Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: Andalus Date: ม.ค. 11, 2010, 03:25 PM
เขาคิดไม่ออกครับ คิดได้แค่นั้นโน่นบิดอะห์ นี่บิด อะห์ นั่นก็บิดอะห์ ป้าดดดดดด คนพูดไม่รู้ดออีฟหรือปล่าว

หมายถึงปัญญาหรือป่าว

Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ILHAM Date: ม.ค. 11, 2010, 03:36 PM
5555
เห็นด้วยกับอีโน
ตอนแรกก็งง เพิ่งเข้าใจ
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: Goddut Date: ม.ค. 11, 2010, 05:01 PM
ลูบหน้า มีฮะดิ อื่นๆ มารองรับอยู่ด้วยมากมาย
นอกจาก ลูบหน้า ยังมีลูบตัว ลูบแขน ลูบขา
แล้ว ทำไม จะลูบหน้าไม่ได้
ฮะดิส ดออีฟ หลายๆ ฮะดิส มันก็แข็งขึ้นมา
ไม่ใช่ ดูฮะดิส ดออีฟ ฮะดิสเดียว แล้วบอกบิดอะดอลาละ
ทั้งๆ ที่ เรื่อง ลูบหน้า ลูบตัว มีกล่าวไว้เยอะแยะ
อ่านอายะนี้ เป่า ใส่ลงบนมือ แล้วก็ทาถูๆ
แค่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำ
ขอบารอกัต เราไม่ได้ลูบหน้าเฉยๆ แต่เราอ่านดุอาด้วย อันจะได้ความจำเริญ ต่อไปในภายภาคหน้า
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ILHAM Date: ม.ค. 11, 2010, 05:05 PM
^
"เราไม่ได้ลูบหน้าเฉยๆ"
แสดงว่าท่านไม่ได้ลูบใช่มั้ย
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: a d n a n Date: ม.ค. 11, 2010, 05:06 PM
เฮ้อ................. (เข้ามาถอนหายใจ เฮือกดัง ๆ) 
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: blackjack Date: ม.ค. 11, 2010, 05:49 PM
อ่านเเล้ว รู้สึกว่าวะฮาบี ที่เอาเเต่อ้างทำตามซุนนะฮฺๆนี่ อันตรายจริงๆ
ผมไม่มีความรู้อะไรมากเหมือนพี่น้อง
เเต่พ่อเคยสอนตอนเด็กๆ ว่าละหมาดนั้น สิ้นสุดที่การให้สลาม
พ่อบอกมาเเบบนี้ครับ
เเล้วพ่อก็บอกว่า นบีก็บอกเเค่นี้จริงๆ
ใครจะลูบ ไม่ลูบ เป็นคำตอบให้อัลลอฮฺเเล้วกัน ไม่ดีกว่าหรอครับพี่น้อง
บอกอัลลอฮฺ เเล้วบอกด้วยว่า ทำเพราะอะไร เอามาจากไหน เเละมั่นใจเเล้วไช่ไหมว่า นบีทำเเบบนั้น
ด้วยความเครพครับ
เเด่ปัญญาชาผู้ศรัทธา...

Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ILHAM Date: ม.ค. 11, 2010, 06:21 PM
อ่านเเล้ว รู้สึกว่าวะฮาบี ที่เอาเเต่อ้างทำตามซุนนะฮฺๆนี่ อันตรายจริงๆ
ผมไม่มีความรู้อะไรมากเหมือนพี่น้อง
เเต่พ่อเคยสอนตอนเด็กๆ ว่าละหมาดนั้น สิ้นสุดที่การให้สลาม
พ่อบอกมาเเบบนี้ครับ
เเล้วพ่อก็บอกว่า นบีก็บอกเเค่นี้จริงๆ
ใครจะลูบ ไม่ลูบ เป็นคำตอบให้อัลลอฮฺเเล้วกัน ไม่ดีกว่าหรอครับพี่น้อง
บอกอัลลอฮฺ เเล้วบอกด้วยว่า ทำเพราะอะไร เอามาจากไหน เเละมั่นใจเเล้วไช่ไหมว่า นบีทำเเบบนั้น
ด้วยความเครพครับ
เเด่ปัญญาชาผู้ศรัทธา... 
