุนนะนั้นซุนนะไหน คิดว่า คงไม่ใช่ซุนนะท่าน มุฮำมัด บินอับดุลวาฮาบ นะครับอิๆๆๆ
Re: **// กลุ่มหรือนิกายที่เกิดขึ้นในอิสลาม //** By: คนอยากรู้ Date: ม.ค. 08, 2008, 07:46 PM
อิๆๆๆโทษทีลงผิดกระทู้ครับ
.............อ้างจากคุณ kowee
ที่นี้คุณซิดดีก มาดู อากีดะวะฮาบีกับบ้างว่า มีความสอดคล้องกับ
นิกายมุตะซีละหรือไม่อย่างไร ครับคืออย่างนี่ครับ
วาฮาบีย์เชื่อในซีฟัตกะลามของอัลเลาะฮ์ว่า...
قديم النوع حادث الآحاد
"ประเภทนั้นกอดีมแต่ส่วนปลีกย่อยต่างๆ นั้นเป็นมัคโลคของใหม่"หมายถึง"วะฮาบีย์ได้ปฏิเสธความกอดีมขออัลกุรอาน...พวกเขาอ้างว่า..กาลามุลลอฮ์(ซีฟัตการพูดของอัลเลาะฮ์)นั้น...ประเภทของมันนั้นกอดีมแต่ส่วนย่อยต่าง ๆ ของกาลามมุลลอฮ์นั้นฮาดิษ(เป็นของใหม่เป็นมัคโลคที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่)...กล่าวคือ...กาลามของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีนั้นมีหลากหลาย...ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงมีมาแต่เดิมโดยยังไม่มีอัลกุรอานและอินญีลนั้นอยู่ก่อนอัลกุรอานและเตาร๊อตอยู่ก่อนอินญีล.[/color
]เราจะเห็นว่า แนวทางมัวตะซีละของวะฮาบีนั้นเชื่อว่า กาลามของอัลเลาะฮ์นั้นเป็นของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นและได้ดำรงอยู่ที่อัลเลาะฮ์....คืออัลเลาะฮ์จะสร้างถ้อยคำพูดของพระองค์ทีละนิดละน้อยเรื่อยๆ....และวะฮาบีนั้นไม่ได้เข้าใจว่า...อัลกุรอานได้ดำรงอยู่ที่อัลเลาะฮ์เหมือนกับอิลมุ(ความรอบรู้)ของพระองค์ได้ดำรงคงอยู่ที่พระองค์เองโดยไม่เปลี่ยนแปลง..
.ดังนั้นวะฮาบีย์จะอุตริกรรมบิดอะฮ์คำพูดขึ้นมาที่ว่า...กาลามของอัลเลาะฮ์กอดีมประเภทของมันเท่านั้นส่วนปลีกย่อยต่าง ๆ ของกาลามพระองค์นั้น - เช่น อัลกุรอาน เตาร๊อต อินญีล - เป็นสิ่งใหม่เป็นมัคโลค...และหลักความเชื่อนี้คือหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในปัจจุบันซึ่งพวกเขาเอาคำว่าสลัฟมาบังฉากหน้าของตนเองอยู่..."
หากพิจารณากันให้ดีครับพี่น้อง ...นี้คืออะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ที่บิดอะอ์...ซึ่งวะฮาบีเมืองไทยยึดถือกันอยู่...
และหากเราสรุปตามหลักการของพวกเขานี้แล้ว...คือ อากิดะฮ์ของวะฮาบีนั้น....เชื่อว่าอัลกุรอานเป็นมัคโลคถูกสร้างขึ้นมาใหม่...ไม่ใช่กอดีม...ซึ่งตรงและสอดคล้องกับอะกีดะฮ์ของพวกมั๊วะตะซิละฮ์และชีอะฮ์อิมาม 12 โดยที่พวกเขาใช้สติปัญญาของเขาเข้ามาตัดสินเช่เดียวกันครับ คุณ อัล-ซิดดิก
คุณ อัลซิดดีก เข้าใจเหมือนผมถุกเพ้งเลยครับ