กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ มุอัลลัฟและความเข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม
Pages: 123
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: ILHAM Date: พ.ย. 02, 2009, 01:51 AM
อุตส่าห์ตอบไปแล้ว เหมือนบาซีรนั่นแหละ เพียงแต่คำไม่สละสลวยเหมือนบาซีร เลยไม่มีคุณค่าเท่าควร

เฮ้ออออ......
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: binti Date: พ.ย. 02, 2009, 02:54 PM
ถูกต้องที่สุด  การแต่งงานเป็นซุนนะห์

แต่ขอถามหน่อยนะ  ว่าเมื่อไหร่ที่การแต่งงานเป็นวาญิบ (สำหรับคนบางคน) 

เพราะเคยได้ยินเพื่อนพูด  แต่ไม่กล้าถามต่อ

เหตุการณ์คือ  ตอนนั้นสอนอยู่โรงเรียนมัธยม 

มีเพื่อนครูคนนึงจับได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนึงวาดภาพผู้หญิงผู้ชายร่วมเพศกัน

เลยทำโทษเด็กผู้หญิงคนนั้น  แล้วบอกว่า "แบบนี้วาญิบนิกะฮ์"

เราก็เลยงง  ด้วยความรู้น้อย  ว่าการนิกะฮ์เป็นวาญิบในกรณีไหนบ้าง

รบกวน  ใครรู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ  สงสัยมานานแล้ว



Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 23, 2010, 05:12 PM


 salam

วันนี้ได้เข้าไปอ่านเจอกระทู้เรื่อง

"การแต่งงานกับอะลุลกีตาบ" เข้า เลยนึกขึ้นมาได้ว่า
พี่กอ-กล้วยเคยถามว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกระทู้นี้...
ซึ่งคำตอบนั้น อาจารย์อัล-อัซฮารีย์ได้เคยตอบเอาไว้ในกระทู้นี้ค่ะ

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2712.0


คำถาม:

อ้างถึง
มีความสงสัยมากมายค่ะ เกี่ยวกับการแต่งงานกับชาวยิวและชาวคริสต์
เพราะเคยอ่านเจอจากอาจารย์บางท่านว่าสามารถแต่งงานได้
แม้ว่าเค้าอาจจะเข้ารับอิสลามทีหลังหรือไม่ก็ได้
ชาวอะลุลกีตาบในอัลกรุอ่านที่กล่าวไว้นั้น กับชาวอะลุลกีตาบในปัจจุบัน
ยังจะเหมือนกันหรือไม่
แล้วหากเกิดเราแต่งงานกับชาวอะลุลกีตาบในปัจจุบัน
แล้วการดำเนินชีวิตในครอบครัวจะดำเนินไปยังไง ยังงงอยู่มาก
มันก็คงคล้ายกับที่เราแต่งงานกับคนไทยพุทธ
ที่ยังไม่เปลี่ยนศาสนานั่นแหละ


คำตอบ โดย อาจารย์อัล-อัซฮารีย์

อ้างถึง
??? ???? ?????? ??????

????? ??? ?? ???????? ? ?????? ??????? ??? ????? ???? ???? ??? ????? ??????


ประเด็นของชาวอะฮ์ลุลกิตาบนี้ ผมเองก็เคยสงสัยมากเหมือนกันครับ
เคยมีโอกาศได้เรียนและตั้งคำถามกับ ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด
กะม้าลุดดีน อิมาม ซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่คณะนิติศาสตร์อิสลาม
และเป็นคณะกรรมร่างรัฐธรรมนูญของอียิปต์
ที่เกี่ยวกับกฏหมายอิสลามซึ่งผมได้ถามท่านเกี่ยวกับเรื่องอะฮ์ลุลกิตาบ
(กลุ่มชนที่ถูกประทานคำภีร์)หรือพวกชาวตริสต์ ในปัจจุบัน
เพราะพวกเขาถือว่าเป็นพวกมุชริกีนและมีพระเจ้าแบ่งเป็นภาค ซึ่ง ท่านตอบว่า


อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงตรัสว่า

???????????????? ???? ?????????????? ???????????????? ???? ????????? ???????? ?????????? ??? ??????????


