กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ )
Pages: 12
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: AUZULODEEN Date: ก.ย. 23, 2010, 11:03 AM
กล้องวงจรปิด ฟ้องแทนไม่ต้องพูด
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: บาชีร Date: ก.ย. 23, 2010, 08:52 PM
ทำไมชายสองหญิงหนึ่งบาปล่ะ ก็ผู้หญิงแต่งได้คนเดียวนิ
แล้วทำไมหญิงสองชายหนึ่งถึงไม่บาป ทั้งๆที่ชายนั้นสามารถแต่งงานได้กับทั้งสองเลย
ไม่ได้กวนนะ ถามเอาความรู้

เพราะระหว่างผู้หญิงจะมีความอายด้วยกันมากกว่า

แต่ชายกับชายจะไม่มีความอายเท่าไหร่
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: taufik Date: ก.ย. 23, 2010, 10:37 PM
 salam

ดูกระทู้นี้แล้วนึกถึงเรื่องที่อาจารย์พูดถึงเรืองนี้พอดี ในคาบเรียนเย็นนี้ อาจารย์เขาพูดว่า
"ชายหญิงเรียนนัยห้องเดียวกันได้ มันขึ้นอยู่กับใจของเราที่จะคอนเสนเทรดกับมัน ถ้าหากว่าเราเนียตว่าจะมาเรียนจิงๆมันไม่มีทางที่เราจะไปคอนเสนเทรดกับเพศตรงข้ามอยู่แล้ว ในทางกลับกันถ้าสมมุติว่าห้องเรียนมีฝาหรือมีอะรัยมากั้นคั่นไว้ระหว่างชายกับหญิง แต่จัยเรายังรู้สึกโฟกัสถึงเรื่องเพศตรงข้ามอยู่สุดท้ายมันก็เกิดฟิตนะฮฺอยู่ดีถึงแม้จะมองไม่เห็นกันในระหว่างที่เรียนอยู่ก็ตาม และอาจารย์ก็ยกตัวอย่างการทำฮัจญ์ว่า มีหรือที่เราจะไปคิดหรือนึกถึงเพศฝ่ายตรงข้ามในขณะประกอบอิบาดะฮฺอยู่มากกว่าการรำลึกถึงพระเจ้า และแน่นอนเราไม่นึกถึงเพศฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้วถ้าหากจัยเรารำลึกถึงพระองค์และเนียตที่ถูกต้อง"

Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: muhibbah Date: เม.ย. 28, 2011, 11:42 AM
ขอขุดกระทู้นี้น่ะครับ คืออยากให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ครับ ประเด็นนี้น่าสนใจมากครับ
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: Muftee Date: ต.ค. 31, 2013, 11:40 PM

ศึกษาเพิ่มเติม : http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=10593.0
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: nada-yoru Date: พ.ย. 01, 2013, 10:00 AM
แล้วในสถานที่ทำงานล่ะคะ...เพราะเราคงเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องพบปะพูดคุยเจรจากันในเรื่องกิจการงาน
และเรื่องของธุรกิจ...และหากว่ามันตั้งอยู่ในขอบเขตในความเหมาะสม ไม่ได้จับเล่นกันหรือจับมือถือแขนกัน
หรือสัมผัสเนื้อกัน จะจัดอยู่ในกรณีไหน...

แล้วก็ยังคิดสงสัยอีกว่า...เมื่อมีการพูดคุยเรื่องงานเป็นการส่วนตัวกับเพศตรงข้ามในห้องประชุม
เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ...แต่ก็มิได้ปิดประตูห้อง อย่างนี้จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่...
แน่นอนว่า คุยกันเฉพาะเรื่องงาน...เพื่อให้การทำงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น...





Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: Muftee Date: พ.ย. 01, 2013, 04:44 PM
แล้วในสถานที่ทำงานล่ะคะ...เพราะเราคงเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องพบปะพูดคุยเจรจากันในเรื่องกิจการงาน
และเรื่องของธุรกิจ...และหากว่ามันตั้งอยู่ในขอบเขตในความเหมาะสม ไม่ได้จับเล่นกันหรือจับมือถือแขนกัน
หรือสัมผัสเนื้อกัน จะจัดอยู่ในกรณีไหน...

แล้วก็ยังคิดสงสัยอีกว่า...เมื่อมีการพูดคุยเรื่องงานเป็นการส่วนตัวกับเพศตรงข้ามในห้องประชุม
เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ...แต่ก็มิได้ปิดประตูห้อง อย่างนี้จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่...
แน่นอนว่า คุยกันเฉพาะเรื่องงาน...เพื่อให้การทำงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น...







