หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: al-azhary Date: ก.พ. 24, 2007, 07:45 PM
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ผมคิดว่า เราน่าจะมารู้จักกลุ่มค่อวาริจญ์และผลกระทบจากหลักการของพวกเขาที่มีต่อโลกมุสลิมในปัจจุบัน และทราบว่าปัจจุบันหลักการของค่อวาริจญ์กำลังถูกฟื้นฟูขึ้นมาในปัจจุบันมาพร้อม ๆ กับหลักการของชีอะฮ์
ดังนั้น ผู้ใดมีข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับค่อวาริจญ์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติและหลักการของพวกเขา ก็โปรดนำเสนอ แล้วเราจะวิเคราะห์กันครับ อินชาอัลเลาะฮ์
والسلام
อัล-อัซฮะรีย์
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: Goddut Date: ก.พ. 25, 2007, 01:35 AM
จขกท เชิญท่าน นำเสนอก่อนเลยครับ
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: นูรุ้ลอิสลาม Date: ก.พ. 25, 2007, 07:30 AM
หลักการของพวกค่อวาริจคือหลักการที่กลุ่มวะฮาบีย์นำมาปฏิบัติกับมุสลิมที่ไม่ได้อยู่ทัศนะของตนเองหรือเปล่าครับ เพราะผมเคยได้ยินว่า วะฮาบีย์คือค่อวาริจแห่งยุคสมัยปัจจุบัน
หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: al-azhary Date: ก.พ. 26, 2007, 05:13 PM
คุณลักษณะของพวกค่อวาริจญ์ แบบสรุป มีดังนี้
1. พวกเขาจะตำหนิบรรดาบุคคลที่ขัดแย้งกับพวกเขา
2. พวกเขาจะคิดในแง่ลบกับบุคคลอื่น
3. พวกเขาจะเกินเลยในทำการอิบาดะฮ์โดยปราศจากความเข้าใจ
4. พวกเขามีความรุนแรงต่อบรรดามุสลิมีน
5. พวกเขามีความเข้าใจในศาสนาน้อย
6. พวกเขาจะขาดความชำนาญ ไร้ความอาวุโส และสติปัญญาไม่ปราดเปรื่อง
หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: al-azhary Date: ก.พ. 26, 2007, 11:01 PM
สาเหตุที่ทำให้พวกค่อวาริจญ์เลยเถิด คือ
1. มีความเข้าใจหลักศาสนาน้อย
2. พวกเขาจะขาดความชำนาญ ไร้ความอาวุโส และสติปัญญาไม่ปราดเปรื่อง
3. ลำพองในทัศนะของตน พร้อมกับดูถูกทัศนะของผู้อื่น
4. ปิดกันตัวพวกเขาเองโดยไม่อ่านสิ่งใดนอกจากสิ่งที่ตรงกับรสนิยมของพวกเขาเท่านั้น
5. เน้นในเรื่องความกลัวต่ออัลเลาะฮ์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงเรื่องความหวังในความเมตตาต่ออัลเลาะฮ์
6. พวกเขาจะหลอกตนเอง มักคิดว่าสิ่งตนเองทำนั้นดีกว่าใคร ๆ
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: +Kamarutdin+ Date: มี.ค. 17, 2007, 07:11 PM
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
เคาะวาริจญ์
เขียนโดย ท่าน ซัยยิด อบุล ฮะซัน อะลี นัดวี
พวกเคาะวาริจญ์คือคนซื่อๆโดยสัญชาติญาณและยึดถือท้อยคำตามตัวอักษร มีทัศนคติในทางลบและความเคร่งครัดของคนพวกนี้
สามารถเห็นได้จากความสุดโต่งที่ไม่ยอมมองความขัดแย้งในหลักการที่ตัวเองปฎิบัติอยู่
คนพวกนี้ถูกเกณฑ์เข้ามาร่วมกองทัพของอะลีและส่วนใหญ่เป็นคนจากในเผ่าตะมีม พวกเขาเป็นกฎบต่ออะลีเพราะอะลีไปปยอม
จำนนต่อการตัดสินของมนุษย์ในเรื่องเกี่ยวกับคัมภีร์ของอัลลอฮุและในที่สุดก็เชื่อว่าการตัดสินทุกอย่างของมนุษย์เป็นบาปทั้งนี้เนื่อง