แสดงว่านี้ก็อีกคนที่ไม่ลูบใช่มั๊ย
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: rayes Date: ม.ค. 11, 2010, 06:28 PM
อ่านเเล้ว รู้สึกว่าวะฮาบี ที่เอาเเต่อ้างทำตามซุนนะฮฺๆนี่ อันตรายจริงๆ
ผมไม่มีความรู้อะไรมากเหมือนพี่น้อง
เเต่พ่อเคยสอนตอนเด็กๆ ว่าละหมาดนั้น สิ้นสุดที่การให้สลาม
พ่อบอกมาเเบบนี้ครับ
เเล้วพ่อก็บอกว่า นบีก็บอกเเค่นี้จริงๆ
ใครจะลูบ ไม่ลูบ เป็นคำตอบให้อัลลอฮฺเเล้วกัน ไม่ดีกว่าหรอครับพี่น้อง
บอกอัลลอฮฺ เเล้วบอกด้วยว่า ทำเพราะอะไร เอามาจากไหน เเละมั่นใจเเล้วไช่ไหมว่า นบีทำเเบบนั้น
ด้วยความเครพครับ
เเด่ปัญญาชาผู้ศรัทธา... 
แสดงว่านี้ก็อีกคนที่ไม่ลูบใช่มั๊ย
มาแนวเนียนดีเหลือเกิน แบบนี้ว่างๆไปเยี่ยมมุสลิมไทยบ้างก็ดี
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: al-kudawah Date: ม.ค. 11, 2010, 07:08 PM
อ่านเเล้ว รู้สึกว่าวะฮาบี ที่เอาเเต่อ้างทำตามซุนนะฮฺๆนี่ อันตรายจริงๆ
ผมไม่มีความรู้อะไรมากเหมือนพี่น้อง
เเต่พ่อเคยสอนตอนเด็กๆ ว่าละหมาดนั้น สิ้นสุดที่การให้สลาม
พ่อบอกมาเเบบนี้ครับ
เเล้วพ่อก็บอกว่า นบีก็บอกเเค่นี้จริงๆ
ใครจะลูบ ไม่ลูบ เป็นคำตอบให้อัลลอฮฺเเล้วกัน ไม่ดีกว่าหรอครับพี่น้อง
บอกอัลลอฮฺ เเล้วบอกด้วยว่า ทำเพราะอะไร เอามาจากไหน เเละมั่นใจเเล้วไช่ไหมว่า นบีทำเเบบนั้น
ด้วยความเครพครับ
เเด่ปัญญาชาผู้ศรัทธา... 
ใช่น่ะ เคยเรียนฟัรดูอีนมาเหมือนกัน เขาบอกว่าละหมาดเริ่มด้วยตักบีรและสิ้นสุดด้วยสลาม แต่กำกับว่าการเริ่มและจบเมื่อกี้นั้น คือพิจารณาสิ่งที่เป็นวายิบเท่านั้น ฉะนั้นอัลเลาะฮ์ไม่ถามหรอกว่า ลูบหน้าทำไม? เพราะไม่มีฮะดีษรับรอง และอัลเลาะฮ์ก็ไม่สอบถามหรอกว่า ใครบิสมิลลาฮ์ ใครไม่บิสมิลลาฮ์ แต่จะถูกสอบสวนว่าละหมาดครบหรือเปล่าต่างหากจ่ะ เพราะมีฮะดีษรับรองไว้จ่ะ
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ILHAM Date: ม.ค. 11, 2010, 07:37 PM
ตอบได้น่ารักจริงจ่ะ
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: muhibbah Date: ม.ค. 11, 2010, 07:41 PM
ตอบได้น่ารักจริงจ่ะ
อะแฮ่มๆๆๆ

Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ม.ค. 11, 2010, 08:46 PM
salam
ผมไม่ได้จบศาสนาโดยตรง แต่การพูดเรื่องศาสนา ซ้ำๆ เดิมๆ บางครั้งการพูดเรื่องเดิมๆ คิดว่า มันไม่เสียหายอะไรเลยนะ เพราะมันเป็นเรื่องศาสนา ไม่ใช่เรื่องดุนยา หากพูดเรื่องรถยนต์ว่ารถใครสวยกว่า ซ้ำๆเดิมๆ นี่สิถึงจะน่าเบื่อ แต่นี่มันเรื่องศาสนา เรื่องที่ต้องเรียนรู้ทั้งชีวิต ดังนั้น คิดว่ามันไม่ควรจะเบื่อและควรจะค่อยๆเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ผมมีความเห็นที่ต่างจาก al-azhary บางแง่ดังนี้ครับ
