ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 01, 2010, 04:30 PM
*
"Kekacauan yang berlaku itu adalah dari kekacauan yang ada di dalam pikiran" [Oleh Dr. Zulkayandri, Ustadz Fakultas Syariah dan Ilmu Hukum, Tutur di Bangunan Kuliah Fakultasnya pada waktu belajar matakuliah Hadits Ahkam, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 28-11-2009]
*
คำแปล:
"ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมานั้น ก็มาจากความวุ่นวายที่มีอยู่ในความคิดนั่นเอง" (โดย ดร.ซุลกายันดรี, อาจารย์คณะชรี
อะฮ์และกฎหมายทั่วไป, กล่าวที่ตึกเรียนของคณะตอนช่วงเวลาเรียนวิชาหะดีษอะห์คาม, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 28-11-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 01, 2010, 04:32 PM
*
"Jangan masuk lokal dengan tiada perasaan kuliah" [Oleh Dr. Zulkayandri, Ustadz Fakultas Syariah dan Ilmu Hukum, Tutur di Bangunan Kuliah Fakultasnya pada waktu belajar matakuliah Hadits Ahkam, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 28-11-2009]
*
คำแปล:
"จงอย่าได้เข้าห้องเรียนโดยไร้ความรู้สึกอยากเรียน" (โดย ดร.ซุลกายันดรี, อาจารย์คณะชรี
อะฮ์และกฎหมายทั่วไป, กล่าวที่ตึกเรียนของคณะตอนช่วงเวลาเรียนวิชาหะดีษอะห์คาม, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 28-11-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 01, 2010, 04:40 PM
*
"Ada hukum, ada dalil. Dan setiap dalil berbeda peringkatnya" [Oleh Usthdz Dasman, Ustadz Fakultas Ushuluddin, Tutur di Asrama Putra pada waktu belajar ekstra tentang agama, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 27-10-2009]
*
คำแปล:
"(เมื่อ) มีกฎเกณฑ์ (ก็ย่อมต้อง) มีหลักฐาน และทุกๆ หลักฐาน ล้วนแต่มีระดับชั้นที่แตกต่างกันไป" (โดยอุสตาฑดัสมัน, อาจารย์คณะอุศูลุดดีน, กล่าวที่หอพักชาย ช่วงสอนศาสนาพิเศษภาคค่ำ, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 27-10-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 01, 2010, 05:04 PM
*
"Tidak semua masalah ada dalam Al-Qur'an, tetapi setiap hukum ada dalam Al-Qur'an" [Oleh Usthdz Dasman, Ustadz Fakultas Ushuluddin, Tutur di Asrama Putra pada waktu belajar ekstra tentang agama, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 27-10-2009]
*
คำแปล:
"ไม่ใช่ทุกประเด็นปัญหาที่ได้มีอยู่ในอัลกุรอาน แต่ทุกกฎเกณฑ์ต่างหากที่มีอยู่ในอัลกุรฺอาน" (โดยอุสตาฑดัสมัน, อาจารย์คณะอุศูลุดดีน, กล่าวที่หอพักชาย ช่วงสอนศาสนาพิเศษภาคค่ำ, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 27-10-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: โต๊ะปาเกร์ Date: ธ.ค. 01, 2010, 05:29 PM
* "เราเกิดมา เพื่อทำอิบาดัต, ละหมาดเคร่งครัด สุนัต...อย่าขาด, ตื่นละหมาดดดด ดึกๆ นึก-ถึง-ตูฮัน, อย่ามัว..นอนฝัน ถึงสวรรค์..ดุนยา!!!!! "
(โดยท่านครู บาบออับดุลการีม นาคนาวา, โต๊ะครูปอเนาะดาลอ, กล่าวที่บาลาย ช่วงสอนศาสนาภาคค่ำ, มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติดาลอ(ปอเนาะดาลอ), จังหวัดปัตตานี, ประเทศไทย, เมื่อ ไม่นานมานี้เอง)

Re: ถ้อยคำครู By: tatcha_jah ~♪ Date: ธ.ค. 01, 2010, 10:40 PM
ความวุ่นวายในชีวิตของดิฉันเกิดจากความเหนื่อย
