ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: al-azhary Date: มี.ค. 12, 2007, 12:09 AM
ความหวัง (อัรร่อญาอ์) หมายถึง "จิตใจที่สงบมั่งคง ให้กับความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ด้วยการหลักการปฏิบัติทั้งหมดสิ่งที่ถูกสั่งใช้มายืนยัน หากไม่เป็นเช่นนั้น ถือว่า เป็นการหลอกลวง"
อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ส่งเสริมให้เรามีความหวัง ห้ามให้เราสิ้นหวังจากความเมตตา พระองค์ทรงตรัสว่า
قُلْ يَا عِبَادِيَ الَّذِينَ أَسْرَفُوا عَلَى أَنفُسِهِمْ لَا تَقْنَطُوا مِن رَّحْمَةِ اللَّهِ إِنَّ اللَّهَ يَغْفِرُ الذُّنُوبَ جَمِيعاً إِنَّهُ هُوَ الْغَفُورُ الرَّحِيمُ
"จงประกาศเถิด โอ้มวลข้าทาสของข้า ซึ่งฟุ้งเฟ้อแก่ตัวเอง (ด้วยการทำบาป) พวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ในเมตตาธรรมของอัลเลาะฮ์ เพราะแท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงอภัยโทษทั้งมวล แท้จริงพระองค์ทรงให้อภัยยิ่ง พระองค์ทรงเมตตายิ่ง" อัซซุมัร 53
พระองค์ทรงแจ้งข่าวดี ถึงความกว้างขวางจากความเมตตาของพระองค์ ความว่า
وَرَحْمَتِي وَسِعَتْ كُلَّ شَيْءٍ
"และความเมตตาของข้า ครอบคลุมทั่วทุก ๆ สิ่ง" อัลอะร๊อฟ 156
พระองค์ทรงพรรณาถึงคุณลักษณะบรรดาผู้ที่มีความหวังในความเมตตาของพระองค์ ความว่า
إِنَّ الَّذِينَ آمَنُواْ وَالَّذِينَ هَاجَرُواْ وَجَاهَدُواْ فِي سَبِيلِ اللّهِ أُوْلَـئِكَ يَرْجُونَ رَحْمَتَ اللّهِ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ
"แท้จริง บรรดาผู้มีศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ และต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮ์ พวกเหล่านั้นมุ่งหวังในเมตตาธรรมของอัลเลาะฮ์ และอัลเลาะฮ์ ทรงอภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง" อัลบะกอเราะฮ์ 218
และมีหะดิษมากมายที่ส่งเสริมให้มีความหวังในความเมตตาของอัลเลาะฮ์ ส่วนหนึ่ง คือ
รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจของพระองค์ หากพวกท่านไม่กระทำบาป แน่นอน พระองค์ก็จะปลดเปลื้องให้แก่พวกท่าน และพระองค์ก็ทรงนำกลุ่มชนหนึ่งที่กระทำบาป แล้วพวกเขาจึงทำการขออภัยโทษกับอัลเลาะฮ์ ดังนั้น พระองค์จึงอภัยให้แก่พวกเขา" รายงานโดย มุสลิม
ท่านอบู มูซา อัลอัชอะรีย์ รายงานจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "มีผู้คนจากบรรดามุสลิมีนได้ถูกนำตัวมาในวันกิยามะฮ์ โดยมีบาปดังบรรดาขุนเขา แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงอภัยให้แก่พวกเขาและวางบาปนั้นให้อยู่บนพวกยะฮูดีและนะซอรอ" รายงานโดย มุสลิม
ความหวัง ( الرجاء ) ย่อมแตกต่างกับ ความหวังแบบ ( التمنى ) (หวังลม ๆ แล้ง ๆ ) เนื่องจากผู้ที่มีความหวังในรูปแบบแรก คือเขาได้ปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่าง ๆ โดยแสวงหาความพึงพอพระทัยและการตอบรับจากอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ส่วนผู้ที่หวังแบบที่สอง คือทิ้งการปฏิบัติและต่อสู้กับจิตใฝ่ต่ำ หลังจากนั้น เขาก็เฝ้ารอคอยผลบุญและการตอบแทนจากอัลเลาะฮ์ ซึ่งเขาย่อมอยู่ในบุคคลที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ผู้อ่อนแอ คือ ผู้ที่ทำให้ตนเองตามกับอารมณ์ใฝ่ต่ำ และมีความหวังต่ออัลเลาะฮ์แบบหวังลม ๆ แล้ง ๆ " รายงานโดย มุสลิม
ดังนั้น ทุกคนที่มีความหวังต่ออัลเลาะฮ์และแสวงหาในพระองค์นั้น เขาจำเป็นต้องบากบั่นและทุ่มเทความพยายามทำอิบาดะฮ์ด้วยความสัจจริงและบริสุทธิ์ใจ จนกระทั่งเขาได้รับสิ่งที่ปรารถนา ด้วยเหตุนี้ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงตรัส เพื่อสอนแนวทางการแสวงหาในพระองค์ ความว่า
