กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ประวัติศาสตร์
Pages: 1234
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ก.พ. 08, 2007, 03:35 PM
สลามครับบัง สุเหร่าเขียว เอ้ย บังนูรู้ลอิสลาม สบายดีนะครับ

สบายดีครับน้อง อัลฮัมดุลลิลาห์  วันนี้เข้ามาฟังประวัติศาสตร์ด้วยหรือครับเนี่ย
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 08, 2007, 03:41 PM

พระยาราชบังสัน-พระยาราชวังสัน
 

ราชทินนามของขุนนางไทยส่วนใหญ่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต บอกบ่งถึงหน้าที่การงานไปจนกระทั่งเชื้อสายก็มี แต่ก็มีส่วนน้อยมาจากภาษาอื่น

ในจำนวนนี้ที่ออกจะแปลกหูก็คือ พระยาราชบังสัน ซึ่งถ้าจะดูความหมายจากภาษาบาลีสันสกฤตแล้วก็จะหาคำตอบไม่ได้ เพราะมาจากถิ่นไกลกว่านั้นค่ะ คือภาษาอาหรับ

พระยาราชบังสันคนแรกที่ค้นพบตามหลักฐานมีชีวิตอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เป็นแม่ทัพเรือมีราชทินนามว่า " พระยาราชบังสันเสนี"

มีนามตัวว่า "ฮะซัน" จึงเข้าใจว่า " บังสัน" มาจากส่วนหนึ่งของชื่อเดิมนั่นเอง

พระยาราชบังสันมีเชื้อสายสืบทอดมาถึงสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เป็นพระยาราชบังสันในลำดับที่ ๕ ของชั่วคน ในรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯให้

พระสมุทรบุรานุรักษ์เจ้าเมืองชลบุรี มารับราชการในกองทัพเรือในกรุงเทพฯ ทรงเลื่อนขึ้นเป็นพระยา แต่ไม่ใช่ " พระยาราชบังสัน" อีกต่อไป

แต่กลับเป็น " พระยาราชวังสัน" คนแรก พระยาราชวังสันผู้นี้ มีนามเดิมว่า " หวัง" ท่านเป็นพระยาแม่ทัพเรือคนที่ ๕ ที่สืบเชื้อสายพระยาราชบังสันเสนี (ฮะซัน)

สมัยอยุธยา มาจากตระกูลซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุลต่านสุไลมาน ทุกชั่วคนเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม

ทำไมพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกถึงทรงเปลี่ยนราชทินนามจาก "ราชบังสัน" เป็น "ราชวังสัน" เสียเล่า

ในเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีพระยาราชบังสันกันมาหลายชั่วคนแล้ว? สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงสันนิษฐานไว้ว่า เป็นเพราะเดิมเจ้าพระยาจักรี (แขก)

มีบุตรชายคนโตได้เป็นพระยาราชบังสัน (จุ้ย หรือ หมัด) มาก่อน ต่อมาพระยาราชบังสันผู้นี้ ทำความดีความชอบในหน้าที่ราชการ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยายมราช

เมื่อจะโปรดเกล้าฯ เลื่อนน้องชายขึ้นเป็นพระยาราชบังสันแทน ก็เกรงจะผิดความหมาย เพราะ "บัง" หมายถึงพี่ชาย จึงทรงเปลี่ยนคำว่า "บัง" ซึ่งมีความหมาย

ในการลำดับเครือญาติมาเป็นชื่อบุคคลว่า "วัง" จากคำว่า "หวัง" อันเป็นชื่อที่นิยมตั้งกันในผู้ที่มีเชื้อสายแขกสุหนี่ในตระกูล "หวังฮะซัน"

พระยาราชวังสันคนแรกคนแรกนี้ก็ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณมาด้วยความเรียบร้อยดี เป็นคนเก่งเรื่องเดินเรือ และปราบปรามโจรสลัดที่มารบกวนแถวอ่าวไทย

สมหน้าที่แม่ทัพเรือ พ่อค้าทั้งไทยและต่างชาติพากันยกย่องนับถือมาก




...แล้วจะหามาอีกค่ะ...
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: UmAsA_iB Date: ก.พ. 08, 2007, 05:56 PM
ขอบคุณมากครับ  ?εΐз?..เจ้าหญิงแห่งดอกไม้..?εΐз? 
 

Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: al-um Date: ก.พ. 08, 2007, 10:24 PM
สลามครับบัง สุเหร่าเขียว เอ้ย บังนูรู้ลอิสลาม สบายดีนะครับ

สบายดีครับน้อง อัลฮัมดุลลิลาห์  วันนี้เข้ามาฟังประวัติศาสตร์ด้วยหรือครับเนี่ย

ครับบัง นานๆทีได้มีโอกาสเข้าบ้างนะครับ  ช่วงนี้ยุ่งๆอ่ะครับ  ว่างๆค่อยมาคุยตอบกระทู้สดกันนะครับ

Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: Bahebak Date: ก.พ. 09, 2007, 08:53 AM
อัสลามุอะลัยกุมฯ

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงมอบอะไรที่ต่างไปจากเดิม :)
(ครั้งแรกจริง ๆ ถ้าเคยโพสต์เรื่องราวทำนองนี้มาก่อนหน้านี้แล้วต้องขอมาอัฟด้วยค่ะ)

ยังอ่านไม่จบ...
แต่รู้ว่า มีประโยชน์มากจังเลย  รู้สึกดีจังเลย

ยินดีมากที่เห็นเจ้าหญิงของเรา มาให้ประโยชน์สาระดี ๆ แบบนี้
จะอ่านต่อไป..อ่านไปคงรู้สึกภูมิใจไปด้วย
และจะรออ่านตอนต่อไปด้วยค่ะ :)


วัสลาม ;)
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 09, 2007, 02:55 PM
อัสลามุอะลัยกุมฯ

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงมอบอะไรที่ต่างไปจากเดิม :)
(ครั้งแรกจริง ๆ ถ้าเคยโพสต์เรื่องราวทำนองนี้มาก่อนหน้านี้แล้วต้องขอมาอัฟด้วยค่ะ)

ยังอ่านไม่จบ...
แต่รู้ว่า มีประโยชน์มากจังเลย  รู้สึกดีจังเลย

ยินดีมากที่เห็นเจ้าหญิงของเรา มาให้ประโยชน์สาระดี ๆ แบบนี้
จะอ่านต่อไป..อ่านไปคงรู้สึกภูมิใจไปด้วย
และจะรออ่านตอนต่อไปด้วยค่ะ :)


วัสลาม ;)

ค่ะ...ต่อไปเจ้าหญิงฯ จะพยายามทำตัวให้มีสาระมากกว่านี้น๊ะค๊ะ :D
แต่ว่าเจ้าหญิงฯมีความรู้เรื่องศาสนาน้อยมั่ก มั่กกกกก...ยังงัยก้อขอคำแนะนำด้วยค่ะ... :D :D



Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: กูปีเยาะฮฺสะอื้น Date: ก.พ. 10, 2007, 02:00 PM
 ::) ::) ::)
ตาลายเลย  ;D ;D
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 11, 2007, 04:11 PM

ปลายกรุงศรีอยุธยา ขณะที่หลวงนายศักดิ์หมุด ไปเก็บภาษีที่ภาคตะวันออก ได้ภาษี 300 ชั่ง พอดีมีข่าวกรุงแตก พระยาจันทบุรีขอเก็บเงินภาษีไว้เอง หลวงนาย-ศักดิ์หมุดไม่ยอม ระหว่างเจรจา ก็ให้มีโจรมาปล้นเอาเงินไป พระยาจันทบุรีกับหลวงนายศักดิ์หมุด ตั้งท่าจะรบกัน

ช่วงเวลานั้นเอง ทัพพระยาตาก นำทัพหนีจากอยุธยา ก็ไปถึง พระยาจันทบุรีไม่ยอม ให้พระยาตากเข้าเมือง หลวงนายศักดิ์หมุดพาจีนตั้วเฮีย 500 คน พร้อมด้วยเงิน 300 ชั่ง เข้าไปเฝ้าพระเจ้าตาก ร่วมมือกันยึดเมืองจันทบุรีไว้ได้ และใช้เงินภาษีต่อเรือรบ ใช้เวลาเพียง 5 เดือน ก็ยกทัพมากู้กรุงศรีอยุธยาไว้ได้

