กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ มุมมุสลิมะฮ์
Pages: 1234
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: - ครูจริงใจ- Date: มิ.ย. 18, 2009, 12:03 PM
ประทับใจรูปนี้ เอามาแบ่งปันกัน   ...



^
อินชาอัลลอฮฺ เนอะ   
ช่วยๆ  กันดุอาเน่อ

 loveit:

ปล. กว่าจะโพสต์รูปได้เล่นเอาเหงื่อตกแฮะ    (ความที่โพสต์บ่อย ==' )
..

Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 18, 2009, 06:13 PM
mycool: mycool: mycool:

"สักวันหนึ่ง มุสลีมะห์จะไม่โพสต์รูปใน Hi5"

อินชาอัลลอฮฺ....   

(อัสตัฆฟิลุลลอฮฺ)

Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: - ครูจริงใจ- Date: มิ.ย. 18, 2009, 08:08 PM



ผมเคยถามคนๆ หนึ่ง

"บังครับ! มีเพื่อนต่างศาสนิกชอบถามผมประจำเกี่ยวกับฮิญาบ ว่าทำไมสตรีมุสลิมบางคนไม่ใส่ผ้าคลุม (หมายถึงฮิญาบ) แต่บางคนใส่ แถมบางคนใส่ผ้าคลุมแล้วยังปิดหน้าอีก ... ผมจะตอบว่ายังไงครับ?"

            บังคนนั้นยิ้ม แล้วตอบว่า

"บังเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก แต่บังจะเปรียบเทียบอย่างนึงนะ

มุสลิมะฮฺ ก็เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่ประกอบไปด้วยสิ่งของอันสวยงามและสิ่งของที่มีราคา และการคลุมฮิญาบของมุสลิมะฮฺคนนั้นก็เปรียบเสมือนว่า บ้านหลังนั้นถูกปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา แต่... มีแค่หน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่ (หมายถึงคลุมฮิญาบแล้วไม่ปิดหน้า)

สมมุติว่ามีโจรที่ชั่วร้ายผ่านมาทางบ้านหลังนี้ แล้วเผอิญเค้าเห็นสิ่งของที่สวยงามและสิ่งของที่มีราคาผ่านทางหน้าต่างเหล่านั้น แน่นอน... โดยสัญชาตญาณของโจรก็ต้องงัดแงะเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งของที่มีค่า เพื่อตอบสนองนัฟซู (อารมณ์ใฝ่ต่ำ) ของตนเอง

            แล้วทีนี้ การที่มุสลิมะฮฺคลุมฮิญาบและปิดหน้า ก็เปรียบเสมือนว่า บ้านหลังนั้นที่ประกอบไปด้วยสิ่งของอันสวยงามและสิ่งของที่มีราคา ถูกปิดประตูและลงกลอนอย่างแน่นหนา โดยไม่มีช่องว่างช่องไหนที่สามารถมองเห็นได้

แล้วคิดว่ามีใครที่จะสามารถเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้ไหม ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต”

            ผมยิ้มแล้วตอบว่า...

"ด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม ผมคิดว่า ไม่ครับ"




ref. จากฟอร์เวิร์ดเมลล์


Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 18, 2009, 08:28 PM
เมื่อมีการเปรียบเทียบระหว่างปิดหน้า กับ ไม่ปิดหน้า (จากบทความ)

ทำไมศาสนาถึงไม่ให้การปิดหน้าเป็นสิ่งวายิบล่ะค่ะ ??? ในเมื่อเป็นสิ่งที่ดีกว่า

แสดงว่า ศาสนานั้นอนุโลม หรือผ่อนปรนให้แก่มุสลีมะห์ ใช่ไหม...

Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: ....บ่าวของพระผู้ทรงเมตตา.... Date: มิ.ย. 19, 2009, 05:30 AM
เมื่อมีการเปรียบเทียบระหว่างปิดหน้า กับ ไม่ปิดหน้า (จากบทความ)

ทำไมศาสนาถึงไม่ให้การปิดหน้าเป็นสิ่งวายิบล่ะค่ะ ??? ในเมื่อเป็นสิ่งที่ดีกว่า

แสดงว่า ศาสนานั้นอนุโลม หรือผ่อนปรนให้แก่มุสลีมะห์ ใช่ไหม...



