จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-azhary Date: ต.ค. 15, 2008, 12:54 PM
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ กล่าวว่า
إِدْفِنْ وُجُوْدَكَ فِي أَرْضِ الخُمُوْلِ فَمَا نَبَتَ مِمَّا لَمْ يُدْفَنْ لاَ يَتِمُّ نِتَاجُهُ
“ท่านจงฝังการมีอยู่ของท่านในแผ่นดินที่ไร้ชื่อเสียง ดังนั้นสิ่งที่งอกเงยขึ้นมาจากเมล็ดพันธุ์ที่มิได้ถูกฝัง(ดิน) ผลผลิตของมันย่อมไม่สมบูรณ์”
คำว่า الْخُمُولُ (อัลคุมูล) หมายถึง ความไร้ชื่อเสียง : คือการห่างไกลจากความเพริดแพร้วแห่งความมีเชื่อเสียงโด่งดัง ห่างไกลจากความสับสนวุ่ยวายของสังคม เพื่อบ่มเพาะ ขัดเกลาจิตใจ แสวงหาความรู้ให้กว้างขวาง และสะสมความชำนาญให้สมบูรณ์พร้อม
ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ กล่าวว่า “ท่านจงฝังการมีอยู่ของท่านในแผ่นดินที่ไร้ชื่อเสียง” หมายถึงขณะที่ท่านต้องการจะลุกขึ้นมาทำภารกิจในด้านศาสนาหรือดุนยา (แต่จุดมุ่งหมายของท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์หมายถึงภารกิจทางศาสนา) ก็จำเป็นบนท่าน ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั้งหลายและก่อนที่พวกเขาจะเห็นท่านอยู่ในสนามแห่งการทำภารกิจด้านศาสนา ก็ให้ทำการฝังการมีอยู่ของท่านในช่วงระยะเวลาหนึ่งในแผ่นดินที่ห่างไกลจากความมีชื่อเสียงโด่งดัง และจงให้การปฏิบัติอะมัลของในช่วงดังกล่าวให้เป็นการทุ่มเทความพยายามในการเอาใจใส่ตนเอง บ่มเพาะสติปัญญา ขัดเกลาจิตใจ และทำให้หัวใจของท่านสะอาดจากความมัวหมอง เพื่อให้ปณิธานความมุ่งมั่นของท่านกำจัดอยู่ในสิ่งดังกล่าว
ดังนั้นท่านก็จะไม่สามารถรักษาตนเองและศักยภาพของท่านได้ นอกจากต้องขัดเกลาตนเองให้ห่างไกลจากความวุ่นวายในสังคมและกระแสต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน
อนึ่ง ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์กำลังเปรียบเปรยกฎแห่งการขัดเกลาอบรมบ่มจิตใจในตัวของมนุษย์ ด้วยกฎเกณฑ์เดียวกันกับโลกของต้นไม้! ดังนั้นเมล็ดพืชที่ต้องการจะนำมันไปเพาะปลูกนั้น มันก็จะตายหากท่านได้โยนมันบนผืนดิน(โดยไม่ได้ฝัง)และปล่อยทิ้งมันไว้กลางแจ้งท่ามกลางดินและกรวดทราย ดวงอาทิตย์อันร้อนระอุได้สาดส่องลงมาและหมู่เมฆฝนได้แวะเวียนผ่านมายังมันวันแล้ววันเล่า
แต่ทว่าหนทางที่จะให้เมล็ดพืชเจริญงอกงามนั้น ก็คือการนำไปฝังในดินที่ชื้นและปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง มันก็จะเกิดปฏิกิริยาเจริญงอกงาม หลังจากนั้นอัลเลาะห์ก็ให้มันผลิหน่อแตกใบ มีลำต้นขึ้นชูตระหง่านสู่ภาคพื้นดินโดยสามารถฝ่าลำต้นขึ้นมาบนพื้นดินได้ ยิ่งกว่านั้นยังสามารถฝ่าแทรกกรวดหินขึ้นมาเพื่อสัมผัสอากาศและรับอาหารจากแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจริดจ้านั่นเอง
