Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: ILHAM Date: พ.ย. 02, 2009, 01:51 AM
อุตส่าห์ตอบไปแล้ว เหมือนบาซีรนั่นแหละ เพียงแต่คำไม่สละสลวยเหมือนบาซีร เลยไม่มีคุณค่าเท่าควร
เฮ้ออออ......
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: binti Date: พ.ย. 02, 2009, 02:54 PM
ถูกต้องที่สุด การแต่งงานเป็นซุนนะห์
แต่ขอถามหน่อยนะ ว่าเมื่อไหร่ที่การแต่งงานเป็นวาญิบ (สำหรับคนบางคน)
เพราะเคยได้ยินเพื่อนพูด แต่ไม่กล้าถามต่อ
เหตุการณ์คือ ตอนนั้นสอนอยู่โรงเรียนมัธยม
มีเพื่อนครูคนนึงจับได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนึงวาดภาพผู้หญิงผู้ชายร่วมเพศกัน
เลยทำโทษเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วบอกว่า
"แบบนี้วาญิบนิกะฮ์"เราก็เลยงง ด้วยความรู้น้อย ว่าการนิกะฮ์เป็นวาญิบในกรณีไหนบ้าง
รบกวน ใครรู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ สงสัยมานานแล้ว
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 23, 2010, 05:12 PM
salam
วันนี้ได้เข้าไปอ่านเจอกระทู้เรื่อง
"การแต่งงานกับอะลุลกีตาบ" เข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่า
พี่กอ-กล้วยเคยถามว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกระทู้นี้...
ซึ่งคำตอบนั้น อาจารย์อัล-อัซฮารีย์ได้เคยตอบเอาไว้ในกระทู้นี้ค่ะ
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2712.0คำถาม:
มีความสงสัยมากมายค่ะ เกี่ยวกับการแต่งงานกับชาวยิวและชาวคริสต์
เพราะเคยอ่านเจอจากอาจารย์บางท่านว่าสามารถแต่งงานได้
แม้ว่าเค้าอาจจะเข้ารับอิสลามทีหลังหรือไม่ก็ได้
ชาวอะลุลกีตาบในอัลกรุอ่านที่กล่าวไว้นั้น กับชาวอะลุลกีตาบในปัจจุบัน
ยังจะเหมือนกันหรือไม่
แล้วหากเกิดเราแต่งงานกับชาวอะลุลกีตาบในปัจจุบัน
แล้วการดำเนินชีวิตในครอบครัวจะดำเนินไปยังไง ยังงงอยู่มาก
มันก็คงคล้ายกับที่เราแต่งงานกับคนไทยพุทธ
ที่ยังไม่เปลี่ยนศาสนานั่นแหละ
คำตอบ โดย อาจารย์อัล-อัซฮารีย์
? 


??
?? 
?? ? 

?
??
?
?
?? 

ประเด็นของชาวอะฮ์ลุลกิตาบนี้ ผมเองก็เคยสงสัยมากเหมือนกันครับ
เคยมีโอกาศได้เรียนและตั้งคำถามกับ ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด
กะม้าลุดดีน อิมาม ซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่คณะนิติศาสตร์อิสลาม
และเป็นคณะกรรมร่างรัฐธรรมนูญของอียิปต์
ที่เกี่ยวกับกฏหมายอิสลามซึ่งผมได้ถามท่านเกี่ยวกับเรื่องอะฮ์ลุลกิตาบ
(กลุ่มชนที่ถูกประทานคำภีร์)หรือพวกชาวตริสต์ ในปัจจุบัน
เพราะพวกเขาถือว่าเป็นพวกมุชริกีนและมีพระเจ้าแบ่งเป็นภาค ซึ่ง ท่านตอบว่า
อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงตรัสว่า




?
? 


?? 



?
? 


?? 

?