ทุกอย่างหากวางอยู่ในขอบแขตที่เหมาะสม ก็ถือว่าไม่เป็นไรคับ
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: BasemDeen Date: พ.ย. 02, 2013, 06:22 AM
แล้วในสถานที่ทำงานล่ะคะ...เพราะเราคงเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องพบปะพูดคุยเจรจากันในเรื่องกิจการงาน
และเรื่องของธุรกิจ...และหากว่ามันตั้งอยู่ในขอบเขตในความเหมาะสม ไม่ได้จับเล่นกันหรือจับมือถือแขนกัน
หรือสัมผัสเนื้อกัน จะจัดอยู่ในกรณีไหน...

แล้วก็ยังคิดสงสัยอีกว่า...เมื่อมีการพูดคุยเรื่องงานเป็นการส่วนตัวกับเพศตรงข้ามในห้องประชุม
เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ...แต่ก็มิได้ปิดประตูห้อง อย่างนี้จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่...
แน่นอนว่า คุยกันเฉพาะเรื่องงาน...เพื่อให้การทำงานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น...
ผมคิดว่า ประตูจะปิด ไม่วันใดก็วันนึง
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: nada-yoru Date: พ.ย. 02, 2013, 12:11 PM
ประตูจะปิดหรือเปิดนั้น...ขึ้นอยู่กับเรามากกว่าอีกฝ่ายค่ะ
เพราะถ้าเราไม่เปิดประตูใจให้กว้างจนเขาเลิกเกรงใจ เลิกให้เกียรติแล้ว
ประตูห้องก็จะเปิดอยู่อย่างนั้น...

แต่เมื่อใดที่เราเปิดใจอ้ารับเขาเข้ามาจับจองโดยลืมถึงความเหมาะสม
และลืมเป้าหมายในการพูดคุยกัน ประตูห้องก็ย่อมต้องปิดลงได้ในสักวันค่ะ
ขึ้นอยู่กับเรามากกว่าอีกฝ่ายค่ะ...

ก่อนจะประเมินคนที่ปิดหรือเปิดประตูห้อง
เราคงต้องมองมาที่เราก่อนใคร...
ว่าเราได้แสดงท่าทีอะไรออกไปบ้าง

เหมือนตอนเรียนน่ะค่ะ เราตั้งใจว่าเราจะไปโรงเรียนเพื่ออะไร
หากเราตั้งเป้าหมายว่า เราไปโรงเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้
แม้ระหว่างนั้นจะมีอะไรย่างกรายเข้ามา แต่เราก็ไม่ลืมเป้าหมาย
และเราก็ดำเนินวิธีการไปตามที่ควรจะเป็น เราก็จะถึงเป้าหมายได้
ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ อัลลอฮฺทรงเห็น

เพราะเมื่อกระบวนการถูกต้อง เป้าหมายมันก็จะมาหาเราเอง

ความยำเกรง (ตักวา) คือกำแพงที่ปิดกั้นสิ่งที่ไม่ดี
ไม่ให้เข้ามาหาเราได้ค่ะ...

เพราะความยำเกรงจากหัวใจจะเป็นตัวบังคับให้กายโน้มตาม
การกระทำหรือการแสดงออกก็ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น
โดยอัตโนมัต...

แต่เมื่อใดก็ตามที่ความยำเกรงหายไปจากใจ
ต่อให้มีกำแพงหนามากั้นขวาง นัฟซูของมนุษย์ก็จะสามารถ
ผ่ากำแพงนั้นไปได้ในที่สุดค่ะ...

^^




Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: nada-yoru Date: พ.ย. 02, 2013, 12:34 PM
ปล.ขอทิ้งทายอีกนิดค่ะ...

พ่อของข้าน้อยเคยให้คำปรึกษาตอนที่ข้าน้อยโทรไปขอคำปรึกษา
เกี่ยวกับปัญหาที่ประสบพบเจอมา

ใจความนึงที่ยังตรึงใจก็คือ...

พ่อบอกว่าปลาในท้องทุ่งนาเวลายามมีน้ำเต็มทุ่งมันก็สนุกสนาน
บางตัวสนุกจนลืมความแห้งแล้งที่เคยผ่านมา ทั้งที่ปกติแล้ว
ทุกๆปีมันก็ต้องพบเจอกับความแห้งแล้งและความสนุกสนานเช่นนี้
เวียนวนไปมา และบางตัวมันก็สนุกสนานแต่ก็ไม่ลืมความแห้งแล้ง
จึงมีการตระเตรียมตัวเองและสะเบียงเอาไว้...

พอหน้าแล้งมาเยือน น้ำในทุ่งเหือดหาย มันก็จะฝังไข่ของมันไว้ในโคลนตม
พร้อมกับกระเสือกกระสนพาตัวของมันหาแหล่งน้ำใหม่
มันต้องการจะไปยังบึง

บึงที่มีน้ำคือเป้าหมายของมัน...

