Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: yunus Date: พ.ย. 01, 2010, 09:42 PM
อัสตัฆฟิรุลลออฮ์
ความรู้และอิบาดะห์เป็นสมบัติที่สำคัญที่สุด ดังนั้นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเอาใจใส่ในทั้งสองอย่างนี้ ทุ่มเทความยากลำบากเพื่อทั้งสองอย่างนี้ เพราะอื่นจากสองสิ่งนี้เสียหายไม่มีประโยชน์
ฐานรากที่สำคัญของแนวทางตะเซาวุฟ
- รักษามารยาทชารีอะห์
- รักษามือตีนอย่าล่วงล้ำไปสู่หะรอม ซุบหัต
- รักษาอวัยวะทั้งหมดจากสิ่งห้าม
- ทุกลมหายใจพร้อมอัลลอฮ์ไม่ลืม
- ไม่แตะต้องเท่าเมล็ดงาที่ซุบหัต
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: Rachyds Date: พ.ย. 01, 2010, 11:02 PM

สลาม
ก่อนอื่น ผมต้องขอมาอัฟต่อเพื่อนพี่น้องที่รักทุกท่าน หลังจากที่ผมได้อ่านกระทู้ที่ตั้งขึ้นมาเกี่ยวกับแนวทางของหลักตะเซาวุฟ กระผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเลื่อมใสต่อแนวทาง และปฏิบัติมาจวบจนทุกวันนี้
- ประเด็นที่อ้างถึงการทำซิเกรจนถึงระดับขั้นที่เรียกกันว่า ฟานา จนทำให้เกิดคำว่า “กูคืออัลลอฮ”จากตำราข้างต้น ตามหลักการถือว่าถึงขั้นแห่งการที่ได้ชื่อว่าหลงทาง เป็นอย่างมากเพราะ การที่คนใดคนหนึ่งได้พากเพียรพยามยามในการทำซิกิร จนถึงขั้นนั้น แล้วเผลอสดุดคำน้ำขึ้นมา แปลได้ว่าเขาผู้นั้นหลุดพ้นจากการใช้สติปัญญา หรือหลุดจากหลักชาริอัต เพราะไม่มีวันที่อัลลอฮ(ซ.บ)จะสถิตอยู่ในมนุษย์ผู้ต่ำต้อย เหมือนเช่นในศาสนาคริส ได้กล่าวว่าพระเจ้าได้สถิตพระองค์ในตัวพระบุตร เพราะจะได้ตระหนักถึงความระทมในการเป็นมนุษย์ หรือลิ้มลองการเป็นมนุษย์
- การกล่าวคำพรรณนาถึงแก่คนที่เรารัก มิใด้หมายความว่าเรานั้นจะต้องคร่ำครวญ จนเราลืมเสียว่าคนที่เราคร่ำครวญถึงนั้นคือพระผู้สร้าง จะเป็นการดียิ่งถ้าเราคร่ำครวน ในฐานะที่เป็นบ่าวอันต่ำต้อย ไร้ซึ่งน้ำยา ไร้ซึ่งความสามารถ เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวธุลี “อย่าประมาทในความสามารถของชัยตอนมารร้าย เพราะมันสามารถทำให้มนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าเข้มแข็งเกิดความพ่ายแพ้ เปรียบเสมือนกับเด็กที่กำลังกลิ้งฟุตบอลไปๆมาๆ”
- ต้องยอมรับว่าคนอาลิฟนั้นรับเกรียติจากอัลลอฮ(ซ.บ)โดยผ่าน อิลฮัม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอิลฮัมนั้นยังประเสริฐน้อยกว่า วาฮยู ที่อัลลอฮ(ซ.บ)ประทานให้แก่รอซูลและนาบี เฉกเช่นเดียวกัน คนที่ขึ้นว่าอาลิฟในหมู่บรรดาอุมัต อาจมิอาจเทียบเท่าได้เลยกับรอซูลและเหล่าบรรดาตอบีอีน อาจกล่าวได้ว่าความประเสริฐของเหล่าบรรดาอุมัตที่ขึ้นว่าประเสริฐที่สุดแล้ว จะน้อยกว่านบีถึงเจ็ดสิบเท่า อีกประการนึงเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอิลฮัมที่ได้มา จะไม่ขัดกับหลักชาริอัต ถ้าหากผู้นั้นไม่มีความรู้เกี่ยวหลักการในอัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ
- หลักการ ชาฟาอัต นั้น ผู้หนึ่งผู้ใดไม่สามารถชาฟาอัตให้แก่บุคคลอื่นได้ นอกเสียจากการอนูมัติ จากอัลลอฮ(ซ.บ) ถ้าเรามามอง ในประวัติของท่านนบีอิบรอฮีม(อ.ฮ) จะเห็นได้ว่าท่านก็ไม่สามารถชาฟาอัตให้แก่บิดาของท่านได้เลยแม้แต่น้อย แม้นว่าท่านเพียรขอดุอาว์ต่ออัลลอฮ จนน้ำตาใหลพราก และท่านนบีลูฏก็ไม่สามารถทำการชาฟาอัต ต่อภรรยาของท่านแม้นแต่น้อย เพราะภรรยาของท่านเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ให้การช่วยเหลือมุชริก แล้วท่านยังมัวคิดอีกหรือว่าแค่เพียงดุอาว์คนอาลิฟคนนึง สามารถที่จะชาฟาอัตแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ หรือแน่ใจหรือว่าเขาสามารถทำใบเบิกทางหรือพาสปอร์ต ให้แก่ผู้ใดก็ได้ โดยไม่ถูกทำการสอบสวน หรือ อาจกล่าวได้ว่าทำการคอรัปชั่นต่อมาลาอีกัต ในอลัมบัรซักหรือวันแห่งการใต่สวน(กิยามัต)
- การที่ท่านนบีคัยดิร ได้รับความรู้จากอัลลอฮ(ซ.บ)นั้นถือว่าเป็นอภิสิทธิพิเศษ แต่ถึงกระนั้นก็ตามท่านก็คือหนึ่งในบรรดานบี ที่คอยได้รับวาฮยู จากอัลลอฮ(ซ.บ) ท่านนบีมูซาได้รับอิลมู(วาฮยู)เกี่ยวกับปัจจุบัน แต่ท่านนบีคัยดีรได้รับอิลมู(วาฮยู)เกี่ยวกับเรื่องอนาคต
-การทำซิกิร ต่ออัลลอฮ(ซ.บ) เป็นการเปิดประตูในการที่บ่าวของอัลลอฮ(ซ.บ) จะรำลึกถึงพระองค์ ถึงแม้นว่าจะไม่ได้ผ่านครูหรือรับมูบาญิอะต์จากผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม ครูมูรชิตเปรียบได้ดั่งครูพี่เลี้ยงซึ่งคอยแนะนำต่อบรรดาสานุศิษย์ ในการปฎิบัติตนเพื่อเข้าไกล้อัลลอฮ เพราะฉะนั้น เราควรเคารพท่านเปรียบเสมือนครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง แต่เมื่อใดที่หลักคำสอนและหลักการปฏิบัติขัดกับหลักชาริอัตหรืออัลกุรอ่านและหลักฮาดิษ เราก็สมควรที่จะไม่ปฏิบัติตามท่าน
-หลักการตะเซาวุฟโดยแก่นแท้แล้วคือการควบคุมอารมณ์ไฝ่ต่ำของเราให้สามารถบังคับจิตใจให้ห่างจาก นัฟซูที่ทำให้ผู้หนึ่งเสื่อมเสีย เช่น ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความตระหนี่ ความโอ้อวด ความฟุ้งเฟ้อ(มูบัรซิร) โดยเอาสิ่งดีๆเข้ามาแทนที่ เช่นซุโกร อ่อนน้อมถ่อมตน เพียงพอ เข้ามาแทนที่ในจิตใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราอาจพบเจอในจิตใจเราทุกวี่วัน ทุกผู้คน
-หลังจากที่เราควบคุมอารมณ์ ได้ระดับนึง เราก็ควรที่จะเพิ่มบรรดาอามาลอีบาดัต พร้อมทั้งซิกร เพื่อเป็นการเพิ่มระดับอีหม่านของเรา ให้ทำกระทำอย่างขยันขันแข็ง หรืออิสติกอมะฮ ให้คงเส้นคงวา
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: al-azhary Date: พ.ย. 02, 2010, 05:55 PM

