กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ มุอัลลัฟและความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม
Pages: 12
ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: ม.ค. 13, 2009, 12:36 AM
 
การรู้จักอัลเลาะห์นับเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งเป็นรากฐานของจิตวิญญาณทั้งหมด

จากการรู้จักอัลเลาะห์ ทำให้รู้จัก นบี และศาสนทูตตลอดจนหน้าที่ คุณลักษณะ และความอยู่เหนือความผิดของพวกเขา และทำให้รู้ถึงความจำเป็นในการมีศาสนทูตและสิ่งที่ผูกพันอยู่กับหน้าที่ของพวกเขา อาทิเช่น มัวะอฺยิซะห์ วิลายะห์ กะรอมะห์ และคัมภีร์ที่มาจากเบื้องบน

และจากการรู้จักอัลเลาะห์จะทำให้แตกแขนงไปสู่การรู้จักกับโลกเหนือธรรมชาติ อาทิเช่น มาลาอิกะห์ ญิน และวิญญาณ

และจากการรู้จักอัลเลาะห์จะทำให้ได้รับรู้เส้นทางการดำเนินชีวิตนี้ และสิ่งที่ชีวิตต้องเผชิญเมื่อสิ้นสภาพจากโลกนี้ อันได้แก่ ชีวิตในบัรซัค และชีวิตในอาคิเราะห์ ซึ่งจะมีทั้งกาชุบชีวิตขึ้นใหม่การสอบสวนผลบุญ การลงโทษ สวรรค์และนรก

สื่อที่จะใช้ทำความรู้จักอัลเลาะห์

สื่อที่รู้จักอัลเลาะห์มีสองทาง

หนึ่ง : สติปัญญาและการพิจารณาสรรพสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงสร้าง
สอง : รู้พระนามและคุณลักษณะของพระองค์

ดังนั้นด้วยสติปัญญาด้านหนึ่ง และรู้จักพระนามและคุณลักษณะด้านหนึ่ง ที่จะทำให้มนุษย์รู้จักพระเจ้าของตนและเป็นสื่อชี้นำสู่พระองค์
และให้เราเข้าไปสัมผัสกับสื่อทั้งสองดังต่อไปนี้

การรู้จักโดยใช้สติปัญญา

ทุกอวัยวะของมนุษย์ล้วนมีบทบาทและหน้าที่เฉพาะของมัน และหน้าที่ของสติปัญญาก็คือ การไตร่ตรอง ใคร่ครวญ พินิจพิจารณา และเมื่อพลังนี้ใช้การไม่ได้การทำงานของสติปัญญาก็จะใช้การไม่ได้ด้วยและสูญเสียหน้าที่สำคัญของมันไป และผลที่จะติดตามก็คือ ความดิ้นรนของชีวิตจะหยุดชะงักลง อันเป็นสาเหตุของความเฉื่อยชา ความตายและความสูญสิ้น อิสลามประสงคืให้สติปัญญาหลุดพ้นจากพันธนาการ  และหายจากอาการเซื่องซึม จึงได้เชิญชวนให้ใช้สติปัญญาไปในการพินิจพิจารณา ใคร่ครวญ และตรึกตรอง และนับการกระทำเช่นนั้นว่าเป็นเนื้อแท้ของอิบาดะห์

"จงประกาสเถิดว่า พวกเจ้าจงพิจารณาดูว่ามีอะไรในชั้นฟ้าและแผ่นดิน" (ยูนุส 101)

"จงประกาศเถิด ที่จริงฉันขอสั่งสอนพวกท่านเพียงประการเดียว นั่นคือให้พวกท่านยืนขึ้นเพื่ออัลเลาะห์ครั้งละสองคน และครั้งละหนึ่งคน จากนั้นให้พวกท่านพิจารณาใคร่ครวญ" (สะบะอฺ46)

พวกที่ปฏิเสธคุณค่าของสติปัญญา และไม่นำสติปัญญา ไปใช้ตามที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น แลไม่ใส่ใจต่อสัญลักษณ์ต่างๆ ของอัลเลาะห์ พวกเขาเป็นพวกที่ต่ำต่อยและถูกดูหมิ่น อัลเลาะห์ตาอาลาได้ประนามพวกเขาว่า

"มีสัญลักษณ์มากมายในชั้นฟ้าและแผ่นดินที่พวกเขาผ่านพบ โดยพวกเขาเมินหนี้" (ยูซุฟ 105)

"ไม่มีสัญลักษณ์ใดจากสัญลักษณ์ต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาได้มาสู้พวกเขา นอกเหนือจากพวกเขาเบือนหน้าหนี" (ยาซีน 46 )

การไม่นำสติปัญญไปใช้ตามหน้าที่ของมัน จะฉุดให้มนุษย์ตกต่ำลงยิ่งกว่ามาตรฐานของสัตว์ และเป็นสิ่งขวางกั้นระหว่างคนในยุคโบราณ กับการบรรลุสู่ข้อเท็จจริงต่างๆ
ที่มีอยู่ในตัวเองและในจักรวาล อัลเลาะฮ์ตาอาลาตรัสว่า

