กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ )
Pages: 1
ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: ابن سفيان السراجى Date: ก.พ. 01, 2009, 04:12 AM
قال الني صلى الله عليه وسلم
الصلاة عماد الدين فمن أقامها فقد أقام الدين
ومن تركها فقد هدم الدين
(أوكما قال )

ความว่า - ท่านบรมครู ซล. ทรงมีวจนะไว้ว่า การละหมาดนั้น คือเสาหลักของศาสนา ดังนั้นบุคคลใดใครก็ตาม ดำรงค์ยืนหยัดมันเอาไว้ ขอยืนยันว่าเขาผู้นั้นได้ ดำรงค์ยืนหยัดไว้กับศาสนาแล้ว
และบุคคลใดใครก็ตาม ละทิ้งมัน ขอยืนยันว่า เขาผู้นั้นได้ทำลายศาสนาเสียแล้ว
 
“الخشوع” คือความสงบที่ก่อเกิดจากความเคารพ สงบทั้งกิริยา วาจา และจิตใจ เป็นการวิปัสสนาด้วยหัวใจ ในสภาพที่กิริยาเคลื่อนย้าย เพื่อแสดงความเคารพ สักการะต่อเอกองค์อัลลอฮ์ ซบ. เป็นการฝึกฝนการมีสมาธิในสภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดประโยชน์จริงในสภาพของความเป็นจริง ถือเป็นสมาธิที่ล้ำลึกมากกว่าการมีสมาธิที่ฝึกฝนหรือกำหนดขึ้นในสภาพนั่ง นอนหรือยืนอย่างหนึ่งอย่างใด แต่เพียงประการเดียว เพราะอัลอิสลามต้องการให้เอาสมาธิไปใช้ในชีวิตจริง ไม่เพียงแต่มานั่งขัดสมาธิเท่านั้น เนื่องจากได้พิจารณาเห็นว่า การนั่งสมาธิอย่างเดียวจะทำให้อิริยาบถอื่นๆ ไม่มีสมาธิ

          “الخشوع” เป็นงานของหัวใจ หัวใจเป็นนายหรือเป็นผู้บริหาร เป็นผู้นำของอวัยวะทั้งหมดภายในร่างกาย คือหัวใจที่กำกับหัวใจดวงที่เป็นก้อนเนื้อนี้ มิใช่หัวใจที่คือก้อนเนื้อก้อนนี้
          ท่านบรมศาสดา ซล. เห็นคนๆ หนึ่งละหมาดด้วยท่าทีที่ไม่สงบ ท่านกล่าวว่า หากหัวใจของเราสงบ ร่างกายก็จะสงบด้วย   เอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.  ได้ทรงมีดำรัสไว้ในพระมหาคัมภีร์กุรอานว่า
 
قَدْ أَفْلَحَ الْمُؤْمِنُوْنَ   اَلَّذِيْنَ هُمْ فِيْ صَلاَتِهِمْ خَاشِعُوْنَ           
 المؤمنون 1-2
 
ความว่า “บรรดาศรัทธาชน ย่อมได้รับชัยชนะ ศรัทธาชนนั้นคือผู้ซึ่งที่การละหมาดของพวกเขามี الخشوع  (สงบ)”
 
          อนึ่งในบางโองการนั้นเอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.ได้ทรงมีดำรัสถึงเรื่องผลกรรมของการละหมาดไว้ว่า

فَوَيْلٌ لِلْمُصَلِّيْنَ اَلَّذِيْنَ هُمْ عَنْ صَلاَتِهِمْ سَاهُوْنَ       
  الماعون 4-5
 
ความว่า “เหวในขุมนรกจะประสพแก่บรรดาผู้ละหมาด ที่การละหมาดของพวกเขา พวกเขาเลินเล่อ”
 
