เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: มิ.ย. 24, 2009, 08:30 PM
salam
อัสสลามุอะลัยกุม วะรอห์มะตุลลอฮิ ตะอาลา วะบะรอกาตุฮฺ
ขอความสันติสุข และความเมตตา และความจำเริญจากเอกองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา จงมีแด่พี่น้องทั้งหลายทุกๆท่าน
อัลหัมดุลิลลาฮฺ...มวลการสรรเสริญทั้งสิ้นนั้น เป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคน ที่จะต้องมีความยำเกรง(ตักฺวา)ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) และกล่าวสรรเสริญสดุดี(หัมดฺ) และขอบคุณ(ชุกูรฺ)ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ให้มากๆ ในความเมตตา(รอห์มะฮ์)และความโปรดปราน(เนียะอฺมะฮ์)ของพระองค์ที่ทรงประทาน ให้แก่เราทุกคน
สำหรับกระทู้นี้ ข้าพเจ้าใคร่ขอนำเสนอภายใต้หัวข้อที่ว่า “เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์”
เพราะผมเองก็คิดว่าบ้างวันบางเวลา หรือบ้างครั้งบางคราว เราเองนั้นนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ้คของเราเองหรือที่ไหนก็ตาม จนบ้างครั้งผมเองก็คิดว่า ต้องมีบ้างแหละที่จะละเลยต่อการละหมาดของเวลา(วักฺตุ)นั้นๆให้ตรงเวลาของการละหมาด อาจจะด้วยสาเหตุหนึ่งหรือสาเหตุใดก้แล้วแต่ แต่การละหมาดก็สำคัญมากๆยิ่งกว่าการเล่นหรือค้นหาข้อมูลหน้าคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ้คของเราเสียอีก ฉะนั้น กระทู้นี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะเปรียบเสมือนนาฬิกา ที่จะช่วยในการเตือนความจำของเวลาการละหมาดของเราได้...อินชาอัลลอฮฺ
เพราะฉะนั้น ขอต้อนรับพี่น้องอะฮฺลิสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ในการการเสวนากระทู้นี้ สไตล์ เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ เพื่อเจตตารมณ์ในการย้ำเตือนถึงการเข้าของเวลาละหมาดครับ...วัลลอฮุอะอฺลัม
วัสสลามุอะลัยกุม วะรอห์มะตุลลอฮิ ตะอาลา วะบะรอกาตุฮฺ
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: มิ.ย. 24, 2009, 08:41 PM
อัลลอฮุ อักบัรฺ อัลลอฮุ อักบัรฺ

Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: มิ.ย. 24, 2009, 08:49 PM
เรื่อง “เวลาของการละหมาด”
* ละหมาดดุฮฺริ (صَلاَةُ الظُّهرِ ) คือละหมาดฟัรฎูเวลาแรกที่ปรากฏในศาสนาอิสลาม โดยท่านญิบรีล (อ.ล.) ได้สอนวิธีการละหมาดแก่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ภายหลังการบัญญัติเรื่องละหมาดฟัรฎู 5 เวลา ในค่ำคืนการมิอฺรอจฺญ์ (ก่อนการฮิจฺญ์เราะฮฺราว 1 ปีหรือ 6 เดือน) โดยเริ่มต้นด้วยเวลาละหมาดดุฮฺริเป็นเวลาแรก อันเป็นการบ่งชี้ว่าศาสนาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) จะปรากฏชัดและโดดเด่นเหนือศาสนาอื่นทั้งปวง (กิตาบ อะฮฺกาม-อัซซอล่าฮฺ, ฮาชียะฮฺ อัชชัยคฺ อิบรอฮีม อัลบัยญูรีย์ เล่มที่ 1/230, สำนักพิมพ์อับบาสฺ อะฮฺมัด อัลบาซฺ ; มักกะฮฺ พิมพ์ครั้งที่ 2 (ฮ.ศ.1420-คศ.1999) ดารุ้ลกุตุบฺ อัลอิลมียะฮฺ เบรุต)