เมื่อพระเจ้าตากตั้งกรุงธนบุรี เพื่อนร่วมรุ่นก็ได้ดีกันทุกคน หลวงนายศักดิ์หมุด เป็นพระยายมราช โปรดให้เป็นแม่ทัพเรือ เป็นทัพหน้ายกไปตีชุมนุมเจ้านคร กล่าวกันว่า หลวงนายศักดิ์หมุดอาศัยความเป็นหลานพระยาไชยา ยกกำลังไปเล็กน้อย สามารถต่อเรือรบเกณฑ์กำลังพล ยกไปตีและเอาชนะเมืองนครได้

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าให้เลื่อนพระยายมราช เป็นเจ้าพระยาจักรี ประวัติศาสตร์เรียกท่านว่า เจ้าพระยาจักรีแขก

และในคราวเดียวกัน ก็โปรดให้เลื่อนพระราชวรินทร์ (ทองด้วง) เป็นพระยายมราช

ฝีมือการรบของเจ้าพระยาจักรีแขก เก่งกาจเป็นที่โปรดปรานมาก สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระราชทานที่ดินระหว่างวัดหงส์รัตนารามกับวัดโมลีโลกยาราม ให้เป็นหมู่บ้านมุสลิมสุหนี่ ให้พี่น้องเจ้าพระยาจักรีแขกได้อยู่รวมกัน มีมัสยิด กุฎีใหญ่ (มัสยิดต้นสนปัจจุบัน) ภายในกุฎีใหญ่มีบริเวณสุสานกว้างขวาง

พ.ศ.2314 เจ้าพระยาจักรีแขกถึงอสัญกรรม โปรดให้ฝังศพไว้ที่สุสาน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เสด็จมาร่วมพิธีฝังศพด้วย

Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: Ibnu Qasem Date: ก.พ. 12, 2007, 05:21 PM
เมื่อกล่าวถึงมุสลิมแห่งสยามประเทศแล้วผมคนหนึ่งเป็น นศ.ประวัติฯ(วิชาโท) ที่ชอบเรื่องประวัติฯที่เกี่ยวกับมุสลิม แต่วันหนึ่งผมได้เจอกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อิสลาม  ที่มีชื่อว่า  ชำระประวัติศาสตร์และมุสลิมผมก็สนใจมากและหยิบมาอ่าน แต่ต้องผิดหวังเมื่อมันเป็นหนังสือของ  ซิอะห์  ที่บิดเบือนทุกอย่าง  ที่แรกที่ดีใจเพราะในเล่มหนึ่งมันมีตั่งแต่ยุคนบีถึงยุคออตโตมัน(ถ้าจำไม่ผิด) ผมคิดว่ามันครอบคลุมดีเลยชอบ แต่ที่นัยได้กลายเนหนังสือที่บิดเบื่อน
  ผมอยากทราบว่าพี่น้องท่านใดพอจะรู้บ้างว่ามีหนังสือป.วัติฯอิสลามที่มีตั่งแต่ยุคนบีถึงยุคออตโตมันแต่ต้องเป็นภาษาไทยนะครับหากพี่น้องท่านใดทราบช่วยแนะนำด้วยจักขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง   มันสำคัญมากสำหรับผมเพราะจะใช่ในการเปรียบเที่ยบประวัติศาสตร์ยุโรปกับประวัตฺศาสตร์อิสลาม   ในเรื่องของยุคต่างๆของทั้ง 2 ประวัติฯ 
                       ขอบคุณเป็นอย่างสูง               วัสสาลาม
               
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 15, 2007, 04:49 PM
อัสลามมุอาลัยกุมค่ะ...

เจ้าหญิงฯ ได้มีโอกาสอ่านวารสารที่นี่ต้นสนค่ะ...นำมาฝากอ่านกันน๊ะค๊ะ


          "ขุนนางมุสลิมในราชสำนักสยาม" โดยเริ่มตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาในช่วงต้นๆ มาจนสมัยอยุธยาตอนกลางและได้กล่าวถึง เรื่องราวของ ขุนนางมุสลิมกรมท่าขวา
ที่เข้ารับราชการมาตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จนถึงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และจะได้เล่าถึงความเป็นมาของตระกูลขุนนางมุสลิม
อาทิ เช่น