          จึงสรุปได้ว่า บางคนละหมาดแล้ว แต่ยังไม่เรียกว่าเขาละหมาด การละหมาดจึงต้องกระทำด้วยสมอง และหัวใจ มิใช่ด้วยเรือนร่าง หรือการแสดงออกด้วยพฤติกรรมแต่เพียงอย่างเดียว
          ละหมาดคือ ความสุข ความสุขที่ไม่มีความสุขใดๆ เทียบเท่า ท่านบรมศาสดา ซล. กล่าวแก่บิล้าลว่า
 
يَابِلاَلُ أَرِحْنَا بِالصَّلاَةِ
 
ความว่า “โอ้บิล้าล จงทำให้เรามีความสุข ด้วยการละหมาด”
          กับความสุขของการละหมาด ชาวสะลัฟยืนละหมาดจนนกกาเข้าใจว่า ตอไม้ สำหรับท่านอิหม่ามชาฟีอี ท่านละหมาดสุนัตหลังละหมาดอีชาสองรอกาอัตทุกคืน ด้วยการอ่านกุรอานหนึ่งจบ นั่นก็เพราะความสุขที่ได้รับจากการละหมาด ซึ่งท่านบรมศาสดากล่าวว่า
 
حُبِّبَ اِلَىَّ دُنْيَاكُمْ ثَلاَثٌ اَلطِّيْبُ وَالنِّسَاءُ وَقُرَّةُ عَيْنِيْ فِى الصَّلاَةِ
 
ความว่า “ดุนยาของท่านทั้งหลาย ฉันรักมันอยู่ 3 อย่างคือ กลิ่นหอม สตรี และความสุขที่ได้รับจากการละหมาด (ชี้ให้เห็นว่า ละหมาดเป็นเรื่องดุนยา)”

          เราจึงควรแสวงหาความสุขที่ได้รับจากการละหมาด เป็นความสุขที่สุขที่สุด อมตะที่สุด หาได้ตรงนี้ ตรงที่ ที่มีเรา หาได้โดยไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง หาได้ด้วยตัวเราเอง ที่ตัวเราเอง มันอยู่ที่ตรงนี้เอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.ได้ให้สติปัญญาแก่เรา ให้สมองเราคิด เราจักต้องรักมากกว่าสิ่งใดๆ พระองค์ให้โอกาสแก่เรา เพื่อให้เราได้อยู่กับพระองค์ ได้เข้าเฝ้าพระองค์ทุกวัน วันละ 5 ครั้ง พระองค์รักเราพร้อมมอบความสุขให้แก่เรา แม้เราจะเป็นผู้ทรยศ ฟากฟ้าและแผ่นดินต่างตัสเบียะฮ์ แสดงความรักต่อพระองค์กันอยู่ตลอดเวลา มันต่างเจ็บใจที่มนุษย์บางคนเกลียดพระองค์ ไม่ปฏิบัติตามที่พระองค์สอนสั่ง ทรยศต่อพระองค์ มันเคยอาสาพระองค์ที่จะประชาทัณฑ์ผู้ทรยศต่อพระองค์ ทั้งนี้ก็ด้วยความรักของมันที่มีต่อพระองค์ พระองค์กลับไม่ยินดี ด้วยการบอกกับพวกมันว่า
 
لَوْ خَلَقْتُمُوْهُ لَرَحِمْتُمُوْهُ
 
ความว่า “หากพวกท่านให้บังเกิด (สร้าง) มัน แน่นอนพวกท่านต้องรักมัน”
 
          กี่วัน กี่เดือน กี่ปีมาแล้วที่เอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.ให้เวลาเพื่อการแก้ตัว บางคนมีอายุอยู่จนแก่ชรา แต่ก็ยังแก้ตัวไม่ได้ สงสารลูกหลานที่มีผู้เฒ่าอย่างนั้นจังเลย มีฮะดีษกุดซีย์กล่าวว่า
 
لاَإِلهَ اِلاَّ أَنَا اِذَا رَضِيْتُ بَارَكْتُ وَبَرَكَتِيْ لَيْسَتْ لَهَا نِهَايَةٌ   وَاِذَا غَضِبْتُ لَعَنْتُ وَلَعْنَتِيْ تَبْلُغُ السَّابِعَ مِنَ الْوَلَدِ
 