"และความจริงเราได้ให้ญินและมนุษย์ส่วนใหญ่เข้านรกยะฮันนัม พวกเขามีใจที่ไม่ใช้ไตร่ตรอง มีหู้ที่ไม่ใช้รับฟัง มีดวงตาที่ไม่ใช้มองดู พวกเขาเหมือสัตว์ แต่หลงผิดยิ่งกว่า พวกเขาเป็นพวกที่ไม่ใส่ใจ" (อัลอะอฺรอฟ 179)

การเชื่อตามกันเป็นม่าบดบังสติปัญญา

การเ ชื่อตามกันเป็นเหมือนกำแพงปิดกั้นสติปัญญาไม่ให้ลื่นไหล และเป็นอุปสรรคในการใช้วามคิด ด้วยเหตุนี้อัลเลาะห์ตาอาลาจึงชมเชยพวกที่เข้าถึงข้อเท็จจริง
และแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้ ภายหลังจากได้ค้นคว้า และตรวจสอบแล้ว พวกเขาจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไว้

"เจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่บ่าวของเราที่พวกเขาสตรัปถ้อยคำและทำตามถ้อยคำที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นพวกที่อัลเลาะห์ชี้ทางนำให้ และเป็นพวกที่มีสติปัญญา" (อัซซุมัร 17-18 )

และพระองค์ทรงประณามพวกที่เชื่อตามๆ กัน โโยไม่พินิจพิเคราะห์ ใช้แต่ความคิดของผู้อื่น ติดยึดอยู่กับสิ่งที่เคยชินมาแต่เดิม แม้ว่าของใหม่จะดีกว่าและถุกต้องกว่าก็ตาม

"และเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงปฏิบัติตามสิ่งอัลเลาะห์ได้ประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า แต่เราจะปฏิบัติตามสิ่งที่เราพบบรรพบุรุษของเรายึดถืออยู่
 แม้ว่าบรรพบุรุษของเขาจะไม่รู้อะไรเลยและไม่ได้รับการชี้นำกระนั้นหรือ (บะกอเราะห์ 171)

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: ม.ค. 13, 2009, 12:38 AM
อ่านแล้ว ชอบ เลยเอามาแบ่ง กัน

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: al-toorab Date: ม.ค. 13, 2009, 01:54 AM
 salam

ขอแจมด้วยคนนะขอรับ

หนึ่งรากฐานการรู้จักพระผู้สร้าง
ต้องเพ่งพิศด้วยวิญญาณในทั้งหมด
ถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรในภาพพจน์
มองหมดจรดจากชั้นฟ้าแลแผ่นดิน

รู้จักได้ด้วยองค์ศาสดา
ศาสนฑูตส่งมามีเป้าหมาย
มั๊วะญิซาตมีบอกกล่าวอย่างมากมาย
รู้จักได้ตามบัญญัติในคำภีร์

ทรงบังเกิดทั้งญินแลมนุษย์
บริสุทธิ์สรรค์สร้างมีเป้าหมาย
บ่งขั้นตอนก่อนเกิดแลหลังตาย
ในสุดท้ายผลที่ได้จากผลกรรม

บอกวิจิตรทั้งโลกนี้แลโลกหน้า
เริ่มสร้างมาจนสิ้นสุดมีความหมาย
หากผู้มี ศรัทธาแท้มิเสื่อมคลาย
ผลบุญหลายเข้าสวรรค์ด้วยปราณี

จะกล่าวถึงสื่อในการได้รู้จัก
องค์ที่ภักดิ์ศรัทธาด้วย 2 หน
ทางหนึ่งคิด ใช้สติปัญญาชน
อีกหนึ่งหนรู้จักลักษณ์แลพระนาม

หนึ่งสตินามคุณลักษณ์แห่งผู้สร้าง
ด้วยสองอย่างจะดำเนินในทางหน
จงพินิจเป็นมูลเหตุผู้สร้างตน
จะรู้หนทางประจักษ์ในสัจจริง

ด้วยวิจิตรบรรจงผู้บังเกิด
ก่อกำเนิดรูปกายด้วยเหมาะสม
ต่างหน้าที่ ปฏิบัติ ด้วยเกลียวกลม
ใจพินิจชวนชมเหนือบรรยาย

หากมิใช้ด้วยสมองในการคิด
หากมิพิศด้วยใจในเป้าหมาย
ก็มิต่าง เดรัจฉาน แม้นรูปกาย
ก็เป็นได้แค่เศษคนหมดปัญญา

