Re: >>บทวิภาษ “ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี”<< By: Deeneeyah Date: เม.ย. 07, 2008, 03:00 PM
ประเดี๋ยวบทความจะไปขึ้นหน้าเวบ อินชาอัลลอฮฺ loveit
ยะซากัลลอฮฺ ท่านอาจารย์ ไว้ด้วยนะคะ
ยะซากัลลอฮฺ ทีมงานทุกท่านครับ
เล่าให้ฟังนิดนึง
ได้มีโอกาสนั่งคุยกับอาจารย์อาลี ตอนงานมัสยิดที่บ้าน เลยถามท่านเรื่อง "อาจารย์จะมีเวปของอาจารย์หรือเปล่าครับ" ท่านตอบว่า ก็อยากมีอยู่เหมือนกัน
>>ผมเลยตั้งใจว่าทำทำเวปให้ท่านแต่ยังไม่ได้บอกท่าน ความรู้เรื่องทำเวปของผมน้อย ตอนนี้กำลังลองผิดลองถูกอยู่
ถ้ามีใครมาช่วยก็คงจะดีไม่น้อยเนอะ

ผมยังถามอีกว่า อาจารย์ๆ เคยเข้าเวป Sunnah Student มั๊ย ท่านพยักหน้าครั้บ

Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: Muftee Date: เม.ย. 07, 2008, 04:33 PM
ท่านเข้ามาเยี่ยมเวปเราด้วยรึนี่....ว้าว ดังใหญ่แล้วเวปไซต์เราเนี๊ยะ....
Re: >>บทวิภาษ “ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี”<< By: al-azhary Date: เม.ย. 08, 2008, 12:53 PM
ได้มีโอกาสนั่งคุยกับอาจารย์อาลี ตอนงานมัสยิดที่บ้าน เลยถามท่านเรื่อง "อาจารย์จะมีเวปของอาจารย์หรือเปล่าครับ" ท่านตอบว่า ก็อยากมีอยู่เหมือนกัน
>>ผมเลยตั้งใจว่าทำทำเวปให้ท่านแต่ยังไม่ได้บอกท่าน ความรู้เรื่องทำเวปของผมน้อย ตอนนี้กำลังลองผิดลองถูกอยู่
ถ้ามีใครมาช่วยก็คงจะดีไม่น้อยเนอะ 
เต็มที่เลยครับ ผมรอมานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีเว็บนี้ ผมลุ้นให้ อาจารย์ อะลี อาจารย์อรุณ อาจารย์การีม นี่แหละ ที่น่าจะมีเว็บอย่างเป็นทางการ แต่ผมนี้โชคดี ที่มีทีมงานเข้ามาช่วย คงเป็นเพราะแอ็ดมินคงจะทนดูไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือการทำเว็บของผม

Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: Goddut Date: ส.ค. 07, 2008, 06:53 PM
เปิดไปเปิดมา มาเจอกระทู้เก่า
จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้า ของบรรดา นักวิชาการไทยมาก
พวกเขากล่าวว่า เราใช้ทัศนะนี้ ( เหมือนของเชคคนหนึ่งในซาอุ ) แต่เชคท่านนั้นก็บอกให้ตามผู้นำที่ประเทศตัวเอง พวกเขาก็กล่าวอีกว่า เชคผู้นั้นไม่ใช่ผู้นำเรา ไม่จำเป็นต้องทำตาม
สรุปคือพวกเขาไม่ต้องการทำตามใคร แต่เขาต้องการทำตามใจเสียมากกว่า
ที่น่าแปลกคือ บรรดานักวิชาการดังกล่าวนั้น ไม่มีความรู้อย่างแท้จริงในเรื่องดาราศาสตร์ แล้วก็ไม่สนใจที่จะศึกษามัน
พวกเขาคิดว่า ความรู้ศาสนาที่มีนั้น ครอบคลุมทุกสาขาวิชาทั้งหมดในดุนยาแล้ว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เสมือนให้ลิง ไปว่ายน้ำแข่งกับปลาก็ไม่ปาน
ความรู้ที่ไม่ยอมศึกษา ก็ทำให้มีความรู้ผิดๆ ถูกๆ สอนลูกศิษย์ก็เลยรู้แบบผิดๆ ถูกๆ
มันเป็นไปไม่ได้ว่า นักวิชาการศาสนา จะรู้มันซะทุกเรื่อง ตั้งแต่ ตึกเวิล์ดเทรดถล่มเพราะอะไร? ไดโนเสาร์มีจริงหรือไม่? หรือกระทั่งเรื่องพืชตัดต่อพันธุกรรม
เรื่องบางเรื่องศาสนาไม่ได้สอนอย่างละเอียด แต่พวกเขาก็ตอบอย่างละเอียดเหมือนรู้จริง ดูแล้วน่าหดหู่ใจเสียจริงๆ
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
Re: >>บทวิภาษ “ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี”<< By: al-azhary Date: ส.ค. 07, 2008, 08:31 PM
เปิดไปเปิดมา มาเจอกระทู้เก่า
จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้า ของบรรดา นักวิชาการไทยมาก
พวกเขากล่าวว่า เราใช้ทัศนะนี้ ( เหมือนของเชคคนหนึ่งในซาอุ ) แต่เชคท่านนั้นก็บอกให้ตามผู้นำที่ประเทศตัวเอง พวกเขาก็กล่าวอีกว่า เชคผู้นั้นไม่ใช่ผู้นำเรา ไม่จำเป็นต้องทำตาม
สรุปคือพวกเขาไม่ต้องการทำตามใคร แต่เขาต้องการทำตามใจเสียมากกว่า
หลังจากนั้นเขาก็สรุปว่า แนวทางเขานี่แหละตามซุนนะฮ์เพียงฝ่ายเดียว ความไม่รู้ของนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนศาสนาโดยตรง จึงถูกเก็บเกี่ยวจากความไม่รู้และต้องตกเป็นเหยื่อคำโพธนานั้น วัลอิยาซุบิลลาฮ์
ผมก็เคยนึกภาพน่ะครับว่า หากบทความที่ อ.มุรีด ได้เขียนนั้น เขานไปพูดปราศัย โดยมีผู้ที่มีความรู้ทั้งหลายไปนั่งฟังกัน ผมว่าหากผู้รู้ได้ทำการถามถึงรายละเอียดและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในเชิงนิติศาสตร์ ก็คงจะนั่งอมพะนำชี้แจงอะไรไม่ได้ตามที่ตนต้องการ
Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: salahudin Date: ส.ค. 19, 2008, 10:34 AM
โดยเฉพาะนักศึกษาทั้งหลายในสถาบันชั้นนำของประเทศ จะถูกชักจูงง่ายที่สุด เพราะความรู้ทางด้านศาสนานั้นมีอยู่น้อยเป็นทุนเดิม ประกอบกับหลักการที่ง่ายๆ (มักง่าย) สะดวก ในชมรมของมหาลัยจะมีคนพวกนี้ เเละมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจ ทั้งๆที่เป็นชนกลุ่มน้อย เพราะพวกเรามักจะคิดว่าเรามีความรู้ไม่มากพอ เวลาพวกนั้นยกอะไร ต่ออะไรมาก็อึ้ง นิ่ง เงียบ ทั้งๆที่รู้ว่ามันขัดๆ เเต่เพื่อรักษาญามาอะฮไม่อยากให้ทะเลาะกัน ต้องการรวมกลุ่มกันทำงานเพื่อศาสนา กลายเป็นการทำให้พวกนี้เหิมเกริมอย่างมาก เเละไม่เคยที่จะฟังทรรศนะของใครเลย
Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: Al Fatoni Date: ส.ค. 19, 2008, 02:38 PM