ความว่า - ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน เมื่อฉันยินดี  ฉันก็จะเพิ่มพูน มอบสิริมงคลให้ ซึ่งสิริมงคลของฉันนั้น ไม่มีจุดจบสิ้น และเมื่อฉันโกรธ ฉันก็กริ้ว ซึ่งความกริ้วของฉัน จะทอดไปถึงเจ็ดชั่วอายุคน

 เป็นฮะดีษนี้หน้าจะสะเทือนขวัญมากกับเราท่านทั้งหลาย  เพราะเมื่อเราเลว ลูกหลานจะเลวไปถึงเจ็ดชั่วอายุคนด้วยนั่นเอง ในทางกลับกัน หากเราเป็นคนดี ลูกหลานของเราก็จะดีตลอดกาล ไม่ว่าจะกี่ชั่วโคตรก็ตาม
          ดุนยานี้แหละที่ทำลาย  الخشوع  โดยเฉพาะอย่าลุ่มหลง อย่ารักมันด้วยหัวใจ เพราะสิ่งใดที่เรารักด้วยใจ เราจะกลายเป็นทาสของสิ่งนั้น ดังนั้นจงรักดุนยาด้วยอวัยวะส่วนใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ด้วยหัวใจ เพราะหัวใจมีไว้รักอัลลอฮ์ เป็นที่สถิตของอัลลอฮ์  ดังพระองค์ได้มีดำรัสไว้ในฮะดีษกุดซีย์ว่า
 
أَفْرِغْ قَلْبَكَ لاَنَّ قَلْبَكَ بَيْتِيْ أَسْكُنُ فِيْهِ
 
ความว่า - จงทำให้หัวใจของท่านว่าง เพราะหัวใจของท่านคือบ้านของฉัน ฉันพำนักอยู่ในนั้น
พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ เราทั้งหลายจงรักในสิ่งที่เอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.ใช้ให้รัก ชอบในสิ่งที่พระองค์ใช้ให้ชอบ กระทำในสิ่งที่พระองค์ใช้ให้กระทำ
ท่านบรมศาสดา ซล.ทรงมีพระวจนะไว้ว่า

"أول ما يحاسب به العبد يوم القيامة الصلاة فان صلحت صلح سائر الأعمال وان فسدت فسد سائر الأعما
"صدق رسول الله "

สิ่งแรกหรือประการแรกที่บ่าวของเององค์อัลลอฮ์ ซบ.จะถูกสอบสวนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ คือ การละหมาด ดังนั้นหากการดำรงค์ละหมาดของเขา ดี บรรดากิจการงานของเขาทั้งหมดก็จะดีไปด้วย และถ้าหากการละหมาดของเขา เสียหายหรือโมฆะ กิจการงานของเขาก็จะเสียหายและเป็นโมฆะไปด้วยเช่นกัน
วจนะของท่านบรมครูนั้นเป็นสัจจะแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น หากเราท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติมันอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจแล้ว การดำรงค์ละหมาดของเราท่านทั้งหลายก็จะ "อร่อย" .................ข้อมูลโดยท่านอาจารย์ อับดุลการีม วันแอเลาะ อธิการสถาบัน อัรรอบิตี้


Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: Al Fatoni Date: ก.พ. 02, 2009, 02:27 PM
ญซากัลลอฮุค็อยร็อนมากๆ ครับ ต่อไปนี้ คงจะละหมาดได้คุชุอฺมากขึ้น แห่ๆๆๆ  hehe - วัสสลาม
Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: ابن سفيان السراجى Date: ก.พ. 04, 2009, 12:51 AM
 salam
ขอเสริมข้อมูลเรื่องละหมาดนิดนึงนะครับ
เราทั้งหลายเมือทราบแล้วอาจจะสพรึงกลัวแล้วหันมาใส่ใจและสนใจ เคร่งครัดกับการละหมาดมากยิ่งขึ้น