"และ(เป็นสิ่งที่อนุมัติสำหรับเจ้าทั้งหลาย) บรรดาหญิงที่สงวนตัวจากมวลผู้ศรัทธา 
และบรรดาหญิงที่สงวนตัวจากบรรดากลุ่มชน
ที่ถูกประทานคำภีร์ให้ก่อนหน้าพวกเจ้า" อัลมาอิดะฮ์ : 5


ประเด็นของอะฮ์ลุลกิตาบนั้น แบ่งออกเป็น 2 นัยยะ

1. อัลเอี๊ยะอฺติกอดีย์ (ด้านการยึดมั่น)

2. อัตตัชรีอีย์ (ด้านของนิติศาสตร์ - หลักปฏิบัติ)

ซึ่งหลักเอี๊ยะอฺติก๊อตนั้น อิสลามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอะฮ์ลุลกิตาบ
ส่วนหลักของอัตตัชรีอีย์ (หลักปฏิบัติ) มีความเกี่ยวข้องกัน
ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวไว้ เช่น มุสลิมสามารถแต่งงานกับสตรีอะฮ์ลุลกิตาบได้
และอาหารของอะฮ์ลุลกิตาบเป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิม
และอะฮ์ลุลกิตาบสมัยท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ก็อยู่ในฮุกุ่มเดียวกันกับชาวคริสต์ในปัจจุบัน

และผมเองก็ตั้งคำถามขึ้นมาเหมือนกันว่า
ตอนที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานอัลกุรอานลงมาเกี่ยวกับเรื่อง
การแต่งงานที่มุสลิมอนุมัติให้แต่งงานสตรีของอะฮ์ลุลกิตาบ
และเรื่องอาหารของพวกเขาอนุมัติสำหรับมุสลิมนั้น
พวกอะฮ์ลุลกิตาบในยุคนั้นก็มีหลักการที่บิดเบือนอยู่แล้ว
แต่เหตุใดอัลเลาะฮ์ถึงอนุมัติในบางกรณีของหลักฟิกฮ์(ตัชรีอีย์)?


แต่เคยอ่านคำฟัตวาของท่าน ชัยค์ ด๊อกเตอร์ รอมะฏอน อัลบูฏีย์
ซึ่งระบุว่า อนุญาตให้แต่งงานกับสตรีอะฮ์ลุลกิตาบชาวคริสต์ได้
ตราบใดที่แน่ชัดแล้วว่านางไม่ได้เบี่ยงไปมีความเชื่ออย่างอื่น 
เช่น  ความเชื่อของพวกไม่มีศาสนา  เป็นต้น ครับ

????? ?????? ?????? ???? ?????


พออ่านแล้วก็อยากถามเพิ่มอีกนิดเหมือนกันค่ะว่า...
สตรีอะลุลกีตาบนั้นอนุญาตให้แต่งได้ตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างบน
และบุรุษอะลุลกีตาบล่ะค่ะ  ::)

ปล.ถามเพราะอยากรู้น่ะค่ะ ไม่ได้มีวาระแอบแฝงนะคะ ;D
แค่อ่านแล้วมันสะกิดน่ะค่ะ...

วัสลามค่ะ


Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: ILHAM Date: ม.ค. 23, 2010, 05:18 PM
การลงจากคานในต่างแดน(ปลาดิบ)
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 23, 2010, 11:54 PM
ผู้หญิงอะลุลกีตาบแต่งได้

ผู้ชายอะลุลกีตามแต่งไม่ได้
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 12:01 AM
^
^
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
หากว่าสะดวกและไม่รบกวนจนเกินไป
ช่วยอธิบายเพิ่มให้อีกนิดได้มั้ยคะ ว่ามันมีที่มาอะไรยังไงอ่ะค่ะ
ในกรณีผู้ชายอะลุลกิตาบ...มันยังค้างๆคาๆอยู่น่ะค่ะ...

 ::) ::)


Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 24, 2010, 01:47 AM
เปิดตัฟซีรซูเราะอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ห้า

แล้วจะทำให้ช่วยเข้าใจได้มากขึ้น

ถ้ามีเวลานาดาก็เอาตัฟซีรภาษาไทยมาลงด้วยก็ดี
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: Bangmud Date: ม.ค. 24, 2010, 01:51 PM
 salam