* ละหมาดซุบฮิ (ยามรุ่งอรุณ) เตือนให้มนุษย์รำลึกถึงการถือกำเนิด การมีร่างกายครบถ้วนในครรภ์และการมีความพร้อมสำหรับการคลอดจากครรภ์ มารดา ดังการปรากฏขึ้นของรุ่งอรุณซึ่งเป็นอรัมภบทของการขึ้นของดวงอาทิตย์
ละ หมาดดุฮฺริ (ยามกลางวัน, บ่าย) เตือนให้มนุษย์รำลึกถึงการคลอดที่เป็นเช่นดวงอาทิตย์ขึ้น ยามเยาว์วัยที่เป็นเช่นการขึ้นสูงของดวงอาทิตย์ ยามหนุ่มสาวที่เป็นเช่นการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ณ จุดกลางฟ้า และยามวัยฉกรรจ์ที่ประหนึ่งดังการคล้อยของดวงอาทิตย์
ละหมาดอัศริ (ยามเย็น) เตือนให้มนุษย์รำลึกถึงยามแก่ชราที่ประหนึ่งดวงอาทิตย์ใกล้อัสดง
ละหมาดมัฆริบ (ยามอาทิตย์ตกดิน) เตือนให้มนุษย์รำลึกถึงความตายของตนที่ประหนึ่งเดียวกับดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ละหมาดอิชาอฺ (ยามหัวค่ำ) เตือนให้มนุษย์รำลึกถึงการเสื่อมสลายของร่างกายภายหลังสิ้นชีพ ซึ่งประหนึ่งดังกับการลับหายไปของแสงสีแดงที่เส้นขอบฟ้า (อ้างแล้ว หน้า 233 เล่มเดียวกัน)
* ละหมาดซุบฮิ มี 2 รอกอะฮฺ เพราะความคร้านของการหลับนอนยังคงอยู่
ละหมาดดุฮฺริและละหมาดอัศริมี 4 รอกอะฮฺ เพราะในช่วงเวลานั้นมีความกระฉับกระเฉงและความตื่นตัวสมบูรณ์แล้ว
ละหมาดมัฆริบมี 3 รอกอะฮฺ เป็นการบ่งชี้ว่าละหมาดมัฆริบเป็นละหมาดคี่ (วิตรฺ) ของยามกลางวัน
ละ หมาดอิชาอฺมี 4 รอกอะฮฺ เพื่อเป็นการทดแทนความบกพร่องของเวลากลางคืนที่น้อยกว่าเวลากลางวัน กล่าวคือในเวลากลางคืนมี 2 ฟัรฎูและในเวลากลางวันมี 3 ฟัรฎู (อ้างแล้ว หน้า 233 เล่มเดียวกัน)
* พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงสร้างให้เหล่าม่าลาอิกะฮฺมีปีก 2, 3 และ 4 ปีกตามลำดับ พระองค์จึงทรงกำหนดการละหมาดแก่เหล่ามนุษย์ให้มี 2 รอกอะฮฺ, 3 รอกอะฮฺ และ 4 รอกอะฮฺ เฉกเช่นจำนวนปีกของบรรดาม่าลาอิกะฮฺนั้น และการละหมาดฟัรฎูมี 5 เวลานั้นเป็นเพราะการละหมาด 5 เวลาถือเป็นหลักหมุดที่ตรึงศาสนาเอาไว้เฉกเช่นที่ภูเขา 5 ลูกซึ่งถูกนำมาสร้างกะอฺบะฮฺเป็นหลักหมุดตรึงโลกนี้เอาไว้ฉันนั้น (อ้างแล้ว หน้า 233 เล่มเดียวกัน)
* การละหมาดทั้ง 5 เวลาซึ่งถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันถือเป็นความพิเศษเฉพาะของประชาชาตินี้ ซึ่งในประชาชาติก่อน ๆ นั้นการละหมาดมิได้ถูกรวมเช่นนี้มาก่อน
การละหมาดซุบฮิเป็นการละหมาดของท่านนบีอาดัม (อ.ล.)