?
"และ(เป็นสิ่งที่อนุมัติสำหรับเจ้าทั้งหลาย) บรรดาหญิงที่สงวนตัวจากมวลผู้ศรัทธา
และบรรดาหญิงที่สงวนตัวจากบรรดากลุ่มชน
ที่ถูกประทานคำภีร์ให้ก่อนหน้าพวกเจ้า" อัลมาอิดะฮ์ : 5
ประเด็นของอะฮ์ลุลกิตาบนั้น แบ่งออกเป็น 2 นัยยะ
1. อัลเอี๊ยะอฺติกอดีย์ (ด้านการยึดมั่น)
2. อัตตัชรีอีย์ (ด้านของนิติศาสตร์ - หลักปฏิบัติ)
ซึ่งหลักเอี๊ยะอฺติก๊อตนั้น อิสลามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอะฮ์ลุลกิตาบ
ส่วนหลักของอัตตัชรีอีย์ (หลักปฏิบัติ) มีความเกี่ยวข้องกัน
ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวไว้ เช่น มุสลิมสามารถแต่งงานกับสตรีอะฮ์ลุลกิตาบได้
และอาหารของอะฮ์ลุลกิตาบเป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิม
และอะฮ์ลุลกิตาบสมัยท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ก็อยู่ในฮุกุ่มเดียวกันกับชาวคริสต์ในปัจจุบัน
และผมเองก็ตั้งคำถามขึ้นมาเหมือนกันว่า
ตอนที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานอัลกุรอานลงมาเกี่ยวกับเรื่อง
การแต่งงานที่มุสลิมอนุมัติให้แต่งงานสตรีของอะฮ์ลุลกิตาบ
และเรื่องอาหารของพวกเขาอนุมัติสำหรับมุสลิมนั้น
พวกอะฮ์ลุลกิตาบในยุคนั้นก็มีหลักการที่บิดเบือนอยู่แล้ว
แต่เหตุใดอัลเลาะฮ์ถึงอนุมัติในบางกรณีของหลักฟิกฮ์(ตัชรีอีย์)?
แต่เคยอ่านคำฟัตวาของท่าน ชัยค์ ด๊อกเตอร์ รอมะฏอน อัลบูฏีย์
ซึ่งระบุว่า อนุญาตให้แต่งงานกับสตรีอะฮ์ลุลกิตาบชาวคริสต์ได้
ตราบใดที่แน่ชัดแล้วว่านางไม่ได้เบี่ยงไปมีความเชื่ออย่างอื่น
เช่น ความเชื่อของพวกไม่มีศาสนา เป็นต้น ครับ
?? 

?
??
พออ่านแล้วก็อยากถามเพิ่มอีกนิดเหมือนกันค่ะว่า...
สตรีอะลุลกีตาบนั้นอนุญาตให้แต่งได้ตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างบน
และบุรุษอะลุลกีตาบล่ะค่ะ

ปล.ถามเพราะอยากรู้น่ะค่ะ ไม่ได้มีวาระแอบแฝงนะคะ

แค่อ่านแล้วมันสะกิดน่ะค่ะ...
วัสลามค่ะ
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: ILHAM Date: ม.ค. 23, 2010, 05:18 PM
การลงจากคานในต่างแดน(ปลาดิบ)
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 23, 2010, 11:54 PM
ผู้หญิงอะลุลกีตาบแต่งได้
ผู้ชายอะลุลกีตามแต่งไม่ได้
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 12:01 AM
^
^
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
หากว่าสะดวกและไม่รบกวนจนเกินไป
ช่วยอธิบายเพิ่มให้อีกนิดได้มั้ยคะ ว่ามันมีที่มาอะไรยังไงอ่ะค่ะ
ในกรณีผู้ชายอะลุลกิตาบ...มันยังค้างๆคาๆอยู่น่ะค่ะ...

Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 24, 2010, 01:47 AM
เปิดตัฟซีรซูเราะอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ห้า
แล้วจะทำให้ช่วยเข้าใจได้มากขึ้น
ถ้ามีเวลานาดาก็เอาตัฟซีรภาษาไทยมาลงด้วยก็ดี
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: Bangmud Date: ม.ค. 24, 2010, 01:51 PM
salam
ช่วยหาคำแปลมานำเสนอให้ ตามที่ท่าน บาชิรฺ แนะนำมาครับ ^ ^ ^ ^ ^
5. วันนี้สิ่งดี ๆ ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น(คือพวกยิวและพวกคริสต์)เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์(คือหญิงอิสระที่มิได้กระทำซินา หรือมิใช่หญิงชั่ว)ใน หมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อน จากพวกเจ้าก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนางในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิ ใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน โดยกระทำซินาลับ ๆ และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน ความหมายภาษาไทยโดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
"ชาวคัมภีร์ก่อนสูเจ้า" ในอายะฮฺนี้หมายถึงพวกยิวและชาวคริสเตียน กุรอานอนุญาตให้มุสลิมแต่งงานกับผู้หญิงของชาวคัมภีร์ได้เท่านั้นโดยมีเงื่อนไขว่าหญิงผู้นั้นจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์(มุหฺสะนาต)อย่างไรก็ตามในรายละเอียดของการอนุญาตนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ตามความเห็นของ อิบนุอับบาส มุสลิมสามารถที่จะแต่งงานกับผู้หญิงของชาวคัมภีร์ที่เป็นพลเมืองของรัฐอิสลามได้ แต่ไม่เป็นที่อนุมัติให้แก่มุสลิมแต่งกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ทำสงครามกับรัฐอิสลามหรืออยู่ในดินแดนของผู้ปฏิเสธความศรัทธาในพระเจ้า ส่วนพวกนักวิชาการสำนักฮานาฟีมีความเห็นแตกต่างไปจากนี้เล็กน้อย และถือว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องไปแต่งงานกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่ต้องห้ามก็ตาม ในทางตรงกันข้าม สะอีด บิน มุซัยยับ และหะซน บัศรี มีความเห็นว่า คำสั่งนี้มีลักษณะโดยทั่วไป ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปแบ่งแยกระหว่างชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในรัฐหรือนอกรัฐอิสลาม
นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อแตกต่างในการตีความคำว่า หญิงที่บริสุทธิ์(มุหฺสะนาต)อีกด้วย อุมัรฺมีความเห็นว่า หมายถึงหญิงที่มีคุณธรรมและบริสุทธิ์ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมท่านจึงได้แยกเอาผู้หญิงที่ไม่มีคุณลักษณะที่ดีออกจากข้ออนุญาตอันนี้ หะซัน ชิบี และ อิบรอฮีม นัคอี ก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันและพวกฮานาฟีก็ยอมรับความคิดเห็นอันนี้ ส่วนในอีกด้านหนึ่ง อิมามชาฟิอี ถือว่า หมายถึงผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่เป็นอิสระซึ่งไม่ใช่พวกทาสหญิงของคนพวกนี้
คำเตือนที่ตามมาทันทีหลังจากการอนุญาตให้แต่งงานกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก กล่าวคือ บรรดามุสลิมที่ใช้ประโยชน์จากการอนุญาตนี้ได้ถูกเตือนให้ปกป้องความศรัทธาและศีลธรรมของตัวเองจากอิทธิพลของภรรยาที่ไม่มีความศรัทธา เพราะความลุ่มหลงในตัวภรรยาอาจทำให้ตัวของเขาคล้อยตามความเชื่อและการกระทำผิด ๆ ของภรรยา ซึ่งอาจทำให้เขาสูญเสียความศรัทธาและศีลธรรมไปพร้อม ๆ กัน หรือไม่ก็อาจมีทัศนะทางศีลธรรมและสังคมที่ขัดต่อความศรัทธาของเขาเองคำอธิบายอายะฮฺนี้คัดลอกจาก ตัฟฮีมุลกุรอาน ความหมายคัมภีร์อัล-กุรอาน เล่ม 2 อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 02:00 PM
เปิดตัฟซีรซูเราะอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ห้า
แล้วจะทำให้ช่วยเข้าใจได้มากขึ้น
ถ้ามีเวลานาดาก็เอาตัฟซีรภาษาไทยมาลงด้วยก็ดี
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...

ตอนนี้ไม่มีหนังสือตัฟซีรแปลไทยอยู่ในมือเลยค่ะ...
แต่ลองเข้าไปหาอ่านในเว็บกุรอานแปลไทยของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับมาแล้วค่ะ

ซูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 5
ความว่า
"วันนี้สิ่งดี ๆ ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น(*1*)เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์(*2*)
ในหมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนจากพวกเจ้า
ก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนาง
ในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย
และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน โดยกระทำซินาลับ ๆ
และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล
ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน"
(1) คือพวกยิวและพวกคริสต์
(2) คือหญิงอิสระที่มิได้กระทำซินา หรือมิใช่หญิงชั่ว
ซึ่งจะคล้ายๆกับที่อาจารย์อัล-อัซฮารีย์ได้เคยตอบเอาไว้ตรงกระทู้ข้างบนน่ะค่ะ...
ซึ่งในอายะฮฺดังกล่าวนั้นกล่าวถึงหญิงอะลุลกีตาบว่าเป็นที่อนุญาต
ตามเงื่อนไขดังกล่าว...แต่มิได้กล่าวถึงผู้ชายอะลุลกีตาบว่าเป็นที่อนุญาตไว้
ผู้ชายอะลุลกีตาบเลยไม่ได้อยู่ในกรณีที่มุสลิมะฮฺจะแต่งงานด้วยได้
หากเขาไม่เข้ารับและศรัทธาในอัลอิสลามก่อนหรือเปล่าคะ...
ไม่รู้ว่าข้าน้อยเข้าใจผิดไปหรือเปล่าคะ...

