ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: Hantu Date: มิ.ย. 28, 2010, 09:41 AM
เมื่อเร็วๆ นี้รายการฮิตของอเมริกา เปิดเผย เหตุผล 10 ประการที่แสดงว่า
กฎหมายชาริอะฮฺ ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับสังคมใดๆ เลย โดยอ้างอิงจากบทความ 2 เรื่อง
คือ Sharia and the United States… และ
Top 10 reasons why Sharia is bad for all จาก American Thinker
มีการเรียงลำดับจาก 10 ไปหา 1 ดังนี้
10. อิสลามสั่งลงโทษผู้ดื่มสุรา และผู้เล่นพนัน
9 . อิสลามอนุมัติให้สามีลงโทษภรรยาด้วยการตีได้
8. อิสลามอนุมัติให้ผู้ถูกกระทำให้บาดเจ็บ ทำการแก้แค้นตอบโต้ด้วยการกระทำในระดับเดียวกัน
7. อิสลามสั่งลงโทษตัดมือขโมยไม่ว่าชาย หรือ หญิง
6. อิสลามสั่งลงโทษถึงชีวิต หรือตัดแขน-ขา โจรที่ดักปล้นตามเส้นทางสัญจร
5. อิสลามสั่งลงโทษประหารสำหรับพวกรักร่วมเพศ
4. อิสลามสั่งลงโทษเฆี่ยนผู้ที่ลักลอบได้เสียกันโดยไม่ได้แต่งงานให้ถูกต้อง ส่วนผู้ที่มีชู้ต้องถูกขว้าง
ด้วยก้อนหินจนตาย
3. อิสลามสั่งว่า ผู้ที่จาบจ้วงวิจารณ์ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศอลฯ) และกฎหมายชาริอะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิม
หรือมิใช่ ก็มีโทษตายสถานเดียว
2. อิสลามสั่งลงโทษถึงชีวิตผู้ที่ละทิ้งศาสนา หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น
1. อิสลามสั่งให้ทำการญิฮาดด้วยความรุนแรง หากไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉันขอความคิดเห็นจากพวกท่าน(นักเรียนของท่านรซูลลุลลอฮ sunnahstudent)
ท่านคิดเห็นเป็นเช่นไร และเป็นไปได้ไม๊ที่จะนำกฏนี้มาใช้ในสังคม
โดยเริ่มต้นจากในบ้านของพวกท่านก่อน
อินชาอัลลอฮ อัลลอฮุ อัคบัร
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: บาชีร Date: มิ.ย. 28, 2010, 11:35 AM
กฎหมายอิสลาม
เป็นกฎหมายที่เหมาะกับมนุษย์มากที่สุดแล้ว
เพราะผู้สร้างย่อมรู้ดีในสิ่งที่เหมาะสมแก่ผู้ที่ถูกสร้าง
ตัวอย่างให้เห็นภาพ
ผู้สร้างรถยนต์ได้ให้คู่มือการใช้รถมาแล้ว ถ้าใช่ผิดเครื่องก็พัง
มนุษย์ก็เหมือนกัน เมื่อออกจากกฎหมายอิสลามก็พัง
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: almadany Date: มิ.ย. 28, 2010, 01:40 PM
9 . อิสลามอนุมัติให้สามีลงโทษภรรยาด้วยการตีได้
อิสลามได้บอกว่า การที่สามีตีภรรยานั้น...ตีแบบไม่ให้เจ็บ ดังนั้นข้อ 9 นี้ถึงว่าไม่รัดกุม
5. อิสลามสั่งลงโทษประหารสำหรับพวกรักร่วมเพศ
สั่งลงโทษนั้น อันนี้ยอมรับ แต่เอาหลักฐานจากตัวบทใหนที่ระบุว่า รักร่วมเพศต้องถูกประหาร...
3. อิสลามสั่งว่า ผู้ที่จาบจ้วงวิจารณ์ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศอลฯ) และกฎหมายชาริอะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิม
หรือมิใช่ ก็มีโทษตายสถานเดียว
ใครดูหมิ่นต้องลงโทษ แต่จะประหารนั้น ต้องดูก่อนเพราะถ้าหากยุยงส่งเสริมให้ต่อต้านอิสลามด้วย ก็ว่ากันไปอีกอย่าง แต่ต้องมีผู้นำที่มีอำนาจในการกระทำสิ่งนี้ได้...
แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ มุสลิมพร้อมที่จะปฏิบัติสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างพร้อมเพรียงแล้วหรือยัง?...หรือว่าคนที่อยากจะให้กฏหมายนี้ ยังดูดใบจากดูดบุหรี่อยู่
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: tatcha_jah ~♪ Date: มิ.ย. 28, 2010, 01:56 PM
2. อิสลามสั่งลงโทษถึงชีวิตผู้ที่ละทิ้งศาสนา หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น
เป็นอิสลามเพราะถูกบังคับ
ไร้เหตุผลไปหน่อยไหม
เขาจะนับถืออะไรมันก็เรื่องของเขา
ปล่อยให้พระองค์ตัดสินดีกว่านะ
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: ILHAM Date: มิ.ย. 28, 2010, 10:35 PM
วาญิบบนพวกคุณๆๆๆๆทุกคน ที่จะต้องทำให้กฎหมายอิสลามถูกประกาศใช้บนหน้าแผ่นดินให้ได้
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: tatcha_jah ~♪ Date: มิ.ย. 28, 2010, 10:53 PM
ด้วยคมดาบ ?
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: ILHAM Date: มิ.ย. 28, 2010, 11:27 PM
ด้วยคมดาบ ?
ไม่ทันกินหรอก กระบอกปืนเลยดีกว่ามั๊ย
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: AKHIR ZAMAN Date: มิ.ย. 29, 2010, 10:32 AM
ท่านศาสนฑูตมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : “ห่วงโซ่แห่งอิสลามจะถูกปลดออก ทีละอัน ทีละอัน และเมื่อใดก็ตามที่ห่วงหนึ่งถูกปลดออกไป ประชาชาติก็จะยึดตามอันที่เหลืออยู่ และห่วงแรกที่จะถูกปลดออกก็คือ ชะรีอะห์ และห่วงสุดท้ายก็คือ การละหมาด” (มุสนัด อัล-อิหม่ามอะหมัด)
ในวันที่ 3 มีนาคม ปี 1924 (พ.ศ.2467) สายเชือกอันมั่นคงแห่งการปกครองของอิส ลาม (แห่งอาณาจักรออตโตมัน/อุซมานียะห์) ได้ถูกล้มเลิกโดย มุสตอฟา กาม้าล อะตาเติร์ก (ผู้ละทิ้งหลักการแห่งศาสนา) โดยมีอังกฤษเป็นผู้ช่วยหลักในการล้มเลิกระบบการเมืองการปกครองแบบอิสลาม
นับ เป็นความวิบัติยิ่งกว่าหายนะใดๆทั้งสิ้น เมื่อแสงสว่างแห่งอิสลามถูกทำให้มอดดับ และถูกเนรเทศอย่างไม่ใยดีออกไปจากชีวิตของเรา ประชาชาติอิสลามถูกทิ้งให้ต้องเผชิญกับการโจมตีของกุฟฟารโดยปราศจากเครื่อง มือป้องกันใดๆ วันที่อุมมะห์อิสลามสูญเสียเกราะโล่ที่คอยป้องกันด้านหลัง ในการรักษาและเผยแพร่ศาสนาของอัลลอฮ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา วัน ที่อำนาจการปกครองถูกนำมาวางลงบนมือสกปรกของมนุษย์ วันที่โลกทั้งโลกเปลี่ยนเข้าสู่โลกแห่งกาเฟรอันมืดมิด เข้าสู่โลกที่กฎหมายนั้นถูกตราขึ้นโดยมนุษย์ (ที่รู้จักกันในนามของ ประชาธิปไตย) ได้ถูกนำมาครอบงำและบังคับใช้ประชาชน เพียงข้ามคืนหลังการประกาศล้มเลิกระบบคิลาฟะฮฺ ประเทศตุรกี ก็ได้ถูกประทับตรา “SECULARISED” (ลัทธิ แยกศาสนาออกจากรัฐ หรือโลกนิยม) ลงบนหน้าประเทศ พลิกจากรัฐหน้ามือที่อิสลามคือวิถีชีวิตเป็นรัฐหลังมือที่สถาบัน ศาสนาถูกควบคุมอย่างเข้มงวด มหาวิทยาลัยอิสลามถูกยุบกลายเป็นเพียงสาขาเล็กๆ ปฏิทินสุรยคติถูกประกาศใช้ให้เป็นปฏิทินทางการแต่เพียงอย่างเดียว สัมปทานผูกขาดและแอลกอฮอล์เริ่มต้นขึ้น เอกสารทางศาสนาถูกห้ามเผยแพร่ในที่สาธารณะ ภาษา อาหรับถูกแทนที่ด้วยละติน ห้ามมีการคุตบะห์หรือบรรยายศาสนาในที่ สาธารณะ แม้กระทั่งการอะซานก็ถูกห้ามปฏิบัติ