การเชื่อตามถือตามเหมือนฝากั้น
เป็นม่านหยุดฉุดปัญญามิลื่นไหล
คิดแค่ งอบขอบกะลามิกว้างไกล
ยากจะได้เปิดใจหลักศรัทธา



 hehe

วัสสลาม

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: ILHAM Date: ม.ค. 13, 2009, 02:03 AM
ไออันสุดท้ายนี่มันน่าแต่งตรงไหน
Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: al-firdaus~* Date: ม.ค. 13, 2009, 01:02 PM

"เอาว่าลุดดีน  มะอฺรีฟะตุ้ลลอฮ์"

"เริ่มแรกของศาสนานั้น  ต้องรู้จักอัลลอฮ์ก่อน"



วัลลอฮฺอะลัม   

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: ม.ค. 14, 2009, 01:22 AM
เวทีความคิด

อิสลามเมื่อรณรงค์ให้ใช้ความคิด และเปิดกว้างเสมอสำหรับการใช้ความคิดนั้น ที่แท้แล้วก็ต้องการให้ใช้ความคิดอยู่ในกรอบของสติปัญญา และภายในขอบเขตที่สติปัญญาจะสามารถรับได้

อิสลามรณรงค์ให้ใช้ความคิด และพินิจพิจารณา ในสิ่งต่าง ๆ ที่อัลเลาห์ทรงสร้างขึ้นมา ทั้งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน และแม้แต่ในตัวของมนุษย์เอง อิสลามไม่ได้ปิดกั้นความคิด นอกจากการใช้ความคิดในเรื่อง ซาต (อาตมัน)
ของอัลเลาะห์เพราะ ซาต ของพระองค์ เป็นสิ่งที่สติปัญญาสัมผัสไม่ได้

"พวกท่านจงพิจารณาในสรรพสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงสร้าง และพวกท่านทั้งหลายอย่าพินิจพิจารณาใน ซาต ของอัลเลาะห์ เพราะพวกท่านไม่อาจสัมผัสได้ " รายงานโดย อะบูนุอัยม์

และอัลกุรอ่านมากมายหลายร้อยอายะห์ที่ชี้ชวนให้พินิจพิจารณา จักรวาลอันกว้างขวาง เวิ้งว้างหาขอบเขตไม่ได้

"ดังนั้นแหละที่อัลเลาะห์จะบรรยายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้แจ้งชัด โดยแน่นอนว่าพวกท่านจะต้องใช้ความคิดพิจารณา ทั้งในดุนยา และอาคิเราะห์ (บากอเราะห์ 219-220)

ดุนยที่อิสลามเชิญชวนให้พิจารณานั้นกว้างขวางขนาดไหน แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความกว้างขวางของอาคิเราะห์

เป้าหมายในการใช้ความคิด

เป้าหมายที่อิสลามต้องการ จากการกระตุ้นความคิดและใช้ความคิดตามภาระหน้าที่ของมันในการพินิจพิจารณาตรึกตรอง และใคร่ครวญนั้น ก็คือ ชี้นำมนุษย์ไปสู่กฏเกณฑ์ของชีวิต เหตุผลในการมีขึ้นมา

ระบบจักรวาล และแก่นแท้ของสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เป็นดวงประทีปส่องนำไปสู่การรู้จักผู้สร้างจักรวาล และควบคุมดุและเพื่อให้คอยประคับประคองเขาสู้ความจริงอันยิ่งใหญ่ นั่นคือการรู้จักอัลเลาะห์

แท้ที่จริงการรู้จักอัลเลาะห์นั้นก็เป็นผลมาจากการใช้สติปัญญาของผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและได้รับการดลใจและเป็นผลของความคิดอันล้ำลึกและแยบคาย

และนี่ก็คือสื่ออย่างหนึ่งของอัลกุรอ่านที่ชี้นำไปสู่การรู้จักอัลเลาะห์

อัลกุรอ่านจะกระตุ้นความคิด และเปิดกว้างให้เห็นกฏเกณฑ์ของธรรมชาติ เพื่อมนุษย์จะได้นำไปเรียนรู้ถึงคุณลักษณะอันสมบูรณ์ยิ่งองอัลเลาะห์ และการแสดงออกอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเรียนรู้หลักฐานที่บ่งบอกถึงความบริสุทธ์ของพระองค์ ความรอบรู้ และเดชานุภาพของพระองค์ ตลอดไปถึงหลักฐานในการสรรค์สร้างของพระองค์โดยลำพัง

