Re: ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัลอัสกอลานีย์ กับ ท่านอิมามนะวาวีย์ เป็นอะชาอิเราะฮฺหรือ?? By: al-azhary Date: พ.ย. 25, 2008, 11:45 AM
salam
ฮะดิษนี้ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้อธิบายจุดยืนหลักอะกีดะฮ์ของ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ความว่า
هذا الحديث من أحاديث الصفات , وفيها مذهبان تقدم ذكرهما مرات في كتاب الإيمان . أحدهما : الإيمان به من غير خوض في معناه , مع اعتقاد أن الله تعالى ليس كمثله شيء وتنزيهه عن سمات المخلوقات . والثاني تأويله بما يليق به , فمن قال بهذا قال : كان المراد امتحانها , هل هي موحدة تقر بأن الخالق المدبر الفعال هو الله وحده , وهو الذي إذا دعاه الداعي استقبل السماء كما إذا صلى المصلي استقبل الكعبة ؟ وليس ذلك ; لأنه منحصر في السماء كما أنه ليس منحصرا في جهة الكعبة , بل ذلك لأن السماء قبلة الداعين , كما أن الكعبة قبلة المصلين , أو هي من عبدة الأوثان العابدين للأوثان التي بين أيديهم , فلما قالت : في السماء , علم أنها موحدة وليست عابدة للأوثان
ًًฮะ ดิษนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาฮะดิษซีฟาต และเกี่ยวกับบรรดาฮะดิษซีฟาตนั้น มี 2 แนวทาง (ซึ่งทั้ง 2 แนวทางก็คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์) ตามที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในกิตาบอัลอีหม่าน ก็คือ
1. ให้ศรัทธาด้วยกับฮะดิษนี้ โดยไม่เข้าใจยุ่งเกี่ยวในความหมายของมัน พร้อมกับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์ และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสัญลักษณ์ของบรรดามัคโลค (คือแนวทางสะละฟุศศอลิห์โดยรวม)
2. ให้ทำการตีความ(ตะวีล) ฮะดิษนี้ด้วยสิ่งที่เหมาะสมต่อพระองค์ (คือแนวทางของค่อลัฟโดยรวม)
ดัง นั้น ผู้ที่ได้กล่าวด้วยกับการตีความนี้ เขาก็จะกล่าวว่า จุดมุ่งหมายก็คือ การทดสอบตัวนาง(ทาสหญิงผิวดำที่เป็นเด็ก) ว่านางนั้นเป็นผู้ที่เชื่อในอัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่ ยอมรับว่าผู้ทรงสร้าง เป็นผู้ทรงบริหาร ผู้ทรงกระทำ(ตามที่พระองค์ทรงประสงค์) คืออัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่? และพระองค์คือผู้ที่ผู้วอนขอต่อพระองค์ได้ทำการผินไปยังท้องฟ้าเหมือนกับที่ ผู้ทำการละหมาดได้ผินไปทางกิบลัตหรือไม่? ซึ่งดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงจำกัดอยู่ในฟ้ากฟ้าเฉกที่พระองค์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ใน ทิศกะบะฮ์ แต่ทว่าสิ่งดังกล่าวเพราะฟากฟ้าเป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่วอนขอดุอา เหมือนกับ กะบะฮ์เป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่ทำการละหมาด หรือว่า(เพื่อสอบว่า)นางเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กราบไว้รูปปั้นที่อยู่ในมือ ของพวกเขาหรือไม่? ดังนั้นในขณะที่นางได้กล่าวว่า อยู่ในฟ้า ก็รู้เลยว่านางเป็นผู้ที่นับถือพระองค์เพียงองค์เดียวไม่ใช่เป็นผู้กราบไหว้ เจว็ด" ดู ชัรหฺ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม ของอิมาม อันนะวาวีย์ เล่ม 5 หน้า 24
1. อิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่าแนวทางที่ถูกยอมรับนั้นมี 2 แนวทาง คือการมอบหมาย(ตัฟวีฏ)ในความหมายของมันและทำการตีความ
2. อิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่าฟากฟ้านั้นทิศหรือกิบลัตของผู้ทำการขอดุอาเหมอนกับกะบะฮ์เป็นทิศหรือกิบลัตของผู้ละหมาด
หลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์
1. วะฮาบียะฮ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวความหมายไม่ทำการมอบ(ตัฟวีฏ)ในความหมายของมัน โดยสรุปว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีทิศในเชิงรูปธรรมอยู่ไกลโพ้นจากฟากฟ้าและมัคโลค
2. วะฮาบียะฮ์พยายามอ้างว่าฟากฟ้าคือทิศหรือกิบลัตของอัลเลาะฮ์
วัลลอฮุอะลัม
Re: ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัลอัสกอลานีย์ กับ ท่านอิมามนะวาวีย์ เป็นอะชาอิเราะฮฺหรือ?? By: al-azhary Date: พ.ย. 25, 2008, 11:54 AM
salam
ท่านอิมามนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ เราเฏาะตุตฏอลีบีน ของท่าน ว่า
إن من الأمور التى يرتد به الإنسان عن دين الإسلام ويكفر معتقدها هى : أن يثبت إنسان لله تعالى الإتصال والإنفصال
ความ ว่า " ส่วนหนึ่งจากประการต่างๆ ที่ทำให้ มนุษย์ตกมุรตัดออกจากศาสนาอิสลาม และเป็นกุฟุรกับผู้ที่ยึดมั่นกับมัน ก็คือ การที่มนุษย์คนหนึ่งได้ทำการยืนยันให้กับอัลเลาะฮฺ กับการที่(พระองค์)ทรงติดอยู่(ในโลกนี้) หรือแยก(จากโลกนี้ คือพระองค์อยู่นอกโลก) " ดู หนังสือ เราเฏาะตุตฏอลิบีน ของท่านอิมามนะวาวีย์ เล่ม 10 หน้า 64
อะกีดะฮ์ของอิมามอันนะวาวีย์นั้น คืออัลเลาะฮ์มิได้ทรงอยู่ในโลกหรือนอกโลก แต่พระองค์ทรงมีอยู่ในสภาวะที่เคยมีมาที่ก่อนจะมีสร้างสากลโลก และปัจจุบันก็ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง แต่ที่แน่ ๆ คืออัลเลาะฮ์ทรงมี จะมีอย่างไรนั้นเราของมอบหมายต่ออัลเลาะฮ์ แต่ทว่าบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายย่อมชี้ถึงการมีของพระองค์
อะกีดะฮ์วะฮาบียะฮ์
1. วะฮาบียะฮ์เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงอยู่แยกจากโลกนี้ อัลเลาะฮ์อยู่นอกโลก อยู่บนฟ้า ไกลออกไป
Re: ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัลอัสกอลานีย์ กับ ท่านอิมามนะวาวีย์ เป็นอะชาอิเราะฮฺหรือ?? By: al-azhary Date: พ.ย. 25, 2008, 12:06 PM
salam
ท่านอิมามอันนะวาวีย์กล่าวอธิบายว่า