ช่วยหาคำแปลมานำเสนอให้ ตามที่ท่าน บาชิรฺ แนะนำมาครับ ^ ^ ^ ^ ^



5. วันนี้สิ่งดี ๆ ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น(คือพวกยิวและพวกคริสต์)เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์(คือหญิงอิสระที่มิได้กระทำซินา หรือมิใช่หญิงชั่ว)ใน หมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อน จากพวกเจ้าก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนางในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิ ใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน โดยกระทำซินาลับ ๆ และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน
                                                                              ความหมายภาษาไทยโดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
"ชาวคัมภีร์ก่อนสูเจ้า" ในอายะฮฺนี้หมายถึงพวกยิวและชาวคริสเตียน กุรอานอนุญาตให้มุสลิมแต่งงานกับผู้หญิงของชาวคัมภีร์ได้เท่านั้นโดยมีเงื่อนไขว่าหญิงผู้นั้นจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์(มุหฺสะนาต)อย่างไรก็ตามในรายละเอียดของการอนุญาตนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ตามความเห็นของ อิบนุอับบาส มุสลิมสามารถที่จะแต่งงานกับผู้หญิงของชาวคัมภีร์ที่เป็นพลเมืองของรัฐอิสลามได้ แต่ไม่เป็นที่อนุมัติให้แก่มุสลิมแต่งกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ทำสงครามกับรัฐอิสลามหรืออยู่ในดินแดนของผู้ปฏิเสธความศรัทธาในพระเจ้า ส่วนพวกนักวิชาการสำนักฮานาฟีมีความเห็นแตกต่างไปจากนี้เล็กน้อย และถือว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องไปแต่งงานกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่ต้องห้ามก็ตาม ในทางตรงกันข้าม สะอีด บิน มุซัยยับ และหะซน บัศรี มีความเห็นว่า คำสั่งนี้มีลักษณะโดยทั่วไป ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปแบ่งแยกระหว่างชาวคัมภีร์ที่อาศัยอยู่ในรัฐหรือนอกรัฐอิสลาม
นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อแตกต่างในการตีความคำว่า หญิงที่บริสุทธิ์(มุหฺสะนาต)อีกด้วย อุมัรฺมีความเห็นว่า หมายถึงหญิงที่มีคุณธรรมและบริสุทธิ์ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมท่านจึงได้แยกเอาผู้หญิงที่ไม่มีคุณลักษณะที่ดีออกจากข้ออนุญาตอันนี้ หะซัน ชิบี และ อิบรอฮีม นัคอี ก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันและพวกฮานาฟีก็ยอมรับความคิดเห็นอันนี้ ส่วนในอีกด้านหนึ่ง อิมามชาฟิอี ถือว่า หมายถึงผู้หญิงชาวคัมภีร์ที่เป็นอิสระซึ่งไม่ใช่พวกทาสหญิงของคนพวกนี้
คำเตือนที่ตามมาทันทีหลังจากการอนุญาตให้แต่งงานกับผู้หญิงชาวคัมภีร์ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก กล่าวคือ บรรดามุสลิมที่ใช้ประโยชน์จากการอนุญาตนี้ได้ถูกเตือนให้ปกป้องความศรัทธาและศีลธรรมของตัวเองจากอิทธิพลของภรรยาที่ไม่มีความศรัทธา เพราะความลุ่มหลงในตัวภรรยาอาจทำให้ตัวของเขาคล้อยตามความเชื่อและการกระทำผิด ๆ ของภรรยา ซึ่งอาจทำให้เขาสูญเสียความศรัทธาและศีลธรรมไปพร้อม ๆ กัน หรือไม่ก็อาจมีทัศนะทางศีลธรรมและสังคมที่ขัดต่อความศรัทธาของเขาเอง

คำอธิบายอายะฮฺนี้คัดลอกจาก ตัฟฮีมุลกุรอาน ความหมายคัมภีร์อัล-กุรอาน เล่ม 2 อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 02:00 PM
เปิดตัฟซีรซูเราะอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ห้า

แล้วจะทำให้ช่วยเข้าใจได้มากขึ้น

ถ้ามีเวลานาดาก็เอาตัฟซีรภาษาไทยมาลงด้วยก็ดี

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ... ;D

ตอนนี้ไม่มีหนังสือตัฟซีรแปลไทยอยู่ในมือเลยค่ะ...
แต่ลองเข้าไปหาอ่านในเว็บกุรอานแปลไทยของสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับมาแล้วค่ะ





ซูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ 5

ความว่า

"วันนี้สิ่งดี ๆ ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น(*1*)เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์(*2*)
ในหมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนจากพวกเจ้า
ก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนาง
ในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย
และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน โดยกระทำซินาลับ ๆ
และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล
ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน"

(1)  คือพวกยิวและพวกคริสต์
(2)  คือหญิงอิสระที่มิได้กระทำซินา หรือมิใช่หญิงชั่ว


ซึ่งจะคล้ายๆกับที่อาจารย์อัล-อัซฮารีย์ได้เคยตอบเอาไว้ตรงกระทู้ข้างบนน่ะค่ะ...
ซึ่งในอายะฮฺดังกล่าวนั้นกล่าวถึงหญิงอะลุลกีตาบว่าเป็นที่อนุญาต
ตามเงื่อนไขดังกล่าว...แต่มิได้กล่าวถึงผู้ชายอะลุลกีตาบว่าเป็นที่อนุญาตไว้