ให้เราใส่ใจกับอายะห์ต่อไปนี้

" จงประกาศเถิดว่า มวลการสรรเสริญเป็นสิทิ์แด่อัลเลาะห์ และความสันติมีแด่มวลบ่าวของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงคัดเลือกแล้ว อัลเลาะห์ทรงเป็นเลิศกว่า หรือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี  หรือผู้ที่ได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และได้ประทาน้ำแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้า และเราได้ให้น้ำเป็นต้นเหตุให้สวนต่าง  ๆ ที่มีความงดงามงอกเ งย เป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเจ้าจะทำให้พืชพันธุ์ของมันอกเงยขึ้นมา  ยังจะมีพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลเลาะห์อีกหรือ แต่พวกนั้นเป็นพวกที่หันเห หรือผู้ที่ได้ดลบันดาลแผ่นดินให้สงบนิ่ง และได้ให้มีสายน้ำพาดผ่านแผ่นดิน ให้มีภูเขาเพื่อแผ่นดิน และได้ให้มีเครื่องกั้นระหว่างสองทะเล  ยังมีพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลเลาะห์อีกหรือ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้หรือผู้ที่ตอบรับคำร้องของผู้เดือดร้อน และปัดเป่าความทุกข์ยาก และดลบันดาลให้พวกเจ้าเป็นผู้แทนในหน้าแผ่นดิน ยังจะมีพระเจ้าร่วมกับอัลเลาะห์อีกหรือ  มีเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้ารับคำตักเตือน หรือผู้ที่ชี้นำพวกเจ้าในความมืดมน บนบกและในท้องทะเล และผู้ที่ส่งสายลมบอกข่าวดี ณ เบื้องหน้าความเมตตาของพระองค์ ยังจะมีพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลเลาะห์อีกหรือ  อัลเลาะห์ทรงสูงเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี หรือผู้ที่เริ่มสร้าง แล้วสร้งกลับขึ้นมาอีก และผู้ที่ประทานปัจจัยแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน ยังจะมีพระเจ้าอื่นร่วมกับอัลเลาะห์อีกหรือ เจ้าจงประกาศเถิดว่า  พวกเจ้าจงนำหลักฐานเด้ดขาดของพวกเจ้ามา ถ้าหากพวกเจ้าพูดความจริง " ( อัลนัมล์ 59-64 )

จะมีหลักฐานใดไหมที่จะแจ่มแจ้งกว่าหลักฐานนี้ และจะยังมีข้อพิสูจน์ใดไหมที่ลำลึกกว่าข้อพิสูจน์นี้

และถ้าหากสติปัญญายังไม่อาจยอมรับหลักฐานนี้ และไม่อาจยอมจำนนต่อข้อพิสูจน์นี้ มันก็จะไม่ยอมรับอละยอมจำนนต่อหลักฐานและข้อพิสูจน์ใดอีกเลย

"ผู้ใดที่อัลเลาะหืไม่บันดาลแสงสว่างให้เขา เขาก็จะไม่ได้แสงสว่างใดเลย " (อันนูร 40 )
"จะไม่มีสิ่งใดเข้าสู่จิตใจ เมื่อเวลากลางวันยังต้องการหลักฐาน "

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: al-toorab Date: ม.ค. 14, 2009, 02:19 PM
 salam

อย่าริอยากรู้ตัวตนในผู้สร้าง
หากมิคิดในสิ่งพร่างต้องสมัย
มองฟากฟ้าล่องลอยคว้างได้อย่างไร
มองด้วยใจ องค์ทรงสร้างไร้เสายัน

เมฆเกลื่อนฟ้าแปรสรรสียิ่งดูแปลก
แสงชำแรกสาดส่องทั่วคูหา
ทั้งเมฆหมอก ฝนโปรยปรายหยดน้ำมา
แสงเจิดจ้า ยามฟ้าผ่า จงพิศกัน

ฟ้าหลังฝนมองแล้วช่างสดใส
เหม่อมองได้เห็นสายรุ้งหลายหลากสี
จงพินิจและพิศดูฮิกมัตมี
นี่ไงที่ ผู้บังเกิดกำเนิดมัน

ดูฟ้างามยามเช้าอาทิตย์ส่อง
แสงผ่าวผ่องเจิดจ้าสว่างไสว
ยามฟ้ามืดมิดลงดาวเจิดจ้าไกร
ระยิบพราว ส่องใจคิดด้วยแสงเดือน

มีกลางวันกลางคืน มืดสว่าง
องค์ทรงสร้างทุกสิ่งสรรพมีเหตุผล
ทุกสิ่งสรรสร้างเกิดเพียงแค่ "คน"
เพื่อได้หาเหตุผล ในศรัทธา


قال سبحانه وتعالى  " وما خلقت الجن والإنس إلا ليعبدون 

วัสสลาม hehe


Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: al-azhary Date: ม.ค. 14, 2009, 05:09 PM
 salam

อย่าลืมนำมาแบ่งปันความรู้กันอีกน่ะ  จะรออ่านครับ  อินชาอัลเลาะฮ์  mycool:
Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: ม.ค. 14, 2009, 07:29 PM
มาต่อ