จากคำบัญชาของอัลลอฮุก็เป็นหลักฐานอยู่ในตัวเองแล้ว พวกเขาโต้แย้งว่าการนำเรื่องใดๆไปให้มนุษย์ตัดสินชี้ขาดก็หมายถึงการมี
ความสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของเรื่องที่นำไปสู่การตัดสินความไม่พอใจของพวกเขาในเรื่องนี้แสดงออกมาในคำขวัญที่ว่า "การ
ตัดสินเป็นของอัลลอฮุเท่านั้น" ซึ่งพวกเขายอมรับว่าเป็นหลักการแสดงถึงความถูกต้องในตัวเองของพวกเขา นอกจากนั้น คนพวกนี้
ยังชอบที่จะเรียกตัวเองว่า อัชชูรอต นั้นคือคนที่ขายชีวิตตนเองให้แก่อัลลอฮุโดยเอาคำพูดนี้มาจากข้อความตอน
หนึ่งในกรุอานที่ว่า และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ขายชีวิตของตนเองเพื่อแสวงความความโปรดปรานจากอัลลอฮุ(1) อะลีได้ยกกำลัง
ไปปราบปรามคนพวกนี้ที่นะฮุรอวานซึ่งส่งผลให้คนพวกนี้จำนวนมากต้องถูกฆ่า ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นจึงทำให้คนพวกนี้มีความ
เครียดแค้นชิงชังอะลีมากยิ่งขึ้นจนถึงกับวางแผนฆ่าเขา และต่อมาแผนสังหารนี้ก็ประสบผลสำเร็จโดยอับดุรเราะฮุมาน บิน มุลญัม
ความเรียบง่ายในการดำรงชีวิตแบบชนแร่ร่อนในทะเลทรายและทัศนคติที่ถือว่าทุกคนเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนที่มิใช่อาหรับ
มาเข้ารับกันเป็นสิ่งดึงดูดให้คนที่มิใช่อาหรับหันมาเข้ารับอิสลาม แต่เนื่องจากเป็นคนสุดโต่งทั้งในด้านความดีและความชั่ว พวกเขา
มักจะมีความขัดแย้งกับผู้นำของตนเองและชอบที่จะแตกแยกเป็นกลุ่มต่างๆด้วยเรื่องปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ และด้วยความใจแคบ
พวกเขาไม่อาจทนต่อการคัดค้านใดๆ ได้ทั้งสิน ในขณะเดียวกันคนพวกนี้ก็กล้าหาญ เปิดเผย ตรงไปตรงมาและพร้อมที่จะสละชีวิต
เพื่อความศรัทธาของตน พวกเขาจะไม่ยอมเอาอินทผลัมแม้แต่ลูกเดียวหากเจ้าของไม่อนุญาต แต่ก็พร้อมที่จะกระทำอาชญากรรม
ต่อมุสลิมที่มิได้มีความเชื่อเช่นเดียวกับพวกเขา อับดุรเราะฮุมาน บิน มุลญัมนั้นอ่านกรุอ่านในขณะที่จ้วงแทงอะลีด้วยกริชจนถึงแก่
ชีวิต และต่อมาเขาก็เกิดความวิตกกังวล เขาได้ตอบว่า "ฉันไม่ต้องการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เหมือนกับคนตาย(กล่าวคือไม่สามารถที่จะ
อ่านกรุอ่านได้)" นักเขียนคนหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างเหมาะเจาะว่า "คนพวกนี้เป็นคนหนุ่มที่ดูแก่ในวัยหนุ่ม สายตาของพวกเขา
หดหู่ต่อหน้าความชั่ว และเท้าหนักในการไปสู่ความเลวทราม พวกเขาผ่ายผอมเพราะนมาซมากเกินไปและซูบซีดอ่อนแอเพราะต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา"(2)
(1) อัลกรุอ่าน 2 : 207
(2) อัลอับกอริยาต อัลอิสลามมียะฮุ หน้า 925-26
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: +Kamarutdin+ Date: มี.ค. 17, 2007, 07:18 PM
เคาะวาริจญ์ ที่ผมได้นำเสนอไปนั้นเป็น เคาะวาริจญ์ จากประวัติศาสตร์ เป็น เคาะวาริจญ์ ในอดีต แต่ในปัจจุบันนั้นหลักการของพวก เคาะวาริจญ์ ในเรื่องของความ สุดโต่ง กำลังถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่งครับ...