มิใช่เพียงแค่ความล่มสลายและการจากไปเท่านั้น ที่อาณาจักออตโตมันได้ทิ้งเอาไว้ให้ แต่ยังมีบทเรียนอีกมากมายที่เราจะต้องศึกษา มูลเหตุแห่งการล่มสลาย ความอ่อนแอภายใน(จากทั้งประชาชน และตัวผู้นำเอง) การพยายามทำตามหลักการตะวันตก (Westernisation) และการผูกมิตรกับชาวคัมภีร์ วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และมูลเหตุอีกหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากการละทิ้งหลักการของอัลลอฮฺตะอาลาทั้งสิ้น แน่นอนอยู่แล้วว่า เมื่อเราพยายามที่จะสร้างความพอใจให้แก่บุคคล อื่นนอกจากอัลลลอฮตะอาลา ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอื่นใด นอกจากความเสียหาย
ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า : “การ ปกครองแบบนบีจะเกิดขึ้นแก่พวกท่านนานตราบเท่าที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.)จะทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นการปกครองแห่งการคิลาฟะห์ผู้ทรงธรรม ที่จะปกครองตามแบบอย่างของท่านศาสนทูต ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นวาระการปกครองของราชวงศ์ (Hereditary power) ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นวาระการปกครองแบบเผด็จการทรราช ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นการปกครองแบบคิลาฟะห์ ตามอย่างท่านศาสนทูต, จากนั้นท่านรอซูลจึงนิ่งเงียบ” (รายงานโดย อิหม่ามอะหมัด, อัลบัซซาร และอัตต๊อบรอนี)
วันนี้ ภาระกิจในการทำงานเพื่อสถาปนาระบบคิลาฟะฮและการบังคับใช้กฏหมายชะรีอะห์ถือ เป็นสิ่งจำ เป็นเหนือมุสลิม ถือเป็นฟัรดูสำคัญ เป็นคำสั่งซึ่งต้องใช้ความพยายามและความเสียสละอย่างสูงที่สุด หากเราละเลยคำเรียกร้องนี้ก็เท่ากับว่าเรานั้นตอบรับคำเชิญชวนสู่ความกริ้ว โกรธของอัลลอฮ (ซุบฮานะฮุวะตะอาลา) ท่านนบีมูฮำ หมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเหล่าซอฮาบะฮฺ (รอฏิยัลลอฮุอันฮุม) ที่เราละเลยเกียรติยศอันยิ่งใหญ่เมื่อครั้งสถาปนารัฐอิสลามแห่งแรก อัลมะดีนะห์ อัลมุเนาวเราะห์ วันนี้ เราถือเป็นตัวแทนสำคัญในการเดินตามรอบเท้า เฉกเช่นที่เหล่าบรรดาคนรุ่นก่อนได้เพียรพยายามสถาปนาขึ้น
อิสลามไม่ได้เป็นแค่วิถีชีวิต แต่อิสลามยังเป็นกฎหมาย เป็นระบอบการปกครองแห่งมนุษยชาติ ที่ถูกกำหนดและประทานลงมาโดยพระผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน เพื่อที่เราทั้งหลายนั้นจะได้รักษาและดำเนินตาม