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: As-Zaleek Date: พ.ย. 02, 2010, 08:43 PM
http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,6658.msg89141/topicseen.html#new พระนามวิจิตรของอัลเลาะฮ์ทั้ง 99 (เชิงตะเซาวุฟ)
นี่ไงครับ เฏาะรีเกาะฮ์หรือซูฟีย์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อันบริสุทธิ์ ต้องรู้จักซีฟาตและอัสมาอฺให้ถ่องแท้เสียก่อน ไม่ใช่ไปหมกมุ่นอยู่กับดุอาที่เรียกวิญญาณเรียกญินหรือฟันแทงไม่เข้า...ทั้งชีวิตก็มะรีฟัตยาก ถูกอิบลีสวางหลุมพลางโดยไม่รู้ตัว...เตาบะฮ์เถอะคร้าบ
บางคนอยู่ฏ่อรีเกาะฮ์นั้นนี้มาตั้งหลายปี แต่กลัับไม่ได้อะไร เลยต้องย้ายไปรับอีกฏ่อรีเกาะฮ์หนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมะรีฟัต...เพราะไปร่ำเรียนหมกมุ่นสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง...เตาบะฮ์เถิด
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: isma-il Date: พ.ย. 03, 2010, 06:48 PM

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮและไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
อัสลามุอลัยกุมฯ
ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนอาจารย์อารีฟีน หรือ ผู้รู้ท่านอื่นๆ อยากให้อธิบายขยายความข้อความหนาข้างบนด้วย จะขอบพระคุณอย่างมากครับ
วัสลามฯ
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: Rachyds Date: พ.ย. 03, 2010, 11:17 PM

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
ประเด็นตรงนี้ ผมอยากให้อาจารย์อารีฟีน ให้ความกระจ่างดีกว่าครับ คิดว่าน่าจะละเอียดดี
แต่โดยส่วนตัวแล้ว การมูบายาอะฮ หรือเรียกกันว่า มอบตัวศิษย์ นั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่เราศึกษาอัลฮาดิษให้ครอบคลุมทุกแง่มุม เพราะท่านรอซูล(ซ.ล) นั้นคือบุรุษที่ได้ชื่อว่าสมบูรณืแบบที่สุดในโลก เราคนที่ตามก็น่าจะได้รับนูรจากท่าน
สำหรับเราๆท่านๆ มีเด่นบ้างด้อยบ้าง ก็ต้องหาประเภทอาเล็มและเก่งตาเซาวุฟครับ
ขอตอบแบบง่ายๆ ไม่เน้นวิชาการ ช่วงนี้ยังยุ่งอยู่กับน้ำท่วมครับเลยไม่ค่อยมีเวลา
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: sunny Date: พ.ย. 04, 2010, 02:38 PM
ท่วมหนักมากเลย
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: เด็กท่าเรือ Date: ธ.ค. 25, 2011, 10:42 PM
:salam:ท่านผู้รู้ทุกท่าน ขุดขึ้นมาศึกษาเพิ่มเติมครับท่าน....หายไปเกือบปีไม่มีใครให้ความกระจ่างตามที่ท่าน

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
ครับผม...
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: isma-il Date: ธ.ค. 26, 2011, 05:42 PM
:salam:ท่านผู้รู้ทุกท่าน ขุดขึ้นมาศึกษาเพิ่มเติมครับท่าน....หายไปเกือบปีไม่มีใครให้ความกระจ่างตามที่ท่าน

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
ครับผม...
มาดันเพิ่มอีกคน
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: al-azhary Date: ธ.ค. 27, 2011, 11:27 AM