ดังนั้นการกำเนิดพืชพันธุ์ไม้นั้น จะผ่าน 2 ช่วงระยะด้วยกัน
1. ระยะเวลาสร้างรากฐาน คือขณะที่อยู่ในดิน
2. ระยะเวลาของการเจริญเติบโตและออกผล คือ ขณะที่เจริญเติบโตภายใต้แสงแดดและปรากฏต่อสายตามนุษย์ทั้งหลาย
ดังนั้นกฎเกณฑ์แห่งพระเจ้า ย่อมเป็นอันเดียวกัน ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเมล็ดพืชที่ต้องการเจริญเติบโตหรือมนุษย์ที่ต้องการปรับเปลี่ยนตนเอง ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ต้องการดำเนินชีวิตบนแนวทางของอัลเลาะห์ มีความรู้ตามหลักชะรีอะห์ ปกป้องและต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์ กำชับในเรื่องความดีงาม ยับยั้งในเรื่องความชั่ว และเป็นผู้มีความตื่นตัวในภารกิจต่าง ๆ ของสังคม ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องดำเนินตามหนทางดังกล่าวเหมือนดั่งเมล็ดพืชในขณะที่มันกำลังบ่มเพาะอยู่ในดินทีละเล็กทีละน้อย เขาก็ต้องเอาจริงเอาจังในการอบรมบ่มนิสัยขัดเกลาตนเองจากความมัวหมองในช่วงระยะเวลาบ่อเพาะตนเองและห่างไกลจากความสับสนวุ่นวายในสังคม
ดังนั้นหากเขาได้กระโดดข้ามช่วงระยะเหล่านี้ แล้วมุ่งเน้นสู่ภารกิจต่าง ๆ ของสังคม เข้าไปฟันฝ่ากระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าชะตากรรมของเขาก็จะเหมือนกับชะตากรรมของเมล็ดพืชที่ถูกโยนลงบนพื้นดินท่ามกลางกรวดทราย รอวันที่มันจะเน่าเสียเท่านั้นเอง!? ฉะนั้นการที่(ผู้รู้)บุคคลหนึ่งได้ทำภารกิจของเขาบนเวทีแห่งความโด่งดัง อยู่ภายใต้แสงสีแห่งความมีเชื่อเสียง เขาย่อมสิ้นหวังและเสียหาย หากเขาพูดก็จะไม่พูดออกมาด้วยวิชาความรู้ที่ดีมีประโยชน์ หากเขาอ้างว่าต้องการดำเนินตามแนวทางของอัลเลาะฮ์ อารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาก็จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดในการงานจนไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากมันได้ เมื่อเขาได้เข้าสู่ภารกิจของสังคม แรงความอยากปรารถนาในการอยากได้เป็นผู้นำ มีตำแหน่ง อยากได้ในทรัพย์ก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ดังกล่าวก็เพราะว่าเขาไม่เปิดโอกาสแก่ตนเองในการขัดเกลาจิตใจด้วยปลีกตัววิเวก บ่มเพาะจิตใจที่บริสุทธิ์ให้เจริญงอกงามเสมือนกับเมล็ดพืชที่ถูกฝังอยู่ในดินรอยคอยที่จะเจริญงอกงามเขียวชอุ่มและออกดอกออกผล
บางครั้งอาจจะมีคำถามว่า : ท่านอิบนุอะฏออิลและห์นำหลักการของฮิกัมนี้มาจากใหน?