การรู้จักอัลเลาะห์โดยวิธีการรู้จักพระนามและคุณลักษณะของพระองค์

อีกสื่อหนึ่งที่อิสลามยึดเอาเพื่อแนะนำมนุษยชาติให้รู้จักอัลเลาะห์ ก็คือนำเสนอพระนามของพระองค์ที่งามวิจิตรและคุณลักษณะของพระองค์ที่สูงส่ง
พระนามและคุณลักษณะเป็นสื่อที่ทำให้มนุษย์ได้รู้จักพระอัลเลาะห์ เป็นช่องทางที่หัวใจจะเข้าสู่อัลเลาะห์ได้โดยตรงและนสิ่งที่คอยกระตุ้นจิตใจภายใน
และเปิดให้วิญญาณได้พบกับจักรวาลอันไพศาล ซึ่งจะได้ประจักษ์กับรัศมีและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ในนั้น

และพระนามเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในคำดำรัสของพระองค์ว่า

" จงประกาศเถิดว่า พวกเจ้าจงวอนขอต่ออัลเลาะห์หรือจงวอนขอต่อผู้ทรงเมตตาวันแล้ววันเล่าที่พวกเจ้าจะวอนขอ ดังนั้นพระองค์ทรงมีพระนามที่วิจิตรงดงาม " (อัลอิสรออฺ 110 )

และเป็นพระนามที่พระองค์บัญชาเราให้ใช้นามเหล่านั้นวอนขอ

" และสำหรับอัลเลาะห์ทรงมีพระนามที่วิจิตรงดงาม พวกเจ้าจงใช้วอนขอพระองค์เถิด " ( อัลอะอฺรอฟ 180 )

จำนวนพระนามที่วิจิตรงดงามของอัลเลาะห์มีมีเก้าสิบเก้าพระนาม บุคอรี มุสลิม แ ละติรมีซี ได้รายงานจากอาบีฮูรอยเราะห์ ว่าท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล. ) ได้กล่าวว่า

แน่แท้อัลเลาะห์มีเก้าสิบเก้าพระนามผู้ใดจดจำได้ผู้นั้นได้เข้าสวรรค์ และแน่แท้อัลเลาาะห์เป็นจำนวนคี่ และติรมีซีได้รายงานเพิ่มว่า

พระองค์คือ อัลเลาะห์ ซึ่งไม่มีพระเจ้าที่ถุกสักการะ โดยเที่ยงแท้นอกจากพระองค์ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงกรุณา ผู้ทรงอำนาจ ทรงบริสุทธ์ ทรงเป้นความสัติ ทรงให้ความปลอดภัย ทรงเป็นประมุข
ทรงพิชิต ทรงปรีชาสามารถ ทรงอหังการ ทรงสร้าง ทรงบังเกิด ทรงสร้างรูปแบบ ทรงอภัย ทรงอานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงประทานให้เสมอ ทรงประทานปัจจัย ทรงเปิดประตูความเมตตา
ทรงรอบรู้ ทรงเก็บ ททรงให้ความกว้างขวาง ทรงกดให้ต่ำลง ทรงยกให้สูงขึ้น ทรงให้อำนาจ ทรงลดอำนาจ ทรงได้ยิน ทรงแลเห็น ทรงอำาจเต็ม ทรงยุติธรรม ทรงอภัยยิ่ง ทรงตอบแทนเกินกว่าการกระทำ
ทรงสูงยิ่ง ทรงยิ่งใหญ่ ทรงพิทักษ์ ทรงให้อาหาร ทรงสอบสวน ทรงคุณลักษณะยิ่งใหญ่ ทรงใจบุญ ทรงเฝ้าติตาม ทรงตอบสนอง ทรงกว้างขวาง ทรงหยั่งรู้ ทรงปรารถนาดี ทรงบรรลุถึงเกียรติสูงสุด ทรงบังเกิดขึ้นใหม่
ทรงประจักษ์ทุกสิ่ง ทรงแน่นอน ทรงรับมอบ ทรงพลัง ทรงเข็มแข็ง ทรงคุ้มครอง ทรงควรแก่การสรรเสริญ ทรงรู้ทุกสิ่ง ทรงให้ปรากฏออกมา ทรงให้คืนกลับมา ทรงให้มีชีวิต ทรงให้สิ้นชีวต ทรงเป็นอยู่ ทรงดำรงอยู่
ทรงได้ตามประสงค์ ทรงบรรลุถึงเกียรติสูงสุด ทรงเอกะ ทรงเป็นที่พึ่ง ทรงปรีชาญาณ ทรงมีเดชานุภาพ ทรงให้มีขึ้นก่อน ทรงใ ห้มีทีหลัง ทรงมีแต่เดิม ทรงคงอยู่ตลอดไป ทรงเปิดเผย ทรงซ่อนเร้น ทรงกรรมสิทธิ์ ทรงคุณธรรม
ทรงรับการกลับตัว ทรงลงโทษ ทรงไม่ถือโทษ ทรงเวทนาสงสาร ทรงสิทธิ์เด้ดขาด ทรงเกียรติและความยิ่งใหญ่ ทรงให้ความเป็นธรรม ทรงรวบรวม ทรงไม่พึ่งพาสิ่งใด ทรงให้ความร่ำรวย  ทรงยั้บยั้ง ทรงให้โทษ ทรงให้คุณ
ทรงเป็นรัศมี ทรงชี้นำ ทรงงามเลิศ ทรงมีอยู่ตลอดไป ทรงคงอยู่ภายหลังสิ่งอื่นพินาศ ทรงแนะนำตักเตือน ทรงขันติ พระองค์ทรงเกรียงไกร