 salam

ใช่คับ?ศาสนาอณุโลมให้สตรีเปิดหน้าได้ เพราะศาสนาดำรงไว้ซึ้งความสะดวกง่ายดายและป้องกันจากอันตรายต่างๆความเดือดร้อนต่างๆด้วยกับการอณุญาติให้กระทำได้ต่อสิ่งที่มันทำให้ลำบาก  เพราะถ้าสตรีต้องปิดหน้าทุกครั้งที่ออกจากบ้านแน่นอนมันทำให้นางเกิดความลำบาก  และสิ่งที่ศาสนาอณุญาติให้นั้นรวมถึงการใช้ชีวิตที่จำเปน และความต้องการต่างๆในการที่จะต้องพบปะผู้คนทำการซื้อขายซึ่งกันและกัน เหมือนกันที่พระองค์ทรงตัรไว้ว่า ....และพวกนางนั้นอย่าได้เปิดเครื่องประดับของพวกนางเว้นแต่สิ่งที่พึงให้เปิด....ซูเราะห์ อัลนูร อายะห์ 31    ท่านอิบนุ มัสอูดกล่าวว่า เครื่องประดับที่เปิดเผยได้มี2อย่าง (1)แหวและกำไล มองได้เฉพาะสามี (2)ใบหน้าและฝ่ามือ มองได้ทั้งสามีและคนอื่น และนักตัฟซีรได้รายงานจาก อิบนี่ อับบาส กล่าวว่า สิ่งที่เปิดได้คือ ฝ่ามือ แหวน และก็หน้า ส่วนอิบนุ อุมัร กล่าวว่า ใบหน้า และ2ฝ่ามือที่เปิดได้ ส่วนท่าน อนัส กล่าวว่า ฝ่ามือ และแหวน สิ่งที่ได้กล่าวมาทั้งหมดก็มีรายงานมาจากท่านหญิง อาอีซะห์ และคนอื่นๆจากตาบีอีน  (ฉนั้นสรุปได้ว่าการเปิดหน้านั้นศาสนาอณุญาติให้) ....ฝากท้วงท้าย สิ่งต่างๆที่ศาสนาอณุญาติให้นั้นจะไม่เปนที่อณุญาติให้เมื่อว่ากลัวเกิดฟิตนะห์  ดังนั้นการเปิดหน้าถ้ากลัวจะเกิดฟิตนะห์สิ่งไม่ดีต่างๆก็ไม่เปนที่อณุญาติให้ ...จาก ฟัตวา ดร.ยูซุบ ก็อรฏอวี่ย์   วัสลาม...

Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: shurfuddeen Date: มิ.ย. 24, 2009, 03:03 PM
 salam  ขอถามหน่อยค่ะ มีข้อสงสัยอยู่ว่าถ้าเราปิดหน้าบ้างไม่ปิดบ้างจะเป็นอะไรมั้ยค่ะ คือจริงๆแล้วอยากปิดหน้าค่ะแต่สภาพของการทำงานไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไร ก็เลยตั้งใจว่าถ้าในสถานการที่เราสามารถปิดหน้าได้เราก็จะปิด แบบนี้จะเป็นอะไรมั้ย
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: ILHAM Date: มิ.ย. 24, 2009, 05:01 PM
ได้ ไม่เป็นไร
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: Nur-inee Date: มิ.ย. 25, 2009, 04:40 AM
salam  ขอถามหน่อยค่ะ มีข้อสงสัยอยู่ว่าถ้าเราปิดหน้าบ้างไม่ปิดบ้างจะเป็นอะไรมั้ยค่ะ คือจริงๆแล้วอยากปิดหน้าค่ะแต่สภาพของการทำงานไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไร ก็เลยตั้งใจว่าถ้าในสถานการที่เราสามารถปิดหน้าได้เราก็จะปิด แบบนี้จะเป็นอะไรมั้ย

สภาพเดียวกันเลย........ แต่เขาก็ไม่รุนะ ว่าคนๆเดียวกัน (มั้ง)

สู้ๆ อิอิ
Oops:
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ส.ค. 27, 2009, 01:28 AM
 salam

الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛

ภรรยาของลูกชายที่เรียกว่า ลูกสะใภ้ นั้นถือเป็นสตรีที่ต้องห้ามสมรสด้วย (อ้ลมุฮัรร่อมาต มินันนิซาอฺ) สำหรับผู้ที่เป็นพ่อ ซึ่งเรียกว่า พ่อสามีหรือพ่อผัวอันเป็นที่ต้องห้ามที่เกิดจากการเกี่ยวดองด้วยการสมรส (มุซอฮะเราะฮฺ) ดังมีตัวบทจากอัลกุรอานที่ระบุว่า     