ตอบ : ท่านอิบนุอะฏออิลและห์ได้เอามาจากแบบฉบับของท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านนบีเจริญเติบโตบนหลักการดังกล่าว กล่าวคือได้มีสายรายงานที่ซอฮิห์ระบุว่าอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมีความชื่นชอบในการปลีกวิเวกตนเองตามลำพังในถ้ำฮิรออฺช่วงยามกลางคืนติดต่อกันหลายวัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการแบกรับภารกิจที่อัลเลาะห์ทรงมอบให้หลังจากนั้น
เมื่อเราทราบว่าฮิกัมนี้ได้ถูกนำมาจากแบบฉบับของท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ เราจึงรู้ได้เลยว่า เมื่อท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ได้ทำการปลีกวิเวกตนเองเพียงลำพังเพื่อเตรียมพร้อมรับภารกิจ แน่นอนว่าบรรดามุสลิมีนทั้งหลายก็สมควรต้องมีความต้องการไปยังการปลีกวิเวกตนเองยิ่งกว่า และหลักการนี้ก็คือแนวทางของสะละฟุศศอและห์อีกด้วย พวกเขาจะไม่ก้าวข้ามกระโดดจากหลักการนี้
ดังนั้นเมื่อเราต้องการที่จะออกสู่สังคมเพื่อปฏิบัติหน้าภารกิจของศาสนาในท่ามกลางผู้คนทั้งหลายนั้น หลัก 3 ประการที่ต้องมีดังนี้ ก็คือ :
1. มีความรู้ ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้เราพูดปราศัยและชี้นำพวกเขายังสิ่งที่เป็นสัจธรรมโดยไม่มีความรู้
2. ได้รับการขัดเกลาจิตใจ ซึ่งเป็นทราบกันดีว่าจิตใจมันจะบงการให้กระทำสิ่งที่ชั่ว(จิตใจใฝ่ต่ำ) พยายามแสวงหาเกียรติตำแหน่ง พยายามแข่งขันชิงดีชิงเดิ่นให้ตนเองเหนือว่าคนอื่น จนกระทั่งให้ตนเองเป็นผู้ดีเลิศในการกระทำภารกิจต่าง ๆ ทั้งในด้านศาสนาและดุนยา เช่น การตัดสินวินิจฉัยปัญหาศาสนา มีความสุขที่มีบุคคลอื่นติดตามตน เมื่อทำการสอนศาสนาและปราศรัยตักเตือนคนอื่น จิตใจก็อยากให้สิ่งดังกล่าวเป็นสะพานไปสู่ความโด่งดังและได้เป็นแกนนำ และถ้าหากทำการซิกิรให้มาก ๆ ทำอิบาดะห์ให้มาก ๆ จิตใจก็อยากที่จะให้สิ่งดังกล่าวทำให้ผู้คนทั้งหลายนับหน้าถือตา ดังนั้นการเยียวยาสิ่งดังกล่าวทั้งหมดนี้จะไม่สามารถหลุดพ้นได้นอจากการนำจิตใจให้อยู่บนแนวทางแห่งการบ่มเพาะหรือขัดเกลาจิตใจตามที่อัลเลาะห์ตะอาลาทรงสั่งใช้
3. การขจัดหัวใจให้พันจากการรักสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะห์ กล่าวคือเราทำอะไรแล้ว เราจะรักทรัพย์สิน รักตำแหน่ง รักภรรยา รักบรรดาลูก ๆ รักสิ่งอื่นทั้งหลายพร้อมกับนำมาแข่งขันกับการรักอัลเลาะห์ตะอาลา แต่ทว่าเราได้ถูกใช้ให้จิตใจขจัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ออกไปทั้งหมด แล้วทำให้ความรักต่ออัลเลาะห์มาเป็นอันดับหนึ่งและนำมาเป็นตัวขับเคลื่อนในการรักต่อสิ่งอื่นจากพระองค์
ดังนั้น แนวทางใดบ้างที่สามารถทำให้บรรลุถึงหลักคำสอนสามประการนี้? การทำให้บรรลุถึงเป้าหมายสามประการนี้จะไม่สมบูรณ์นอกจากให้ตนเองน้อมรับหลักการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)อย่างเป็นระบบขั้นตอน มีการใคร่ครวญในการรู้จักตนเอง พยายามทำให้การมีตัวตนเองเรานี้เป็นบ่าวที่ถูกครอบครองและเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ตะอาลา ดังนั้นเมื่อเราได้รู้จักถึงความเป็นตัวตนของเราเช่นนี้ ก็จะนำไปสู่การซิกรุลลอฮ์ มีการอ่านวิริดเป็นประจำ อ่านอัลกุรอานอย่างมากมายด้วยการใคร่ครวญทีละนิดละน้อยจนกระทั่งจิตใจได้รับการขัดเกลาจากความมัวหมองและความใฝ่ต่ำ จากนั้นจิตใจก็ริเริ่มการเดินทางบนแนวทางที่จะนำไปสู่ความพึงพอพระทัยของอัลเลาะห์ตะอาลา
ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น มีความบริสุทธิ์ใจ จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น
มีฮะดิษระบุว่า
عَنْ عُقْبَةَ بِنِ أَبِيْ عَامِرٍ أَنَّهُ سَأَلَ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : مَا النَّجَاةُ؟ فَقَالَ لَهُ : أَمْسِكْ لَسَانَكَ، ولْيَسَعْكَ بَيْتُكَ، وَابْكِ عَليَ خَطِيْئَتِكَ
รายงานจากอุกบะห์ บิน อะบี อามิร เขาได้ถามท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า “อะไรคือความรอดพ้นปลอดภัยหรือ?” ท่านนบีตอบแก่เขาว่า “ท่านจงยังยั้งลิ้นของท่าน , จงทำให้บ้านของท่านกว้างขวางแก่ท่าน(เพื่อปลีกวิเวก) , และท่านจงร้องไห้ต่อความผิดของท่าน” รายงานโดยอะบูดาวูด , อัตติรมีซีย์ , ท่านอัลบัยฮะกีย์ , และอิบนุอะบิดดุนยา
วัลลอฮุอะลัม
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-firdaus~* Date: พ.ย. 12, 2008, 03:56 PM
อ้ลฮัมดุลิลละฮ์
แปะไว้นาน ได้อ่านเสียที

กล่าวคือได้มีสายรายงานที่ซอฮิห์ระบุว่าอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมีความชื่นชอบในการปลีกวิเวกตนเองตามลำพังในถ้ำฮิรออฺช่วงยามกลางคืนติดต่อกันหลายวัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการแบกรับภารกิจที่อัลเลาะห์ทรงมอบให้หลังจากนั้น
บรรดาซูฟีนั้น ส่วนใหญ่ใช้หลักปฎิบัตินี้หรือเปล่า? เพื่อปลีกวิเวก ทำการซิเกร เพื่อเดินทางไปสู่อัลลอฮ์ตะอาลา ขัดเกลาจิตใจตนเอง.....
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-azhary Date: พ.ย. 12, 2008, 05:17 PM
บรรดาซูฟีนั้น ส่วนใหญ่ใช้หลักปฎิบัตินี้หรือเปล่า? เพื่อปลีกวิเวก ทำการซิเกร เพื่อเดินทางไปสู่อัลลอฮ์ตะอาลา ขัดเกลาจิตใจตนเอง.....
กระทู้นี้ การปลีกวิเวกตนเองทำให้มีประโยชน์แก่หัวใจคือแบบฉบับของท่านร่อซูล จะเป็นส่วนเสริมอธิบายได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับการปลีกวิเวก ซึ่งความจริงแล้วการปลีกวิเวกมิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด อย่าไปคิดว่าทำตนเหมือนฤาษี เพียงแต่เราปลีกตนเองมานั่งอ่านอัลกุรอานอย่างใคร่ครวญ ซิกรุลลอฮ์ ทำละหมาดในยามค่ำคืน คิดใคร่ครวญทบทวนตนเอง นั่นแหละคือการวิเวกตนเองอยู่เสมอแล้ว เพื่อบ่มเพาะตนเองในการรับมือกระแสสังคมปัจจุบันในแต่ละวัน
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: นูรุ้ลอิสลาม Date: พ.ย. 14, 2008, 10:41 AM
ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น มีความบริสุทธิ์ใจ จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น
อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เลยอยากอธิบายเสริมด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: นูรุ้ลอิสลาม Date: พ.ย. 14, 2008, 10:58 AM
ดังนั้นหากเขาได้กระโดดข้ามช่วงระยะเหล่านี้ แล้วมุ่งเน้นสู่ภารกิจต่าง ๆ ของสังคม เข้าไปฟันฝ่ากระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าชะตากรรมของเขาก็จะเหมือนกับชะตากรรมของเมล็ดพืชที่ถูกโยนลงบนพื้นดินท่ามกลางกรวดทราย รอวันที่มันจะเน่าเสียเท่านั้นเอง!? ฉะนั้นการที่(ผู้รู้)บุคคลหนึ่งได้ทำภารกิจของเขาบนเวทีแห่งความโด่งดัง อยู่ภายใต้แสงสีแห่งความมีเชื่อเสียง เขาย่อมสิ้นหวังและเสียหาย หากเขาพูดก็จะไม่พูดออกมาด้วยวิชาความรู้ที่ดีมีประโยชน์ หากเขาอ้างว่าต้องการดำเนินตามแนวทางของอัลเลาะฮ์ อารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาก็จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดในการงานจนไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากมันได้
อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เลยอยากอธิบายเสริมให้เห็นภาพ
ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: คนเดินดิน Date: พ.ย. 14, 2008, 02:15 PM
salam
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง
(เหมือนจะเข้าใจยากนะ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)
ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ

Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-azhary Date: พ.ย. 15, 2008, 07:39 PM
salam
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง
(เหมือนจะเข้าใจยากนะ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)
ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ
วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์
ความจริงแล้วเข้าใจไม่อยากหรอก แต่ฮิกัมนี้จะจำกัดวงแคบไปสักนิดหนึ่ง กล่าวคือ ฮิกัมนี้ต้องการจะบอกให้ผู้ที่จะออกสู่สังคมเพื่อทำงานอัลอิสลาม ต้องบ่มเพาะตนเองด้วยการมีความรู้อย่างแท้จริง รู้ถึงวิธีการขัดเกลาจิตใจตนเองในเรื่องอัคลาค ฝึกในเรื่องการสร้างความอิคลาศต่ออัลเลาะฮ์จะได้ไม่หลงดุนยาไม่ต้องการแสวงหาชื่อเสียงเมื่อเข้าสู่สั่งคมเพื่อเข้ามาทำงานศาสนา
สังเกตได้ง่าย ๆ นะครับ การที่ครอบครัวหนึ่งได้ส่งบุตรของตนเองไปเรียนวิชาการศาสนาสักระยะหนึ่งเพื่อกลับมาพัฒนาสังคม นั่นหมายถึงพวกเขากำลังส่งบุตรหลานไปเรียนวิชาการศาสนาแขนงต่าง ๆ เพื่อไปบ่มเพาะตนเองดั่งเมล็ดพืชชั้นดีที่พร้อมเจริญงอกงามและจะได้กลับมาพัฒนาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของอิสลามนั่นเองครับ
วัลลอฮุอะลัม
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: almadany Date: พ.ย. 16, 2008, 06:02 PM
สังเกตได้ง่าย ๆ นะครับ การที่ครอบครัวหนึ่งได้ส่งบุตรของตนเองไปเรียนวิชาการศาสนาสักระยะหนึ่งเพื่อกลับมาพัฒนาสังคม นั่นหมายถึงพวกเขากำลังส่งบุตรหลานไปเรียนวิชาการศาสนาแขนงต่าง ๆ เพื่อไปบ่มเพาะตนเองดั่งเมล็ดพืชชั้นดีที่พร้อมเจริญงอกงามและจะได้กลับมาพัฒนาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของอิสลามนั่นเองครับ
ส่วนมากสำเร็จในการบ่มเพาะร่างกาย(วิชาฟิกห์)....สำเร็จในการบ่มเพาะสติปัญญาและหัวใจ(วิชาอะกีดะฮ์)....แต่ไม่ค่อยเสร็จในการบ่มเพาะจิตวิญญาณในการเข้าอัลเลาะฮ์(อัคลาคที่ดีงาม)...เนื่องจากเห็นกันง่ายๆ บรรดาผู้ที่ขึ้นเวที...หรืออกรายการวิทยุแล้วด่าทอกัน...เพราะขาดการบ่อเพาะทางด้านอัคลาคอย่างแท้จริง...
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: คนเดินดิน Date: พ.ย. 17, 2008, 09:05 AM
วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์
ฝึกในเรื่องการสร้างความอิคลาศต่ออัลเลาะฮ์จะได้ไม่หลงดุนยาไม่ต้องการแสวงหาชื่อเสียงเมื่อเข้าสู่สั่งคมเพื่อเข้ามาทำงานศาสนา
วัลลอฮุอะลัม [/quote]
salam
ประมาณว่าถึงเขาจะถูกทดสอบด้วยกับการมีชื่อเสียง
เป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม
เขาก็จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างให้เกียรติ และให้ความยุติธรรม
โดยไม่เลือกว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร งั้นเหรอคะ?

Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-azhary Date: พ.ย. 17, 2008, 09:32 AM
salam
ประมาณว่าถึงเขาจะถูกทดสอบด้วยกับการมีชื่อเสียง
เป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม
เขาก็จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างให้เกียรติ และให้ความยุติธรรม
โดยไม่เลือกว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร งั้นเหรอคะ?

ส่วนหนึ่ง เป็นเช่นนั้นแหละครับ
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: mjehoh Date: พ.ย. 17, 2008, 11:08 AM
วะอลัยกุมุสสล่ามครับ
จากนูรุ้ลอัซฮัร
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง
(เหมือนจะเข้าใจยากนะ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)
ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ
ตัวอย่างการเอี๊ยะติกาฟของท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)ผมว่าน่าเป็นตัวอย่างได้น๊ะครับทบทวนตัวเอง ทบทวนกุรอ่าน ทำอิบาดะห์ ได้ไหมครับ
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: คนเดินดิน Date: พ.ย. 17, 2008, 02:06 PM
วะอลัยกุมุสสล่ามครับ
จากนูรุ้ลอัซฮัร
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง
(เหมือนจะเข้าใจยากนะ แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)
ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ
ตัวอย่างการเอี๊ยะติกาฟของท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)ผมว่าน่าเป็นตัวอย่างได้น๊ะครับทบทวนตัวเอง ทบทวนกุรอ่าน ทำอิบาดะห์ ได้ไหมครับ
ตัวอย่างที่ยกมาก็โอเคนะคะ
แต่ว่ามันเข้าข่ายปลีกวิเวกเลยรึเปล่าหล่ะคะ
อยากได้ตัวอย่างแบบที่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คน
แต่ฝังการมีอยู่ของตนเองน่ะค่ะ
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: al-azhary Date: พ.ย. 17, 2008, 02:14 PM
ตัวอย่างที่ยกมาก็โอเคนะคะ
แต่ว่ามันเข้าข่ายปลีกวิเวกเลยรึเปล่าหล่ะคะ
อยากได้ตัวอย่างแบบที่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คน
แต่ฝังการมีอยู่ของตนเองน่ะค่ะ
ตัวอย่างเช่นนั้น ยกยากครับ แต่มีแบบใกล้เคียง
คำว่า عُزْلَةٍ (อุซฺละห์) คือการวิเวกอยู่ตามลำพัง หมายถึงปลีกตนเองออกจากมนุษย์ทั้งหลายเพื่อพวกเขาจะได้ปลอดภัยจากความชั่ว ของเขาและเขาจะได้ปลอดภัยความชั่วของพวกเขา แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การ อุซฺละห์ คือการปลีกตนเองจากบรรดาคุณลักษณะที่น่าตำหนิ (แม้จะอยู่กับผู้คนทั้งหลายก็ตาม) ดังนั้นผลสะท้อนที่ได้รับก็คือมีการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ(ที่ดี)มิใช่ห่าง ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน” หนังสือมั๊วะอฺญัม มุศฏ่อละฮาต อัศศูฟียะห์ ของท่านชัยค์อับดุลมุนอิม อัลฮัฟนีย์ หน้า 184
ดังนั้น การ “อุซฺละห์” บางครั้งก็คือการปลีกตนเองทั้งหัวใจและร่างกายด้วยการห่างไกลจากผู้คนทั้งหลาย แต่บางครั้งปลีกตนด้วยหัวใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
คือร่างกายอยู่ร่วมกับผู้คนทั้งหลายแต่หัวใจสนใจอยู่กับอัลเลาะห์
Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: คนเดินดิน Date: พ.ย. 17, 2008, 02:20 PM
salam
ญะซากัลลอฮูค็อยร็อน
พอจะเข้าใจแล้วหล่ะค่ะ
เชื่อว่าถึงไม่ขออัลลอฮ์ก็ต้องตอบแทนทุกการกระทำ
วัลลอฮูอะลัม

Re: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11) By: คะลัคคะลุย Date: พ.ย. 20, 2008, 02:01 PM
ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น มีความบริสุทธิ์ใจ จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น
อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เลยอยากอธิบายเสริมด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้
ส.ส. มุสลิมก็เช่นกัน หากบ่มเพาะตนเองไม่เพียงพอแล้ว ก็ต้องระวังหากได้อ่านฮิกัมนี้