วัสสลาม
+Kamarutdin+
หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: al-azhary Date: มี.ค. 17, 2007, 08:05 PM
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ขอบคุณ คุณ +Kamarutdin+ ที่ช่วยนำเสนอเรื่องค่อวาริจญ์ หากมีข้อมูลอีก ก็โปรดนำเสนออีกน่ะครับ อนึ่ง ผมได้นำเสนอแบบสรุป ๆ ไว้ 12 ข้อข้างต้น ซึ่งยังหาเวลามาขยายความอธิบายสำหรับกระทู้นี้ยังไม่ได้เลยครับ อินชาอัลเลาะฮ์ ว่าง ๆ จะมาอธิบายถึงพฤติกรรมของพวกค่อวาริจญ์ที่ถูกฟื้นฟูขึ้นในยุคปัจจุบัน เพื่อเราจะได้เห็นภาพจริงกันชัด ๆ อินชาอัลเลาะฮ์
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: almadany Date: ส.ค. 06, 2007, 07:41 AM
ได้ยินว่าอุลามาอ์บางส่วน...กล่าวว่าวะฮาบีมีหลักการเหมือนกับคอวาริจญ์....มันเหมือนในแง่ใหนและอย่างไรหรือครับ...ช่วยชี้แจงตามหลักวิชาการด้วยครับ...ไม่ใช่การกล่าวหา...ขอบคุณครับ
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: ad-dalawy Date: เม.ย. 19, 2008, 07:19 AM
ท่านบุคอรีได้รายงานจากท่านอิบนุอุมัร ในการอธิบายถึงลักษณะพวกค่อวาริจญ์ว่า
انهم انطلقوا الى آيات نزلت فى الكفار، فجعلوها على المومنين
พวกเขาได้นำอายะฮ์ต่าง ๆ ที่ประทานให้แก่พวกกุฟฟาร แล้วนำมันมาใช้กับบรรดาผู้ศรัทธา
รายงานจากท่านอิบนุอับบาสว่า
لا تكونوا كالخوارج، تاولوا آيات القرآن فى اهل القبله، وانما انزلت فى اهل الكتاب والمشركين، فجهلوا علمها فسفكوا الدماء وانتهبوا الاموال
"พวกท่านอย่าเป็นเหมือนนพวกค่อวาริจญ์ พวกเขาได้อธิบายอัลกุรอานเกี่ยวกับ(มุสลิม)ชาวกิบลัต โดยที่อายะฮ์อัลกุรอานเหล่านั้นลองเกี่ยวกับพวกอะฮ์ลุลกิตาบและพวกมุชริกีน ดังนั้นพวกเขาจึงโง่เขลาการรู้(เข้าใจ)ถึงโองการ่าง ๆ แล้วพวกเขาก็ทำการหลั่งเลือดและปล้นสะดมทรัพย์สิน
เป็นที่ทราบดีว่า วะฮาบีย์ชอบนำอายะฮ์อัลกุรอานที่ลงให้แก่ชาวคำภีร์และมุฃริกีน แล้วนำมาใช้โจมตีบรรดาพี่น้องมุสลิม.....
Re: หลักการของพวกค่อวาริจญ์ By: ad-dalawy Date: เม.ย. 19, 2008, 07:31 AM
ท่านอิมามอิบนุอาบิดีนกล่าวว่า..........