(وَحَلَائِلُ أَبْنَائِكُمُ الَّذِينَ مِنْ أَصْلَابِكُمْ)

“และเหล่าภรรยาของบุตรชายทั้งหลายของหมู่สูเจ้าที่มาจากเชื้อไขของหมู่สูเจ้า” (อัลนิซาอฺ 23)

หมายถึงเป็นที่ต้องห้ามสำหรับหมู่สูเจ้าในการสมรสกับลูกสะใภ้แท้ๆ (คือภรรยาของลูกชายแท้ๆ , มิใช่ลูกเลี้ยงหรือลูกบุญธรรม) (อัตตัซฮีบ ฟี อะดิลละฮฺ มะตัน อัลฆอยะฮฺ วัตตักรีบ ดร.มุสตอฟา อัลบุฆอ หน้า 184)


ดังนั้น พ่อสามีจึงถือเป็นมะฮฺรอมสำหรับสตรีผู้เป็นภรรยาของลูกชายของตน นักวิชาการระบุว่า อนุญาตให้ชายมองสตรีที่เป็นมะฮฺรอมได้ นอกเหนือจากอวัยวะของร่างกายที่อยู่ระหว่างสะดือและหัวเข่า (อิอานะตุตตอลีบีน เล่มที่ 3/300) หากพิจารณาตามนี้ก็อนุญาตให้ลูกสะใภ้ไม่ต้องคลุมฮิญาบต่อหน้าพ่อสามีได้ เพราะเอาเราะฮฺที่นางจำเป็นต้องปกปิดนั้นคือระหว่างสะดือและหัวเข่า ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสภาพการด้วยว่าปลอดจากฟิตนะฮฺและก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ (ชะฮฺวะฮฺ) หรือไม่ หากมี 2 ประการนี้ก็ถือว่าเป็นที่ต้องห้ามแม้ว่าจะเป็นเพียงใบหน้าก็ตาม ฉนั้นที่ดีแล้วควรปกปิดเอาเราะฮฺให้มิดชิดต่อหน้าพ่อสามี เพื่อป้องกัน 2 ประการดังกล่าว ถึงแม้ว่าไม่วาญิบต้องคลุมฮิญาบต่อหน้าพ่อสามีก็ตาม

والله أعلم بالصواب

เครดิต alisusaming.com
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: GeT Date: ส.ค. 27, 2009, 04:54 AM
เมื่อมีการเปรียบเทียบระหว่างปิดหน้า กับ ไม่ปิดหน้า (จากบทความ)

ทำไมศาสนาถึงไม่ให้การปิดหน้าเป็นสิ่งวายิบล่ะค่ะ ??? ในเมื่อเป็นสิ่งที่ดีกว่า

แสดงว่า ศาสนานั้นอนุโลม หรือผ่อนปรนให้แก่มุสลีมะห์ ใช่ไหม...