ปลาบางตัวสามารถไปถึงบึงน้ำได้ ปลาบางตัวก็ไปไม่ถึง
ทั้งๆที่มันก็กระเสือกกระสนดิ้นรนจะไปให้ถึง

เหตุเกิดเพราะ...มันกระเสือกกระสนไปบนเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทาง
ที่จะพามันไปยังบึงน้ำได้นั่นเอง...ปลาตัวไหนกระเสือกกระสน
ดิ้นรนไปบนทางที่จะพาไปยังบึงน้ำได้ หากมันไม่ตายเสียก่อน
มันก็ย่อมต้องได้เจอบึงน้ำ...และสามารถรอดพ้นได้...

แต่ตัวใดที่ดิ้นรนผิดทิศทาง มันย่อมไม่เจอ ไม่มีทางได้เจอ...
และก็ต้องเหนื่อยเปล่า...สุดท้ายก็ต้องนอนแห้งตายให้เราได้พบเห็น...


พ่อก็เลยบอกว่า...เกิดเป็นคนก็ต้องดิ้นรนกันทั้งนั้น
แต่เราต้องให้แน่ใจว่า ทางที่เรากำลังเดินอยู่นั้น จะพาเราไปยังเป้าหมาย
ได้จริงๆรึเปล่า ถ้าไม่แน่ใจ ก็ต้องศึกษาเส้นทางที่จะไปให้ดี...

ส่วนไข่ปลาที่ถูกฝังตัวไว้ในโคลนตมนั้น เมื่อวันที่ฝนตกลงมา
มันก็จะฟักตัวออกมา แม้ไข่จะไม่สามารถฟักออกมาได้ทั้งหมด
แต่ก็ย่อมต้องมีหลงเหลือรอดมาได้บ้าง...

นั่นจึงเป็นกระบวนการของพวกปลาเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของมัน
และตัวของมันให้อยู่รอด...

...คนที่ไม่ดิ้นรนก็ไม่ได้แตกต่างจากคนที่ตายไปแล้ว...



Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: BasemDeen Date: พ.ย. 02, 2013, 08:47 PM


ก่อนจะประเมินคนที่ปิดหรือเปิดประตูห้อง
เราคงต้องมองมาที่เราก่อนใคร...
ว่าเราได้แสดงท่าทีอะไรออกไปบ้าง


เอาแล้วไง
Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: nada-yoru Date: พ.ย. 02, 2013, 09:19 PM
เราในที่นี้ หมายถึง ตัวของผู้หญิงค่ะท่าน ^^
คือจะไปโทษอีกฝ่ายนึงอย่างเดียวคงจะดูไม่ยุติธรรมนัก
เราก็ต้องมองมาที่เราก่อนว่า...เราได้ทำให้เขาคิดเป็นอื่นนอกเหนือจากเรื่องงานหรือไม่
ถ้าเราโฟกัสทุกอย่างไปที่งาน ก็คงต้องเป็นเรื่องงาน
สายตา น้ำเสียง การเลือกใช้คำพูด ท่วงท่า กิริยา
ทุกอย่างหากเราพยายามวางให้อยู่ในความเหมาะสม
ข้าน้อยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องอื่นคงยากน่ะค่ะ...
อย่างน้อยเราก็ต้องเช็คดูแล้วว่าคนที่เราคุยด้วยนั้น
เขามีวุฒิภาวะแค่ไหน แล้วเขาไว้ใจได้แค่ไหน...

ซึ่งความเหมาะสมหากจำเป็นต้องคุยกันสองต่อสองในห้องประชุม
ก็คือ การเปิดประตูอ้าเอาไว้ เพื่อกันข้อครหานินทาด้วยค่ะ
คนไม่รู้เขาก็เอาไปพูดให้เสียหายได้อีก...อย่างน้อยใครเดินผ่าน
ไปมาก็จะเห็นด้วยหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา...

ถ้าเขาไม่เปิด เราก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดเองค่ะ...
ถ้าเขาพยายามปิด เราก็ต้องหาเรื่องเปิดมันค่ะ...
เพราะมันคือมารยาทอย่างหนึ่งในที่ทำงานค่ะ...
เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน...^^

การระมัดระวังเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ควรระแวงอีกฝ่ายจนกลายเป็นการทำลาย
ความไว้วางใจของผู้อื่น ว่ามั้ยคะ...^^

ว่าแต่ท่าน BasemDeenดูจะข้องใจเรื่องประตูจังเลย..^^
เคยแอบคิดนะคะว่า ประตูในห้องประชุมจะสร้างเอาไว้ทำไม...เฮะๆ

ปล.เดี๋ยวนี้เราคุยงานกันทางไลน์ได้แล้ว หายห่วงเรื่องประตูไปได้บ้างแล้วค่ะ ^^







Re: การปะปนระหว่างชาย-หญิงเพื่อการศึกษาถือเป็นสิ่งหะรอมและเป็นบาปใหญ่เชียวหรือ? By: BasemDeen Date: พ.ย. 03, 2013, 06:29 AM
 sad: