Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: subson Date: ก.พ. 07, 2010, 10:24 AM
ประวัติศาสตร์ มีไว้ศึกษาเป็นบทเรียน ไม่ใช่มีไว้เถียงหรือโจมตี
นี่หรือ ผู้รู้ แห่งประชาชาติ อิสลาม
***** ท่านนบี คงภูมิใจ กับสิ่งที่พวกคุน ขวนขวาย ซินะ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 07, 2010, 10:29 AM
ประวัติศาสตร์ มีไว้ศึกษาเป็นบทเรียน ไม่ใช่มีไว้เถียงหรือโจมตี
นี่หรือ ผู้รู้ แห่งประชาชาติ อิสลาม
***** ท่านนบี คงภูมิใจ กับสิ่งที่พวกคุน ขวนขวาย ซินะ
ผู้รู้แห่งประชาชาติอิสลาม มีหน้าที่ แก้ข้อใส่ไคล้ต่อเรื่องราวที่มีผู้บิดเบือน
อีกนัยยะหนึ่งก็คือ กระชากตัวตนที่แท้จริงในแนวทางบิดเบือนนั้นๆ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: subson Date: ก.พ. 07, 2010, 11:17 AM
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว
แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร
นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี อายะฮฺจากชัยฏอน ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา
จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด
.. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน ( อัลมาอิดะฮ 5:8 )
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 07, 2010, 11:55 AM
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว
แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร
นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี อายะฮฺจากชัยฏอน ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา
จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด
.. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน ( อัลมาอิดะฮ 5:8 )
บทความที่คุณสับสนยกมานี้ มันเป็นกรณีของ มุอาวิยะฮฺวางยาพิษสังหารท่านหะซันจริงหรือไม่ ?
แหม๊ ๆ ไม่อ้างอิงเรยน๊า...
กรณีของกระทู้นี้ หลักฐานต่างๆ เราต้องศึกษาจากประวัติศาสตร์ที่แท้จริง...
ความถูกต้องที่แท้จริง คือการที่เราได้รับรู้ประวัติศาสตร์จากคนอาหรับ แท้ๆ
ที่สำคัญเชื่อถือได้ซะด้วยสิ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: Al-Ainawi Date: ก.พ. 07, 2010, 12:02 PM
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว
แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร
นี่คือกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไปสำหรับใช้กับข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด
ขอให้เราดูตัวอย่างของกรณี อายะฮฺจากชัยฏอน ซึ่งถูกนายซัลมาน รุชดี ผู้อื้อฉาวนำไปใช้ประโยชน์ในทางเสียหายและมุ่งร้าย
ซัลมาน รุชดีไม่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสูญญากาศ แต่เขาพบมันในหนังสือประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการทำให้มันดูถูกต้องน่าเชื่อถือ ทำไม?
เหตุผลนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะเขามีแผนการอะไรบางอย่าง และมีความปักใจเชื่อตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อบุคคลใดก็ตามที่กล่าวหาคนอื่น โดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบหลักฐานของตนที่นำมาใช้กล่าวหา
ว่ามีความถูกต้องน่าเชื่อถือหรือไม่ และที่ทำไปเช่นนั้นก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ชอบ...