ดังนั้นการลูบหน้าพร้อมดุอา อย่างน้อยก็มีดุอาเป็นพื้นฐานเดิมที่อัลเลาะฮ์ทรงโปรด หากกระทำก็ไม่เสียหายเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว
วัลลอฮุอะลัม
อยากถามว่า ที่ผมเคยเห็นการซิเกรของชาวซูฟีในยูทูปบางกลุ่ม ที่แรกๆก็ค่อยๆโยก พร้อมซิเกรค่อยๆเบา ยิ่งนานๆ เขาก็เริ่มโยกแรงๆ จากนั้นอีก ก็ยืนขึ้นแล้วกระโดด กระโด กระโดด พร้อมซิเกรเสียงดังมากๆ จนมัสยิดสนั่น อยากทราบว่า การซิเกรโดยการเคลื่อนไหวในลักษณะนั้นพร้อมซิกุรลอฮ ซึ่งอย่างน้อยมีการซิกกุรลอฮเป็นพื้นฐานเดิมที่อัลลอฮทรงโปรดนั้น ท่านเห็นว่าเป็นสุนัต เป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมหรือไม่?
แต่สำหรับผม ผมในฐานะที่ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนา คือรู้บ้าง ว่า การโยกแรงๆ กระโดด กระโดด กระโดด แบบนั้น ไม่เคยได้ยินอาจารย์ท่านไหนสอนมาก่อนว่าให้ทำอย่างนั้น ทุกๆท่านแทบจะบอกว่า การซิเกร ต้องซิเกรด้วยความนอบน้อม ผมจึงตัดสินว่า(ทัศนะส่วนตัว) การซิเกรดังกล่าวนั้น ไม่ใช่สุันัตแต่ประการใด เพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายแบบนั้น ไม่มีแบบฉบับจากท่านนบี ถึงแม้ว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะมีการซิเกร ซึ่งศาสนาส่งเสริมรวมอยู่ด้วยก็ตามแต่....
ในประเด็นการลูบหน้าหลังให้สลามก็เช่นเดียวกัน...
ผมสงสัยว่า al-azhary กำลัง อำพราง และ ค้ำยัน อยู่หรือเปล่า?
เพราะผมคิดว่า al-azhary กำลังเอาดุอาร์ที่นบีส่งเสริมถึงแม้จะฎออีฟ มาำอำพรางด้วยการบอกว่าอย่างน้อย ในการลูบหน้าก็มีดุอาร์ และค้ำยันว่าทั้งการลูปหน้าพร้อมดุอาร์ก็เป็นสุนัต
ผมว่าบทความหน้าแรก เขาเอาประเด็นการเคลื่อนไหวร่างกายโดยการเอามือลูบหน้า เป็นสาระสำคัญนะครับ ผมคิดว่าเรื่องดุอาร์มันเป็นประเด็นรอง
ในเมื่อมันชัดเจนอยู่แล้ว ว่าการลูบหน้าหลังสลาม ไม่มีหลักฐานรองรับ ไม่ีมีซุนนะห์นบีให้กระทำ(อ.อาลี เสือสมิงค์เอง ยังตอบแบบนั้น และไม่ปรากฏเลยว่าท่านบอกว่าเป็น สุนัต ส่งเสริมให้กระทำเลย )
เสมือนกับเหตุการณ์การโยกแรงๆ กระโดด กระโดด ่ของชาวซูฟีร์บางกลุ่ม (ที่ผมคิดว่า ไม่มีหลักฐานรองรับ)
โดยที่เหตุการณ์ทั้งสอง ก็มีทั้งดุอาร์ มีทั้งซิเกร ซึ่งเป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมแทบทั้งสิ้นนั้น
เราจะเรียกว่าการลูบหน้าเป็นสุนัตได้อย่างไรครับ เพราะมันอาศัยอยู่ในอิริยาบท หรือการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่ไม่มีตัวบทหลักฐานจากศาสนา
ผมแยกประเด็นแบบนี้ พี่น้องคงจะมองภาพออกนะครับ...