แล้วใคร มัซฮับไหนละที่บอกว่า การปิดหน้าไม่เป็นสิ่งวาญิบ ?
قال أبو بكر الرازي الجصاص الحنفي (ت370هـ) في تفسيره لقوله تعالى : ( يدنين عليهن من جلابيبهن ) : " في هذه الآية دلالة على أن المرأة الشابة مأمورة بستر وجهها عن الأجنبيين ، وإظهار الستر و العفاف عند الخروج لئلا يطمع أهل الريب فيهن ".( أحكام القرآن 3/371) .
قال أبو بكر بن العربي المالكي رحمه الله (ت 543هـ) عند تفسيره لقوله تعالى ( وإذا سألتموهن متاعاً فاسألوهن من وراء حجاب ) : " و المرأة كلها عورة ؛ بدنها وصوتها ، فلا يجوز كشف ذلك إلا لضرورة أو لحاجة ، كالشهادة عليها ، أو داء يكون ببدنها " (أحكام القرآن 3/616).
قال النووي رحمه الله (ت676هـ) في المنهاج ( وهو عمدة في مذهب الشافعية ) : " و يحرم نظر فحل بالغ إلى عورة حرة كبيرة أجنبية وكذا وجهها وكفها عند خوف الفتنة ( قال الرملي في شرحه : إجماعاً ) وكذا عند الأمن على الصحيح " . قال ابن شهاب الدين الرملي رحمه الله (ت1004هـ) في شرحه لكلام النووي السابق : " و وجهه الإمام : باتفاق المسلمين على منع النساء أن يخرجن سافرات الوجوه ، وبأن النظر مظنة الفتنة ، و محرك للشهوة .. وحيث قيل بالتحريم وهو الراجح : حرم النظر إلى المنتقبة التي لا يبين منها غير عينيها و محاجرها كما بحثه الأذرعي ، و لاسيما إذا كانت جميلة ، فكم في المحاجر من خناجر "اهـ (نهاية المحتاج إلى شرح المنهاج في الفقه على مذهب الشافعي 6/187ـ188) .
قال النسفي الحنفي رحمه الله (ت701هـ) في تفسيره لقوله تعالى : ( يدنين عليهن من جلابيبهن ): " يرخينها عليهن ، و يغطين بها وجوههن وأعطافهن " (مدارك التنزيل 3/79) .
قال شيخ الإسلام ابن تيمية رحمه الله (ت728هـ): " وكشف النساء وجوههن بحيث يراهن الأجانب غير جائز. وعلى ولي الأمرِ الأمرُ بالمعروف والنهى عن هذا المنكر وغيره ، ومن لم يرتدع فإنه يعاقب على ذلك بما يزجره " ( مجموع الفتاوى 24 / 382 ) .
قال ابن جزي الكلبي المالكي رحمه الله (ت741هـ) في تفسيره لقوله تعالى : ( يدنين عليهن من جلابيبهن ) : " كان نساء العرب يكشفن وجوههن كما تفعل الإماء ، وكان ذلك داعياً إلى نظر الرجال لهن ، فأمرهن الله بإدناء الجلابيب ليستر بذلك وجوههن " ( التسهيل لعلوم التنزيل 3/144).
قال ابن القيم رحمه الله (ت751هـ) في إعلام الموقعين ( 2/80) : " العورة عورتان : عورة النظر ، وعورة في الصلاة ؛ فالحرة لها أن تصلي مكشوفة الوجه والكفين ، وليس لها أن تخرج في الأسواق و مجامع الناس كذلك ، والله أعلم ".
وقال تقي الدين السبكي الشافعي رحمه الله (ت756هـ) : " الأقرب إلى صنيع الأصحاب أن وجهها و كفيها عورة في النظر " ( نهاية المحتاج 6/187) .
قال ابن حجر في شرح حديث عائشة رضي الله عنها وهو في صحيح البخاري أنها قالت : " لَمَّا نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ ( وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ عَلَى جُيُوبِهِنَّ ) أَخَذْنَ أُزْرَهُنَّ فَشَقَّقْنَهَا مِنْ قِبَلِ الْحَوَاشِي فَاخْتَمَرْنَ بِهَا " . قال ابن حجر (ت852هـ) في الفتح (8/347) : " قوله ( فاختمرن ) أي غطين وجوههن " .
قال السيوطي (ت911هـ) عند قوله تعالى : ( يدنين عليهن من جلابيبهن ) : " هذه آية الحجاب في حق سائر النساء ، ففيها وجوب ستر الرأس والوجه عليهن " (عون المعبود 11/158 ) .
قال البهوتي الحنبلي رحمه الله (ت1046هـ) في كشاف القناع ( 1/266) : " الكفان والوجه من الحرة البالغة عورة خارج الصلاة باعتبار النظر كبقية بدنها " .

Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: มัยซูน Date: ส.ค. 27, 2009, 08:54 AM
เมื่อมีการเปรียบเทียบระหว่างปิดหน้า กับ ไม่ปิดหน้า (จากบทความ)

ทำไมศาสนาถึงไม่ให้การปิดหน้าเป็นสิ่งวายิบล่ะค่ะ ??? ในเมื่อเป็นสิ่งที่ดีกว่า

แสดงว่า ศาสนานั้นอนุโลม หรือผ่อนปรนให้แก่มุสลีมะห์ ใช่ไหม...


แล้วใคร มัซฮับไหนละที่บอกว่า การปิดหน้าไม่เป็นสิ่งวาญิบ ?

ก็เอารัตของผู้หญิง ให้เปิดหน้าและฝ่ามือได้ ไม่ใช่หรือคะ  ก็แสดงว่าการปิดหน้าไม่วายิบ
เข้าใจถูกไหมคะ




Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: As-Zaleek Date: ส.ค. 27, 2009, 09:30 AM
 salam

คุณ GeT ช่วยแยกแยะระหว่าง เอาเราะฮ์ในการปิด  กับ เอาเราะฮ์ในการมองหน่อยครับ  เพราะเอาเราะฮ์ในการมองนั้น  ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องปิดหน้าก็ได้ไม่ใช่หรือครับ? 
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: - ครูจริงใจ- Date: ส.ค. 27, 2009, 12:38 PM
^
ติดตาม..