فَمَن كَانَ يَرْجُو لِقَاء رَبِّهِ فَلْيَعْمَلْ عَمَلاً صَالِحاً وَلَا يُشْرِكْ بِعِبَادَةِ رَبِّهِ أَحَداً
"ดังนั้น ผู้ใดที่หวังจะได้พบองค์ผู้อภิบาลของเขา เขาก็จงประพฤติแต่ความดีงาม และเขาจงอย่าตั้งสิ่งอื่นใดเป็นภาคีในการนมัสการต่อองค์อภิบาลของเขา" อัลกะฮ์ฟิ 110
เมื่อบ่าวคนหนึ่ง ที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มมีความพยายามที่จะหลีกห่างจากความชั่ว พร้อมกันนั้นเขาอาจจะน้อมตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตน ก็ให้เขามีความเกรงกลัวต่ออัลเลาะฮ์เหนือกว่าความหวังในอัลเลาะฮ์ แต่เมื่อเขาอยู่ในช่วงท้ายของชีวิต ก็ให้เขามีความหวังในอัลเลาะฮ์เหนือกว่าความเกรงกลัว เฉกเช่นที่อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ในหะดิษกุดซีย์ความว่า
أنا عند ظن عبدى بى
"เรา(จะประทานให้)ตามที่บ่าวมีความหวังด้วยกับเรา" รายงานโดย อัลบุคอรีย์
ท่านญาบิร บิน อับดิลลาฮ์ ได้รายงานว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لا تموتنّ أحدكم إلا وهو يحسن الظنّ بالله عز وجل
"บุคคลใดจากพวกท่านอย่าเพิ่งตายนอกจากเขาต้องหวังในด้านดีต่ออัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร" รายงานโดย มุสลิม
ดังนั้น หากบ่าวคนหนึ่งได้มุ่งหน้าไปสู่ความใกล้ชิดต่อพระองค์ ก็ให้เขาทำการรวมระหว่างตำแหน่งของ ความกลัวและความหวังพร้อมกัน กล่าวคือ อยู่ให้ความกลัวอยู่เหนือความหวังจนกระทั่งทำให้สิ้นหวังต่อความเมตตาต่อพระองค์ และอย่าให้ความหวังอยู่เหนือความกลัวจนกระทั่งทำให้เขาปล่อยตนเองอยู่ในการฝ่าฝืนและความชั่ว แต่ให้เขามีความหวังและความเกรงกลัวไปพร้อม ๆ กัน ตามที่อัลเลาะฮ์ ได้ทรงตรัสไว้ความว่า
تَتَجَافَى جُنُوبُهُمْ عَنِ الْمَضَاجِعِ يَدْعُونَ رَبَّهُمْ خَوْفاً وَطَمَعاً وَمِمَّا رَزَقْنَاهُمْ يُنفِقُونَ
"สีข้างของพวกเขาเหินห่างจากที่นอน เพราะพวกเขาเฝ้าวอนนมัสการต่อพระองค์อภิบาลของพวกเขาเองด้วยความกลัว(ในอาญาสิทธิ์)และความมุ่งหวัง(ในกุศลรางวัล) และพวกเขาได้ใช้จ่ายบางสิ่งที่เราได้ประทานโชคผลให้แก่พวกเขา" อัศสะญะดะฮ์ 16
หมายถึง ให้เขากลัวไฟนรกของพระองค์ มีความหวังในสวรรค์ของพระองค์ และกลัวความเหินห่างพร้อมกับหวังในความใกล้ชิดพระองค์ หรือกลัวจากความพิโรธพร้อมกับมีความหวังในความปราโมทย์ของพระองค์ เป็นต้น
วัลลอฮุอะลัม
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: salamah Date: มี.ค. 12, 2007, 12:17 AM
ญะซากั้ลลอฮ์ค่ะ..........ปู่อัลฯสำหรับข้อคิดดีๆที่นำมาฝากเตือนสติกันนะคะ

Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: musalmarn Date: มี.ค. 15, 2007, 01:33 AM
ด้วยพระนามของอัลลอฮ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตา
เสมอ
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: คนเดินดิน Date: พ.ค. 30, 2007, 04:12 PM
;) ;) ;) มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลย

Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: คนจำเป็น Date: มิ.ย. 22, 2007, 10:07 PM
ท่านอบู มูซา อัลอัชอะรีย์ รายงานจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า "มีผู้คนจากบรรดามุสลิมีนได้ถูกนำตัวมาในวันกิยามะฮ์ โดยมีบาปดังบรรดาขุนเขา แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงอภัยให้แก่พวกเขาและวางบาปนั้นให้อยู่บนพวกยะฮูดีและนะซอรอ" รายงานโดย มุสลิม
ยิ่งเห็นฮะดิษ นี้ คงไม่ต้องบรรยายมากครับ
ผมอาจมีความหวังมากมาย ครับ
แต่ กับหนึ่งเดียวเท่านั้น พระองค์อัลลอฮฺ (ซบ)
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: al-firdaus~* Date: มี.ค. 10, 2009, 10:23 AM
ผู้ใดเกรงกลัวอัลลอฮ์ แน่นอน ความเกรงกลัวจะชี้นำเขาบนทุกๆ ความดีงาม...อินชาอัลลอฮ์...