ทำไมพี่น้องถึงไม่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยการเอาดุอาร์ ไปอ่านในที่ๆ หรือในอิริยาบท ที่ศาสนารองรับ ที่มีหลักฐานหล่ะครับ นบีบอกว่าอ่านดุอาร์ก่อนให้สลาม เป็นดุอาร์มุสตาญาบ เราก็เอามาอ่านสิ ถึงแม้เป็นดุอาร์ที่เราคิดเอง ไม่มีแบบฉบับจากท่านนบี หรือในอิริยาบท ขณะที่เราสูญูด ซึ่งนบีก็บอกว่าเป็นดุอาร์มุสตาญาบ เพราะเป็นเวลาที่เราใกล้ชิดกับอัลลอฮมากที่สุด
ลูบหน้า มีฮะดิ อื่นๆ มารองรับอยู่ด้วยมากมาย
นอกจาก ลูบหน้า ยังมีลูบตัว ลูบแขน ลูบขา
แล้ว ทำไม จะลูบหน้าไม่ได้
ฮะดิส ดออีฟ หลายๆ ฮะดิส มันก็แข็งขึ้นมา
ไม่ใช่ ดูฮะดิส ดออีฟ ฮะดิสเดียว แล้วบอกบิดอะดอลาละ
ทั้งๆ ที่ เรื่อง ลูบหน้า ลูบตัว มีกล่าวไว้เยอะแยะ
อ่านอายะนี้ เป่า ใส่ลงบนมือ แล้วก็ทาถูๆ
แค่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำ
ขอบารอกัต เราไม่ได้ลูบหน้าเฉยๆ แต่เราอ่านดุอาด้วย อันจะได้ความจำเริญ ต่อไปในภายภาคหน้า
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
นี้คงจะหลงประเด็นหรือเปล่าครับ
เพราะที่กล่าวมานั้น คือการรักษาโรค ตามแบบซุนนะห์นบี นะครับ ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับการละหมาด ที่บอกว่าทาถูๆ ลูบหน้า ลูบตัว มันมีซุนนะห์ในการรักษาโรคของนบี อยู่แล้วครับ
ก็เพราะศึกษาทางวัฮฮาบีไปวัฮฮาบีมา นั่นแหละ เลยเลิกลูบ
ผมเคยเห็นดะอฺวะห์ที่มาจากอินเดียจริงๆ จากปากีจริงๆ เขาก็ไม่ลูบหน้าเหมือนกัน คุณจะสรุปไหมครับว่า ก็เพราะเขาศึกษาทางวะฮาบีย์ เขาถึงไม่ลูบ
หมายเหตุเราละหมาดวันละ 5 เวลา ไม่รวมกับสุนัตอื่นๆ คนๆหนึ่ง ละหมาดทั้งชีวิตกี่วักฏู ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะบอกว่า น่าเบื่อ พูดเรื่องเดิมๆ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องศึกษาไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อให้ใกล้ชิดกับการละหมาดให้เหมือนนบีมากที่สุด ทุกวันนี้ตัวผมเอง ยังคงศึกษาเรื่อยๆ ไม่เคยหยุด ยังคงคิลาฟในหัวใจว่า จะ่อ่านฟาฏิหะห์หลังกล่าวอามีน หรือ ไม่ต้องอ่าน เพราะอีหม่ามอ่านแล้ว ยังชี้นิวบ้าง กระดิกนิ้วบ้าง สิ่งไหนที่ยากีนแล้วเชื่อมั่นแล้ว ก็ปฏิบัติไป ผมคิดว่าปลอดถัยมากกว่าครับ