ผู้ชายอะลุลกีตาบเลยไม่ได้อยู่ในกรณีที่มุสลิมะฮฺจะแต่งงานด้วยได้
หากเขาไม่เข้ารับและศรัทธาในอัลอิสลามก่อนหรือเปล่าคะ...
ไม่รู้ว่าข้าน้อยเข้าใจผิดไปหรือเปล่าคะ... ::)

ซึ่งตอนอ่านคำตอบจากอาจารย์อัล-อัซฮารีย์ที่เคยได้ตอบไว้
ก็ทำให้ค้างใจเรื่องผู้ชายอะลุลกีตาบ เลยเป็นที่มาของคำถามน่ะค่ะ...
เลยอยากให้ผู้รู้ช่วยอธิบายเสริมความรู้ให้น่ะค่ะ...
เพราะข้าน้อยความรู้น้อยเลยกลัวว่าคิดผิดคิดพลาดน่ะค่ะ...

เพราะความสามารถตอนนี้ที่ทำได้คือเรียนและศึกษาศาสนาผ่านอินเตอเนต
เป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ...หากมีความสามารถและโอกาส
ก็อยากเรียนกับอาจารย์และผู้รู้ตัวเป็นๆโดยตรงเช่นกันค่ะ...
อินชาอัลลอฮฺ

ระหว่างนี้เลยทำเท่าที่ทำได้ก่อนน่ะค่ะ คือ ศึกษาในเนตไปพลางๆ... ;D

ผิดถูกยังไง ชี้แนะด้วยนะคะ



คำเตือน - มีกระทู้ตอบใหม่ ขณะที่คุณพิมพ์ข้อความ
อยากให้คุณแสดงตัวอย่างก่อนตั้งกระทู้

Note: พอจะกดส่งบทความที่จะโพส
เจอกระทู้ของแช และปรากฏว่าตรงกับแชเลยค่ะ ;D

ขอบคุณค่ะแช ;D (หนูกำลังมึนได้ที่ได้เลยค่ะ)



วัสลามุอะลัยกุมค่ะ



Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 24, 2010, 04:06 PM
ใช้ครับผู้ชายนั้นต้องเข้ารับอิสลามก่อน

และใครก็ตามที่จะแต่งงานกับมุสลิม หรือมุสลิมะฮฺ

ยกเว้นที่อัลกุรอ่านได้อนุญาติให้กับผู้หญิงที่อยู่ในศาสนายิวและคริส

สามารถแต่งงานกับชายมุสลิมได้

ซึ่งเงื่อนไขของหญิงอะลุลกีตาบนั้น มีเงิ่อนไขที่แตกต่างกันไประหว่างมัสฮับ

ซึ่งหากดูตามชาฟิอียะฮฺ จะยากสุดล่ะ มีอยู่สองเงื่อนไข ไม่รู้บังฟีนเขาลงไว้ริยัง ลิ้งให้ผมดูหน่อยสิ

แต่ก็คือว่าได้

(กำลังจะออกไปสอบอุลูมฮะดีษ ท่องไปน้อยอาจจะไม่ผ่าน-+หือๆ)
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: rayes Date: ม.ค. 24, 2010, 04:13 PM

ซึ่งเงื่อนไขของหญิงอะลุลกีตาบนั้น มีเงิ่อนไขที่แตกต่างกันไประหว่างมัสฮับ


  อันนี้ผมอยากรู้รายละเอียดเหมือนกันครับ
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: Bangmud Date: ม.ค. 24, 2010, 05:20 PM
 salam

ผมขอเสริมความเห็นส่วนตัว

หิกมะฮฺของการที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา อนุญาตให้ชายผู้ศรัทธาแต่งงานกับหญิงอะฮฺลุลกิตาบนั้น น่าจะเป็นข้อยกเว้นเพื่อหาทางออกให้กับมุอุ์มิน ที่ไม่สามารถแต่งงานกับ มุอุ์มินะฮฺได้ เช่นอยู่ในต่างแดน

เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดประเวณี ก็ให้นิกาหฺกับ อะฮฺลุลกิตาบได้ เงื่อนไขของแต่ละมัซฮับนั้น คงต้องรอให้ผู้รู้มาช่วยอธิบาย