บุคคลเช่นนั้นมีความผิดไม่น้อยไปกว่าซัลมาน รุชดีและน้ำหมึกของเขา
จงอย่าให้ความเป็นศัตรูที่ท่านมีต่อคนๆ หนึ่งเป็นเหตุจูงใจเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านจะว่าคนนั้นคนนี้มีความผิด
.. และจงอย่าให้การเกลี่ยดชังพวกหนึ่งพวกใดทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน ( อัลมาอิดะฮ 5:8 )
ไปบอกเชคริฏอสิ ท่านสับสน
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: Muftee Date: ก.พ. 07, 2010, 01:43 PM
ข้ออ้างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จะต้องพิสูจน์ยืนยันกันด้วยหลักฐาน
ข้อกล่าวหาที่สร้างขึ้น แต่ขาดการพิสูจน์ มันก็เป็นเพียงการพูดให้ร้ายเท่านั้น ข้อกล่าวหาประเภทนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเพราะเหตุดังกล่าว
แต่แม้จะมีการนำเสนอหลักฐานพยานเพื่อเอามาพิสูจน์ข้ออ้างแล้ว ก็ยังถือว่าไม่เพียงพออยู่ดี
เพราะมีเงื่อนไขสำคัญอย่างยิ่งอย่างหนึ่งจะต้องทำให้สำเร็จ และนั่นก็คือความถูกต้องน่าเชื่อถือ
ผู้อ้าง( หรือผู้กล่าวหา )มิได้มีความรับผิดชอบในการนำพยานหลักฐานมาแสดงตามข้ออ้างของเขาเท่านั้น
แต่เขายังจะต้องแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานของเขาถูกต้องน่าเชื่อถืออีกด้วย
เพราะตราบใดที่เขาไม่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องน่าเชื่อถือของมันได้ ข้ออ้างของเขามิได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจะเป็นข้อกล่าวหาที่เหลวไหลและไร้แก่นสาร
]
ตำราที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล่มนี้เป้นทำตาที่ถูกค้นคว้าขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
เนื่องจากเป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ ดังนั้น ผู้แต่งต้องละเอียดรอบคอบ
ในการค้นคว้า เพราะประวัติศาสตร์นี้มีความเกี่ยวข้องถึงความสัมพันธฺอันดีระหว่างประเทศอาหรับด้วยกัน
ดังนั้น หากว่าผู้แต่งไม่มีความละเอียดรอบคอบตามที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว แน่นอนว่าตำราเล่มนี้
ต้องไม่ถูกนำมาใช้สอนในโรงเรียนหรือในมหาลัย และแน่นอนว่าตำราที่ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น ต้องได้รับการรับรอง
จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ ดังนั้นเมื่อมีการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของ
ประเทศนั้นๆ ก็แสดงว่า ถือเป็ฯตำราที่น่าเชื่อถือ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: subson Date: ก.พ. 07, 2010, 02:38 PM
ตำราที่เขียนขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล่มนี้เป้นตำราที่ถูกค้นคว้าขึ้นอย่างละเอียดรอบคอบแน่นอน
เนื่องจากเป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ ดังนั้น ผู้แต่งต้องละเอียดรอบคอบ
ในการค้นคว้า เพราะประวัติศาสตร์นี้มีความเกี่ยวข้องถึงความสัมพันธฺอันดีระหว่างประเทศอาหรับด้วยกันดังนั้น หากว่าผู้แต่งไม่มีความละเอียดรอบคอบตามที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว แน่นอนว่าตำราเล่มนี้
ต้องไม่ถูกนำมาใช้สอนในโรงเรียนหรือในมหาลัย และแน่นอนว่าตำราที่ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น ต้องได้รับการรับรอง
จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ ดังนั้นเมื่อมีการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของ
ประเทศนั้นๆ ก็แสดงว่า ถือเป็ฯตำราที่น่าเชื่อถือ
อืม มิน่า ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------> เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ ****
อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: Al-Ainawi Date: ก.พ. 07, 2010, 03:15 PM
พูดลอยๆเด็ก3ขวบก็พูดได้ ถ้ามีจริงช่วยอ้างอิงหน่อยสิบัง หนังสืออะไร ใครเขียน ประเทศอะไรรับรอง เอารูปมาให้ดูด้วยนะ
ถ้าทำไม่ได้เนี่ย บ้านผมเขาเรียกว่า เก่งเเต่ปาก
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: Muftee Date: ก.พ. 07, 2010, 03:50 PM
อืม มิน่า ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------> เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ
****อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ
คุณ สับสน ครับ มันจะเหมือนกันได้อย่างไรละครับ ในเมื่อที่ท่านยกมานั้นเป็นตำราของชาวชีอะฮฺที่ไม่กินเส้นกับ
อะฮฺลิสสุนนะฮฺฯ มาแต่เดิมแล้ว และประเทศอิหร่านก็ไม่กินเส้นกับประเทศซาอุฯ และ ประเทศที่เป้นชาวสุนนีย์อยู่แล้ว
ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศอิมิเรต ที่เป้นสุนนีย์มาแต่เดิมและคววมสัมพันธ์ทางการฑูตต่อระหว่างทั้งสองประเทศนี้
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย และนี่ก็เป้นการค้นคว้าทางวิชาการในสายอะลิสสุนนะฮฺเองฯ ไม่มีชีอะฮฺมาเกี่ยวข้องเลย
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: wahaba Date: ก.พ. 07, 2010, 06:23 PM
วะฮาบีหรือเปล่าอยู่ใต้ รักแร้ชีอะ
Re: ชะรีฟหุเซนอรับ(ซาอุ)ขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: Andalus Date: ก.พ. 07, 2010, 06:28 PM
อืม มิน่า ตำราชีอะที่ด่าซอฮาบะฮฺ ด่าภรรยาท่านนบี ถึงยังมีอยู่ในปัจจุบัน เพราะคิดกันยังงี้นี่เอง
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮฺ ------> เป็นตำราที่ค้นคว้าในเชิงประวัติศาสตร์ของชนชาติอาหรับ
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ถูกนำมาสอนในโรงเรียนหรือมหาลัยนั้น
ตำราที่ด่าซอฮาบะฮ -------> ได้รับการรับรอง จากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นๆ
****อยู่ใต้รักแร้ชีอะจิงๆ
คุณ สับสน ครับ มันจะเหมือนกันได้อย่างไรละครับ ในเมื่อที่ท่านยกมานั้นเป็นตำราของชาวชีอะฮฺที่ไม่กินเส้นกับ
อะฮฺลิสสุนนะฮฺฯ มาแต่เดิมแล้ว และประเทศอิหร่านก็ไม่กินเส้นกับประเทศซาอุฯ และ ประเทศที่เป้นชาวสุนนีย์อยู่แล้ว
ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศอิมิเรต ที่เป้นสุนนีย์มาแต่เดิมและคววมสัมพันธ์ทางการฑูตต่อระหว่างทั้งสองประเทศนี้
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย และนี่ก็เป้นการค้นคว้าทางวิชาการในสายอะลิสสุนนะฮฺเองฯ ไม่มีชีอะฮฺมาเกี่ยวข้องเลย
สุดท้ายก็สับสนอีกตามเคย
Re: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: muhib Date: ก.พ. 08, 2010, 02:41 AM
salam
ขอความสันติจงมีแด่ทุกท่าน เรื่องนี้คงจะไปกันใหญ่แล้ว ขอให้ท่านอัซฮารี ท่านบาชีร อัยนาวีและทุกท่าน ยุติหัวข้อนี้ก่อนนะครับ
วัสลาม
Re: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: vrallbrothers Date: ก.พ. 08, 2010, 07:01 AM
salam
การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ถ้าหากว่าเป็นความจริงจะไปแปลกอะไรที่เราจะรับรู้ เรียนรู้เพื่อที่จะได้ทราบที่มาที่ไป เรียนรู้เพื่อที่จะปรับปรุงตนเอง แต่ขอให้นำเสนอโดยไม่มีอคติ นำเสนอจากเอกสารที่อ้างอิงได้ ซึ่งในกระทู้นี้ ผู้นำเสนอก็ได้บอกตำราอ้างอิงชัดเจน และตำราก็ได้มีใช้การเรียนจริงในประเทศอมิเรต ซึ่งความถูกต้องของข้อมูลนั้น ก็น่าที่จะไว้ใจได้
"อัลลอฮ์ทรงรู้ยิ่ง"แล้วเราจะเรียนจากตำรานี้บ้างมิได้เหรอครับ?
ส่วนพี่น้องที่ไม่พอใจกับเนื้อหาเล่มนี้ ก็ต้องอดทนอ่าน จะต้องกล้ายอมรับ ถ้าหากว่ามันเป็นความจริง! แล้วถ้าหากว่าตรวจสอบว่า ไม่จริง ก็ให้ช่วยกันนำเสนอข้อมูลที่ท่านมีอยู่ เพื่อจะได้แบ่งปันความรู้ที่มีให้พี่น้องได้อ่านกัน เพื่อจะได้ให้มีความเข้าใจกันและกัน
"วัลลอฮุอะลัม"
Re: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: subson Date: ก.พ. 08, 2010, 07:21 AM
ประวัติศาสตร์สอนประชาชาติอิสลามว่า มุสลิมตกต่ำเพราะขัดแย้งกันเอง บ้าอำนาจ ไม่อยู่ในกรอบ
นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น อุษมานียะ อับบาซียะ อัยยูบี ฯลฯ
อะไรคือเป้าหมายและประโยชน์ของประวัติศาสตร์?
ดูเหมือนพวกคุนยังเป็นประเภท ไก่ได้พลอยอยู่นะ
ลองเข้าห้องน้ำแล้วนั่งลงบนโถส้วม ทำใจสักพักแล้วถามตัวเองว่า
"ตั้งกระทู้ เพื่ออัลลอฮ หรือไม่ ตั้งมาด้วยความบริสุทธ์ใจปราศจากอคติจิงหรือไม่ อะไรที่ได้รับจากกระทู้นี้ ข้อดีข้อเสีย อันหนัยมากกว่ากัน"
ผู้รู้ที่สอนผู้อื่น เพียงต้องการคำชม ยังถูกคว่ำหน้าลากเข้านรก แล้วผู้รู้ที่สอนคนอื่น เพื่อโจมตี เพื่อความสะใจ สร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิมเลวร้ายยิ่งกว่ามิใช่หรือ??