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: Al Fatoni Date: ม.ค. 11, 2010, 09:59 PM
ที่จริง การเคลื่อนไหวโดยการลูบหน้าหลังการให้สลามจากการละหมาดนั้น ถือเป็นการกระทำ หรือการเคลื่อนไหวที่อยู่นอกการละหมาด เพราะการสิ้นสุดของการละหมาด ไม่จะเป็นสุนัต หรือฟัรฎู (วาญิบ) ก็ตาม ก็จะสิ้นสุดที่การให้สลาม แม้จะมีความเห็นแตกต่างกันว่า จะถือสิ้นสุดที่การให้สลามครั้งที่หนึ่ง (ชาฟิอีย์) หรือครั้งที่สอง (หันบาลีย์) ก็ตาม แต่โดยการปฏิบัติของมุสลิมบ้านเราส่วนใหญ่ จะกระทำหลังการให้สลามครั้งที่สอง
ดังนั้น การเคลื่อนไหวนอกละหมาดย่อมเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอดุอาอ์ หรือลูบหน้าก็ตาม โดยเฉพาะอย่างหลังนั้น แม้แทบทั้งหมดที่รายงานในเรื่องนี้จะมีสถานะอ่อน (เฎาะอีฟ) ก็ตาม แต่เนื่องจาการรายงานที่มากมายของมัน ซึ่งก็อยู่ในระดับเฎาะอีฟเฉยๆ นั้น ถือเป็นสิ่งที่สามารถนำกระทำได้ตามแง่ของการส่งเสริมคุณค่าของอมัล
และเนื่องจากการลูบหน้าหลังละหมาดนั้น ก็เป็นเช่นเดียวกับการลูบหน้าหลังการขอดุอาอ์ เพราะขณะให้สลามนั้น จะมีการขอดุอาอ์แทรกด้วย จึงทำให้บางคนก็ลูบด้วยมือทั้งสองข้างเลย แต่ส่วนใหญ่บ้านเราจะลูบด้วยมือขวาเพียงข้างเดียวเท่านั้น โดยถือปฏิบัติตามหะดีษที่มีการรายงานในเรื่องนี้ แม้จะเฎาะอีฟก็ตาม แต่ตามทัศนะของผู้ที่กระทำ ก็ยึดทัศนะว่าการนำหะดีษเฎาะอีฟมาใช้ได้ในแง่ของการส่งเสริมคุณค่าของอมัล
ฉะนั้น ความไม่ลงรอยในเรื่องนี้ จึงดูเหมือนจะประจบกันไม่ได้เลย เพราะรากฐานของการทัศนะในการรับหะดีษมาใช้ระหว่างทั้งสองฝ่าย ก็ต่างกันแล้ว ฉะนั้น จงเคารพทัศนะของกันและกันเถิด และหากความหวังดีของบางคนที่มีต่ออีกฝ่ายหนึ่งนั้น ไม่ได้ยังผลใดๆ นั้น สิ่งที่สมควรกระทำต่อจากนั้นก็คือการทำความเข้าใจทัศนะของอีกฝ่าย ส่วนท่านจะยอมรับหรือไม่นั้น นั่นก็เป็นสิทธิของท่าน - วัลลอฮุอะอ์ลัม - วัสสลามุอลัยกุม
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: ILHAM Date: ม.ค. 11, 2010, 10:31 PM
ว่างๆไม่มีอะไรทำ ยกเรื่องคีลาฟแรงๆมาคุยหวา ก็มันบอกว่าเรื่องศาสนาต้องเรียนต้องใช้จนตาย
