Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:09 PM
ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:15 PM
เฉพาะคนที่ขี้เกียจ ถึงจะเชื่อเรื่องโชคชะตา
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:16 PM
ชีวิตคนเราอยู่ได้เจ็ดวัน
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:17 PM
น้ำอยู่ที่ใด ปลาอยู่ที่นั่น
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: ILHAM Date: เม.ย. 18, 2008, 10:27 PM
ชีวิตคนเราอยู่ได้เจ็ดวัน
ขอดัดแปลงหน่อยนะครับ
ชีวิตคนเราอยู่ได้12เดือนชีวิตคนเราอยู่ได้24ชั่วโมงชีวิตคนเราอยู่ได้จนตาย55555555555
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:33 PM
อย่ามีหัว..ไว้ให้แค่ผมขึ้นอย่างเดียว.
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:35 PM
ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:37 PM
คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด..คนฉลาดย่อมเป็นเหยื่อของ..คนฉลาดที่แกล้งโง่
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:38 PM
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วชนะก็คือ "การที่คนดีนิ่งดูดาย"
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:40 PM
กำขี้ดีกว่ากำตด แต่ถ้ากำขี้สดๆกำตด จะดีกว่ากำขี้
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: al-jaohary Date: เม.ย. 18, 2008, 10:41 PM
กระบี่อยู่ที่ใจ แค่ไม้ไผ่ก้อไร้เทียมทาน
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: คนขายขวด Date: เม.ย. 18, 2008, 11:11 PM
น้ำอยู่ที่ใด ปลาอยู่ที่นั่น
อันนี้ผมว่าไม่น่าใช่....เพราะเห็นในลูกมะพร้าวก็มีน้ำ...แต่พอผ่าออกมา ไม่เห็นมีปลาสักตัว...
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: ILHAM Date: เม.ย. 18, 2008, 11:19 PM
^
^
^
จะว่าไปมันก็จริงนะ ในละครน้ำเน่าบางเรื่องก็ไม่มีปลา ฝนที่ตกจากเมฆก็ไม่มี น้ำใจยิ่งไม่มีใหญ่
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: คนขายขวด Date: เม.ย. 18, 2008, 11:25 PM
กำขี้ดีกว่ากำตด แต่ถ้ากำขี้สดๆกำตด จะดีกว่ากำขี้
อันนี้ คงจะเป็นปรัชญาของคน สะกะปะระกะ......
Re: ปรัชญาวันละนิด จิตแจ่มใส By: Qortubah Date: เม.ย. 18, 2008, 11:33 PM
น้ำอยู่ที่ใด ปลาอยู่ที่นั่น
อันนี้ผมว่าไม่น่าใช่....เพราะเห็นในลูกมะพร้าวก็มีน้ำ...แต่พอผ่าออกมา ไม่เห็นมีปลาสักตัว...
นี่งัย ปลาในมะพร้าว..
ว่าแล้วก็เอาสูตรมาฝากเลยละกัน
ส่วนผสมตะไคร้ซอย 2 ต้น
ข่าหั่นแว่น 2 แว่น
หัวหอมแดงแกะเปลือก 2 หัว
กระเทียมแกะเปลือก 1 หัว
กะปิ 2 ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่นซอย 1 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าหแห้ง 5 เม็ด
โขลกน้ำพริกแกงให้ละเอียด
กุ้งกุลาดำแกะเปลือก ผ่าหลัง ล้างสะอาด 5 ตัว
ปลาหมึกกล้วยหั่นแว่นขนาดพอประมาณ 5 ชิ้น
ปลากะพงแดงล้างให้สะอาดแล่เป็นชิ้น 5 ชิ้น
วิธีทำ1. นำกุ้ง ปลาหมึก ปลากะพง ลวกพอสุก
2. นำน้ำพริกแกงที่โขลกไว้แล้วตั้งกระทะผัดน้ำมันบางๆพอแตกกลิ่นเหยาะหัวกะทิพอประมาณ ผัดให้เข้ากันอีก จากนั้นนำกุ้ง ปลาหมึก ปลากะพงที่ลวกพอสุก ลงผัดให้เข้ากับน้ำพริกแกง ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทรายเล็กน้อย ชิมรสให้กลมกล่อม
3. นำมะพร้าวอ่อนผ่าออก และแคะเนื้อออก นำไปสับเป็นชิ้นเล็กๆ ผัดรวมกับพริกแกงและเครื่องทะเล จากนั้นตีไข่ไก่ใส่ลงไป 1 ฟอง ละเลงให้เข้ากันเติมนมสดเล็กน้อย พร้อมใบโหระพา ผัดกลั้วๆอีก2-3 ครั้งแล้วตักใส่ลูกมะพร้าวอ่อน
มีปลาตั้ง 5 ชิ้นแน่ะ