ถ้าให้ดี..ช่วยแปลให้ฟังมั่งได้ม่ะค่ะ??
สงสารคนไม่เก่งอาหรับมั่งเน่อ   ;D ;D
ท่านๆ  ^^"





..
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: GeT Date: ส.ค. 28, 2009, 06:12 AM
ใจความอย่างรวบรัด
1. อบูบักร อัลญัศศอศ อัลหะนะฟีย์ (370 ฮ.ศ.) กล่าวอธิบายอายะฮฺ ( يدنين عليهن من جلابيبهن ) ว่า ในอายะฮฺนี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าหญิงสาวถูกสั่งให้ปกปิดใบหน้าจาก (การมองของ) อัจญ์นะบีย์ (ชายที่สามารถแต่งงานกับงาน)
2. อบูบักร อิบนุ อัลอะเราะบีย์ อัลมาลิกีย์ (5ิ43 ฮ.ศ.) ได้อธิบายอายะฮฺ ( وإذا سألتموهن متاعاً فاسألوهن من وراء حجاب ) ว่า สตรีนั้นทุกส่วนของร่างกายนางล้วนเป็นเอาเราะฮฺ (สิ่งที่พึงสงวน) ทั้งร่างกายและน้ำเสียง ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้เปิดเผย (ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย) ออกมา นอกจากในกรณีที่จำเป็น
3. อันนะวะวีย์ อัชชาฟิอีย์ (676 ฮ.ศ.) กล่าวว่า การมองเอาเราะฮฺของสตรีอัจญ์นะบีย์เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) สำหรับชายหนุ่มที่บรรลุศาสนภาวะแล้ว เช่นเดียวกับใบหน้าและฝ่ามือ ในกรณีที่กลัวจะเปิดฟิตนะฮฺ
4. อัรร็อมลีย์ได้กล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์ และในเวลาที่ปลอดภัยจากฟิตนะฮฺก็ (หะรอม) เช่นเดียวกันตามทัศนะที่ถูกต้อง
5. ชิฮาบุดดีน อัรร็อมลีย์ (1004 ฮ.ศ.) กล่าวขยายความคำพูดของอันนะวะวีย์ข้างต้นว่า อิหม่ามอันนะวะวีย์ได้ชี้ถึงการเห็นพ้อง (อิตติฟาก) ของชาวมุสลิม ซึ่งได้ห้ามไม่ให้สตรีเดินทางออกจากบ้านในสภาพที่เปิดเผยใบหน้า เพราะการมองนั้นเป็นที่มาของฟิตนะฮฺ และตัวกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และในกรณีที่ถูกกล่าวว่า (การเปิดเผยใบหน้า) เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม)ซึ่ง เป็นทัศนะที่ถูกต้อง (รอญิหฺ) ดังนั้น จึงห้ามมองสตรีที่ปกปิดใบหน้าและไม่เปิดเผยนอกจากสองดวงตาของนางเท่านั้น

เอาแค่นี้ก่อนพอหอมปากหอมคอ
Re: ฮิญาบในอิสลาม ^^ By: Molto Date: ส.ค. 28, 2009, 08:00 AM
และในกรณีที่ถูกกล่าวว่า (การเปิดเผยใบหน้า) เป็นที่ต้องห้าม (หะรอม)ซึ่ง เป็นทัศนะที่ถูกต้อง (รอญิหฺ) ดังนั้น จึงห้ามมองสตรีที่ปกปิดใบหน้าและไม่เปิดเผยนอกจากสองดวงตาของนางเท่านั้น

คุณศึกษาหลักฐานทั่วถึงแล้วหรือ ที่สรุปว่า  การเปิดเผยใบหน้าเป็นสิ่งที่ฮะรอม  คุณให้น้ำหนักเพราะมีหลักฐานที่มีน้ำหนักมายืนยัน  หรือว่าให้น้ำหนักเพราะ***

อีกอย่าง  ที่คุณเจาะจงว่า "ดวงตาเท่านั้นที่มองได้" คุณเอาหลักฐานใหนมาเจาะจงหรือ?