Re: ยังจะลูบหน้าหลังสลามอีกหรือ By: al-azhary Date: ม.ค. 11, 2010, 10:45 PM
ดังนั้นการลูบหน้าพร้อมดุอา อย่างน้อยก็มีดุอาเป็นพื้นฐานเดิมที่อัลเลาะฮ์ทรงโปรด หากกระทำก็ไม่เสียหายเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว
วัลลอฮุอะลัม
อยากถามว่า ที่ผมเคยเห็นการซิเกรของชาวซูฟีในยูทูปบางกลุ่ม ที่แรกๆก็ค่อยๆโยก พร้อมซิเกรค่อยๆเบา ยิ่งนานๆ เขาก็เริ่มโยกแรงๆ จากนั้นอีก ก็ยืนขึ้นแล้วกระโดด กระโด กระโดด พร้อมซิเกรเสียงดังมากๆ จนมัสยิดสนั่น อยากทราบว่า การซิเกรโดยการเคลื่อนไหวในลักษณะนั้นพร้อมซิกุรลอฮ ซึ่งอย่างน้อยมีการซิกกุรลอฮเป็นพื้นฐานเดิมที่อัลลอฮทรงโปรดนั้น ท่านเห็นว่าเป็นสุนัต เป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมหรือไม่?
แต่สำหรับผม ผมในฐานะที่ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนา คือรู้บ้าง ว่า การโยกแรงๆ กระโดด กระโดด กระโดด แบบนั้น ไม่เคยได้ยินอาจารย์ท่านไหนสอนมาก่อนว่าให้ทำอย่างนั้น ทุกๆท่านแทบจะบอกว่า การซิเกร ต้องซิเกรด้วยความนอบน้อม ผมจึงตัดสินว่า(ทัศนะส่วนตัว) การซิเกรดังกล่าวนั้น ไม่ใช่สุนัตแต่ประการใด เพราะการเคลื่อนไหวของร่างกายแบบนั้น ไม่มีแบบฉบับจากท่านนบี ถึงแม้ว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะมีการซิเกร ซึ่งศาสนาส่งเสริมรวมอยู่ด้วยก็ตามแต่....
เรื่องซิกิรเต้นนั้น ทางเราได้ชี้แจงไปตั้งนานแล้วว่า ต้องมีมารยาท การกระโดดซิกิรอะไรนั้น ถือว่าเสียมารยาท และไม่ใช่เป็นทัศนะของเราอีกด้วย เหมือนกับวะฮาบีนั่นแหละครับ ที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง ซึ่งอิมามอะห์ฮุกุ่มว่าคนเชื่ออย่างนี้เป็นกาเฟร ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาของวะฮาบีที่ใหญ่กว่าเรื่องการลูบหน้าเสียอีก แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วมายกเรื่องโดดซิกิร ซึ่งเราไม่ยอมรับในทัศนะการซิริกเช่นนี้ แม้ซูฟีย์กลุ่มใหนจะกระทำ เราก็ไม่ยอมรับในประเด็นการลูบหน้าหลังให้สลามก็เช่นเดียวกัน...
ผมสงสัยว่า al-azhary กำลัง อำพราง และ ค้ำยัน อยู่หรือเปล่า?