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: itoursab Date: มี.ค. 11, 2009, 10:28 AM
ขอบคุณครับ
จะพยายามไม่หมดหวัง
แต่บางทีก็เหนื่อยเนาะ แง่บๆ
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: Imtinan Date: มี.ค. 11, 2009, 04:43 PM
ขอบคุณครับ
จะพยายามไม่หมดหวัง
แต่บางทีก็เหนื่อยเนาะ แง่บๆ
salam
kesemua ujian itu ada hikmah sebaliknya.
สู้ๆ
Re: ความหวังในอัลเลาะฮ์ By: nada-yoru Date: ธ.ค. 29, 2013, 08:14 PM
อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ
ในวันที่อ่อนแอทั้งกายและใจ หากเราอดทนพร้อมกับจิตใจที่มุ่งหวังต่อความเมตตา
ของอัลลอฮฺแล้ว เราจะรู้ได้ถึงความชุ่มฉ่ำในหัวใจ...
ขอยกเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา เพื่อจะเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนทำงานในยุคนี้ได้บ้าง
เหตุการณ์นั้นคือ ออฟฟิสข้าน้อยมีการโยกย้ายสถานที่ และสถานที่ที่โยกย้ายไปนั้น
มีแค่คนกล่าวขวัญกันว่า ผีเฮี้ยน...และก่อนหน้านั้นทางเจ้านาย
ก็ได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นวางตรงสถานที่ดังกล่าว
และมีการอัญเชิญพระพิฆเนศ และมีพราหมณ์มาสวดหลายต่อหลายคน
ตอนนั้นขอไม่เข้าร่วมพิธีกรรม...พอมาวันที่ต้องย้ายออฟฟิสก็มีการให้เข้าไปกราบ
พระพุทธรูปเพื่อเป็นการขอความคุ้มครอง...ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่ขอเข้าร่วมพิธีกรรมดังกล่าว
และครั้งนั้นเองที่ทำให้รู้ว่า ตัวเราเป็นเพียงคนเดียวที่แปลกแยกจากชาวบ้าน
กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผู้อื่น...เพราะคิดและปฏิบัติไม่เหมือนใคร...
พ่อเลยพูดให้ฟังว่า...จงเป็นคนแปลกหน้าในหมู่มนุษย์เถอะ หากว่านั่นคือการทำตาม
คำบัญชาของอัลลอฮฺ เพราะสำหรับอัลลอฮฺแล้ว เราหาได้เป็นคนแปลกหน้าเลย...
และรูปปั้นเหล่านั้นหาได้มีอำนาจในการปกป้องคุ้มครองเราแต่อย่างใดเลย
อัลลอฮฺต่างหากที่ปกป้องมนุษย์...
แต่อดยอมรับไม่ได้ว่า...สถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นที่อยู่ของเหล่ามารร้ายอย่างชุกชุม
และวิธีการที่เขาทำนั้น ก็หาได้ไล่มารร้ายออกไปจากสถานที่นั้นได้เลย
เพราะว่ายังสัมผัสได้ถึงพลังของมัน...แต่ก็มิได้เกรงกลัวมันเลย...
ต่างจากหลายๆคนที่กังวลใจ กลัวผีหลอก...
มีคนบอกว่า ที่ที่ข้าน้อยเลือกนั่งทำงานน้ัน คนก่อนหน้าก็โดนผีหลอกหัวโขลนกันมาแล้ว...
แต่เรานั้นไม่ได้ใส่ใจ เพราะไม่ว่าจะเข้าไปในสถานที่ใดก็แล้วแต่
ก็จะเริ่มด้วยการกล่าว..."บิสมินละฮฺ" ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ...
เนื่องจากเราเริ่มด้วยคำๆนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรเราก็จะขอทำด้วยนามของอัลลอฮฺ
อะไรที่ขัดกับหลักการเราจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ทำ...
หัวใจเราก็จะไม่แกว่งจนถึงกับตระหนกหรือกลัวในสิ่งที่เราก็รู้ดีว่า
นั่นก็คือสิ่งที่อัลลอฮฺสร้างมา...และอัลลอฮฺมีอำนาจเหนือสิ่งนั้น...