ประวัติศาสตร์ในอัลกุรอานมีมากมาย ถึง70% มันคงไม่เพียงพอ สำหรับพวกคุน ประวัติการล่มของบรรดาคอลีฟะ มันคงไม่เพียงพอกับพวกคุน
ประวัติศาสตร์ นอกอัลกุรอาน เป็นเพียงเรื่องเสริมเท่านั้น มัวแต่เจาะลึกประวัติศาสตร์โดยที่ฮาดิษยังอ่านไม่หมด (ระวังโดนโจมตีเหมือนเชคบินบาซนะ ขนาดท่านตาบอกยังโดนโจมตี แล้วพวกคุนตาดี ระวังๆๆ)
พูดง่ายๆคือ จัดลำดับความสำคัญ แล้วทำที่สำคัญที่สุดก่อน นี่คือแนวทางดะวะของท่านนบี
****รีบอ่านเร็วๆ เพราะสิ่งที่ผมโพสน์ในกระทู้ อ.กอเซ็ม กับ เชคริฎอ ถูกลบออกไปเกลี้ยง สงสัยกลัวรุ่นหลานจะรู้ใต๋ เลยแอบๆลบ ระวังจะโดนลบออกนะรีบอ่านเร็ววววว
Re: ชะรีฟหุเซนอรับขับไล่รัฐอุษมานี่ยะฮโดยความร่วมมือของอังกฤษ By: As-Zaleek Date: ก.พ. 08, 2010, 08:25 AM
ประวัติศาสตร์สอนประชาชาติอิสลามว่า มุสลิมตกต่ำเพราะขัดแย้งกันเอง บ้าอำนาจ ไม่อยู่ในกรอบ
นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น อุษมานียะ อับบาซียะ อัยยูบี ฯลฯ
อะไรคือเป้าหมายและประโยชน์ของประวัติศาสตร์?
ดูเหมือนพวกคุนยังเป็นประเภท ไก่ได้พลอยอยู่นะ
ลองเข้าห้องน้ำแล้วนั่งลงบนโถส้วม ทำใจสักพักแล้วถามตัวเองว่า
"ตั้งกระทู้ เพื่ออัลลอฮ หรือไม่ ตั้งมาด้วยความบริสุทธ์ใจปราศจากอคติจิงหรือไม่ อะไรที่ได้รับจากกระทู้นี้ ข้อดีข้อเสีย อันหนัยมากกว่ากัน"
ผู้รู้ที่สอนผู้อื่น เพียงต้องการคำชม ยังถูกคว่ำหน้าลากเข้านรก แล้วผู้รู้ที่สอนคนอื่น เพื่อโจมตี เพื่อความสะใจ สร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิมเลวร้ายยิ่งกว่ามิใช่หรือ??
ประวัติศาสตร์ในอัลกุรอานมีมากมาย ถึง70% มันคงไม่เพียงพอ สำหรับพวกคุน ประวัติการล่มของบรรดาคอลีฟะ มันคงไม่เพียงพอกับพวกคุน
ประวัติศาสตร์ นอกอัลกุรอาน เป็นเพียงเรื่องเสริมเท่านั้น มัวแต่เจาะลึกประวัติศาสตร์โดยที่ฮาดิษยังอ่านไม่หมด (ระวังโดนโจมตีเหมือนเชคบินบาซนะ ขนาดท่านตาบอกยังโดนโจมตี แล้วพวกคุนตาดี ระวังๆๆ)
พูดง่ายๆคือ จัดลำดับความสำคัญ แล้วทำที่สำคัญที่สุดก่อน นี่คือแนวทางดะวะของท่านนบี
****รีบอ่านเร็วๆ เพราะสิ่งที่ผมโพสน์ในกระทู้ อ.กอเซ็ม กับ เชคริฎอ ถูกลบออกไปเกลี้ยง สงสัยกลัวรุ่นหลานจะรู้ใต๋ เลยแอบๆลบ ระวังจะโดนลบออกนะรีบอ่านเร็ววววว
قَالَ اللهُ تَعَالى : أَتَأْمُرُوْنَ النَّاسَ بِالْبِرِّ وِتَِنْسَوْنَ أَنْفُسَكُمْ وَأَنْتُمْ تَتْلُوْنَ الْكِتَابَ أَفَلا تَعْقِلُوْنَ
صَدَقَ اللهُ الْعَظِيْمُ