แต่การสถาปนาระบบคิลาฟะห์จะเกิดผลมิได้หากเรายังไม่ได้สถาปนามัน ขึ้นในหัวใจของอุมมะห์ ประชาชาติที่จะเป็นรากฐานสำคัญของระบอบการปกครอง (เรามี ตัวอย่างให้เห็นถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในสงครามบะดัร และการพิชิตของซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี ล้วนเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงคุณภาพของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา) จำนวน วัยรุ่นมุสลิมเตร็ดเตร่ตามท้องถนนมีมากกว่าจำนวนมุสลิมที่เรียนรู้ศาสนา อัตรามุสลิมมะห์ที่ทำแท้งมากกว่าอัตราการของมุสลิมะห์ที่ท่องจำอัลกุรอ่าน หรือการที่มัสยิดถูกปล่อยให้ที่ว่างร้าง อิหม่ามมีหน้าที่แค่นำละหมาดญะนาซะห์ เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ดีถึงความอ่อนแอและอ่อนด้อยของประชาชน สภาพของประชาชาติที่เปรียบเสมือนฟองน้ำในทะเล เสมือนว่าเรามีทหารในกองทัพมากกว่า 1,600 ล้านคน แต่เป็น 1,600คนล้านที่ 99% กำลังจะตาย
วันนี้ เราไม่จำเป็นจะต้องปฏิรูปอิสลาม เพราะศาสนาของอัลลอฮฺนั้นสมบูรณ์แล้ว ที่จำเป็นต้องปฏิรูปคือ ตัวเรา ครอบครัว และสังคมต่างหาก ไม่ มีความกพร่องใดเกิดกับอะฮฺลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ แต่เป็นความบกพร่องของตัวเราเอง ดัง นั้น จงยึดมั่นในอัลกุรอ่านและซุนนะห์ ติดอาวุธให้กับสังคมมุสลิมเพื่อต่อสู้ในสมรภูมิแห่งความโง่เขลา และเป็นหลักยึดท่ามกลางกระแสแห่งความเลวร้าย จงศึกษาหลักชะรีอะห์อย่างถ่องแท้ แสวงหาความเข้าใจในอะกีดะห์และเตาฮีดให้ลึกซึ้ง จงมุ่งมั่นสู่การปฏิรูปตนเอง ครอบครัวและนำสู่สังคม จงแสวงหาและสร้างญะมาอะห์ และจงจริงจัง
ระบบอิสลามจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ด้วยการที่ผู้แบกภารกิจของระบบอิสลาม เป็นกลุ่มชนที่มีศรัทธาในอิสลามอย่างสมบูรณ์
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: Beechern Date: มิ.ย. 29, 2010, 11:47 AM
ท่านศาสนฑูตมูฮำหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : “ห่วงโซ่แห่งอิสลามจะถูกปลดออก ทีละอัน ทีละอัน และเมื่อใดก็ตามที่ห่วงหนึ่งถูกปลดออกไป ประชาชาติก็จะยึดตามอันที่เหลืออยู่ และห่วงแรกที่จะถูกปลดออกก็คือ ชะรีอะห์ และห่วงสุดท้ายก็คือ การละหมาด” (มุสนัด อัล-อิหม่ามอะหมัด)
ในวันที่ 3 มีนาคม ปี 1924 (พ.ศ.2467) สายเชือกอันมั่นคงแห่งการปกครองของอิส ลาม (แห่งอาณาจักรออตโตมัน/อุซมานียะห์) ได้ถูกล้มเลิกโดย มุสตอฟา กาม้าล อะตาเติร์ก (ผู้ละทิ้งหลักการแห่งศาสนา) โดยมีอังกฤษเป็นผู้ช่วยหลักในการล้มเลิกระบบการเมืองการปกครองแบบอิสลาม
นับ เป็นความวิบัติยิ่งกว่าหายนะใดๆทั้งสิ้น เมื่อแสงสว่างแห่งอิสลามถูกทำให้มอดดับ และถูกเนรเทศอย่างไม่ใยดีออกไปจากชีวิตของเรา ประชาชาติอิสลามถูกทิ้งให้ต้องเผชิญกับการโจมตีของกุฟฟารโดยปราศจากเครื่อง มือป้องกันใดๆ วันที่อุมมะห์อิสลามสูญเสียเกราะโล่ที่คอยป้องกันด้านหลัง ในการรักษาและเผยแพร่ศาสนาของอัลลอฮ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา วัน ที่อำนาจการปกครองถูกนำมาวางลงบนมือสกปรกของมนุษย์ วันที่โลกทั้งโลกเปลี่ยนเข้าสู่โลกแห่งกาเฟรอันมืดมิด เข้าสู่โลกที่กฎหมายนั้นถูกตราขึ้นโดยมนุษย์ (ที่รู้จักกันในนามของ ประชาธิปไตย) ได้ถูกนำมาครอบงำและบังคับใช้ประชาชน เพียงข้ามคืนหลังการประกาศล้มเลิกระบบคิลาฟะฮฺ ประเทศตุรกี ก็ได้ถูกประทับตรา “SECULARISED” (ลัทธิ แยกศาสนาออกจากรัฐ หรือโลกนิยม) ลงบนหน้าประเทศ พลิกจากรัฐหน้ามือที่อิสลามคือวิถีชีวิตเป็นรัฐหลังมือที่สถาบัน ศาสนาถูกควบคุมอย่างเข้มงวด มหาวิทยาลัยอิสลามถูกยุบกลายเป็นเพียงสาขาเล็กๆ ปฏิทินสุรยคติถูกประกาศใช้ให้เป็นปฏิทินทางการแต่เพียงอย่างเดียว สัมปทานผูกขาดและแอลกอฮอล์เริ่มต้นขึ้น เอกสารทางศาสนาถูกห้ามเผยแพร่ในที่สาธารณะ ภาษา อาหรับถูกแทนที่ด้วยละติน ห้ามมีการคุตบะห์หรือบรรยายศาสนาในที่ สาธารณะ แม้กระทั่งการอะซานก็ถูกห้ามปฏิบัติ
มิใช่เพียงแค่ความล่มสลายและการจากไปเท่านั้น ที่อาณาจักออตโตมันได้ทิ้งเอาไว้ให้ แต่ยังมีบทเรียนอีกมากมายที่เราจะต้องศึกษา มูลเหตุแห่งการล่มสลาย ความอ่อนแอภายใน(จากทั้งประชาชน และตัวผู้นำเอง) การพยายามทำตามหลักการตะวันตก (Westernisation) และการผูกมิตรกับชาวคัมภีร์ วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และมูลเหตุอีกหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากการละทิ้งหลักการของอัลลอฮฺตะอาลาทั้งสิ้น แน่นอนอยู่แล้วว่า เมื่อเราพยายามที่จะสร้างความพอใจให้แก่บุคคล อื่นนอกจากอัลลลอฮตะอาลา ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอื่นใด นอกจากความเสียหาย
ท่านรอซูล (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า : “การ ปกครองแบบนบีจะเกิดขึ้นแก่พวกท่านนานตราบเท่าที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.)จะทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นการปกครองแห่งการคิลาฟะห์ผู้ทรงธรรม ที่จะปกครองตามแบบอย่างของท่านศาสนทูต ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นวาระการปกครองของราชวงศ์ (Hereditary power) ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นวาระการปกครองแบบเผด็จการทรราช ซึ่งจะยาวนานตราบเท่าที่พระองค์ทรงประสงค์ จากนั้นพระองค์ก็จะทรงนำกลับไป, จากนั้นจะเป็นการปกครองแบบคิลาฟะห์ ตามอย่างท่านศาสนทูต, จากนั้นท่านรอซูลจึงนิ่งเงียบ” (รายงานโดย อิหม่ามอะหมัด, อัลบัซซาร และอัตต๊อบรอนี)
วันนี้ ภาระกิจในการทำงานเพื่อสถาปนาระบบคิลาฟะฮและการบังคับใช้กฏหมายชะรีอะห์ถือ เป็นสิ่งจำ เป็นเหนือมุสลิม ถือเป็นฟัรดูสำคัญ เป็นคำสั่งซึ่งต้องใช้ความพยายามและความเสียสละอย่างสูงที่สุด หากเราละเลยคำเรียกร้องนี้ก็เท่ากับว่าเรานั้นตอบรับคำเชิญชวนสู่ความกริ้ว โกรธของอัลลอฮ (ซุบฮานะฮุวะตะอาลา) ท่านนบีมูฮำ หมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเหล่าซอฮาบะฮฺ (รอฏิยัลลอฮุอันฮุม) ที่เราละเลยเกียรติยศอันยิ่งใหญ่เมื่อครั้งสถาปนารัฐอิสลามแห่งแรก อัลมะดีนะห์ อัลมุเนาวเราะห์ วันนี้ เราถือเป็นตัวแทนสำคัญในการเดินตามรอบเท้า เฉกเช่นที่เหล่าบรรดาคนรุ่นก่อนได้เพียรพยายามสถาปนาขึ้น