และในตำราศาสนามีว่า พระนามของอัลเลาะห์งดงามวิจิตรที่ปรากฏในอัลกุรอ่าน คือ
1. พระนามที่เกี่ยวกับ ซาต ของอัลเลาะห์ตาอาลา
2. พระนามที่เกี่ยวกับการสร้าง
3. พระนามที่เกี่ยวกับคุณลักษณะ รัก และเมตตา
4. พระนามที่เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และเกีรยงไกร
5. พระนามที่เกี่ยวกับความรู้ของพระองค์
6. พระนามที่เกี่ยวกับเดชานุภาพและกำหนดสภาวะการณ์ของพระองค์
7. และยังมีพระนามอื่นอีกที่ไม่ได้ระบุชัดเจนในอัลกุรอ่าน แต่ได้มาโดยอาศัยการกระทำหรือคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ ที่มีปากฏใ นอัลกุรอ่าน
8. และยังมีอีกหลายพระนามที่อาศัยความหมายที่มีมาในอัลกุรอ่าน


วันหลังมาต่อ ขอตัวทำของส่วนตัวก่อนนะครับ (อ่านหนังสือเรียน)

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: pineapple Date: ม.ค. 15, 2009, 11:29 PM
เข้ามาอ่าน เด่วจะมาอ่านต่อ

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: มี.ค. 01, 2009, 06:30 PM


เอาปกมาให้แล กัน  วันหลังจะมาลอกต่อ ให้อ่านกัน ครับ




Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: มี.ค. 01, 2009, 09:17 PM
พระนามของอัลเลาะห์อันทรงยิ่งใหญ่

เช่นเดียวกันกับที่อัลเลาะห์ตาอาลามีพระนามเหล่านี้ พระองคืก็ยังมีพระนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่อีกนามหนึ่ง เมื่อใช้พระนามนี้ในการวอนขอพระองค์จะตอบสนอง และเมื่อใช้ขอพระองค์ก็จะให้ เรื่องดังกล่าวนั้นมีปรากฏอยู่ในฮาดีษต่อไปนี้

1.เล่าจากยุรอยดะห์ (ร.ด.) ได้กล่าวว่า “ท่านนบี (ซ.ล.) ได้ยินชายคนหนึ่งขอดุอาร์โดยเขากล่าวว่า ข้าแด่อัลเลาะห์ ฉันวอนขอท่านด้วยการปฏิญาณว่าท่านคืออัลเลาะห์ซึ่งไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะอย่างเที่ยแท้นอกจากท่านเท่านั้นที่ทรงเป็นหนึ่ง ทรงเป็นที่พึ่ง ซึ่งไม่ให้กำเนิดบุตร และไม่เป็นบุตรและไม่มีผู้ใดเป็นคู่ภาคีของพระองค์ “
บุรอยกะห์กล่าวว่า ท่านนบีได้กล่าวว่า “ขอสาบานกับผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ชายคนนั้นได้วอนขออัลเลาะห์ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ เมื่อพระองค์ถูกวอนขอด้วยพระนามนั้น พระองค์จะตอบสนอง และเมื่อถูกขอด้วยพระนามนั้นพระองค์จะให้” รายงานโดยอะบูดาวุด และติรมีซี

2.เล่าจากอนัส บุตรมาลิก (ร.ด.) ว่ท่านนบี (ซ.ล.) ได้เข้ามัสยิด ขณะที่ชายคนหนึ่งละหมาด และวิงวอนขอและเขากล่าวในวิงวอนขอของเขาว่า ข้าแด่อัลเลาะห์ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะอย่างเที่ยงแท้นอกจากอัลลเลาะห์ ท่านผู้ทรงประทาน ทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกียรติ ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวขึ้นว่า พวกท่านทราบไหมว่าเขาใช้อะไรวิงวอนขอ เขาวิวอนขอัลเลาะห์โดยใช้พระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งเมื่อถูกใช้ในการวิงวอน พระองค์จะตอบสนอง และเมื่อถูกใช้ในการขอพระองค์ก็จะให้” รายงานโยอะบูดาวุด และติรมีซี