          ท่านเฉกอะหมัด หรือที่เรียกเป็นทางการว่า เจ้าพระยาบวรราชนายก ซึ่งเป็นต้นตระกูล บุนนาค, จุฬารัตน์ อะหมัดจุฬาม บุรานนท์, ศุภมิตร, ศรีเพ็ญ,
จาติกรัตน์ ฯลฯ ( ทบาทของมุสลิมในสมัยอยุธยาศาตราจารย์เพ็ญศรี  กาญจโนมัย )

          อีกทั้งคนในตระกูลของท่านสุลต่านสุลัยมาน ทายาทของานดาโต๊ะโมกอล ที่กล่าวมาแล้วนั้นก็ล้วนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเหล่าบรรดาลูก หลาน เหลน
โหลน ของพี่น้องมุสลิมชาวมัสยิดต้นสนในปัจจุบันทั้งสิ้น แม้แต่กุบูรของมัสยิดต้นสนแห่งนี้ก็เป็นที่ฝังร่างของบรรพบุรุษที่มีส่วนช่วยกันกู้บ้าน สร้างเมือง
เคียงข้างกับพระมหากษัตริย์ของปวงชนชาวไทยมาทุกยุคทุกสมัย นำมาซื่งเอกราชอธิปไตยตรบจนถึงทุกวันนี้ โดยมิได้เป็นเพียงแค่ผู้มาขออาศัย
หรือเชลยที่แพ้สงครามของแผ่นดินแต่อย่างใด

         
          สำหรับในช่วงอยุธยาตอนปลายนั้น เป็นยุคของสมัยราชวงศ์บ้านพลูลวง กษัตริย์พระองค์แรกก็คือ พระเพทราชา เมื่อลุศักราช 1044 ปีจอ จัตวาศก
เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อจากราชวงศ์ปราสาททอง และกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้ และเป็นองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ก็คือ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์

          หากจะหันกลับไปมองย้อนอดีต ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ได้มีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยานั้น มีทั้งการสืบราชสมบัติ
และวิธีการแย่งชิงราชสมบัติ หรือที่เขาเรียกให้เป็นทางการสักหน่อยว่า การปราบดาภิเษก หมายความว่า ทำการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ถ้าหากกระทำการไม่สำเร็จ
เขาก็เรียกว่า กบฎ นั่นเอง พระมหากษัตริย์ของอยุธยามีทั้งหมด 34 พระองค์ ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกัน  ปกครองจำนวนทั้งสิ้น 33 พระองค์ ด้วยกับวิธีการสืบราช
สมบัติ 21 ครั้ง และวิธีการแย่งชิงราชสมบัติมีจำนวนถึง 12 ครั้ง ( หนังสือศิบปวัฒนธรรมปีที่ 24 ฉบับที่ 9 )

          โดยส่วนใหญ่ ราชสมบัติมักจะตกอยู่กับลูกชายของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นการสืบสายโลหิตโดยตรง มากกว่าบรรดาญาติสนิท อาทิเช่น น้องชายของกษัตริย์
ซึ่งส่วนมากจะดำรงตำแหน่งที่อุปราช

          สำหรับการปราบดาภิเษก คือ การได้ราชสมบัติมาด้วยวิธีการต่อสู้ ใช้กำลังเข้าแย่งชิง ซึ่งเป็นที่นิยมกันใน หมู่ผู้รักและแสวงหาอำนาจ เรียกกันภาษาชาวบ้าน
อย่างเราๆ ว่า  ตุลยบัลลังก์เลือด ขึ้นเป็นใหญ่ หรือ ศึกสายเลือด

          แต่กระนั้นก็ตาม อยากจะให้ตั้งข้อสังเกตสักเล็กน้อยว่า ประวัติศาสตร์นั้นมันเป็นบทเรียนของการดำเนินชีวิต ที่คอยเตือนสติของพวกเราในปัจจุบันว่า
หากใครทำอะไรเอาไว้ไม่ดี หรือคิดไม่ดีต่อผู้อื่นแล้ว ก็คงจะไม่ต้องรอถึงโลกหน้าหรอก แค่โลกนี้พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงให้เราได้เห็นๆ กันแล้ว ประเภทกรรมติดจรวจ
มาทางอินเตอร์เน็ต นั่นแหละ การที่ได้เรียนรู้เรื่องราวในอีตของต้นตระกูลรวมถึงมูลเหตุต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์ ไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดิน หรือยาจกวณิพกก็ตาม
ทำให้เราสามาถวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจบันด้วยทัศนคติที่กว้างไกลมากขึ้น เพื่อจะทำให้เราได้คิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาและจะได้ไม่โดนหลอก
ไม่ทำผิดซ้ำผิดซากอยู่อีก จนเกิดเป็นความเคยชิน