อิสลามไม่ได้เป็นแค่วิถีชีวิต แต่อิสลามยังเป็นกฎหมาย เป็นระบอบการปกครองแห่งมนุษยชาติ ที่ถูกกำหนดและประทานลงมาโดยพระผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน เพื่อที่เราทั้งหลายนั้นจะได้รักษาและดำเนินตาม
แต่การสถาปนาระบบคิลาฟะห์จะเกิดผลมิได้หากเรายังไม่ได้สถาปนามัน ขึ้นในหัวใจของอุมมะห์ ประชาชาติที่จะเป็นรากฐานสำคัญของระบอบการปกครอง (เรามี ตัวอย่างให้เห็นถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในสงครามบะดัร และการพิชิตของซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี ล้วนเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงคุณภาพของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา) จำนวน วัยรุ่นมุสลิมเตร็ดเตร่ตามท้องถนนมีมากกว่าจำนวนมุสลิมที่เรียนรู้ศาสนา อัตรามุสลิมมะห์ที่ทำแท้งมากกว่าอัตราการของมุสลิมะห์ที่ท่องจำอัลกุรอ่าน หรือการที่มัสยิดถูกปล่อยให้ที่ว่างร้าง อิหม่ามมีหน้าที่แค่นำละหมาดญะนาซะห์ เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ดีถึงความอ่อนแอและอ่อนด้อยของประชาชน สภาพของประชาชาติที่เปรียบเสมือนฟองน้ำในทะเล เสมือนว่าเรามีทหารในกองทัพมากกว่า 1,600 ล้านคน แต่เป็น 1,600คนล้านที่ 99% กำลังจะตาย
วันนี้ เราไม่จำเป็นจะต้องปฏิรูปอิสลาม เพราะศาสนาของอัลลอฮฺนั้นสมบูรณ์แล้ว ที่จำเป็นต้องปฏิรูปคือ ตัวเรา ครอบครัว และสังคมต่างหาก ไม่ มีความกพร่องใดเกิดกับอะฮฺลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ แต่เป็นความบกพร่องของตัวเราเอง ดัง นั้น จงยึดมั่นในอัลกุรอ่านและซุนนะห์ ติดอาวุธให้กับสังคมมุสลิมเพื่อต่อสู้ในสมรภูมิแห่งความโง่เขลา และเป็นหลักยึดท่ามกลางกระแสแห่งความเลวร้าย จงศึกษาหลักชะรีอะห์อย่างถ่องแท้ แสวงหาความเข้าใจในอะกีดะห์และเตาฮีดให้ลึกซึ้ง จงมุ่งมั่นสู่การปฏิรูปตนเอง ครอบครัวและนำสู่สังคม จงแสวงหาและสร้างญะมาอะห์ และจงจริงจัง ระบบอิสลามจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ด้วยการที่ผู้แบกภารกิจของระบบอิสลาม เป็นกลุ่มชนที่มีศรัทธาในอิสลามอย่างสมบูรณ์
เข้ามาดูกระทู้นี้ตั้งแต่แรกที่ตั้ง
และตั้งตาคอยว่าจะมีใครไหม พูดถึงการปกครองอย่างที่มันควรจะเป็น
อัลฮัมดุลิลละฮ์ แล้วก็มีคำตอบที่สมควรแก่การรับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ขออัลเลาะฮ์ทรงตอบแทนทั้งผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบคำถาม และพี่น้องทุกๆคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: Hantu Date: มิ.ย. 29, 2010, 12:42 PM
วันนี้ เราไม่จำเป็นจะต้องปฏิรูปอิสลาม เพราะศาสนาของอัลลอฮฺนั้นสมบูรณ์แล้ว
ที่จำเป็นต้องปฏิรูปคือ ตัวเรา ครอบครัว และสังคมต่างหาก
ไม่มีความกพร่องใดเกิดกับอะฮฺลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ แต่เป็นความบกพร่องของตัวเราเอง