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งยวดกับคุณ salahudin ครับ เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเราอ่อนแอมาก ทั้งทางการศึกษาทางสามัญและศาสนา ส่วนบางคนที่รู้ศาสนา พอที่จะช่วยเพื่อนได้ ก็เก็บตัวเงียบไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย เพราะเดียวจะมากความ ก็เห็นด้วยครับกับความคิดเช่นนี้ แต่ขณะเดียวกัน ท่านชอบหรือครับ ที่จะเห็นพี่น้องของท่านที่ไม่รู้ศาสนา หรือต้องการการชี้แนะที่ดีและถูกต้อง ต้องถูกระหนระแหงไปอย่างไม่มีจุดหมายไปวันๆ พวกเขา ณ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยู่เรือ ที่เรือนั้นรั่ว โดยที่พวกเขาๆม่รู้ตัว แต่พวกเรา คนที่อยู่บนบก โดยเฉพาะคนที่มีกล้องส่องทางไกล ซึ่งสามารถรู้ได้ว่า เรือที่พี่น้องของเรากำลังขึ้นอยู่นั้น กำลังจะจม เพราะมีน้ำเขา มาถึงตอนนี้ เราจะสมควรทำอย่างไรกับพวกเขาดีหละ ผมคงไม่ต้องบอกหละ เพราะพวกท่านรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ฝากผู้รู้แต่ละมหาลัยให้เหลียวมองดูเพื่อนของท่านด้วยนะครับ อย่าเก็บตัวทำแต่อิบาะดะฮ์คนเดียว มันคงไม่ยังประโยชน์ต่อพี่น้องของท่านหรอก เพียงแค่ดุอาอ์ผมว่าไม่พอกระมัง ฝากจริงๆ นะครับ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ใช่คนทำงานเพื่อสังคมอะไรหรอก แต่ก็พยายามเตือนตัวเองและเพื่อนๆ อยู่เสมอ แม้บางคนจะแสดงอาการไม่พอใจทั้งต่อ หรือลับหลังก็ตาม ขอฝากอีกทีนะครับ ผู้รู้ทั้งหลายของแต่ละมหาลัย - วัสสลามุ อลัยกุม
Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: มุคลิศ Date: ส.ค. 19, 2008, 04:32 PM
สลามุลลอฮิอะลัยกุ้ม
บางครั้งความรู้เรื่องศาสนาที่น้อย อาจเป็นจุดด้อยแอบแฝงภายในของบางคน จุดด้อยคือความอ่อนแอที่มักถูกปล้นอุดมการณ์ เมื่อได้รับหลักการพื้นฐานมาอย่างผิดๆ ก็จะทำให้จิตใจแข็งกระด้าง แนวทางของข้าที่ได้รับมาเท่านั้นที่ถูกต้อง
Re: >>บทวิภาษ ออกอีดิลอัฎฮาที่ไม่ต้องรอคำประกาศจากสำนักจุฬาราชมนตรี<< By: คนอยากรู้ Date: ส.ค. 19, 2008, 04:37 PM
salam
นี่ก็อีกไม่นานแล้ว รอมาดอนก็มาเยือนเราอีกครั้ง
ผมว่า การกำหนดถือศีลอดของสำนักจุฬาฯในปีนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับปีที่ผ่านมา ที่มุสลิมไทย ในประเทศไทยมีการถือศีลต่างวันกัน ทั้งที่อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน
ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงเดียวกัน
คราใดที่รุ่งอรุณหรือพลบค่ำ ก็มองไปยังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ดวงเดียวที่ในภูมิประเทศเดียวกัน

ตารางเวลาละหมาดทั้ง 5เวลา ก็ใช้ตารางปฏิทินเดียวกัน เวลาละศีลอดหรือถือศีลอดหรือเวลารับประทานอาหารซาฮูรก็ใช้เวลาในเมืองไทยเดียวกัน
แต่
"ฉงนใจอยู่ว่า ทำไมๆ พอถึงวันกำหนดถือศีลและออกบวช มีพี่น้องเราบางกลุ่มจึงละทิ้งการตาม ตารางเวลาหรือ ปฏิทินที่ตัวเองเคยดูในการละหมาดหรือทำศาสนกิจอื่น ของฉบับดังกล่าวได้ อย่างไม่แยแส กับมัน แต่กลับไปพึ่งพาตารางเวลาของอีกประเทศหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลคนละเมืองคนละเวลา และเวลาล้าช้ากว่า ตั้ง 4-5ชั่วโมง" :oพวกเขาคิดได้อย่างไร กับการละทิ้งเวลาดังกล่าว ทั้งๆที่ยามปกติเขาก็ยึดถือมัน พวกเขาคิดอะไรอยู่กับการไม่เชื่อฟังผู้นำ ทั้งๆที่เป็นสิ่งจำเป็นบนตัวเขาเอง.

...