مَذْهَب أَهْل الْحَقّ أَنَّ الرُّؤْيَة قُوَّة يَجْعَلهَا اللَّه تَعَالَى فِي خَلْقه , وَلَا يُشْتَرَط فِيهَا اِتِّصَال الْأَشِعَّة وَلَا مُقَابَلَة الْمَرْئِيّ وَلَا غَيْر ذَلِكَ , لَكِنْ جَرَتْ الْعَادَة فِي رُؤْيَة بَعْضنَا بَعْضًا بِوُجُودِ ذَلِكَ عَلَى جِهَة الِاتِّفَاق لَا عَلَى سَبِيل الِاشْتِرَاط , وَقَدْ قَرَّرَ أَئِمَّتنَا الْمُتَكَلِّمُونَ ذَلِكَ بِدَلَائِلِهِ الْجَلِيَّة وَلَا يَلْزَم مِنْ رُؤْيَة اللَّه تَعَالَى إِثْبَات جِهَة - تَعَالَى عَنْ ذَلِكَ - بَلْ يَرَاهُ الْمُؤْمِنُونَ لَا فِي جِهَة كَمَا يَعْلَمُونَهُ لَا فِي جِهَة . وَاَللَّه أَعْلَم
ท่านอิมามอันนะวา วีย์ได้อธิบายเช่นกันว่า "ที่เป็นสัจธรรมก็คือ แท้จริง การเห็นนั้น อัลเลาะฮ์จะสร้างพลัง(แห่งการเห็น) ให้อยู่ในมัคโลค(คือ บรรดามุมินีน)และในการเห็นนั้นมิได้ถูกวางเงื่อนไขว่าจะสัมพันธ์กับการ สะท้อนแสงและไม่ถูกวางเงื่อนไขว่าต้องเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ที่ถูกเห็นและ ไม่ถูกวางเงื่อนไขอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าวเลย แต่ตามหลักของกฏธรรมดาทั่วไปในการที่เราเห็นซึ่งกันและกันนั้นดังกล่าวจำเป็นต้องมีทิศมาบรรจบกันแต่มิได้อยู่บนเงื่อนไข(ว่าทั้งสองต้องมีทิศทาง เห็น) และแท้จริงบรรดาปราชญ์มุตะกัลลิมีนของเราได้ยืนยันในสิ่งดังกล่าวด้วยบรรดา หลักฐานที่ชัดเจน และไม่จำเป็นว่าการเห็นอัลเลาะฮ์นั้น ต้องยืนยันการมีทิศทางให้กับพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว แต่ทว่าบรรดามุอฺมินจะได้เห็นพระองค์โดย(พระองค์)มิได้อยู่ในทิศใด เหมือนกับที่บรรดามุอฺมินรู้ดีกว่าพระองค์มิได้อยู่ในทิศใด วัลลอฮุอะลัม" ชัรห์ ซอฮิห์มุสลิม 2/20
จากคำกล่าวของอิมามอันนะวาวี ย์นี้ ทำให้เรารู้ว่า อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จะได้เห็นอัลเลาะฮ์ตะอาลาด้วยพลังที่พระองค์ทรง สร้างแก่ให้มัคโลคในวันกิยามะเพื่อให้เห็นพระองค์ตามวิธีการที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์จะให้มุมินเห็นอย่างชัดเจนโดยไม่ได้ข้อสงสัยอันใดเลย ซึ่งการเห็นนี้เมื่ออัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ให้เราได้เห็น ก็มิได้หมายความว่าต้องเห็นตามเงื่อนไขของการเห็นในโลกดุนยาที่ต้องมีทิศ ท่านอิมามญะลาลุดดีน อัดดะวานีย์ได้กล่าวว่า "ไม่จำเป็นจากบรรดาเงื่อนไข(การเห็นแบบในโลกดุนยา)ดังกล่าว นำมาเป็นเงื่อนไขในการเห็นในโลกอาคิเราะฮ์" หนังสือชัรห์ ญะลาลุดดีน อัดดะวานีย์ 2/167
อะกีดะฮ์วะฮาบียะฮ์
1. วะฮาบียะฮ์เชื่อว่าพวกเขาจะเห็นอัลเลาะฮ์แบบมีทิศและมีรูปแบบวิธีการ คืออยู่ทิศข้างบนพวกเขา แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองในวันกิยามะฮ์
วัลลอฮุอะลัม
Re: ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัลอัสกอลานีย์ กับ ท่านอิมามนะวาวีย์ เป็นอะชาอิเราะฮฺหรือ?? By: The sunnah Date: พ.ย. 25, 2008, 08:48 PM
อะกีดะฮฺแบบวะฮาบีย์นี้ อันตรายมากจริงๆ ครับ....
