การทำอะซีมะฮฺมีหลักการอย่างไรครับ By: บาชีร Date: มี.ค. 21, 2009, 03:18 AM
salam
เนื่องจากไม่กี่วันมานี้ มีเพื่อนผมคนนึงได้ถามถึงหลักการอะซีมะฮฺ
ว่าหุกุมว่าอย่างไร มีกฎเกณหลักการอย่างไร
ทำได้หรือปล่าว หรือว่าชิริก แบบที่คณะใหม่ชอบพูดกัน
ผมเองก็เคยเห็นเขาใส่กันบ้าง แต่ยังรู้รายละเอียด เนื่องจากไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากในเวปนี้มีการกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว กรุณาช่วยลิ้งให้ผมอ่านหน่อยครับพี่น้อง
หรือใครมีมัรยิอฺ หนังสือที่ให้ไปค้นคว้าเรื่องนี้ที่ไหนได้ อยู่ในส่วนไหน
ผมจะได้ไปค้นคว้าครับ
วัสลาม
Re: การทำอะซีมะฮฺมีหลักการอย่างไรครับ By: บาชีร Date: มี.ค. 22, 2009, 12:36 AM
ผมขอข้อมูลหน่อยครับ
บังอัซฮะรี่ครับ
Re: การทำอะซีมะฮฺมีหลักการอย่างไรครับ By: ILHAM Date: มี.ค. 22, 2009, 06:09 AM
เรื่องแบบนี้ต้องถามคุณ ก๊อดซาฟี แห่งสตูล หรืออูลามาฝึกวิชา เขาถนัดครับ 555
Re: การทำอะซีมะฮฺมีหลักการอย่างไรครับ By: คะลัคคะลุย Date: มี.ค. 22, 2009, 07:01 AM
ผมขอข้อมูลหน่อยครับ
เอาไปเลย
ทบทวนได้จากระทู้นี้ครับ
Re: การทำอะซีมะฮฺมีหลักการอย่างไรครับ By: คะลัคคะลุย Date: เม.ย. 11, 2009, 11:35 AM
เป็นคำถามตอบที่มีประโยชน์ที่มุสลิมไทยครับ
คุณ กล่าวถามว่าอ่านที่ท่านฮอนด้านำเสนอมา ก็พลอยให้คิดไปอีกไกลครับ ผมถามหน่อยนะถ้ามีคนพูดว่า
"ยาของหมอนี่ดีจริงๆกินแล้วหายขาดเลย ผมกินยามาตั้งหลายที่แล้วอาการไม่เห็นดีขึ้นเลย พอเจอยาของหมอหายขาดเลย อัลลอฮฺให้จริงๆ" คำถามของผมเข้าข่ายชีริกเล็กหรือไม่ครับ เพราะจริงๆผู้ที่ให้หายคืออัลลอฮฺไม่ใช่ยา ใช่ไหมครับ
อีกหนึ่งกรณี
"ตั้งแต่แขวนอาซีมัตมาญินไม่เข้าอีกเลย มันเป็นเครื่องป้องกันได้ดีจริง อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" คำพูดอย่างนี้ล่ะ อัลลอฮูคือผู้คุ้มครองใช่ไหมครับ เข้าข่ายชีริกเล็กไหมครับ
ช่วยตอบด้วยครับ
ตอบชี้แจงคำพูดดังกล่าว ถ้าหากเขาเอี๊ยะติก็อต(เชื่อ)ว่า "ต้องกินยาอัลเลาะฮ์จะได้ทำให้หาย" ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะการที่พระองค์จะให้บังเกิดผลการหายนั้น จะไม่ขึ้นอยู่บนเงื่อนไขใด ๆ (เช่นจะต้องกินยาก่อนถึงอัลเลาะฮ์จะให้หาย เป็นต้น) แต่ถ้าหากเขาพูดออกไปโดยดำเนินตามกฏธรรมดาทั่วไป(อาดัต)ที่ป่วยแล้วต้องกินยาเพราะอัลเลาะฮ์ทรงสร้างยามาให้แก่เรา พร้อมกับกฏแห่งสติปัญญานั้นเขาเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ผู้เดียวเท่านั้นคือผู้บังเกิดผลการหาย ถือว่าเขามีเตาฮีดที่สมบูรณ์