ซึ่งตอนอ่านคำตอบจากอาจารย์อัล-อัซฮารีย์ที่เคยได้ตอบไว้
ก็ทำให้ค้างใจเรื่องผู้ชายอะลุลกีตาบ เลยเป็นที่มาของคำถามน่ะค่ะ...
เลยอยากให้ผู้รู้ช่วยอธิบายเสริมความรู้ให้น่ะค่ะ...
เพราะข้าน้อยความรู้น้อยเลยกลัวว่าคิดผิดคิดพลาดน่ะค่ะ...
เพราะความสามารถตอนนี้ที่ทำได้คือเรียนและศึกษาศาสนาผ่านอินเตอเนต
เป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ...หากมีความสามารถและโอกาส
ก็อยากเรียนกับอาจารย์และผู้รู้ตัวเป็นๆโดยตรงเช่นกันค่ะ...
อินชาอัลลอฮฺ
ระหว่างนี้เลยทำเท่าที่ทำได้ก่อนน่ะค่ะ คือ ศึกษาในเนตไปพลางๆ...

ผิดถูกยังไง ชี้แนะด้วยนะคะ
คำเตือน - มีกระทู้ตอบใหม่ ขณะที่คุณพิมพ์ข้อความ
อยากให้คุณแสดงตัวอย่างก่อนตั้งกระทู้
Note: พอจะกดส่งบทความที่จะโพส
เจอกระทู้ของแช และปรากฏว่าตรงกับแชเลยค่ะ 
ขอบคุณค่ะแช
(หนูกำลังมึนได้ที่ได้เลยค่ะ)วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 24, 2010, 04:06 PM
ใช้ครับผู้ชายนั้นต้องเข้ารับอิสลามก่อน
และใครก็ตามที่จะแต่งงานกับมุสลิม หรือมุสลิมะฮฺ
ยกเว้นที่อัลกุรอ่านได้อนุญาติให้กับผู้หญิงที่อยู่ในศาสนายิวและคริส
สามารถแต่งงานกับชายมุสลิมได้
ซึ่งเงื่อนไขของหญิงอะลุลกีตาบนั้น มีเงิ่อนไขที่แตกต่างกันไประหว่างมัสฮับ
ซึ่งหากดูตามชาฟิอียะฮฺ จะยากสุดล่ะ มีอยู่สองเงื่อนไข ไม่รู้บังฟีนเขาลงไว้ริยัง ลิ้งให้ผมดูหน่อยสิ
แต่ก็คือว่าได้
(กำลังจะออกไปสอบอุลูมฮะดีษ ท่องไปน้อยอาจจะไม่ผ่าน-+หือๆ)
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: rayes Date: ม.ค. 24, 2010, 04:13 PM
ซึ่งเงื่อนไขของหญิงอะลุลกีตาบนั้น มีเงิ่อนไขที่แตกต่างกันไประหว่างมัสฮับ
อันนี้ผมอยากรู้รายละเอียดเหมือนกันครับ
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: Bangmud Date: ม.ค. 24, 2010, 05:20 PM
salam
ผมขอเสริมความเห็น
ส่วนตัวหิกมะฮฺของการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา อนุญาตให้ชายผู้ศรัทธาแต่งงานกับหญิงอะฮฺลุลกิตาบนั้น น่าจะเป็นข้อยกเว้นเพื่อหาทางออกให้กับมุอุ์มิน ที่ไม่สามารถแต่งงานกับ มุอุ์มินะฮฺได้ เช่นอยู่ในต่างแดน
เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดประเวณี ก็ให้นิกาหฺกับ อะฮฺลุลกิตาบได้ เงื่อนไขของแต่ละมัซฮับนั้น คงต้องรอให้ผู้รู้มาช่วยอธิบาย
สำหรับมุอุ์มินที่อยู่ในที่ที่สามารถสมรสกับมุอุ์มินะฮฺได้นั้น ไม่สมควรที่จะสมรสกับอะฮฺลุลกิตาบ แม้จะเป็นที่อนุญาต เราจะปล่อยให้มุอุ์มินะฮฺที่ไม่มีคู่ครองไว้ในสภาพที่ไม่มีผู้ดูแลกระนั้นหรือ
ส่วนมุอุ์มินะฮฺนั้น ไม่อนุญาตให้สมรสกับชาวอะฮฺลุลกิตาบแน่นอน เพราะว่าผู้ชายถือเป็นผู้นำครอบครัว และภรรยามีหน้าที่ต้องฏออะฮฺต่อสามี สามีเป็นอะฮฺลุลกิตาบ อาจนำภรรยามุอุ์มินะฮฺให้เสียเอียะติกอดได้
ขอย้ำว่าเป็นความคิดส่วนตัว และศาสนานั้นจะตัดสินด้วยความคิดส่วนตัวไม่ได้
ปล. ขอดุอาอุ์ต่ออัลลอฮฺให้ท่านบาชิรฺ พบความง่ายดายในการสอบนะครับ
วัสสลาม
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: กอ-กล้วย Date: ม.ค. 24, 2010, 08:17 PM
ญาซากิลลาฮุค็อยรอนน้องนาดาที่ช่วยขุดกระทู้นี้ และญาซากุมุลลอฮุค็อยรอนผู้นำเสนอทุกท่านคะ
เมื่อวานซืนได้รับโทรศัพท์ข้ามทวีปจากเจ้าของประเด็นพอดีเลย
อย่างที่บังมัดว่าคะ "สามีเป็นอะฮฺลุลกิตาบ อาจนำภรรยามุอุ์มินะฮฺให้เสียเอียะติกอดได้" นี่คือสิ่งที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเป็นห่วงอย่างยิ่งคะ
ขออัลลอฮฺทรงประทานทางออกที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดให้กับเพื่อนรักด้วยเถิด อามีน
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 08:28 PM
salam
ญะซากัลลอฮุคอยรอนผู้รู้ทุกท่านที่มาช่วยอธิบายค่ะ
ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนค่ะ...
และขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้ท่านบาชิรฺ พบความง่ายดายในการสอบด้วยเช่นกันนะคะ
สอบเสร็จแล้ว หากมีเวลาและสะดวกมาต่อให้ในเรื่องเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
ระหว่างมัสฮับให้อีกนะคะ

