กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ )
Pages: 12
Re: ละหมาดตะฮัจญู๊ด By: คะลัคคะลุย Date: มิ.ย. 02, 2009, 09:22 AM
ละหมาดซูนัตอะไรก็ได้ให้อยู่ในเวลาหลังอีซอก่อนซูบฮ ถ้าเรานอนแล้วเพิ่งตื่นมันจะกลายเป็นตัฮญุ ถ้าเรายังไม่นอนมันจะเป็นกียามุลลัยลอัตโนมัต ใช่มั้ย

ใช่ครับ  ละหมาดสุนัตธรรมดา ๆ โดยเหนียตว่า  "ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตเพื่ออัลเลาะฮ์"  ก็ถือว่าอยู่ในความหมายของกิยามุลัยล์แล้ว
Re: ละหมาดตะฮัจญู๊ด By: as-satuly Date: ต.ค. 02, 2009, 12:01 AM

          ผมได้อ่านจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ประโยคตอนหนึ่งได้เขียนไว้ ซึ่งทำให้สะกิดใจของผมทันทีทันใดจากเรื่องของการละหมาดสุนัตในยามค่ำคืนนั้น อันได้บอกไว้ว่า "มนุษย์นั้นประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนจิตใจและส่วนร่างกาย ในทัศนะของอิสลาม มนุษย์จะเข้มแข็ง หรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับสองส่วนดังกล่าวนี้ ตามแนวทางของอัลลอฮฺ ส่วนจิตใจจะไม่เข้มแข็ง ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนด้วยกิยามุลลัยล์"...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม

(อ้างอิงจาก : ดร.อิสมาอีล ลุตฟี อับดุรฺเราะหฺมาน ; แปลโดย จารึก เซ็นเจริญ - มุฮัมมัด พายิบ. 2546. กิยามุลลัยลฺ ตามดำรัสของอัลลอฮฺและแบบอย่างของท่านรสูล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ อัล-อีหม่าน. หน้า 101.)

Re: ละหมาดตะฮัจญู๊ด By: nada-yoru Date: ธ.ค. 05, 2009, 02:42 PM

 salam


ญะซากัลลอฮุคอยรอน

ขออัลลอฮฺตาอาลาทรงตอบแทนทุกท่านที่นำเสนอค่ะ...

วัสลามค่ะ

 loveit: loveit: loveit:



Re: ละหมาดตะฮัจญู๊ด By: nada-yoru Date: มิ.ย. 30, 2013, 02:03 AM

          ผมได้อ่านจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ประโยคตอนหนึ่งได้เขียนไว้ ซึ่งทำให้สะกิดใจของผมทันทีทันใดจากเรื่องของการละหมาดสุนัตในยามค่ำคืนนั้น อันได้บอกไว้ว่า "มนุษย์นั้นประกอบด้วยสองส่วน คือส่วนจิตใจและส่วนร่างกาย ในทัศนะของอิสลาม มนุษย์จะเข้มแข็ง หรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับสองส่วนดังกล่าวนี้ ตามแนวทางของอัลลอฮฺ ส่วนจิตใจจะไม่เข้มแข็ง ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนด้วยกิยามุลลัยล์"...วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอะลัยกุม

(อ้างอิงจาก : ดร.อิสมาอีล ลุตฟี อับดุรฺเราะหฺมาน ; แปลโดย จารึก เซ็นเจริญ - มุฮัมมัด พายิบ. 2546. กิยามุลลัยลฺ ตามดำรัสของอัลลอฮฺและแบบอย่างของท่านรสูล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ อัล-อีหม่าน. หน้า 101.)


อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

ในช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจเราอ่อนแอ...
สิ่งที่จะช่วยเยียวยาเราได้ดีที่สุดก็คือ...การเข้าหาอัลลอฮฺ...
การละหมาดนั้น ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับพระองค์...

และแน่นอนว่า...การละทิ้งการนอนเพื่อตื่นขึ้นมาละหมาด...
นั่นก็เท่ากับเรากำลังฝึกกายของเราและฝึกจิตใจของเรา
ให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ...กายและใจที่ถูกฝึกให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ
ก็จะค่อยๆสงบ...ความมั่นคงทางจิตใจจะกลับมา...
และจากที่มันเคยอ่อนแอ ก็จะค่อยๆเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ...

เพราะการละหมาดตะฮัจญุดนั้นสามารถขับไล่โรคร้ายไปจากเราได้...
ที่สำคัญ...สามารถขัดเกลาจิตใจเราให้คลายจากความหม่นหมองได้เช่นกัน...
อินชาอัลลอฮฺ...

ยามที่ความทุกข์กายทุกข์ใจแวะมาทักทาย...
เราอย่าได้ผลักใสมัน แต่จงอดทนกับมัน
แล้วก่อนนอนเราก็ตั้งจิตว่าเราจะตื่นขึ้นมาละหมาดเพื่ออัลลอฮฺ...
ขอต่อพระองค์ให้ทรงปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาละหมาด...
แล้วเราจะรู้ว่า...เราสามารถลุกขึ้นมาละหมาดเพื่ออัลลอฮฺได้
ด้วยพระประสงค์ของพระองค์...

เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว...เราก็เริ่มทำการละหมาดอย่างกระตือรืนร้น...
มีอะไรหรือมีความทุกข์อันใด เราก็ปรึกษากับอัลลอฮฺ
บอกเล่ากับพระองค์ ขอต่อพระองค์ให้ทรงปัดเป่าสิ่งเหล่านั้นให้บรรเทาลง
อินชาอัลลอฮฺ...และซิกรุลลอฮฺให้มากๆ...
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดจากความทุกข์กายหรือทุกข์ใจ
จะค่อยๆทุเลาลงๆด้วยอนุมัติของพระองค์...

และอัลลอฮฺทรงรักผู้ที่ตื่นนอนขึ้นมาละหมาดเพื่อพระองค์...

ไม่มีปัญหาใดในชีวิตที่จะแก้ไขไม่ได้...
หากเรายึดอัลลอฮฺเป็นที่ปรึกษา...
อัลลอฮฺคือผู้ทรงช่วยเหลือที่แท้จริง...

อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...

ปล.วันนี้ได้คุยกับพ่อเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในชีวิต
ท่านก็บอกให้ข้าน้อยละหมาดและซิกรุลลอฮฺให้เยอะๆ
แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นด้วยการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ...

เมื่อทำตามที่ท่านแนะนำ...อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...
อัลลอฮฺทรงทำให้จิตใจของข้าน้อยรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นได้
อย่างมหัศจรรย์จริงๆค่ะ...ต่างจากก่อนหน้านี้นัก...

วัสลามค่ะ...