ความเครียดความทุกข์ใจส่วนมากมาจากความเหนื่อย
เมื่อคืนไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนนั่งปั่นการบ้าน
วันนี้ทรมานทั้งวันเพราะเหนื่อย...เฮ้อ....ที่ทำน่ะ...ดุนยาทั้งนั้น
(ทุกวันนี้พวกเราเหนื่อยกับดุนยามากไปหรือเปล่า)
T_T
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 02, 2010, 09:04 AM
อิสลามไม่ได้สอนให้เราละทิ้งดุนยา แต่อิสลามสอนให้เราจัดการดุนยาให้สมดุลกับอาฅิเราะฮ์
อิสลามไม่ได้สอนให้เราละทิ้งนัฟสู แต่อิสลามสอนให้เราจัดการนัฟสูให้สมดุลกับเหตุ
เพราะทั้งสองนี้ อิสลามรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์
เพราะมนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ด้วยเลย
วัลลอฮุอะอ์ลัม - วัสสลามุอลัยกุม
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 02, 2010, 09:14 AM
*
"Pertanggungan keadaan yang haram yang sedang di dalam keadaan dharurat itu dibolehkan. Tetapi menanggungnya selama-lamamya, maka ia akan menjadi fardhu kifayah untuk menghindarkan dari perkara yang haram yang sedang di dalam keadaan dharurat itu." [Oleh Usthdz Dasman, Ustadz Fakultas Ushuluddin, Tutur di Asrama Putra pada waktu belajar ekstra tentang agama, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 27-10-2009]
*
คำแปล:
"การแบกรับสภาวะต้องห้ามที่อยู่ท่ามกลางสภาวะฉุกเฉินนั้นเป็นที่อนุญาต แต่การแบกรับมันไว้ตลอดไปนั้น มันก็จะกลายเป็นฟัรฎูคิฟายะฮ์ เพื่อให้มีการหลีกเลี่ยงจากสิ่งต้องห้ามที่อยู่ท่ามกลางสภาวะฉุกเฉินนั้นได้" (โดยอุสตาฑดัสมัน, อาจารย์คณะอุศูลุดดีน, กล่าวที่หอพักชาย ช่วงสอนศาสนาพิเศษภาคค่ำ, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 27-10-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 02, 2010, 09:21 AM
*
"Melaksanakan hukum fiqh itu Iman. Berbeda dengan [melaksanakan] undang-undang umumnya. Selama lagi ada Iman, selama itu ia melaksanakan hukum fiqh" [Oleh Usthdz Dasman, Ustadz Fakultas Ushuluddin, Tutur di Asrama Putra pada waktu belajar ekstra tentang agama, UIN_Suska, Riau, Indonesia. Pada 27-10-2009]
*
คำแปล:
"การปฏิบัติกฎเกณฑ์ทางนิติศาสตร์อิสลามนั้นคือ (การปฏิบัติด้วย) การศรัทธา ซึ่งจะแตกต่างกับ (การปฏิบัติตาม) กฎหมายทั่วไป ที่ซึ่งตราบใดที่มีความศรัทธา ตราบนั้นเขาก็ (ยังคง) ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางนิติศาสตร์อิสลามนั่นเอง" (โดยอุสตาฑดัสมัน, อาจารย์คณะอุศูลุดดีน, กล่าวที่หอพักชาย ช่วงสอนศาสนาพิเศษภาคค่ำ, มหาวิทยาลัยอิสลามแห่งรัฐสุลต่านชะรีฟกอสิม, จังหวัดเรียว, ประเทศอินโดเนเซีย, เมื่อ 27-10-2009)
Re: ถ้อยคำครู By: Al Fatoni Date: ส.ค. 01, 2011, 02:58 PM
สรุปใจความสำคัญจากมัจลิสบรรยายหนังสือ "หิกัม"
โดยอาจารย์อาริฟีน แสงวิมาน
เมื่อ ๑๕-๐๕-๒๐๑๑ สอนที่สถาบันกุดวะฮ์ฯ กรุงเทพมหานคร
-
ตศ็อววุฟ คือจิตวิญญาณของศาสนา, เมื่อไม่มีตศ็อววุฟก็เหมือนโครงกระดูกที่ไร้วิญญาณ
- การที่อัลลอฮฺทรงถามสิ่งๆ หนึ่ง นั่นไม่ได้หมายความว่าพระองค์ทรงไม่รู้ข้อเท็จจริงของสิ่งนั้น แต่พระองค์ทรงประสงค์จะทำการ
"อิซฮาร" หรือเปิดเผยให้สิ่งถูกสร้างอื่นๆ ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงของสิ่งนั้นด้วย ซึ่งพวกเขา (สิ่งถูกสร้างอื่นๆ นั้น) มิอาจรู้ถึงข้อเท็จจริงของสิ่งๆ หนึ่งได้ เว้นแต่อัลลอฮฺจะทรงเปิดเผยถึงข้อเท็็จจริงของสิ่งนั้นให้เขาได้รับรู้นั่นเอง