إن الأسباب المقتضية لسوء الخاتمة  أربعة

التهاون بالصلاة -

وشرب الخمر -

وعقوق الوالدين -

وأذى المسلمين -
แท้จริง บรรดาสาเหตุต่างๆของการที่บั้นปลายชิวิตจะจบลงอย่างเลวร้ายนั้นมีอยู่ 4 ประการ
1 การเพิกเฉย ละเลย ต่อการละหมาด
2 การดื่มของมึนเมา
3 การทรยศต่อบุพการีทั้งสอง
4 การทำร้าย ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ กับพี่น้องมุสลิม
................ศิษย์ประทีปศาสน์
ถูกกล่าวไว้ในตำรา بجيرمي على الخطيب
  في أركان الصلاة

Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 04, 2009, 01:37 PM
 salam

ควรระวังร่างกายอย่าให้ไหวในขณะละหมาด  แรกเริ่มนั้นได้เกิดขึ้นกับท่านรอซูล (ซ.ล.)เอง ตอนแรกนั้นเป็นธรรมดาที่ท่านมักจะมองไปเบื้องฟ้า  เพื่อรอวะหฺยูจากอัลลอฮฺ  ซึ่งญิบรีลจะนำมา เพราะคนที่รอใครก็มักจะมองไปทางที่คนนั้นจะมาอยู่เสมอ  จนบางครั้งท่านทำละหมาด ท่านก็แหงนขึ้นมองท้องฟ้า  แล้วอัลลอฮฺได้ประทานอายะฮ์ว่า

" บรรดาผู้ศรัทธาย่อมได้รับชัยชนะ  คือบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมในการละหมาดของพวกเขา" (อัลมุมินูน 23 : 1-2)

เมื่ออายะฮ์นี้ประทานลงมา ท่านนบี (ซ.ล.) ก็เริ่มมองต่ำขณะละหมาด  บรรดาซอฮาบะฮ์ ก็ไม่เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนอย่างเดิม

จะละหมาดให้ " อร่อย" ละหมาดนั้นต้องมีสมาธิ การเหลียวซ้ายแลขวาขณะละหมาด  นั้น ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า  มันเป็นการ(เฉี่ยว) ฉกชิงที่ซัยตอนฉกชิงไปจากละหมาดของบ่าวคนนั้น(เพื่อให้เสียสมาธิ) รายงานโดย บุคอรี







Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: ILHAM Date: ก.พ. 06, 2009, 03:09 AM
ก็คล้ายกับการขอดูอา อุสตาสผมเคยบอกว่าควรจะมองยังไงดีตอนขอดูอา มองด้านบนเพราะคุณความดีอะไรต่างๆจะมาจากด้านบน หรือจะมองลงล่างเพื่อแสดงความนอบน้อม สุดท้ายจบที่จะมองตรงไหนก็มองไปเถอะ มองกลางๆก็ได้
หมายถึงตอนยกมือดูอาหลังละหมาดนะ ไม่ใช่ตอนละหมาด
Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: JawhaR Date: พ.ค. 26, 2009, 11:46 PM
ขุดคับ^^
เข้ากับการสอนในคืนนี้
Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: sara Date: มิ.ย. 01, 2009, 03:30 PM
บ่อยครั้งที่ละหมาดแล้วจิตใจเลื่อนลอย พยายามจำความหมายภาษาไทยเพื่อนึกในเวลาละหมาด เพื่อให้ใจสงบ แต่ก็มิวาย มีแอบคิด อัซตักฟิรุลลอฮ  mycry

ไม่เข้าใจว่าบรรยากาศเป็นแรงจูงใจด้วยรึป่าว

เพราะตอนที่ละหมาดญะมาอะฮที่ปอเนาะ รู้สึกอร่อยกับการละหมาดมากเลย
แต่พอกลับบ้าน ทำไมใจวอกแวก ไม่รู้ อัซตักฟิรุลลอฮ ๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮัลอะซีม mycry mycry
Re: ละหมาดอย่างไรให้ "อร่อย" By: nada-yoru Date: เม.ย. 25, 2015, 07:35 PM