เลยเริ่มด้วยการขอความคุ้มครองกับอัลลอฮฺ พร้อมกับการยำเกรงพระองค์
และมอบความหวังไปยังพระองค์...หัวใจเราก็จะอบอุ่น...
เหตุการณ์ดังกล่าว...สอนให้รู้ว่า...การเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺนั้น
ย่อมดีเลิศกว่าการกราบไหว้ในรูปปั้นที่แม้แต่ตัวของมันเองก็ไม่อาจช่วยเหลือตัวมันเองได้...
แล้วมันจะช่วยอะไรเราได้...
ข้าน้อยไม่ได้กราบไหว้เพื่อขอความคุ้มครองต่อสิ่งนั้น
เพราะรู้ดีว่า...อัลลอฮฺคือที่พึ่งที่แท้จริง...
แม้จะต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าในสายตาผู้อื่น
และไม่เป็นที่รักของเจ้านาย...แต่เราจะเสียใจไปทำไม
ในเมื่อเรายังคงมั่นอยู่กับแนวทางของอัลลอฮฺ...เรามีอัลลอฮฺให้รักให้ภักดี
และเราก็มีความหวังว่าจะได้เป็นคนรักของอัลลอฮฺ...
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...
แม้เราจะถูกมองว่า หัวโบราณ ล้าสมัย...ก็ขอให้น้อมรับคำๆนั้นเอาไว้
เพราะศาสนาของอัลลอฮฺนั้นโบราณจริงๆ เนื่องจากศาสนาของอัลลอฮฺ
มีมาตั้งแต่นบีอาดัมลงมายังโลกดุนยานี้แล้ว...
อัลลอฮฺสั่งใช้ให้มนุษย์ศรัทธาและกราบไหว้ต่ออัลลอฮฺองค์เดียวมาเนิ่นนาน
และหากเรายังภักดีต่ออัลลอฮฺ แน่นอน เรายังคงยึดมั่นต่อสิ่งเดิมๆ
และศาสนาเรานั้นโบราณจริงๆค่ะ...ขอให้จงภูมิใจที่ถูกมองว่า
เป็นคนหัวโบราณ...และทำตัวเหมือนคนโบราณเถิด...
ดังนั้น...อยากเป็นกำลังใจให้พี่น้องมุสลิมเราทุกคน
ที่ต้องผจญกับการเป็นคนแปลกหน้ากับการไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม
ว่าอย่าได้ทดท้อใจ...เพราะเราคือมุสลิม
สำหรับดุนยานี้ เรามาอย่างคนแปลกหน้า และจะกลับไปอย่างคนแปลกหน้า...
แต่สำหรับโลกหน้านั้น...สัญญาของอัลลอฮฺไม่เป็นหมัน...
มีพี่ที่ทำงานท่านนึง กล่าวว่า ทุกวันนี้ ศาสนาอิสลามนั้น
เสถียรภาพกว่าศาสนาอื่นๆที่มีในปัจจุบันทั้งหมด...
เพราะในขณะที่ศาสนาอื่นๆเริ่มตกต่ำลง แต่อิสลามยังคงอยู่อย่างมั่นคง...
ผู้นับถือศาสนาอิสลามยังคงเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น
และยังคงยึดมั่นต่อพระเจ้าองค์เดียว ไม่ยอมกราบไหว้ต่อสิ่งใดเลย...
เพราะพี่แกบอกว่า เจอมุสลิมที่ไหนก็มีจิตมั่นคงเหมือนเธอนั่นแหล่ะ
ที่ไม่ยอมกราบไหว้สิ่งใด ไม่ร่วมพิธีกรรมใดๆ ไม่กินไม่แตะต้อง
กล้าที่จะประกาศจุดยืนของตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลย...
พี่แกเลยบอกว่า...นี่คือเอกลักษณ์ของศาสนาอิสลามที่คนจำติดหู...
ติดตา และติดใจได้ง่าย...
นี่จึงเป็นสัญญาณว่า...อิสลามนั้นสูงส่งค่ะ...
เพราะ ในขณะที่เขาชื่นชมอิสลาม
แต่ทว่า เขาไม่สามารถครอบครองอิสลามได้...
พ่อบอกว่า...ของดีนั้น...ใครๆก็รู้ว่าดีจริง...
แต่ก็ใช่ว่าใครจะครอบครองได้โดยง่ายดาย...
และนี่คือศาสนาของอัลลอฮฺ...
จึงไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ...อย่างน้อยก็ต้องต่อสู้กับชัยตอน
และนัฟซูของตัวเองไปจนกว่าจะหมดลม...
ศึกสงครามนี้ไม่มีวันจบลงจนกว่าจะได้ลิ้มรสความตาย...
ดังนั้น...เราจะสู้ไปพร้อมๆกับความหวังในอัลลอฮฺ....
วัสลามค่ะ