( قَوْلُهُ : وَبُغَاةٌ ) هُمْ كَمَا فِي الْفَتْحِ قَوْمٌ مُسْلِمُونَ خَرَجُوا عَلَى إمَامِ الْعَدْلِ وَلَمْ يَسْتَبِيحُوا مَا اسْتَبَاحَهُ الْخَوَارِجُ مِنْ دِمَاءِ الْمُسْلِمِينَ وَسَبْيِ ذَرَارِيِّهِمْ ا هـ وَالْمُرَادُ خَرَجُوا بِتَأْوِيلٍ وَإِلَّا فَهُمْ قُطَّاعٌ كَمَا عَلِمْت .
وَفِي الِاخْتِيَارِ : أَهْلُ الْبَغْيِ كُلُّ فِئَةٍ لَهُمْ مَنَعَةٌ يَتَغَلَّبُونَ وَيَجْتَمِعُونَ وَيُقَاتِلُونَ أَهْلَ الْعَدْلِ بِتَأْوِيلٍ يَقُولُونَ الْحَقُّ مَعَنَا وَيَدَّعُونَ الْوِلَايَةَ .
ا هـ .
( قَوْلُهُ : وَخَوَارِجُ وَهُمْ قَوْمٌ إلَخْ ) الظَّاهِرُ أَنَّ الْمُرَادَ تَعْرِيفُ الْخَوَارِجِ الَّذِينَ خَرَجُوا عَلَى عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ ؛ لِأَنَّ مَنَاطَ الْفَرْقِ بَيْنَهُمْ وَبَيْنَ الْبُغَاةِ هُوَ اسْتِبَاحَتُهُمْ دِمَاءَ الْمُسْلِمِينَ وَذَرَارِيَّهُمْ بِسَبَبِ الْكُفْرِ إذْ لَا تُسْبَى الذَّرَارِيُّ ابْتِدَاءً بِدُونِ كُفْرٍ ، لَكِنَّ الظَّاهِرَ مِنْ كَلَامِ الِاخْتِيَارِ وَغَيْرِهِ أَنَّ الْبُغَاةَ أَعَمُّ ، فَالْمُرَادُ بِالْبُغَاةِ مَا يَشْمَلُ الْفَرِيقَيْنِ ، وَلِذَا فَسَّرَ فِي الْبَدَائِعِ الْبُغَاةَ بِالْخَوَارِجِ لِبَيَانِ أَنَّهُمْ مِنْهُمْ وَإِنْ كَانَ الْبُغَاةُ أَعَمَّ ، وَهَذَا مِنْ حَيْثُ الِاصْطِلَاحُ ، وَإِلَّا فَالْبَغْيُ وَالْخُرُوجُ مُتَحَقِّقَانِ فِي كُلٍّ مِنْ الْفَرِيقَيْنِ عَلَى السَّوِيَّةِ ، وَلِذَا قَالَ عَلِيٌّ رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ فِي الْخَوَارِجِ : إخْوَانُنَا بَغَوْا عَلَيْنَا ( قَوْلُهُ : لَهُمْ مَنَعَةٌ ) بِفَتْحِ النُّونِ : أَيْ عِزَّةٌ فِي قَوْمِهِمْ ، فَلَا يَقْدِرُ عَلَيْهِمْ مَنْ يَرُدُّهُمْ مِصْبَاحٌ ( قَوْلُهُ : بِتَأْوِيلٍ ) أَيْ بِدَلِيلٍ يُؤَوِّلُونَهُ عَلَى خِلَافِ ظَاهِرِهِ كَمَا وَقَعَ لِلْخَوَارِجِ الَّذِينَ خَرَجُوا مِنْ عَسْكَرِ عَلِيٍّ عَلَيْهِ بِزَعْمِهِمْ أَنَّهُ كَفَرَ هُوَ وَمَنْ مَعَهُ مِنْ الصَّحَابَةِ حَيْثُ حَكَمَ جَمَاعَةٌ فِي أَمْرِ الْحَرْبِ الْوَاقِعِ بَيْنَهُ وَبَيْنَ مُعَاوِيَةَ وَقَالُوا إنْ الْحُكْمُ إلَّا لِلَّهِ ، وَمَذْهَبُهُمْ أَنَّ مُرْتَكِبَ الْكَبِيرَةِ كَافِرٌ ؛ وَأَنَّ التَّحْكِيمَ كَبِيرَةٌ لِشُبَهٍ قَامَتْ لَهُمْ اسْتَدَلُّوا بِهَا مَذْكُورَةً مَعَ رَدِّهَا فِي كُتُبِ الْعَقَائِدِ .