          ดุนยานี้แหละที่ทำลาย  الخشوع  โดยเฉพาะอย่าลุ่มหลง อย่ารักมันด้วยหัวใจ เพราะสิ่งใดที่เรารักด้วยใจ เราจะกลายเป็นทาสของสิ่งนั้น ดังนั้นจงรักดุนยาด้วยอวัยวะส่วนใดก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ด้วยหัวใจ เพราะหัวใจมีไว้รักอัลลอฮ์ เป็นที่สถิตของอัลลอฮ์  ดังพระองค์ได้มีดำรัสไว้ในฮะดีษกุดซีย์ว่า
 
أَفْرِغْ قَلْبَكَ لاَنَّ قَلْبَكَ بَيْتِيْ أَسْكُنُ فِيْهِ
 
ความว่า - จงทำให้หัวใจของท่านว่าง เพราะหัวใจของท่านคือบ้านของฉัน ฉันพำนักอยู่ในนั้น
พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ เราทั้งหลายจงรักในสิ่งที่เอกองค์อัลลอฮ์ ซบ.ใช้ให้รัก ชอบในสิ่งที่พระองค์ใช้ให้ชอบ กระทำในสิ่งที่พระองค์ใช้ให้กระทำ
ท่านบรมศาสดา ซล.ทรงมีพระวจนะไว้ว่า

"أول ما يحاسب به العبد يوم القيامة الصلاة فان صلحت صلح سائر الأعمال وان فسدت فسد سائر الأعما
"صدق رسول الله "

สิ่งแรกหรือประการแรกที่บ่าวของเององค์อัลลอฮ์ ซบ.จะถูกสอบสวนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ คือ การละหมาด ดังนั้นหากการดำรงค์ละหมาดของเขา ดี บรรดากิจการงานของเขาทั้งหมดก็จะดีไปด้วย และถ้าหากการละหมาดของเขา เสียหายหรือโมฆะ กิจการงานของเขาก็จะเสียหายและเป็นโมฆะไปด้วยเช่นกัน
วจนะของท่านบรมครูนั้นเป็นสัจจะแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น หากเราท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติมันอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ใจแล้ว การดำรงค์ละหมาดของเราท่านทั้งหลายก็จะ "อร่อย" .................ข้อมูลโดยท่านอาจารย์ อับดุลการีม วันแอเลาะ อธิการสถาบัน อัรรอบิตี้



หัวใจคือบ้าน...ที่กว้างและลึกยากจะหยั่งถึง....
เราจึงต้องขยันเพื่อปัดกวาดมันให้สะอาด...วันเดียว เดือนเดียว ปีเดียว
ก็คงจะไม่สะอาด เพราะด้วยความยิ่งใหญ่ของหัวใจ
และกว้างเกินที่เราจะรู้นั้น...มันต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อขัดเกลา
ให้มันบริสุทธิ์พอเพื่อพระเจ้าของเรา...

เคยตั้งคำถามว่า...อัลลอฮฺอยู่ไหน...
พระองค์อยู่ใกล้ยิ่งกว่าเส้นเอ็นที่คอ
อยู่ใกล้เท่ากับระยะห่างเมื่อเราวอนขอต่อพระองค์
และพระองค์คอยตอบรับคำวอนขอจากเรา

เราเคยถามไหมว่า...หัวใจเรามีพื้นที่แค่ไหน...
ทำไมมันถึงสามารถบรรจุเอาความเมตตา ความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ
เข้าไปอยู่ในนั้นได้ ความเมตตาและความยิ่งใหญ่ที่มากเกินสุดจะหยั่งถึง
กว้างใหญ่กว่าจักรวาล หากหัวใจเรากลับรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่นั้นได้
นี่คือ ความมหัศจรรย์ของหัวใจเราที่อัลลอฮฺสร้างมาไว้กับเรา
มันยิ่งกว่าอวัยวะใดๆทั้งหมดของร่างกาย...
เพราะเมื่อมันดี อย่างอื่นก็ดี และเมื่อมันเสีย อย่างอื่นก็เสีย....

^^