ส่วนเรื่องการแขวนอะซีมัตนั้น สำหรับผู้มีความจำเป็นที่ญินมันเล่นงานเป็นพิเศษอันเนื่องจากเขามีจิตใจที่อ่อนแอ อะซีมัตที่เป็นอายะฮ์อัลกุรอานและพระนามอันวิจิตของอัลเลาะฮ์นั้น ก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งของยานั่นเอง หมายความว่าการใช้อะซีมัตนั้นคือการนำอายะฮ์อัลกุรอานหรือพระนามอันวิจิตของอัลเลาะฮ์มาตะวัสซุลเพื่อวอนขอต่อพระองค์ให้ปกป้องผู้ป่วยให้พ้นจากญิน
ดังนั้นถ้าหากผู้ถูกแขวนอะซีมัตพูดว่า "ตั้งแต่แขวนอาซีมัตมาญินไม่เข้าอีกเลย มันเป็นเครื่องป้องกันได้ดีจริง อัลฮัมดุลิลลาฮฺ" โดยพูดไปตามหลักของกฏธรรมดา(อาดัต)พร้อมกับหลักสติปัญญาเชื่อว่าผู้ให้การป้องกันคืออัลเลาะฮ์เท่านั้น ถือว่าไม่ชิริก แต่หากเชื่อพูดพร้อมกับเชื่อว่าอะซีมัตเป็นเครื่องป้องกันถือว่าชิริก หรือหากเขาเชื่อว่าต้องมีอะซีมัตอัลเลาะฮ์ถึงจะป้องกัน ก็ถือว่ายังไม่ถูกต้อง เพราะอัลเลาะฮ์จะปกป้องให้พ้นภัยนั้นมิได้อยู่บนเงื่อนไขใด ๆ ตามหลักความเชื่อ
เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องสงสัยกันเลยว่า บางคนกินยาขนานเดียวกันจากนั้นหายป่วย แต่อีกคนหนึ่งกินยาขนานเดียวกันแต่ไม่หายป่วย นั่นเพราะว่าอัลเลาะฮ์องค์เดียวเท่านั้นทรงให้บังเกิดผลการหาย
มีคนถูกญินเข้า แต่ผู้รักษาบางคนอ่านอายะฮ์เดียวกันและขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ จากนั้นญินไม่ยอมออก แต่อีกคนหนึ่งอ่านอายะฮ์เดียวกัน จากนั้นญินออก นั่นก็เพราะว่าอัลเลาะฮ์ทรงตอบรับต่อเขาและทำให้ญินออก
ดังนั้นการรักษาให้หาย ก็ต้องมียาและมีวิธีการรักษาที่ได้รับการทดสอบแล้วได้ผลตามที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ (มุญัรบาต) ฉะนั้นผู้ที่เป็นแพทย์ทางร่างกาย ก็ต้องใช้ยารักษาและเรียนรู้วิธีการรักษา ส่วนผู้รักษาญินหรือแก้ใสยศาสตร์ ก็ต้องใช้ยารักษาด้วยอายะฮ์อัลกุรอานและพระนามของอัลเลาะฮ์โดยต้องเรียนรู้วิธีการรักษาตามที่ได้ถูกทดสอบแล้วได้ผลตามที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ (มุญัรร่อบาต) ซึ่งการรักษาแบบประการหลังนี้ ผมไม่เคยทำหรือนำมาปฏิบัติเลยเพียงแต่ผมเรียนรู้เท่านั้น ถึงแม้สิ่งที่ตนเองไม่ทำ แค้ก็ไม่ไปฮุกุ่มเรี่ยราดเลอะเทอะเหมารวมต่อผู้อื่นถ้าหากเขารักษาอย่างถูกต้องครับ