ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: ADB Date: ก.พ. 17, 2009, 09:23 AM
อะกีดะห์แบบนี้ผมว่าไม่ใช่มุสลิมแล้วล่ะ
"คนที่ออกตับลีฆเค้าจะเหนียตในใจว่า ในชีวิตนึงเค้าจะไปฮัจย์หรือไม่ไปฮัจย์ก้อตาม ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ตรงว่าเค้าต้องการไปที่มัรกัสใหญ่ของอินเดีย ที่ไหนครับ ที่นีซอมุดดีนหรือว่ามัสยิดนีซอมุดดีน เป็นศูนย์บัญชาใหญ่ของตับลีฆ...
...มัสยิดนีซอมุดดีน มีศพของเมาลานาอิลยาสฝังอยู่พี่น้อง..ถ้าพี่น้องไปนะครับ เข้าไปที่มัสยิด หันไปทางกิบลัต อยู่ขวามือเป็นห้องสูงๆ ถึงเพดานครับ และตรงนั้นจะ
มีบรรดาอุลามาอฺอาวุโส เป็นผู้ทำพิธีกรรม ในการกราบไหว้เคารพอิบาดะฮฺ ต่อเมาลานาอิลยาส"
กดที่ลิงค์แล้วรอสักครู่เพื่อฟัง
www.muslim2world.com/fake/fake1.swfจากบอร์ด
http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=42&qNo=2063&kword=
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: ILHAM Date: ก.พ. 17, 2009, 09:40 AM
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนพูดหรือ
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: ActionMask Date: ก.พ. 17, 2009, 12:12 PM
มุสลิมกล่าวต่อมุสลิมด้วยกันแบบนี้เหรอ? จะเกลียดกัน ไม่ชอบกัน ยังไงก็เป็นมุสลิมด้วยกัน ทำไมว่ากล่าวกันแบบนี้
ไม่แปลกใจทำไมมุสลิมปัจจุบัน ถึงสู้ใครไม่ค่อนได้ ทั้งๆที่มี ถึง 1000 กว่าล้านคน เอาแค่ 10% ลุกมาญิฮาดจริงๆ จังๆ อินชาอัลลอฮฺทั้งโลกย่อมเป็นของมุสลิมแน่นอน แต่ไม่เป็นไปตามที่ว่า
ก็เรายังแตกแยกกันแบบนี้ ไง เห้อออออออออออออ
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: Al Fatoni Date: ก.พ. 17, 2009, 12:20 PM
มาชาอัลลอฮฺ ไงเหมาอย่างนั้นอะ ใจแคบที่สุดเลยที่กล่าวอย่างนั้น (หมายถึง อ.ที่ชื่อเมื่อแปลตามความหมายภาษามลายูจะแปลว่า "ลูกศิษย์") ขอให้สิ่งที่ท่านกล่าวกลับไปหาท่านเองเถิด อามีน ยาร็อบ - วัสสลาม
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: as-satuly Date: ก.พ. 17, 2009, 12:41 PM
นั่นนะซิ...ไหง่เป็นแบบนี้...ทั้งๆที่พยายามจะสร้างว่า "ต่างได้ แต่ไม่แตกแยก"
แล้วทำไม.............................ละครับ
الخير لا يأتي إلا بالمراجعة في نفسه أولاً قبل الدعوة إلى الناس
والسلام

Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: ILHAM Date: ก.พ. 17, 2009, 12:47 PM
simpan tersibar.
discredit
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 17, 2009, 03:50 PM
แรงไป...หนักไป พูดตามนัฟซูตัวเองล้วนๆ
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: قطوف من أزاهير النور Date: ก.พ. 17, 2009, 04:04 PM
ใครพูดอะไร ทำอะไร ก็รับกันไป

ขอให้เราห่างไกลจากการใส่ร้ายต่อพี่น้อง ขอให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อกันและกัน
อามีน ๆ
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: al-toorab Date: ก.พ. 17, 2009, 04:46 PM
salam
โอยยย !!! ช่างก้าวร้าว
لا حول ولا قوة إلا بالله
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: Al Fatoni Date: ก.พ. 17, 2009, 06:42 PM
ผมว่า อ.มุรีดมั่วมากกว่าครับ เรื่องที่แกอ้างว่า เคยไปถึงมัสญิดนิซอมุดดีน แล้วเห็นผู้คนคล้ายๆ กับขอดุอาอ์ และทำชิริกกราบไหว้สุสานนั้น ผมเคยถามอมีรฺดะอฺวะฮ์เรื่องนี้ ทีแรกผมเกร็งมากที่จะถาม เกรงว่ามันเป็นเรื่องจริงและสร้างความขายหน้าแก่ท่าน เพราะท่านไปนิซิมุดดีนบ่อย แต่เมื่อผมถามไป ท่านกลับยิ้มแกมหัวเราะ แล้วท่านกล่าวตอบว่า ที่มุรีดอะ มันอาจจะผิดที่ก็ได้นะ ผมก็แย้งว่า อ.เค้าบอกด้วยว่า แกแต่งตัวผิดจากคนอื่น ทำให้คนในมัสญิดจ้องมองแกยังกะไม่พอใจแก ที่แกแต่งกายต่างจากเค้า ไม่ยอมแต่งชุดแบบดะอฺวะฮ์ (ปากีฯ) ท่านอมีรฺก็ยิ้มแล้วตอบว่า ก็นั่นแหละ ทุกคนที่จะนิซอมุดดีน ปกติเค้าจะคนนำทางไปที่มัสญิดให้ เพราะที่นั่น มันจะมีสองมัสญิด คือมัสญิดของโต๊ะวลีย์กะรอมัตท่านหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านเลื่อมใสมากๆ และส่วนใหญ่ พวกดะอฺวะฮ์ที่ไม่เคยไปมัสญิดนิซอมุดดีนมาก่อน มักจะเข้าใจผิดคิดว่ามัสญิดโต๊ะวลีย์นี้ เป็นมัสญิดนิซอมุดดีน (ศูนย์กลางดะอฺวะฮ์) แต่ที่จริงไม่ใช่ มัสญิดโต๊ะวลีย์ บางทีชาวบ้านก็งมงายขอดุอาอฺต่อสุสานโต๊ะวลีย์และทำชิริกต่างๆ นานา ถ้าตามที่เล่าเมื่อกี้ ก็แสดงว่ามุรีดไปมัสญิดโต๊ะวลีย์แน่นอน (เล่าจากที่จำจากการสนทนาถามกับอมีรฺดะอฺวะฮ์ท่านหนึ่งแถบแก้วนิมิตร - วัลลอฮุอะอฺลัม) - วัสสลาม
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: al-toorab Date: ก.พ. 17, 2009, 06:50 PM
salam
ขอให้ ฮัจยี มูรีด และพี่น้องมุสลิมได้รับแนวทางที่เที่ยงตรง ... อามีนยาร๊อบ
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: musalmarn Date: ก.พ. 17, 2009, 07:48 PM
salam
เฮ้อ... ไม่รู้จะพิมพ์ยังไงดี
เมื่อครั้นสมัยที่มุสลิมไทยยังเฟื่องฟู
ญามาอะฮตับลีฆ ก็โดนกระแหนะกระแหน
ถูกฮุก่มอย่างนู้น อย่างนี้
มายุคนี้ก็โดนอีกแร่ะ
ก็ว่ากันไป..
ไม่ยักกะรู้ว่าการที่นักวิชาการคนๆ หนึ่ง นำเอาของเก่ามาเล่าใหม่
ไปบรรยายที่ต่างๆ สามารถเรียกเรตติ้งให้กระทู้พรรค์นี้ไม่เลือนหายไปจากสังคมไทย
อ่ะ ... ตำราเล่มเขียวที่ท่านว่าผิดอย่างนู้น ผิดอย่างนี้
เค้าก็ปรับปรุง เค้าแก้ไข ก็ยังดั๊นมาใช้มุขนี้โจมตีอีก
จะเอายังไงกันเนี่ยะ
เลิกออก สามวัน เจ็ดวัน สี่สิบวัน กระนั้นหรือ
ถึงจะเดินทางตรง เอาไงเนี่ยะ เฮ้อออออออ
จริงๆ แล้วเกิดจาก user ของมุสลิมไทยเพียงไม่กี่คนหรอก
ที่ ปะ ฉะ ดะ ทั่วไปหมด
ไม่ใช่กลุ่มฉัน พี่แกเหมารวมว่า หลงทาง
อันที่จริงเราน่าจะวิเคราะห์น่ะ ว่าทำไมการห้ำหั่นทางแนวคิดผ่านทางเวบบอร์ดถึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะว่า ต่างคนต่างไม่เห็นหน้า จิตใต้สำนึกลึกๆ แล้ว มีการหวาดระแวง
ของเอ็งผิด ของข้าถูก ใส่เพื่อความมันส์
เลยเข้าอีหรอบ ขอให้ฉันกด enter ฟิตนะฮไม่ฟิตนะฮ ฉันไม่สน
นี่แหละน่า... รุ่นพี่ที่เคารพท่านนึงถึงกล่าวไว้ว่า "มุสลิมกับการด่าทอผ่านเวบบอร์ด นวัตกรรมใหม่ในยุคบิดอะฮนิยม"
ซุนนะฮ ฟิตนะฮ คล้ายๆ แฮะ
มีคำว่า นะฮ ลงท้าย
(ผู้เชี่ยวชาญภาษาอาหรับอาจจะแจ้งไขแถลง (อีก) ที)
(นึกไม่ออก เด่วมาต่อ)
รอให้ความคิดตกผลึก จากการตอบกระทู้ของหลายๆ ท่าน
ปล. ในผลโหวตมีตอบว่า ไม่เป็นด้วยแฮะ
สงสัยเค้าคงคิดว่าญามาอะฮ ดะอวะฮ ตับลีฆ เป็นองค์กร

Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: al-azhary Date: ก.พ. 17, 2009, 08:04 PM
salam
ผมได้ยินบ่อยครั้ง เมื่อ ฮัจญีมุรีด ได้ปราศัยโดยบอกว่าตนเองตนเองยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ปกป้องอิสลาม แต่มักทำตนละเมิดกล่าวหาต่อแนวทางอื่นว่า กาเฟรบ้าง ชิริกบ้าง บิดอะฮ์บ้าง ขายศาสนาบ้าง ล่าสุดนี้ก็คือกล่าวหาผู้อื่นว่าทำชิริกไม่ใช่มุสลิม ผมก็เลยนึกฮะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นฮะดีษที่ ฮัจญีมุรีดไม่ค่อยนำมาอ้างสักเท่าไหร่
ท่านอัลบุคอรีรายงานว่า
عَنْ أَبِي ذَرٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ أَنَّهُ سَمِعَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ لَا يَرْمِي رَجُلٌ رَجُلًا بِالْفُسُوقِ وَلَا يَرْمِيهِ بِالْكُفْرِ إِلَّا ارْتَدَّتْ عَلَيْهِ إِنْ لَمْ يَكُنْ صَاحِبُهُ كَذَلِكَ
"จากอะบูซัรรฺ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ แท้จริงเขาได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ชายคนหนึ่งจะไม่กล่าวหาคนหนึ่งว่าเป็นคนชั่ว และเขาจะไม่กล่าวหาคนหนึ่งว่าเป็นกาเฟร นอกจากว่ามันจะย้อนกลับไปยังเขา หากผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่เป็นสิ่งดังกล่าว" ฮะดีษ (5585)
ท่านหุซัยฟะฮ์ ได้กล่าวว่า
إِنَّ مَا أَتَخَوَّفُ عَلَيْكُمْ رَجُلٌ قَرَأَ الْقُرْآنَ حَتَّى إِذَا رُئِيَتْ بَهْجَتُهُ عَلَيْهِ وَكَانَ رِدْءًا لِلإِسْلاَمِ غَيَّرَهُ إِلَى مَا شَاءَ اللهُ فَانْسَلَخَ مِنْهُ وَنَبَذَهُ وَرَاءَ ظَهْرِهِ وَسَعَى عَلَى جَارِهِ بِالسَّيْفِ وَرَمَاهُ بِالشِّرْكِ قَالَ قُلْتُ يَا نَبِيَّ اللهِ أَيُّهُمَا أَوْلَى بِالشِّرْكِ الْمَرْمِيُّ أَمِ الرَّامِي قَالَ بَلْ الرَّامِي
"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า แท้จริงฉันหวั่นกลัวต่อพวกท่าน กับชาย(ประเภท)หนึ่ง ที่ทำการอ่านอัลกุรอาน จนกระทั่งความงดงามของอัลกุรอานได้ปรากฏบนเขา และเขานั้นก็(ทำเป็น)ปกป้องอิสลาม แล้วเขาก็เปลี่ยน(หลักการ)อิสลามตามที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์(ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ) แล้วเขาก็ปลีกตน(หลักการ)และละทิ้ง(หลักการ)อิสลามไว้ข้างหลังเขา และทำการรบด้วยดาบ(ทำสงครามฮะล้าลเลือด)ต่อเพื่อนบ้านใกล้เรียนเคียงของเขา และทำการกล่าวหาเพื่อนบ้านเรือนเคียง(มุสลิม)ว่า ทำชิริก ท่านหุซัยฟะฮ์กล่าวต่อว่า ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านนบีของอัลเลาะฮ์ คนใหนจากทั้งสองที่สมควรแก่ชิริกยิ่งกว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ที่กล่าวหา(ว่าคนอื่นทำชิริก) ท่านนบีตอบว่า แต่เป็นผู้ที่กล่าวหาต่างหาก(ที่สมควรอยู่ในหลักการของชิริก)" รายงานโดยอัลบัรซฺาร ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มัจญฺมั๊วะอฺอัซซะวาอิด 1/188 ว่าเป็นฮะดีษฮะซัน แม้อัลบานีก็ยังให้การยอมรับไว้ในหนังสือ อัซซัลซิละฮ์อัศศ่อฮีฮะฮ์ ลำดับฮะดีษที่ 3201
ดังนั้นคำพูดของฮัจญีมุรีด ก็ต้องได้รับการสอบสวนและต้องไปให้การแก่พี่น้องตับลีฆที่ฮัจญีมุรีดกล่าวหาว่าไม่ใช่มุสลิมในวันกิยามะฮ์ แต่ถ้าหากผู้ที่ฮัจญีมุรีดกล่าวหาว่าไม่ใช่มุสลิมนั้น เป็นมุสลิมตามทัศนะของอิสลาม แน่นอนฮุกุ่มก็ต้องหวนกลับไปยังฮัจญีมุรีดอย่างแน่นอน ด้วยเหตุคำพูดของเขาเอง
วัลลอฮุอะลัม
Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: Muftee Date: ก.พ. 17, 2009, 08:24 PM
ยีมุรีด พูดหรอยอย่างแรงนิ...
แต่ว่าแค่หรอยปากตัวเองอย่างเดียว ....
ส่วนเรื่องอะกีดะฮฺ ไม่กล้าพูด เพราะรู้ตัวเองดีว่าหรอยไม่ได้....

Re: ญะมาอะฮฺ ดะอฺวะฮฺ ตับลีฆ เป็นมุสลิมหรือไม่ By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 19, 2009, 10:15 AM
ในเว็บบอร์ดหนึ่ง...
โต้แย้งกันเรื่องนี้ จนคนบางคน แบบว่า...พรุนเลย
แต่ก็ยังเถียงไม่เลิก...
เมื่อไหร่จะเลิกอคติกับคนทำงานดะวะฮ์ซักที...
ขอยกบางบทความจาก muslim2world
อูซู้ลดะอฺวะฮฺ คือรากฐาน หรือแนวทางของการทำงานดะอฺวะฮฺ
ประกอบด้วย สี่ ประการ สิ่งที่ใช้ให้ มาก, น้อย, ห้าม, และห่างไกล
เรื่องปัญหาการเมืองและคิลาฟิยะฮฺ จะอยู่ในหัวข้อย่อย ของ สิ่งที่ใช้ให้ห่างไกล
เรื่องที่เราแนะนำให้ห่างไกล มีสี่ อย่าง หนึ่งคือ ห่างไกลจากการเรี่ยไร ห่างไกลจากการแบ่งชนชั้นวรรณะ ห่างไกลจากการเมือง และห่างไกลจากปัญหาคิลาฟียะฮฺ
ก่อนอื่นขอปูพรมความเข้าใจเกี่ยวกับงานดะอฺวะฮฺสักนิด งานดะอฺวะฮฺ หรือตับลีฆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นกลุ่มหนึ่งจากการทำงานศาสนาเท่านั้น งานดะอฺวะฮฺ ไม่ใช่มัซฮับ หรือแนวทางวินิจฉัยปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าในหมู่คนทำงานดะอฺวะฮฺ มีคนจากหลากหลาย มัซฮับมาร่วมงานกันได้ ไม่ว่าจะเป็น ซาฟีอี ฮานาฟี ฮัมบาลี มาลีกี สายซุนนะห์ หรือตอรีเกาะฮฺ
ดังนั้นนั้นเมื่อมีผู้คนรวมกันอยู่มาก ก้อจำต้องมีกฎระเบียบ เพื่อคอยควบคุมคนในกลุ่ม สมมุติว่าผมจัดญามาอัตหนึ่งสิบคน มีคนจากมัซฮับซาฟีอี หก จากฮานาฟีสอง และซุนนะห์อีกสอง ทีนี้เราละหมาดซุบฮิ ร่วมกัน ในมัสยิดหนึ่ง ซึ่งเขาจะดุอากุนูต ตอนซุบฮฺ หลังจากละหมาดเสร็จเริ่มประชุมกันเรื่องงาน แต่ถ้าทุกคนไม่อยู่ในอูซู้ลข้อที่ว่า ให้ห่างไกลจากปัญหาคิลาฟิยฮฺ วันนั้นทั้งวัน ญามาอัตทั้งหมดเวลาไปกับการนั่งเถียงกันเรื่องดุอากุนูตทั้งวัน จนลืมไปว่าเป้าหมายของงานนั้นคืออะไร
จริงๆ คนที่เคยออกญามาอัตจะเข้าใจ ในทุกๆคืน เราจะมีโปรแกรมมูซากาเราะฮฺ หมายถึงการปรึกษาหารือกันในเรื่องต่างๆ ในเรื่องวิธีการปฏิบัติงาน และเรื่องการปฏิบัติอาม้าลศาสนา เวทีนี้แหละ เวทีนี้เราสามารถนำเสนอเรื่องคิลาฟิยะฮฺ หรือแนวทางการปฏิบัติ ของแต่ละมัซฮับหรือแนวคิดได้ และจบกันไปด้วยความเข้าใจ ไม่มีการตัดสินให้ใครปฏิบัติตามใครทั้งสิ้น ทุกคนก้อจะเพิ่มความเข้าใจ ในแนวทางของมัซฮับอื่นไปด้วย แต่ในเวลาอื่นๆ เราจะพยายามห่างไกลจากปัญหาคิลาฟะยะฮฺให้มากที่สุด
ปัญหาการเมืองก้อเช่นเดียวกัน ผู้คนที่หลากหลาย ย่อมมีแนวคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน ดะอฺวะฮฺไม่ได้ห้ามเลือกตั้ง ไม่ได้ห้ามใช้สิทธิในทางการเมือง แต่สิ่งที่เราไม่สนับสนุนคือไปพูดการเมืองตามมัสยิด เวลามีการรวมตัว จัดโยรจัดอิจญติมะฮฺ ไม่เคยมีการเชิญชวนนักการเมืองมาพูดจาปราศรัย และไม่เคยหวังสิ่งใดๆ จากบุคคลเหล่านั้น การเมืองของท่านนบี(ซล) หมายถึงการปกครองในรูปแบบอิสลาม ดำเนินอยู่บนรากฐาน กิตาบุ้ลลอฮฺและซุนนะห์ที่แท้จริง
อนึ่ง การเคลื่อนไหวใดๆ ในทางการเมือง ไม่ใช่เป้าหมายของงานดะอฺวะฮฺ เพราะเรามั่นใจว่า ความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ จะมีมาต่อเมื่อมุสลิม อยู่ในคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุนนะห์ของท่านนบี(ซล)