          เหมือนเมื่อครั้งสงครามกลางเมือง สมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อปี พ.ศ.2275 ระหว่างวังหลวงกับฝ่ายวังหน้าได้สิ้นสุดลง ผลปรากฏว่าฝ่ายวังหน้า คือ
กรมพระราชวังบวรเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะบนซากปรักหักพัง ที่เจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส เพราะพระมหากษัตริย์ผู้ขึ้นครองราช ต้องทรงเข่นฆ่า
ลูกหลานแท้ๆ ของตนเอง

          สมัยนั้นกรุงศรีอยุธยาสูญเสียมากเหลือเกิน เสียทั้งแม่ทัพนายกองรวมถึงข้าราชบริพารที่มีความสามารถ  ชาวอยุธยาต้อมาฆ่ากันเอง พระบรมมหาราชวัง
ที่แสนจะวิจิตรงดงาม กลับถูกทำลายอย่างยับเยิน กรมพระราชวังบวรฯ ( วังหน้า ) ทรงเถลิงราชสมบัติเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาบรมราชา
หรือที่เรามักเรียกกันว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

          เนื่องจากพระบรมมหาราชวังต้องพังพินาศไปไม่น้อย ดังนั้นพระองค์จึงต้องประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกขึ้นที่ วิมานรัตนมหาปราสาท
ซึ่งปัจจุบันคือ บริเวณพระที่นั่งพิมานรัตนาในพระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



มีต่อน๊ะค๊ะ.....

Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 15, 2007, 06:14 PM
ต่อค่ะ....


          ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศนี้เอง ได้มีขุนนางมุสลิมในสายตระกูลของเจ้าพระยาบวรราชนายก ( เฉก-อะหมัด ) ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท
อย่างใกล้ชิดท่านผู้นั้น คือ พระยาเพชรพิชัย ( ใจ ) ดำรงตำแหน่งจางวางพระตำรวจขวา มีหน้าที่รับใช้ตามเสด็จเวลาทรงประพาสตามสถานที่ต่างๆ
ต่อมา ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาเพ็ชรพิชัย ว่าที่สมุหนายก ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเหลือเกินว่า ตามประวัติศาสตร์แล้วท่านผู้นี้ได้เปลี่ยนศาสนาไปนับถือพุทธ
ในช่วงตอนตามเสด็จฯ พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัด สระบุรี
นับแต่นั้นมา หากแต่บุตรของท่านบางคนยังคงนับถือศาสนาอิสลามอยู่
อาทิเช่น พระยาวิชิตณรงค์ ( เชน ) ซึ่งต่อมาดำรงตำแหน่งพระยาจุฬาราชมนตรีในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินท์ ( ข้อมูลจากหนังสือ
"ขุนนางกรมท่าขวา"
โดย ดร. จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์ ) ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยน ศาสนานั้นมีอยู่ในรายละเอียดจดหมายเหตุประถมวงศ์
สกุลบุนนาค ดังนี้

          อยู่มาครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปถวาย นมัสการพระพุทธบาท พระยาเพ็ชรพิชัย ( ใจ ) จึงได้กราบบังคมทูล
ขอตามเสด็จพระราชดำเนินด้วย พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชโองการตรัสว่า พระยาเพ็ชรพิชัยเป็นแขกไปพระบาทไม่ได้ ถ้าหากทิ้งเพศแขก มารับรีตไทย
จึงจะให้ไปด้วย ฝ่ายพระยาเพ็ชรพิชัย ( ใจ ) จึงรับพระราชโอเงการใส่เกล้าฯ แลวกราบทูลพระกรุณาว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะขอรับพระราชทานเป็นไทย
ตามพระกระแสพระราชโองการดำรัสสั่ง