ทำไมไม่พูดเกี่ยวกับความสำคัญของการมุบายะอะฮ์และไม่พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือคุณสมบัติของครูที่เรารับอิสนาด(สายสืบ)จากเขาถึงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้รู้ว่าครูแบบใหนที่เราจะยอมรับมาเป็นครูของเราในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจเพื่อมีความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา
ประเด็นตรงนี้ ผมอยากให้อาจารย์อารีฟีน ให้ความกระจ่างดีกว่าครับ คิดว่าน่าจะละเอียดดี
แต่โดยส่วนตัวแล้ว การมูบายาอะฮ หรือเรียกกันว่า มอบตัวศิษย์ นั้นไม่สำคัญเท่ากับการที่เราศึกษาอัลฮาดิษให้ครอบคลุมทุกแง่มุม เพราะท่านรอซูล(ซ.ล) นั้นคือบุรุษที่ได้ชื่อว่าสมบูรณืแบบที่สุดในโลก เราคนที่ตามก็น่าจะได้รับนูรจากท่าน
สำหรับเราๆท่านๆ มีเด่นบ้างด้อยบ้าง ก็ต้องหาประเภทอาเล็มและเก่งตาเซาวุฟครับ
ขอตอบแบบง่ายๆ ไม่เน้นวิชาการ ช่วงนี้ยังยุ่งอยู่กับน้ำท่วมครับเลยไม่ค่อยมีเวลา
การรับมุบายะอะฮ์ ไม่ใช่เป็นการมอบตัวเป็นศิษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมสะนัดไปยังท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และครูที่เราเลือก ต้องเป็นครูที่รอบรู้อัลกุรอานและซุนนะฮ์ แล้วครูก็จะสอนหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮ์แก่เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่เกี่ยวกับตะเซาวุฟ ส่วนหลักอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่เกี่ยวข้องกับฟิกห์และอะกีดะฮ์นั้น โดยรวมเป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ที่ศึกษาอัลกุรอานและซุนนะฮ์พร้อมกับมีตะเซาวุฟ ผู้นั้นคือผู้ที่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์อย่างสมบูรณ์มากกว่า เพราะบางซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์นั้น มีแต่ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟสามารถกระทำได้ครับ
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: taufik Date: ธ.ค. 29, 2011, 04:24 PM
สลาม
"เพราะบางซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์นั้น มีแต่ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟสามารถกระทำได้ครับ"
เช่น ซุนนะฮ์อะไีรบ้างครับอาจารย์ ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟช่างประเสิรฐยิ่งแท้
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: al-azhary Date: ธ.ค. 30, 2011, 02:25 PM
สลาม
"เพราะบางซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์นั้น มีแต่ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟสามารถกระทำได้ครับ"
เช่น ซุนนะฮ์อะไีรบ้างครับอาจารย์ ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟช่างประเสิรฐยิ่งแท้
หัวใจซิกิร(รำลึก)อัลเลาะฮ์ตลอดเวลาหรือส่วนมากของวันและไม่ลืมพระองค์
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: Madgulp Date: ธ.ค. 31, 2011, 07:46 PM
หนังสือเล่มนั้นดี แต่มีปัญหาอยู่ (ผมได้ลองให้ผู้รู้ตรวจสอบแล้ว)
ยกตัวอย่างเช่น การใช้คำว่าชีริกเล็ก ที่ไม่ตรงกับการอธิบายในฮะดีษขอรอซูลุลลอฮ์
หรือ การพยายามปัดเป่าอารมณ์ให้หายไป อันนี้ไม่ตรงกับอิสลาม เนื่องจากรอซูลุลลอฮ์ก็มีหัวเราะ ดีใจ เสียใจ หรือแม้แต่การร้องให้
และอื่นๆอีกมากมาย ที่ควรหลีกเลี่ยงในหนังสือเล่มดังกล่าว
วัลลอฮุอะอฺลัม
ไม่ทราบว่าหนังสืออะไรหรอคับ ชื่อหนังสือนะคับ
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: taufik Date: ม.ค. 03, 2012, 07:38 PM
สลาม
"เพราะบางซุนนะฮ์ของท่านนะบีย์นั้น มีแต่ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟสามารถกระทำได้ครับ"
เช่น ซุนนะฮ์อะไีรบ้างครับอาจารย์ ผู้ที่อยู่ในตะเซาวุฟช่างประเสิรฐยิ่งแท้
หัวใจซิกิร(รำลึก)อัลเลาะฮ์ตลอดเวลาหรือส่วนมากของวันและไม่ลืมพระองค์
ญาซากัลลอฮ์คอยร็อน
Re: รับตอรีกัตใช่เหรอไม่ By: hotshot Date: พ.ย. 06, 2012, 04:53 PM
อยากทราบครับว่าท่านBeechernท่านทราบได้อย่างไรครับว่าท่านนบีมูฮัมหมัดตายแบบไม่สบายครับ คิดอย่างนั้นไม่รู้ว่าท่านคิดได้อย่างไร ท่านร่อซูลุ็ลเลาะฮ์นั้นเป็นที่รักยิ่งของอัลเลาะฮ์ครับ คิดด้วยปัญญาอันโง่เขลาของผมๆยังรู้เลย