การทักอีหม่ามเมื่อเขาลืมรอกาอัตมะมูมจะทำอย่างไร By: as-satuly Date: ก.ย. 16, 2008, 10:24 AM
salam
ก่อนอื่น...ผมไม่แน่ใจว่าคำถามนี้มีแล้วหรือยัง...แต่ผมก็ขอถามเลยว่า
การทักอีหม่ามเมื่อเขาลืมรอกาอัต หรือ (สมมติว่า) ตามจริงอาจจะเป็นรอกาอัตที่ 3 แล้วแต่เขานึกว่ารอกาอัตที่ 2 หรืออื่นๆ ดังนั้นมะมูมควรจะทำหรือทักอีหม่ามอย่างไร
(ผมเคยเรียนมาว่าให้ทักอีหม่ามด้วยกับคำว่า سبحان الله ) แล้วถ้าหากกล่าวคำนี้ได้ ยังมีการอนุญาตให้ใช้คำอื่นๆอีกหรือไม่ และใช้ภาษาอื่นได้ไหม เช่น ภาษาไทย อังกฤษ (ในการทักอีหม่าม) และอยากทราบว่า ใครจะเป็นผู้ที่ทักอีหม่ามหรือมะมูมคนใดคนหนึ่งหนึ่งใช่ไหม อย่างไร (ช่วยอธิบายหน่อยครับ)
جزاكم الله خيرا كثيرا
والسلام

Re: การทักอีหม่ามเมื่อเขาลืมรอกาอัตมะมูมจะทำอย่างไร By: al-azhary Date: ก.ย. 18, 2008, 08:55 PM
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
อนุญาตให้มะมูมคนใดก็ได้ ทำการกล่าวซุบฮานัลลอฮ์เพื่อเตือนให้ทราบ หรือทำการปรบมือด้วยการเอาฝ่ามือขวาตบที่หลังมือซ้าย เมื่อเขาได้พบว่าอิมามได้ลืมองค์ประกอบ(รุกุ่น)บางอย่างในละหมาด หรืออนุญาตให้คนเข้ามาในบ้าน หรือเตือนคนตาบอดเกรงว่าจะอยู่ในอันตราย หรือมีสัตว์ร้ายย่างเข้ามา เป็นต้น
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์รายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ التَّسْبِيحُ لِلرِّجَالِ وَالتَّصْفِيقُ لِلنِّسَاءِ
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า การกล่าวตัสบีห์นั้นสำหรับผู้ชายและการปรบ(ด้วยหลัง)มือนั้นสำหรับผู้หญิง” รายงานโดยมุสลิม (641)
นอกเหนือจากการกล่าวซุบฮานัลลอฮ์แล้ว ยังอนุญาตให้กล่าวอัลฮัมดุลิลลาฮ์ได้ในละหมาดได้อีกด้วย ส่วนการกล่าวเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษนั้น ถือว่าไม่ได้เพราะไม่ใช่เป็นถ้อยคำซิกิรตามที่ซุนนะฮ์ระบุไว้
ท่านอัลบุคอรีย์ได้กล่าวไว้ในบทว่าด้วยเรื่องการกล่าวซุบฮานัลลอฮ์และอัลฮัมดุลิลลาฮ์เป็นสิ่งที่อนุญาตในละหมาดสำหรับผู้ชาย ความว่า
ท่านซะฮฺล์ บิน สะอัด ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
خَرَجَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُصْلِحُ بَيْنَ بَنِي عَمْرِو بْنِ عَوْفِ بْنِ الْحَارِثِ وَحَانَتْ الصَّلَاةُ فَجَاءَ بِلَالٌ أَبَا بَكْرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا فَقَالَ حُبِسَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَتَؤُمُّ النَّاسَ قَالَ نَعَمْ إِنْ شِئْتُمْ فَأَقَامَ بِلَالٌ الصَّلَاةَ فَتَقَدَّمَ أَبُو بَكْرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ فَصَلَّى فَجَاءَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَمْشِي فِي الصُّفُوفِ يَشُقُّهَا شَقًّا حَتَّى قَامَ فِي الصَّفِّ الْأَوَّلِ فَأَخَذَ النَّاسُ بِالتَّصْفِيحِ قَالَ سَهْلٌ هَلْ تَدْرُونَ مَا التَّصْفِيحُ هُوَ التَّصْفِيقُ وَكَانَ أَبُو بَكْرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ لَا يَلْتَفِتُ فِي صَلَاتِهِ فَلَمَّا أَكْثَرُوا الْتَفَتَ فَإِذَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي الصَّفِّ فَأَشَارَ إِلَيْهِ مَكَانَكَ فَرَفَعَ أَبُو بَكْرٍ يَدَيْهِ فَحَمِدَ اللَّهَ ثُمَّ رَجَعَ الْقَهْقَرَى وَرَاءَهُ وَتَقَدَّمَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَصَلَّى
"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ออกมาทำการประนีประนอมระหว่างเผ่าอัมร์ บิน เอาฟ์ บิน ฮาริษ ขณะถึงเวลาละหมาด บิล้าลจึงไปหาท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา แล้วบิล้าลกล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมยังติดภาระกิจอยู่ ท่านจงเป็นอิมามนำละหมาดเถิด ท่านอบูบักรกล่าวว่า ได้เลย หากพวกท่านต้องการ ดังนั้นท่านบิล้าลจึงอิกอมะฮ์ละหมาด แล้วท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ อยู่ขึ้นไปข้างหน้าแล้วทำการละหมาด จากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงเดินเข้ามาในบรรดาแถวแล้วทำการแหวกแหวกแถวจนกระทั่งท่านได้ยืนในแถวแรก ดังนั้นบรรดาผู้คนจึงทำการ ตัสฮีฟ - ท่านซะฮฺล์กล่าวว่าพวกท่านรู้ไหมว่าอะไรคือตัสฮีฟ มันก็คือการปรบมือ(ด้วยหลังมือ)นั่นเอง - ท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ก็ไม่ยอมหันมาในละหมาดของเขา ขณะที่พวกเขาได้ทำการปรบมือยิ่งมากขึ้น ท่านอบูบักรจึงหันมา ทันใดนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็อยู่ที่แถวแรกแล้ว ท่านนบีจึงบ่งสัญญาณไปยังท่านอบูบักรว่า "ให้ท่านจงอยู่ที่เดิมของท่าน" ดังนั้นท่านอบูบักรจึงยกทั้งสองมือขึ้น แล้วกล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮ์ หลังจากนั้นก็ถอยกลับให้อยู่ข้างหลังท่านนบี แล้วท่านนบีก็อยู่ข้างหน้าและทำการละหมาด" รายงาานโดยบุคอรีย์ (1126)
อีกสายรายงานหนึ่งของท่านอัลบุคอรีย์ได้ระบุว่า
فَلَمَّا فَرَغَ أَقْبَلَ عَلَى النَّاسِ فَقَالَ يَا أَيُّهَا النَّاسُ مَا لَكُمْ حِينَ نَابَكُمْ شَيْءٌ فِي الصَّلَاةِ أَخَذْتُمْ بِالتَّصْفِيحِ إِنَّمَا التَّصْفِيحُ لِلنِّسَاءِ مَنْ نَابَهُ شَيْءٌ فِي صَلَاتِهِ فَلْيَقُلْ سُبْحَانَ اللَّهِ ثُمَّ الْتَفَتَ إِلَى أَبِي بَكْرٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ فَقَالَ يَا أَبَا بَكْرٍ مَا مَنَعَكَ أَنْ تُصَلِّيَ لِلنَّاسِ حِينَ أَشَرْتُ إِلَيْكَ قَالَ أَبُو بَكْرٍ مَا كَانَ يَنْبَغِي لِابْنِ أَبِي قُحَافَةَ أَنْ يُصَلِّيَ بَيْنَ يَدَيْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
"ขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเสร็จสิ้น(จากละหมาด) ท่านก็หันหน้าไปยังผู้คนทั้งหลาย แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาพวกท่านทั้งหลาย ไม่บังควรแก่พวกท่าน ขณะที่มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแก่พวกท่านในละหมาด โดยทำการปรบมือ(ด้วยหลังมือ) เพราะว่าการปรบมือนั้นสำหรับบรรดาสตรี ดังนั้นผู้ใดที่มีสิ่งหนึ่งได้เกิดขึ้นแก่เขาในละหมาด เขาก็จงกล่าวซุบฮานัลลอฮ์ หลังจากนั้นท่านนบีก็หันไปยังท่านอบูบักร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ แล้วกล่าวว่า โอ้อบูบักร อะไรหรือที่มาห้ามท่านนำละหมาดบรรดาผู้คนในตอนที่ฉันได้บ่งสัญญาณให้แก่ท่าน(อยู่ตรงที่เดิมเพื่อนำละหมาดต่อ) ท่านอบูบักรกล่าวว่า ไม่บังควรแก่อิบนุกุฮาฟะฮ์ (คือตัวท่านอบูบักร) ทำการ(นำ)ละหมาดขณะที่มีท่านร่อซูลอยู่" (1142)
ท่านอัลฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัร กล่าวอธิบายว่า
وَأَنَّ مَنْ سَبَّحَ أَوْ حَمِدَ لِأَمْرٍ يَنُوبُهُ لَا يَقْطَعُ صَلَاتَهُ وَلَوْ قَصَدَ بِذَلِكَ تَنْبِيهَ غَيْرِهِ خِلَافًا لِمَنْ قَالَ بِالْبُطْلَانِ
"แท้จริงผู้ใดกล่าวซุบฮานัลลอฮ์หรืออัลฮัมดุลลิลลาฮ์เพราะมีประการหนึ่งที่มาเกิดประสบแก่เขา ก็ไม่ทำให้การละหมาดของเขาเสีย และหากแม้นว่าการกล่าวนั้นเพื่อเตือนผู้อื่นทราบก็ตาม ซึ่งฉันมีทัศนะที่ขัดแย้งกับผู้ที่กล่าวว่าเสียละหมาด(หากมีกล่าวเพราะมีเป้าหมายเพื่อให้คนอื่นรู้)" หนังสือฟัตฮุลบารีย์อธิบายซอฮฺห์บุคอรีย์ ฮะดิษที่ 1126
ท่านชัยค์อัลค่อฏีบอัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า "จำเป็นด้วยการกล่าวซุบฮานัลลอฮ์นั้น เขาต้องเจตนาว่ามันเป็นการซิกิรพร้อมกับทำให้เข้าใจ(ในการเตือนให้ทราบ) ดังนั้นหากเขามีเจตนาทำให้เข้าใจ(ในการตักเตือนให้ทราบ)เพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าละหมาดของเขาเสีย และหากแม้นว่าท่านอิมามอัชชีรอซีย์ได้กล่าวในหนังสืออัลมุฮัซซับว่า ละหมาดไม่เสียเพราะการกล่าวตัสบีห์เพื่อเตือนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสั่งใช้ และท่านอิมามอันนะวาวีย์ก็นิ่งจากสิ่งดังกล่าว" หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ : 1/376
ًوَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