          ดังนั้น จึงทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระยาเพ็ชรพิชัย ตามเสด็จพระราชดำเนินได้ ครั้นเสด็จพระราชดำเนินประทับที่พระพุทธบาทแล้ว
พระยาเพ็ชรพิชัย (ใจ ) ก็สมาทานศีลเฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  กระทำสัตย์ถวายพระรัตนตรัยต่อสำนักสมเด็จพระสังฆราชและต่อหน้าพระที่นั่ง
พระเจ้าแผ่นดินด้วย ครั้นเมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จกลับถึงยังพระนครแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเพ็ชรพิชัย ( ใจ ) ให้เป็นเจ้าพระยาเพ็ชรพิชัย
( เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, จดหมายเหตุใครเป็นใคร ของท่านเพิ่ม อะหมัดจุฬา )

          การที่พระยาเพ็ชรพิชัยตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาจากอิสลามมาเป็นพุทธนั้น น่าจะมีวัตถุประสงค์ สำคัญ 2 ประการ คือ         
          ประการแรก      เพื่อลดกระแสความไม่ไว้วางใจที่พระมหากษัตริย์มีต่อประชาคมต่างด้าว โดยเฉพาะกลุ่มขุนนางมุสลิม
          ประการที่สอง   เพราะขุนนางผู้นี้ต้องการให้ตัวเขาและขุนนางในสายตระกูลเจริญเติบโตในหน้าที่ราชการยิ่งขึ้น  โดยเฉพาะตัวของพระยาเพ็ชรพิชัยนั้น
ดำรงตำแหน่งจางวางพระตำรวจขวา มีหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดตามเสด็จฯ เวลาทรงประพาสตามสถานที่ต่างๆ แต่ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้กระนั้นหรือ
ถึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาได้ถึงขนาดนี้

          หากเราจะลองย้อนกลับไปศึกษาด้านการเมืองในสมัยนั้น จะเห็นได้จากกรณีของเจ้าฟ้ากุ้ง หรือที่เรียกเต็มพระยศว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ไชยเชษฐสุริยวงศ์
กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็นกวีเอกของกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย           

          ส่วนตัวของพระองค์นั้น เกือบจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระราชบิดาของท่านอยู่แล้วเชียว แต่ก็ต้องมาจบชีวิตลงด้วยข้อหา
ลักลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ และสนมอีกจำนวนหนึ่ง ( จากหนังสือ การบ้านการเมือง เรื่อง เจ้าฟ้ากุ้ง โดย อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม )

          * หากแต่หลักฐานของฝรั่งชาวฮอลันดา ได้พูดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นเอาไว้โดยย่อว่า "เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์กำลังคิดการโค่นล้มอำนาจของสมเด็จพระราชบิดา
โดยจะแอบเข้าไปปลงพระชนม์ในห้องพระบรรทม โดยความร่วมมือของพระสนมที่พระองค์เข้าไปกระทำชู้ด้วย"

          และยิ่งอ่านไปดูเอกสารในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ( Algemeen Riy Ksarchief ) ณ กรุงเฮก ซึ่งเป็นจดหมายจากนาย Nicolaas Bang 
พ่อค้าใหญ่ของ VOC ประจำกรุงศรีอยุธยา ถึงข้าหลวงใหญ่ Mossol  ณ กรุงปัตตาเวีย เขียนที่กรุงศรีอยุธยา ลงวันที่ 8 มกคารม 1757 โดยบันทึกเหตุการณ์
สำคัญในราชสำนักสยามเอาไว้บางตอนดังนี้

          * สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงให้จับตัวพระมหาอุปราชไว้ล่ามโซ่ทั้งมือและเท้า โดยห้ามมีใครเข้าไปหา หากไม่ได้รับพระราชานุญาติ ช่วงในเวลา
3 วัน ที่พระมหาอุปราชติดคุกอยู่ ก็ได้มีคนนำเอาเรื่องราวต่างๆ ไกราบทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศหลายเรื่อง

          * สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้ " TJAUW SAKEW "  กับ " TJAUW CROMME KIESA POON "
( กรมหมื่นจิตรสุนทร พร้อมทั้งพระยาจักรี เจ้าพระยาคลัง เป็นผู้สอบสวนพระมหาอุปราช ( เจ้าฟ้ากุ้ง ) แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลย จึงทรงรับสั่งให้โบย
พระมหาอุปราช 50 ที แต่ก็ไม่เป็นผล จึงรับสั่งให้โบยอีก รวมเป็น 180 ที และให้เผา "ปลายพระบาท" ด้วย ( นาบพระบาท ) และรับสั่งให้จับข้าหลวง
สำคัญๆ ของพระมหาอุปราชเข้าคุกให้หมด เพื่อสอบสวนความ มีทั้งการเฆี่ยน และการทรมานคนเหล่านี้
( พระราชพงศวดาร กรุงศรีอยุธยา ฉบับพระราชหัตเลขา )

          * จึงได้ความว่า พระมหาอุปราชก็ได้สั่งให้ทำกุญแจไขเข้าไปในวังฝ่ายใน และให้ข้าหลวงซื้ออาวุธปืนไฟ ( ปืนยาว ) และดาบมาเก็บไว้
และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงให้นำตัวเจ้าหญิง 4 องค์ ( DEVIER PRINCERSEN ) เข้ามาสอบสวน จึงได้ความว่า พระมหาอุปราช
มีการวางแผนที่จะลอบปลงพระชนม์ เพื่อที่จะได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ด้วยความร่วมมือของพวกเจ้านายและขุนนางของพระอง์ซึ่งมีอาวุธพร้อมแล้ว

          * สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมื่อทราบความจึงตกใจมาก จึงรับสั่งให้เฆี่ยนพระมหาอุปราชอีก 50 ที และให้เอาเหล็กร้อนๆ มาจ่อที่หน้าผาก แขน
และขา จนสิ้นพระชม์ ( เรื่องเจ้าฟ้ากุ้ง โดย อ.เทพมนตรี  ลิมปพยอม )

          * ส่วนพระมเหสีและสนม ทั้ง 4 พระองค์นั้นถูกเฆี่ยนองค์ละ 50 ทีจนตายไปทั้งหมด

          หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกได้เลยว่า ขุนนางในราชสำนักขณะนั้น เหมือนผึ้งแตกรัง ต่างก็พยายามหนีเอาตัวรอดกันทิ้งสิ้น เพราะโทษฐานเป็นกบฏ ก็ต้องถูกประหารถึงเจ็ดชั่วโคตรเลยทีเดียว

          ซึ่งข้อมูลดังกล่าวก็อาจเป็ฯการสนับสนุน ในเรื่องการเปลี่ยนศาสนาของ เจ้าพระยาเพ็ชรพิชัย ( ใจ ) ที่มิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของการที่จะตามเสด็จฯ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี เพียงเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเรื่องของการเมืองและการป้องกันการหวาดระแวงของพระมหากษัตริย์
เพื่อให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยเสียมากกว่า ซึ่งเป็นการสร้างความไม่พอใจในหมู่ญาติพี่น้องหรือในประชาคมมุสลิมไม่มากก็น้อย จึงทำให้ตระกูลขุนนางกลุ่มนี้
แตกออกเป็น 2 กลุ่ม ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์


มีต่ออีกค่ะ......
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: salamah Date: ก.พ. 15, 2007, 11:01 PM
รอฟังอยู่นะคะ
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: قطوف من أزاهير النور Date: ก.พ. 15, 2007, 11:11 PM

รอฟังหรือ รออ่าน อ่ะ ก๊ะ ซาลามะฮฺ  ;D
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: salamah Date: ก.พ. 16, 2007, 12:19 PM

รอฟังหรือ รออ่าน อ่ะ ก๊ะ ซาลามะฮฺ  ;D

น้องลั้ลลาชาดำก็.....อย่าล้อซิคะ.....รออ่านก็ได้ค่ะ..... ;) ;) ;)
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ By: ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐ Date: ก.พ. 16, 2007, 06:02 PM
อัสลามุอาลัยกุมค่ะ

ต้องขอมาอั๊ฟ ด้วยน๊ะค๊ะ ช่วงนี้คอมฯที่บ้านถูกท่านพ่อยึดครองชั่วคราว...
เมื่อเจ้าหญิงฯ ประกาศอิสรภาพแล้ว จะเข้ามาเพิ่มเติมอีกค่ะ
ตอนนี้มือไม้สั่นไปหมดแล้วค่ะ...อยากพิ้มมมม อยากพิมพ์  ;D ;D