3. เล่าจากอัสมาอฺ บุตร ยะซีด (ร.ด.) ว่าท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า พระนามของออัลลห์ที่ทรงยิ่งใหญ่นั้นอยู่ในสองอายะห์นี้ “และพระผู้เป็นเจ้าของท่านทั้งหลายนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกสักการะอย่างเที่ยงแท้นออกจากพระองค์ ผู้ทรงเมตตายิ่งผู้ทรงกรุณายิ่ง” และเริ่มซูเราะห์อาลิอิมรอน “อะลิฟลามมีน อัลเลาะห์นั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกสักการะอย่างเที่ยงแท้นอกจากพระองค์ผู้ทรงเป็นอยู่ ทรงดำรงอยู่” รายงานโดย อะหืมัด และติรมีซี

4. เล่าจากสะอัด บุตร มาลิก (ร.ด.) ว่า ฉันได้ยิยท่านรอซูล (ซ.ล.) กล่าวว่าฉันจะบอกให้พวกท่านทราบไหมว่า ถึงพระนามอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะห์ ซึ่งเมื่อใช้วอนขอพระองค์จะตอบสนอง และเมื่อใช้ขอ พระองค์จะให้ นั่นก็คือคำวิงวอนที่ยุนุสใช้วิงวอน โยที่เขาเรียกขณะอยู่ในความมืดทั้งสามว่า ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสักการะอย่างเที่ยงแท้นอกจากท่าน มหาบริสุทธ์แด่ท่าน แท้จริงฉันเป็นผู้ละเมิดคนหนึ่ง “มีชายคนหนึ่งถามว่า ท่านรอซูลลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)  คำวิงวอนนั้นเฉพาะยุนุนหรือสำหรับผู้มีศรัทธาทั่วไป ท่านรอซุลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)  จึงตอบว่า “ ท่านไม่ได้ยินดำรัสของอัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกียงไกรหรือที่ว่า ” และเราได้ให้เขา (ยุนุส) พ้นจากความมืดมน และเช่นเดียวกันนั้นเราจะให้เหล่าผู้มีศรัทธาพ้นภัย” รายงานโดย ฮากิม


พระนามเหล่านี้จะเปิดจักรวาลอันไพศาลให้ได้รู้จักอัลเลาะห์ เมื่อมนุษยืเขาใจพระนามเหล่านี้ และเข้าถึงความหมาย และจิตใจได้รับการกระตุ้น และถือเอาพระนามอันงามวิจิตรเป็นดวงประทีป ส่องนำสู่ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าความจริงใดๆ ของการมีอยู่นี้
Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: Al Fatoni Date: มี.ค. 01, 2009, 11:14 PM
ญซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ  myGreat: -  วัสสลาม
Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: มิ.ย. 06, 2009, 09:35 AM
ซาตของพระเจ้า

การสัมผัสซาตเป็นไปไม่ได้
ซาตยืนยันการมีผู้สร้าง
การบ่งชี้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและประสบการณ์
การยืนยันของพระเจ้า
หลักฐานที่เป็นตัวบท
การปฏิเสธพระเจ้าไม่มีที่อ้างอิง
นักวิชาการสมัยใหม่ยอมรับว่ามีพระเจ้า

Re: ท่านรู้จักพระเจ้าแล้วหรือ ? คัดความจากหนังสือ โดย อ. อรุณ บุญชม By: IamCrying Date: มิ.ย. 06, 2009, 10:22 AM
สถานภาพ ซาต ของพระเจ้าที่แท้จริงนั้นสติปัญญาไม่สามารถเข้าไปล่วงรู้ได้และไม่อาจสัมผัสกับเนื้อแท้ได้ เพราะความคิดจะไม่ครอบคลุมถึง ซาต , และมนุษย์ก็ไม่ได้รับสื่อใดๆ ให้นำไปใช้สัมผัสกับซาตได้

สติปัญญาของมนุษย์ม่ว่าจะมีความเฉลียวฉลาดขนาดไหน และมีความสามารถรับรู้ถึงขั้นไหนก็ตาม
ก็ยังบกพร่องและขาดความสามารถที่จะรู้แก่นแท้ของสิ่งต่างๆ อีกมากมาย

สติปัญญาของมนุษย์ไม่สามารถรู้จักตัวของมนุศย์เอง
การรู้จักตัวเองของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดทั้งทางวิทยาศาสตร์และปรัชญา

สมงอของมนุษย์ไม่สามารถรู้จักแก่นแท้ของแสง ทั้งที่แสงเป็นสิ่งที่เปิดเผยและชัดเจนที่สุด

และไม่สามารถรู้จักแก่นแท้ของวัตถุ แก่นแท้ของอะตอมที่ประกอบกันฃึ้นกันเป็นวัตถุและวัตถุนั้นก้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมนุษย์มากที่สุด


วิทยาศาสตร์ยังคงยืนเผชิญกับแก่นทแมกมายของจักรวาลอย่างหมดปัญญา โดยไม่สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งที่ศึกษาและค้นคว้าได้แล้วนั้นถึงที่สุด