أَنَّ هَذَا غَيْرُ شَرْطٍ فِي مُسَمَّى الْخَوَارِجِ ، بَلْ هُوَ بَيَانٌ لِمَنْ خَرَجُوا عَلَى سَيِّدِنَا عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ ، وَإِلَّا فَيَكْفِي فِيهِمْ اعْتِقَادُهُمْ كُفْرَ مَنْ خَرَجُوا عَلَيْهِ ، كَمَا وَقَعَ فِي زَمَانِنَا فِي أَتْبَاعِ عَبْدِ الْوَهَّابِ الَّذِينَ خَرَجُوا مِنْ نَجْدٍ وَتَغَلَّبُوا عَلَى الْحَرَمَيْنِ وَكَانُوا يَنْتَحِلُونَ مَذْهَبَ الْحَنَابِلَةِ ، لَكِنَّهُمْ اعْتَقَدُوا أَنَّهُمْ هُمْ الْمُسْلِمُونَ وَأَنَّ مَنْ خَالَفَ اعْتِقَادَهُمْ مُشْرِكُونَ ، وَاسْتَبَاحُوا بِذَلِكَ قَتْلَ أَهْلِ السُّنَّةِ وَقَتْلَ عُلَمَائِهِمْ حَتَّى كَسَرَ اللَّهُ تَعَالَى شَوْكَتَهُمْ وَخَرَّبَ بِلَادَهُمْ وَظَفِرَ بِهِمْ عَسَاكِرُ الْمُسْلِمِينَ عَامَ ثَلَاثٍ وَثَلَاثِينَ وَمِائَتَيْنِ وَأَلْفٍ
( قَوْلُهُ : كَمَا حَقَّقَهُ فِي الْفَتْحِ ) حَيْثُ قَالَ : وَحُكْمُ الْخَوَارِجِ عِنْدَ جُمْهُورِ الْفُقَهَاءِ وَالْمُحَدِّثِينَ حُكْمُ الْبُغَاةِ .
وَذَهَبَ بَعْضُ الْمُحَدِّثِينَ إلَى كُفْرِهِمْ .
قَالَ ابْنُ الْمُنْذِرِ : وَلَا أَعْلَمُ أَحَدًا وَافَقَ أَهْلَ الْحَدِيثِ عَلَى تَكْفِيرِهِمْ ، وَهَذَا يَقْتَضِي نَقْلَ إجْمَاعِ الْفُقَهَاءِ .
مَطْلَبٌ فِي عَدَمِ تَكْفِيرِ الْخَوَارِجِ وَأَهْلِ الْبِدَعِ وَقَدْ ذَكَرَ فِي الْمُحِيطِ أَنَّ بَعْضَ الْفُقَهَاءِ لَا يُكَفِّرُ أَحَدًا مِنْ أَهْلِ الْبِدَعِ .
وَبَعْضُهُمْ يُكَفِّرُ مَنْ خَالَفَ مِنْهُمْ بِبِدْعَتِهِ دَلِيلًا قَطْعِيًّا وَنَسَبَهُ إلَى أَكْثَرِ أَهْلِ السُّنَّةِ وَالنَّقْلُ الْأَوَّلُ أَثْبَتُ نَعَمْ يَقَعُ فِي كَلَامِ أَهْلِ مَذْهَبٍ تَكْفِيرُ كَثِيرٍ ، لَكِنْ لَيْسَ مِنْ كَلَامِ الْفُقَهَاءِ الَّذِينَ هُمْ الْمُجْتَهِدُونَ بَلْ مِنْ غَيْرِهِمْ .