สำหรับมุอุ์มินที่อยู่ในที่ที่สามารถสมรสกับมุอุ์มินะฮฺได้นั้น ไม่สมควรที่จะสมรสกับอะฮฺลุลกิตาบ แม้จะเป็นที่อนุญาต เราจะปล่อยให้มุอุ์มินะฮฺที่ไม่มีคู่ครองไว้ในสภาพที่ไม่มีผู้ดูแลกระนั้นหรือ

ส่วนมุอุ์มินะฮฺนั้น ไม่อนุญาตให้สมรสกับชาวอะฮฺลุลกิตาบแน่นอน เพราะว่าผู้ชายถือเป็นผู้นำครอบครัว และภรรยามีหน้าที่ต้องฏออะฮฺต่อสามี  สามีเป็นอะฮฺลุลกิตาบ อาจนำภรรยามุอุ์มินะฮฺให้เสียเอียะติกอดได้

ขอย้ำว่าเป็นความคิดส่วนตัว และศาสนานั้นจะตัดสินด้วยความคิดส่วนตัวไม่ได้

ปล. ขอดุอาอุ์ต่ออัลลอฮฺให้ท่านบาชิรฺ พบความง่ายดายในการสอบนะครับ

วัสสลาม
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: กอ-กล้วย Date: ม.ค. 24, 2010, 08:17 PM
ญาซากิลลาฮุค็อยรอนน้องนาดาที่ช่วยขุดกระทู้นี้ และญาซากุมุลลอฮุค็อยรอนผู้นำเสนอทุกท่านคะ

เมื่อวานซืนได้รับโทรศัพท์ข้ามทวีปจากเจ้าของประเด็นพอดีเลย

อย่างที่บังมัดว่าคะ "สามีเป็นอะฮฺลุลกิตาบ อาจนำภรรยามุอุ์มินะฮฺให้เสียเอียะติกอดได้" นี่คือสิ่งที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเป็นห่วงอย่างยิ่งคะ

ขออัลลอฮฺทรงประทานทางออกที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดให้กับเพื่อนรักด้วยเถิด อามีน
Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: nada-yoru Date: ม.ค. 24, 2010, 08:28 PM
 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนผู้รู้ทุกท่านที่มาช่วยอธิบายค่ะ

ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนค่ะ...

และขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้ท่านบาชิรฺ พบความง่ายดายในการสอบด้วยเช่นกันนะคะ

สอบเสร็จแล้ว หากมีเวลาและสะดวกมาต่อให้ในเรื่องเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
ระหว่างมัสฮับให้อีกนะคะ  ;D อยากศึกษาเอาไว้ค่ะ...
(เมื่อกี่ลองพยายามค้นดูแล้วค่ะ ในกรณีเกี่ยวกับอะลุลกีตาบ
เจอแค่ลิงก์ที่นำมาแปะไว้ตรงกระทู้ข้างบนเท่านั้นค่ะ
ซึ่งอาจจะมีแต่ข้าน้อยหาไม่เจอเองก็ได้น่ะค่ะ ;D )

แต่อ่านที่แชมัดอธิบายมาทั้งสองกระทู้ข้างบนนั้น ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นแล้วค่ะ...

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ



Re: @การนีกะฮฺในต่างแดน@ By: บาชีร Date: ม.ค. 25, 2010, 07:49 AM



ผู้หญิงอะห์ลุลกีตาบที่จะแต่งงานได้นั้น ต้องมีหนึ่งในสองเงื่อนไข ซึ่หากมีอันใดอันหนึ่งก็ใช้ได้

1)ผู้หญิงอะลุลกีตาบนั้นจะต้องมีเชื่อสายมาจากอิสรออีล หรือลูกหลานของท่านนบียะอฺกูบอะลัยฮิสลาม

2)หากไม่ได้มีเชื่อสายอิสรออีลแต่รู้ว่าบรรพบุรุษของเขานั้นเข้าศาสนายิวหรือคริสเตียนก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลง

และมีทัศนะอ่อนถือว่าเพียงพอแล้วหากบรรพบุรุษของนางเข้าศาสนาคริสก็ที่จะแต่งตั้งท่านนบีมุฮัมหมัด

หรือก่อนเข้าศาสนายิวก่อนการแต่งตั้งท่านนบีอีซา

ดังนั้นหากไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของนางเข้าศาสนายิวหรือคริสเมื่อไหร่ ก็ไม่อนุญาติให้แต่งงานกับนาง

ส่วนผู้ที่เชื่อสายอิสรออีล ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าบรรพบุรุษนั้นเข้าศาสนาเมื่อไหร่

(ดูมินฮาจตอลิบีนและมะฮัลลี)