เพราะผมคิดว่า al-azhary กำลังเอาดุอาร์ที่นบีส่งเสริมถึงแม้จะฎออีฟ มาอำพรางด้วยการบอกว่าอย่างน้อย ในการลูบหน้าก็มีดุอาร์ และค้ำยันว่าทั้งการลูปหน้าพร้อมดุอาร์ก็เป็นสุนัต
ผมว่าบทความหน้าแรก เขาเอาประเด็นการเคลื่อนไหวร่างกายโดยการเอามือลูบหน้า เป็นสาระสำคัญนะครับ ผมคิดว่าเรื่องดุอาร์มันเป็นประเด็นรอง
ผมอำพรางอะไรกันหรือครับ ทั้งที่ตัวบท(มะตัน)ของฮะดีษนั้น ได้ระบุการลูบหน้าพร้อมดุอา เราต้องพิจารณาเนื้อหาให้หมด ไม่ใช่อำพรางเพียงแค่การลูบหน้าอย่างเดียว ดังนั้นการที่ผมได้พูดถึงการลูบหน้าพร้อมดุอาที่ตัวบทฮะดีษระบุไว้นั้น ถือว่าเป็นอะมานะฮ์เชิงวิชาการ ซึ่งผมได้นำมาพูดทั้งหมดทุกแง่มุมแล้ว ดังนั้นการที่วะฮาบีนำมาพูดเรื่องลูบหน้าอย่างเดียว ทั้งที่ตัวฮะดีษมีระบุดุอาด้วย ถือว่าวะฮาบีอำพรางประเด็นสำคัญของวะฮาบีด้วยเช่นกันอย่างมิต้องสงสัย เพราะทำเป็นอ้างอิงหนังสือของมัซฮับชาฟิอีย์เรื่องการลูบหน้าไม่กี่คำ แต่ไม่ยอมหยิบยกตอนให้กล่าวดุอาด้วย ในเมื่อมันชัดเจนอยู่แล้ว ว่าการลูบหน้าหลังสลาม ไม่มีหลักฐานรองรับ ไม่มีซุนนะห์นบีให้กระทำ(เสมือนกับเหตุการณ์การโยกแรงๆ กระโดด กระโดด ่ของชาวซูฟีร์บางกลุ่ม (ที่ผมคิดว่า ไม่มีหลักฐานรองรับ)
เรื่องกระโดดซิกิร ผมไม่ยอมรับเช่นกัน ดังนั้นอย่ามายัดเยืยดทัศนะให้ผม และอย่ามาบังอาจฟันธงว่าไม่มีซุนนะฮ์รับรองเกี่ยวกับเรื่องการลูบหน้าพร้อมดุอา จนดูเหมือนว่า เราได้กุหรืออุตริกรรมเรื่องการลูบหน้าแล้วดุอากันขึ้นมาเอง ซึ่งถือว่าเป็นการกล่าวหาเรา แต่ประเด็นที่คุยกันคือ การลูบหน้าและดุอานั้น มีตัวบทฮะดีษรับรอง แต่มันฏ่ออีฟ ซึ่งฏ่ออีฟดังกล่าวนั้น มันสามารถนำมาปฏิบัติได้หรือไม่? นี่คือประเด็นระหว่างพวกเรากับวะฮาบียะฮ์ครับ
ส่วนการซิกิรแบบโยกแรง ๆ จนกระโดดกันนั้น ผมเองก็ไม่ยอมรับในการกระทำเช่นนั้น เพราะมันเสียมารยาท เหมือนกับวะฮาบีที่เชื่ออัลเลาะฮ์มีรูปร่างนั่นแหละครับ มันไม่มีหลักฐานรับรอง อิมามอะห์มัดบอกว่า คนเชื่อเช่นนั้นเป็นกาเฟร แล้วคุณจะว่าอย่างไร
สรุปที่วะฮาบีเข้ามาแบบร้อนและเป็นทุกข์ในเรื่องการลูบหน้าพร้อมดุอาหลังละหมาดนั้น ไม่ใช่เพราะเราไปบังคับวะฮาบีให้กระทำ แต่เพราะเรามีทัศนะไม่ตรงกับวะฮาบี สิ่งที่ทัศนะของฉันยึดเท่านั้นที่ถูก!
ดังนั้นเรื่องลูบหน้าพร้อมดุอาหลังละหมาดเสร็จแล้ว จึงเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่และเป็นเนื้อแท้ของศาสนาอิสลามที่วะฮาบีบางคนต้องยืนหยัดและต่อต้าน ส่วนเรื่องอะกีดะฮ์อัลเลาะฮ์มีรูปร่าง จึงเป็นเรื่องเล็ก ที่วะฮาบีบางคนวางเฉย