- ต่อให้ความดีที่ถูกทำนั้นจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่หากทำไปโดยไม่มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺแล้ว ความดีนั้นก็ย่อมถูกปฏิเสธและเปล่าประโยชน์ไป
-
ตศ็อววุฟ จะทำให้จิตใจของเราเกิดความนอบน้อม (ตะวัฎฎู
อฺ) ต่ออัลลอฮฺ
- คนที่จิตใจ
"อุบูดียะฮ์" นั้น จะชอบทำ
อะมัล
อิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮฺ
-
ศูฟีย์ คือผู้ที่ถูกชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งการจะเป็นศูฟีย์นั้นลำบาก และต้องใช้ความพยายามและอดทนสูง
- ผู้ที่อยู่ในเฏาะรีเกาะฮ์ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศูฟีย์เสมอไป แต่ถือว่าเขาเป็นเพียงผู้เริ่มต้น (ไปสู่การเป็นศูฟีย์) เท่านั้น และหากเขายังคงทำการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ (ทั้งที่ได้รับเฏาะรีเกาะฮ์แล้วนั้น) เขาก็ย่อมยังเป็นคน "ฟาสิก" (คนชั่ว หรือบาป ซึ่งมิอาจจะไต่เต้าสู่การเป็นศูฟีย์ได้เลย)
-
เป้าหมายของตศ็อววุฟ คือการขัดเกลาจิตใจ หรือการขจัดสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺออกจากจิตใจ
- อัลหะดีษ
"แท้จริงท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม รำลึกถึงอัลลอฮฺ ตอาลา ตลอดเวลา" (จากพระนางอาอิชะฮ์, สรุป)
- ธรรมชาติของมนุษย์จะอยู่บนนัฟสุ ซึ่งเรามิอาจจะขจัดมันให้ออกไปจากจิตใจของเราได้เลย แต่เราสามารถควบคุมมันได้โดยใช้หลักตศ็อววุฟ
- สิ่งที่จะบ่งชี้ว่าเราสามารถควบคุมนัฟสุ (กิเลส) ได้ ก็คือ จิตใจ หรือหัวใจของเรานั้นจะเกิดความรู้สึกอยากจะถวิลหาอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในทุกสภาพการณ์นั้น หัวใจของเขาจะมีการมอบหมายต่ออัลลอฮฺในทุกๆ เรื่อง
- สิ่งที่จะบ่งชี้ว่าหัวใจของเราเกิดการถวิลหาอัลลอฮฺ ก็คือ เมื่อเราเกิดความรู้สึกอยากจะทำสิ่งดีงาม และไม่ทำชิริก (ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ) ไม่ว่าจะโดยเปิดเผยหรือซ่อนเร้นก็ตาม ซึ่งเมื่อไม่มีชิริก หัวใจของเขาก็จะมีแต่อัลลอฮฺเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
- จุดสรุป หรือ
เป้าหมายของการเรียนตศ็อววุฟ ก็คือ "
การได้เข้าหาอัลลอฮฺ" นั่นเอง
- อัลหะดีษ
"จงทำอิบาดะฮ์เสมือนว่าเห็นอัลลอฮฺ แม้ท่านจะมองไม่เห็นพระองค์จริงๆ แต่พระองค์ก็ทรงมองเห็นเราอยู่ตลอดเวลา" (สรุป)
- บาปกรรมที่ผ่านมาก็เป็นดั่งทรายที่ถูกทับถมจนสูงขึ้นๆ ฉะนั้น เมื่อเรียนตศ็อววุฟ ก็เสมือนว่าเรากำลังตักทรายแห่งบาปกรรมนั้นออกไป ซึ่งกว่าจะหมดก็ต้องใช้เวลา
-
หัวใจที่มีความสุขที่สุด ก็คือหัวใจที่อยากจะพบกับอัลลอฮฺ ตอาลา และมันเป็นความสุขที่อยู่นานตราบจนถึงวันกิยามะฮ์
- ผู้ใดที่มีจิตใจอยากถวิลหายังอัลลอฮฺ อัลลอฮฺก็อยากจะพบกับเขา และผู้ใดที่จิตใจของเขาถวิลหาต่ออัลลอฮฺ ก่อนตายนั้น อัลลอฮฺก็จะให้เขาเห็นสวรรค์ก่อนตาย ซึ่งถือเป็นกะรอมะฮ์ (เกียรติ) ประการหนึ่งที่อัลลอฮฺจะมอบให้เขา (แม้เขาจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็ตาม)
- สิ่งที่จะทำให้การกระทำ (อะมัล) ของบุคคลคนหนึ่งเปล่าประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเฉยเมย หรือหลงลืม นั่นก็คือ จิตใจของเขาได้เกิดความไม่พอใจ (ริฎอ) ต่อพระกำหนดของอัลลอฮฺ ตอาลา
- อิมามอัลเฆาะซาลีย์ กล่าว (โดยสรุปใจความสำคัญได้) ว่า
"ผู้ใดที่ไม่มีส่วนหนึ่งจากวิชานี้ (ตศ็อววุฟ)
นั้น กลัวเหลือเกินว่าเขาอาจจะมีจุดจบที่ชั่วร้าย (สูอุลฅอติมะฮ์)
"