การละหมาดดุฮฺริเป็นการละหมาดของนบีดาวุด (อ.ล.)
การละหมาดอัศริเป็นการละหมาดของนบีสุลัยมาน (อ.ล.)
การละหมาดมัฆริบเป็นการละหมาดของนบียะอฺกู๊บ (อ.ล.)
และการละหมาดอิชาอฺเป็นการละหมาดของนบียูนุส (อ.ล.) ท่านอิหม่ามอัรรอฟิอีย์ (ร.ฮ.) ได้ระบุเอาไว้
บ้าง ก็ระบุว่าละหมาดดุฮฺริ เป็นของนบีอิบรอฮีม (อ.ล.) ละหมาดอัศริเป็นของนบียูนุส (อ.ล.) บ้างก็ว่าเป็นของนบีอุซัยร์ (อ.ล.) ละหมาดมัฆริบเป็นของนบีดาวูด (อ.ล.) บ้างก็ว่าเป็นของนบีอีซา (อ.ล.) ซึ่งท่านละหมาด 2 รอกอะฮฺเพื่อเป็นการไถ่ถอน (กัฟฟาเราะฮฺ) สิ่งที่ถูกอ้างไปยังท่านและอีก 1 รอกอะฮฺเพื่อเป็นการไถ่ถอน (กัฟฟาเราะฮฺ) สิ่งที่ถูกอ้างไปยังท่านหญิงมัรยัม (อ.ล.) มารดาของท่าน และบ้างก็ว่าการละหมาดอิชาอฺ เป็นของนบีมูซา (อ.ล.) บ้างก็ว่าการละหมาดอิชาอฺเป็นเวลาละหมาดเฉพาะสำหรับท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ซึ่งเป็นความเห็นที่ถูกต้องที่สุด (الأَصَحُّ ) (อ้างแล้ว หน้า 233,234 เล่มเดียวกัน)
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.alisuasaming.com/Word/hml_word/Book/Kitab1-5.html
วัสสลาม 
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: มิ.ย. 26, 2009, 04:17 AM
salam
ณ ที่ประเทศไทย ตื่นได้แล้ว....สำหรับคนที่จะถือศีลอด ตื่นกินข้าวซาโฮรได้แล้วน่ะครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: มิ.ย. 26, 2009, 12:36 PM
จงรีบเร่งไปสู่การละหมาด(วันศุกร์)ในวันและเวลาของวันนี้
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: ILHAM Date: มิ.ย. 26, 2009, 01:43 PM
^
ในบอร์ดทำปลุกหรอยเนอะ พอให้โทรมาไม่โทร วันนี้ซูบฮตี10นิ
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: ก.ค. 09, 2009, 12:30 PM
ณ ตอนนี้ ที่ประเทศไทย เวลาประมาณ 12:30 น. ได้เวลาที่บรรดาผู้มีอิหม่านศรัทธาชน ได้ปฏิบัติศาสนกิจของแต่ละคนแล้ว นั้นก็คือการนะมาซ(ละหมาดซุฮฺริ)ในเวลานี้...รับทราบ
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: Nur-inee Date: ก.ค. 11, 2009, 01:50 AM
สงสัยไมค์จะเสีย
ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง
ต้องซ่อมแล้วล่ะ 
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: ก.ค. 15, 2009, 06:48 PM
อาซานแล้วน่ะครับ
(( ณ ประเทศไทย ))
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: Nur-inee Date: ก.ค. 16, 2009, 11:55 AM
ไมค์ติดๆดับๆ น่อ
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: ส.ค. 08, 2009, 06:43 PM
الله أكبر الله أكبر
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: as-satuly Date: ก.ย. 28, 2009, 12:37 PM
ถึงเวลากันแล้วล่ะซิน่ะ !

Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ก.ย. 28, 2009, 05:41 PM
ญาซากัลลอฮูคอยรอน
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: nada-yoru Date: ก.ย. 28, 2009, 05:51 PM
salam
เป็นความเมตตาของอัลลอฮฺตาอาลา
เพราะที่โด่โด่อยู่ไม่มีเสียงอะซานให้ได้ยิน(มัสยิดไม่มีค่ะ)
แต่กลับได้ยินเสียงอะซานที่บ้านผ่านทางโทรศัพท์ตอนโทรกลับบ้านอยู่หลายๆครั้ง
พอดิบพอดี เลยได้ละหมาดก่อนได้ยินเสียงอะซาน เพราะที่เราอยู่นั้น
เวลาจะล้ำหน้าที่ไทยค่ะ...เป็นอะไรที่มหัศจรรย์ยิ่งค่ะ
เมื่อก่อนขี้เกียจละหมาด ทำอะไรเพลินจนลืมบ้าง
สถานที่ไม่สะดวกที่จะละหมาดบ้าง เลยกลายเป็นข้ออ้างให้ตนเองขี้เกียจค่ะ
อยู่ๆมาวันนึง ตอนนั้นมืดมนหนทางในชีวิต ท้อสุดขีด
อยู่ๆกลับได้ยินเสียงอะซานดังเข้าหู
พอดูนาฬิกาปรากฏว่าเที่ยงคืน สงสัยสุดๆว่่าหูเราฝาดแน่ๆ เป็นไปไม่ได้
ไม่มีทาง...มัสยิดไม่มี เวลาไม่ให้ เสียงอะซานมาจากไหนกัน
แต่เสียงชัดมากเพราะว่าตอนนั้นมันดึกสงัด
เลยโทรหาพ่อทันที...พ่อเลยบอกสั้นๆว่า อำนาจของอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่
เกินกว่าเราจะคำนวณได้...ดังนั้นจงป่าวประกาศเถิด เพราะพระองค์
จะเป็นผู้ทำให้ได้ยิน แม้คนๆนั้นจะอยู่ที่ไหนหรืออยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม...
ตอนนั้นน้ำตาร่วง ตื้นตัน หายมืดหายท้อในบัดดลเลยค่ะ...
เลยรู้ว่าพระองค์ยังรักและเมตตาเรา พ่อก็เลยบอกว่่า...
...รู้คุณแล้วก็ต้องตอบแทนบุญคุณบ้าง...
แล้วก็ได้เปิดอ่านและศึกษาสัจธรรมของอัลลอฮฺตาอาลามาเรื่อยๆค่ะ
เลยอยากจะบอกว่า...เสียงอะซานนั้นเป็นเสียงเรียกร้องให้คนที่กำลังหลงทาง
หรือหลงลืมกลับมาหาอัลลอฮฺตาอาลา...
เมื่อก่อนฟังจนเคยชิน เพราะได้ยินทุกวัน วันละ5เวลา แต่ก็ไม่เคยเข้าหู
แต่วันนึงกลับไม่ได้ยินเลยแม้แต่สักครั้งเดียวมาหลายๆปี แล้วอยู่ๆก็ได้ยินขึ้นมา
โดยไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครแล้วมาจากที่ใด ประเทศใด
แต่ที่รู้ๆไม่ใช่ประเทศที่อาศัยอยู่แน่ๆ แม้จะแค่ครั้งเดียว แต่ยอมรับว่าเข้าหูเต็มๆ
ทั้งหูจนทะลุหัวใจ จนบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ...รู้แค่ว่าเสียงอะซานครั้งนั้น
ไพเราะน่าฟังและยังตรึงอยู่ในใจไม่จางหาย...
เป็นอีกคนที่อยากได้ยินเสียงอะซานออนไลน์ค่ะ...
ญะซากัลลอฮุคอยรอน
วัสลามุอะลัยกุม
^__________^
Re: เ สี ย ง อ ะ ซ า น อ อ น ไ ล น์ By: ILHAM Date: ก.ย. 28, 2009, 06:11 PM
อาจเป็นเสียงจากห้องข้างๆก็ได้ ลองไปสำรวจดู เผื่อจะเป็นมุสลิม ใครจะไปรู้ อาจได้ติดมือพากลับไทย