การรู้แบบบ่าดีฮีย์กับฎ่อรูรี่ย์แตกต่างกันอย่างไร? By: seed Date: ต.ค. 06, 2008, 01:08 PM
salamในวิชาเตาฮีดนั้นมีอยู่ 2คำที่ไกล้เคียงกันคือ บ่าดีฮีย์-ฎ่อรูรีย์ อะไรคือความแตกต่าง และเหมือนกันอย่างไรครับ?
Re: บ่าดีฮีย์กับฎ่อรูรี่ย์แตกต่งกัน By: al-azhary Date: พ.ย. 04, 2008, 12:01 PM
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
การรู้แบ่งออกเป็น اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) และ اَلضَّرُوْرِيُّ ฏ่อรูรีย์
1. การรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) จะถูกนำมาใช้ใน 4 รูปแบบ
(1) การรู้ที่อยู่พร้อมกับความจำเป็นหรือพร้อมกับมีโทษที่จะเกิดขึ้น เช่น การรู้ที่ถูกบังคับให้ต้องรู้มันด้วยการข่มขู่หรือด้วยการทุบตี เป็นต้น
(2) การรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถ(กุดเราะฮ์)ที่เกิดขึ้นมาใหม่ คือเป็นการรู้ที่เกิดขึ้นแก่จิตใจอย่างฉับพลันโดยมิต้องใช้ความพยายามแต่ประการใด เช่นการรู้ที่เกิดขึ้นด้วยการเห็นโดยมิได้ตั้งใจ กล่าวคือเขาได้เปิดสองตาแล้วมีชายคนหนึ่งเดินทางผ่านมา แล้วเขาก็เห็นชายคนนั้น เขาจึงรู้ว่าชายคนนั้นคือมนุษย์คนหนึ่ง นี้คือการรู้ที่ไม่ต้องใช้ความสามารถใด ๆ
(3) การรู้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยหลักฐาน
(4) การรู้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยการพิจารณา
2. ส่วนความหมายของการรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) นั้นถูกนำมาใช้ 2 รูปแบบ
(1) การรู้โดยมิได้อาศัยปัญญาและประสาทสัมผัสหรือการที่รู้โดยไม่ต้องอาศัยการทดลอง เป็นต้น
ดังนั้น การรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) ในข้อที่หนึ่งนี้ มีความหมายที่เฉพาะกว่าการรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) ในข้อที่ (3) และข้อที่ (4) ที่ผ่านมา เพราะการรู้โดยมิอาศัยปัญญาก็ย่อมไม่ต้องการอาศัยหลักฐานอยู่แล้ว และการรู้โดยมิต้องอาศัยการทดลองก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยการพิจารณาแต่ประการใด กล่าวคือการรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) มีความหมายที่ล้ำลึกกว่านั่นเอง
ส่วนการรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) จะแตกต่างกับการรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) ในข้อที่ (1) แต่การรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) จะมีความหมายใกล้เคียงกับการรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) ในข้อที่ (2)
(2) การรับรู้ที่ไม่ต้องขึ้นอยู่หรืออาศัยการพิจารณาและอ้างหลักฐาน หากแม้ว่าจะอาศัยการให้ปัญญาหรือการทดลองก็ตาม
ดังนั้น การรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) ในข้อที่สองนี้ จึงมีความหมายเดียวกันครับ การรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) ในข้อที่ (3) และข้อที่ (4) และมีความแตกต่างกันในข้อที่ (1) และข้อที่ (2)
สรุปก็คือ ความหมายการรู้แบบ اَلْبَدِيْهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) ย่อมล้ำลึกกว่าการรู้แบบ اَلضَّرُوْرِيُّ (ฏ่อรูรีย์) นั่นเองครับ
อ้างอิงจากหนังสือ : ฮาชียะฮ์อัชชัรกอวีย์ อะลัลฮุดฮุดีย์ ของท่านชัยคุลอิสลาม อับดุลลอฮ์ อัชชัรกอวีย์ หน้า 93 - 94
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ
Re: บ่าดีฮีย์กับฎ่อรูรี่ย์แตกต่งกัน By: al-azhary Date: พ.ย. 04, 2008, 01:12 PM
salam
(1) การรู้ที่อยู่พร้อมกับความจำเป็นหรือพร้อมกับมีโทษที่จะเกิดขึ้น เช่น การรู้ที่ถูกบังคับให้ต้องรู้มันด้วยการข่มขู่หรือด้วยการทุบตี เป็นต้น
การรู้แบบฏ่อรูรีย์ในข้อที่ 1 นี้ ไม่อนุญาตให้นำมาใช้กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา เพราะเป็นการรู้ที่เกิดขึ้นจากการไม่รู้มาก่อน และยังเป็นการรู้ที่บังคับให้รู้ ซึ่งการรู้ในความหมายเช่นนี้ห้ามนำมาใช้กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา(2) การรู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถ(กุดเราะฮ์)ที่เกิดขึ้นมาใหม่ คือเป็นการรู้ที่เกิดขึ้นแก่จิตใจอย่างฉับพลันโดยมิต้องใช้ความพยายามแต่ประการใด เช่นการรู้ที่เกิดขึ้นด้วยการเห็นโดยมิได้ตั้งใจ กล่าวคือเขาได้เปิดสองตาแล้วมีชายคนหนึ่งเดินทางผ่านมา แล้วเขาก็เห็นชายคนนั้น เขาจึงรู้ว่าชายคนนั้นคือมนุษย์คนหนึ่ง นี้คือการรู้ที่ไม่ต้องใช้ความสามารถใด ๆ
(3) การรู้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยหลักฐาน
(4) การรู้ที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยการพิจารณา
การรู้แบบฎ่อรูรีย์ในความหมายข้อที่ 2 - 3 นี้ไม่ถูกห้ามที่จะนำมาใช้กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา กล่าวคือ ข้อที่ 2 นั้นอัลเลาะฮ์ไม่ต้องรู้แบบมีความสามารถตั้งแต่เดิม(ก่อดีม)หรือความสามารถที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเกี่ยวข้อง และพระองค์ทรงรู้โดยไม่ต้องอาศัยหลักฐานและไม่ต้องการพิจารณาแต่อย่างใด คือรู้ด้วยซีฟัตอัลมุ(คุณลักษณะทรงรู้)ของพระองค์เองโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ถ้าหากเราบอกเฉย ๆ ว่า อัลเลาะฮ์ทรงรู้แบบฏ่อรูรีย์ โดยไม่มีข้อแม้และไม่แยกแยะเลยระหว่างรูปแบบการรู้ทั้ง 4 ข้อ ถือว่าไม่อนุญาตให้พูดแบบนั้น เพราะอาจจะเข้าไปได้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงรู้ครอบคลุมไปถึงรูปแบบข้อที่ 1 ด้วย เพราะข้อที่ 1 มันเป็นการรู้ที่มีความไม่รู้มาอยู่ก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ตะอาลา (2. ส่วนความหมายของการรู้แบบ اَلْبَدِهِيُّ (บ่ะดีฮียะฮ์) นั้นถูกนำมาใช้ 2 รูปแบบ
(1) การรู้โดยมิได้อาศัยปัญญาและประสาทสัมผัสหรือการที่รู้โดยไม่ต้องอาศัยการทดลอง เป็นต้น
การรู้แบบบะดีฮีย์ในรูปแบบนี้ สามารถนำมาใช้กับอัลลอฮ์ เพราะพระองค์ทรงรู้โดยไม่ต้องใช้ปัญญา ประสาทสัมผส หรือการทดลองใด ๆ (2) การรับรู้ที่ไม่ต้องขึ้นอยู่หรืออาศัยการพิจารณาและอ้างหลักฐาน หากแม้ว่าจะอาศัยการให้ปัญญาหรือการทดลองก็ตาม
การรู้เช่นนี้ ก็สามารถนำมาใช้กับพระองค์ได้ เนื่องจากพระองค์ทรงรู้โดยไม่ต้องพิจารณาและมีหลักฐาน แต่สำหรับอัลเลาะฮ์แล้วจะรู้โดยไม่ต้องใช้ปัญญาและทดลอง
วัลลอฮุอะลัม