ดังนั้น จงยึดมั่นในอัลกุรอ่านและซุนนะห์ ติดอาวุธให้กับสังคมมุสลิมเพื่อต่อสู้ในสมรภูมิแห่งความโง่เขลา
และเป็นหลักยึดท่ามกลางกระแสแห่งความเลวร้าย จงศึกษาหลักชะรีอะห์อย่างถ่องแท้
แสวงหาความเข้าใจในอะกีดะห์และเตาฮีดให้ลึกซึ้ง จงมุ่งมั่นสู่การปฏิรูปตนเอง ครอบครัวและนำสู่สังคม
จงแสวงหาและสร้างญะมาอะห์ และจงจริงจัง
ระบบอิสลามจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ด้วยการที่ผู้แบกภารกิจของระบบอิสลาม เป็นกลุ่มชนที่มีศรัทธาในอิสลามอย่างสมบูรณ์
(สมแล้วที่ท่านได้รับการกล่าวขานชื่อว่า "นักเรียนของท่านรซูลลุลลอฮ")อัลลอฮู อัคบัร อัลลอฮู อัคบัร
อัลลอฮู อัคบัร อัลลอฮู อัคบัร
อัซฮาดุอันลา อีลาฮาอินลัลลอฮฮฮฮฮฮฮ
อัซฮาดุอันนามูฮำมาดัรรอซูลุลลอฮฮฮฮฮฮ
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: Beechern Date: มิ.ย. 29, 2010, 01:47 PM
ความแตกแยกที่เกิดขึ้นของกลุ่มอิสลาม เกิดขึ้นจากการแยกแยกภายในกันเอง
โดยเฉพาะความคิดเรื่องชาติพันธ์นิยม ซึ่งในประวัติศาสตร์เคยได้ผลมาแล้วจากการที่กลุ่มอาหรับแตกออกเป็นกลุ่มชาติต่างๆ
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: ActionMask Date: มิ.ย. 29, 2010, 06:15 PM
แต่ละข้อมันไปขัดใจ พวกที่ชอบทำผิดน่ะสิ
พวกที่ อึดอัดกับกฎหมายอิสลาม มีสองพวก พวกที่ทำัชั่ว กับคิดจะทำชั่วนะ ผมว่า
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: ILHAM Date: มิ.ย. 29, 2010, 10:28 PM
งูจ๊ะให้ถูกก่อนดีกว่ามั๊ย
รู้สึกว่า ลิ้นจะแข็งขึ้นนะท่านฮันตู ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: Hantu Date: มิ.ย. 30, 2010, 07:47 AM
ยิ้ม เป็นภาษาสากลที่ทุกคนเข้าใจได้ มันมีพลังที่จะทำให้คนอื่น ทุกเพศทุกวัยพลอยยิ้มไปกับคุณด้วย
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นชนชาติ เผ่าพันธุ์ หรือสีผิวอะไรก็ตาม
นอกจากนี้แล้วยิ้มยังสร้างมิตรภาพ กำลังใจ และความหวัง ให้เกิดขึ้นแทนความหดหู่อีกด้วย
ในทางจิตวิทยา การยิ้มเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความมีสุขภาพดี ความจริงแล้ว
ยิ้ม เป็นธรรมชาติทางจิตใจของมนุษย์ เพราะบางครั้งเรายิ้มให้แก่คนที่ยิ้มให้แก่เรา ทั้งๆที่เราไม่รู้จักคนผู้นั้น
และเรายิ้มให้คนผู้นั้นโดยที่เราไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำไป
ถ้าใครมีพระเจ้า ยิ้มไว้ครับ เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาเสมอ
เมื่อเราเชื่อเช่นนี้แล้ว เราจะต้องมากังวลอะไร เมื่อเรารู้อยู่แก่ใจว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแก่เราล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา
ฉันกำลังยิ้มให้ท่านอยู่นะท่านอิลฮาม 
และตามด้วย salam
Re: ข้อเสนอ10ข้อที่กาเฟรไม่เอา แต่ฉันอยากให้ใช้ใน3จชต. By: ILHAM Date: มิ.ย. 30, 2010, 11:41 AM
หน้าที่ของผมก็คือยิ้มสินะ 55555
แล้วก็ وعليكم السلام ورحمة الله تعالى وبركاته
แบบว่า ผมชอบจับผิดคนอื่นน่ะ เห็นงูจ๊ะไม่ชัดเหมือนลิ้นแข็ง 555