ปรมาจารย์ทางดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง คาเมล พลาเมอร์ยูน ได้กล่าวไว้ในหนังสืเขาชื่อ พลังธรรมชาติที่เร้นลับ ว่า
" เราพบว่าตัวเราใช้ความคิด แต่ความคิดคืออะไร ไม่ใครสามารถตอบคำถามนี้ได้ เราพบว่าเราเดิน แต่การทำงานของกล้ามเนื้อคืออะไร ไม่ใครรู้เรื่องดังกล่าว ข้าพเจ้าพบว่าความต้องการของข้าพเจ้าเป็นพลังงานที่ไม่ใช่เป็นวัตถุ
และสำนึกต่าง ๆ ในตัวเองก้ไม่ใช่วัตถุ ทั้งที่เป็นเช่นนี้เมื่อข้าพเจ้าต้องการยกแขนขึ้น ข้าพเจ้าได้พบว่าความต้องการของข้าพเจ้าได้ขับเคลื่อนอวัยวะของข้าพเจ้าให้เคลื่อนไหวมันเกิดขึ้นเช่นนนั้นได้อย่างไร
และอะไรคือสื่อกลางของพลังสติปัญญาในการก่อให้เกิดผลในทางวัตถุ


ไม่มีใคสามารถตอบคำถามข้อนี้ของข้าพเจ้าได้เช่นกัย แต่จงตอบข้าพเจ้าเถิดว่า ปราสาทตาส่งภาพสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่สมองได้อย่างไร
และจงตอบข้าพเจ้าเถิดว่า สมองรับรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรและมันอยู่ที่ไหน และสภาพการทำงานของสมองเป็นอย่างไร

พวกท่าจงตอบเถิดว่า (เขาหมายถึงพวกที่ปฏิเสธพระเจ้า)... แต่พอแล้ว พอแล้ว ฉํนสามารถถามพวกท่านได้นับสิบปี โดยคนที่รู้ที่สุดของพวกท่านไม่อาจตอบคถามงาย ๆ ของฉันได้เลย"

เมื่อสภาพของสติปัญญาเป็นเช่นนี้  เมื่อเผชิญกับตัวเอง แสง วัตถุ สรรพสิ่งในจักรวาล ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น แล้วจะทะเยอทะยานไปรู้จัก ซาต ของอัลเลาะห์ และพยายามสัมผัสเนื้อแท้ของซาตเนื้อแท้ ของซาตได้อย่างไร

ซาตของอัลเลาะห์ยิ่งใหญ่เกินกว่าสติปัญญาจะสัมผัสได้หรือเกินกว่าความคิดจะเอื้อมไปถึง พระคำของอัลเลาะห์สัจจะยิ่งพระองค์ได้ตรัสได้ว่า

"สายตาทั้งหลายไม่สามารถสัมผัสพระองค์ได้ แต่พระองค์ทรงสัมผัสสายตาทั้งหลาย พระองค์ทรงรอบรู้ ทรงเชี่ยวชาญ (อัลอันอาม 130)

การที่ไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งต่างๆ ไม่ใช่การปฏิเสธการมีของสิ่งเหล่านั้น
การที่สติปัญญาหย่อนยาน ไม่สามารถเข้าไปรับรู้แก่นแท้ของสิ่งต่างๆ ไม่เป็นการปฏิเสธการมีของสิ่งเหล่านั้น

ดังนั้น แก่นแท้การที่สติปัญญาไม่สามารถเข้าไปรับรู้ แก่นแท้ของชีวิต จึงไม่ใช่การปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต และการไม่สามารถรับรู้แก่นแท้ของแสงก้ไม่ช่การปฏิเสธแสงที่มีอยู่ทั่วจักรวาล
และที่ไม่สารถเข้าถึงเนื้อแท้ของอะตอมก้ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธว่าไม่มีอะตอมที่ประกอบหรือรวมตัวกันเป็นวัตถุ และสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่สติปัญญาเข้าไปไม่ถุงเนื้อแท้ของมันก้เช่นเดียวกัน

ซาต ของพระเจ้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อสติปัญญาของมนุษย์ไม่อาจเข้าถึงเนื้อแท้และข้อเท็จจริงของซาตได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า ซาต ของพระเจ้าไม่มี แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่ เช่นเดียว เช่นเดียวกับสิ่งที่มีอยู่อย่างมั่นคงที่สุด

การมีอัลเลาะห์ตาอาลา อยู่ในข้อกำหนดของสิ่งที่มีอยู่จริงโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ และเป็นสิ่งที่สติปัญญายอมรับ และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานมายืนยัน นอกจากคนทรนง เหมือนคนตาบอดที่เรียกหาหลักฐานการมีดวงตะวัน ในกลางวัน ทั้งที่เป็นอย่างที่กล่าว เราก็จะนำหลักฐานต่าง ๆ มาเพื่อชี้นำไปสู่ความจริงและสิ่งที่ถูกต้อง