อยากศึกษาเอาไว้ค่ะ...
(เมื่อกี่ลองพยายามค้นดูแล้วค่ะ ในกรณีเกี่ยวกับอะลุลกีตาบ
เจอแค่ลิงก์ที่นำมาแปะไว้ตรงกระทู้ข้างบนเท่านั้นค่ะ
ซึ่งอาจจะมีแต่ข้าน้อยหาไม่เจอเองก็ได้น่ะค่ะ

)
แต่อ่านที่แชมัดอธิบายมาทั้งสองกระทู้ข้างบนนั้น ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วค่ะ...
วัสลามุอะลัยกุมค่ะ
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 25, 2010, 07:49 AM
ผู้หญิงอะห์ลุลกีตาบที่จะแต่งงานได้นั้น ต้องมีหนึ่งในสองเงื่อนไข ซึ่หากมีอันใดอันหนึ่งก็ใช้ได้
1)ผู้หญิงอะลุลกีตาบนั้นจะต้องมีเชื่อสายมาจากอิสรออีล หรือลูกหลานของท่านนบียะอฺกูบอะลัยฮิสลาม
2)หากไม่ได้มีเชื่อสายอิสรออีลแต่รู้ว่าบรรพบุรุษของเขานั้นเข้าศาสนายิวหรือคริสเตียนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลง
และมีทัศนะอ่อนถือว่าเพียงพอแล้วหากบรรพบุรุษของนางเข้าศาสนาคริสก็ที่จะแต่งตั้งท่านนบีมุฮัมหมัด
หรือก่อนเข้าศาสนายิวก่อนการแต่งตั้งท่านนบีอีซา
ดังนั้นหากไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของนางเข้าศาสนายิวหรือคริสเมื่อไหร่ ก็ไม่อนุญาติให้แต่งงานกับนาง
ส่วนผู้ที่เชื่อสายอิสรออีล ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าบรรพบุรุษนั้นเข้าศาสนาเมื่อไหร่
(ดูมินฮาจตอลิบีนและมะฮัลลี)