การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: al-azhary Date: มิ.ย. 24, 2007, 06:03 PM
การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิมกรุงวอร์ชิงตันยืนยันว่ายิวไซออนิคได้จัดตั้งประชุมเกี่ยวกับการเรียกร้องและสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องความมีอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม ในระหว่างการประชุมประจำปีของศูนย์วิจัยอิสลามและประชาธิปไตยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและกิจการตะวันออกกลาง การประชมดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือกับองกรณ์อิสระภาพอเมริกา ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่ายิวไซออนิคเป็นผู้จัดตั้งมันขึ้น
ในการประชมได้ถกกันเกี่ยวกับแนวทางบีบคั้นให้รัฐบาลอาหรับและอิสลามตอบรับเอกสารของสหประชาชาติที่เกี่ยวกับกิจการครอบครัวและสตรี ตามมาตราที่อนุญาตให้มีการทำแท้งได้อย่างอิสระภาพและให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับเรื่องเพศสำหรับบรรดานักเรียนในโรงเรียนและสถาบันอื่น ๆ ตามมาตราที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น และยังได้ถกเกี่ยวกับการคัดค้านของประเทศอาหรับ
บรรดานักวิชาการ(อุลามาอ์)ได้เข้มงวดเกี่ยวกับความจำเป็นในการเผชิญต่อความพยายามต่าง ๆ ที่จะทำลายครอบครัวมุสลิมและต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงของการประชุมครั้งนี้ และจำเป็นต้องมีการจัดตั้งองค์กรทางภาครัฐให้มีการคัดค้านต่อเอกสารดังกล่าวนี้ พวกเขาย้ำว่า เอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาที่ขัดกับคำสอนศาสนาแห่งฟากฟ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลาม คริสต์ และยิว
จากหนังสือพิมพ์ลิวาอ์อิสลาม
Re: การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: บุคคลธรรมดา Date: มิ.ย. 24, 2007, 09:04 PM
อิสระภาพ ในการทำแท้ง
ดูมันคิดแต่ละเรื่อง

Re: การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: นูรุ้ลอิสลาม Date: มิ.ย. 25, 2007, 11:06 AM
สังคมไทยบ้านเราก็เกิดปัญหาอย่างนี้มานานแล้ว การรับหลักสูตรเรื่องเพศเข้ามาเป็นวิชาสอนเด็กไทยในวัยไม่อันควร มันไม่น่าจะมีประโยชน์อันใด ยิ่งกว่านั้นยังสร้างปัญหาให้กับสังคมอีก เพราะเด็กๆนั้น เวลาเรียนเรื่องเพศ ก็จะอยากลองทำกัน เราจะสังเกตุได้จากสังคมไทยปัจจุบันที่มีเด็กคลอดก่อนอายุ 18 ปีก็เยอะ ไม่ต้องมีอันเป็นเรียนกัน มีบุตรก่อนวัยอันควร ไม่พร้อมที่จะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว กลับมาเป็นภาระให้กับพ่อแม่ พอมีหลักสูตรเรื่องเพศเข้ามาเป็นวิชาสอนเด็กๆ การข่มขืนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเกิดอาการอยากลอง จนไม่สามารถแก้ปัญหากันได้เลย ซึ่งการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับสังคมไทยคือ แจกถุงยาง ! ดังกล่าวที่ว่ามานั้นเพราะประเทศไทยน้อมรับคำสั่งจากสหประชาชาติและยิวเมกา
ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มเจาะตลาดประเทศมุสลิมกันแล้วครับ เพื่อให้สังคมมุสลิมมีความเสื่อมโทรมยิ่งขึ้นไปอีก

Re: การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: คนเดินดิน Date: มิ.ย. 25, 2007, 12:24 PM
ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มเจาะตลาดประเทศมุสลิมกันแล้วครับ เพื่อให้สังคมมุสลิมมีความเสื่อมโทรมยิ่งขึ้นไปอีก 
ตำรวจโลกเปลี่ยนบทบาทมาเป็น
ตำรวจ(แพร่เชื้อเอดส์)โลกแล้วเรอะคะ
Re: การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: almadany Date: มิ.ย. 26, 2007, 09:55 AM
สังคมเมืองไทยชี้ชัดครับถึงความอิสระทางเพศจนก่อเกิดปัญหาตามมามากมายเพราะน้อมรับหลักการของตะวันตกเพื่อมาบั่นทอนจริยธรรมของประชาชนเมืองไทย....ตอนนี้หนทางแก้ของประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี คือแจกถุงยางแล้วสอนให้พวกเขามีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ทำให้ท้อง...นั่นคือการแก้ปัญหา

Re: การจัดตั้งประชุมยิวไซออนิคเพื่อหนุนอิสระทางเพศในสังคมมุสลิม By: บุคคลธรรมดา Date: มิ.ย. 27, 2007, 11:10 AM
อัสลามุอะลัยกุ้ม
เห็นเกี่ยวข้องกันค่ะ มาลงให้ต่อเนื่อง
อย.ปัดไม่ได้เปิดช่องใช้ยาทำแท้งเสรี ระบุขอศึกษาผลดี-เสีย ก่อน โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2550 18:00 น.
อย.ปัดไม่ได้เปิดช่องให้ใช้ยาทำแท้งเสรี ขอนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการยา ศึกษาผลกระทบ ข้อดี-เสีย ก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับศีลธรรม
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการอนุญาตให้ใช้ยาเพื่อการทำแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องนำเข้าคณะกรรมการยา เพื่อพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะไม่ใช่เรื่องทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีผลต่อศีลธรรม และต้องคำนึงถึงมิติทางสังคมด้วย ซึ่งทางที่ดี คือ การป้องกันไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือปล่อยให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น เพราะการปล่อยให้ท้อง แล้วทำแท้งก็เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายทาง
?อย.คงไม่ได้เล็งที่จะเปิดช่องให้ขายยาทำแท้ง โดยสามารถจำหน่ายได้ทั่วไป แต่ต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ในการที่สามารถทำแท้งได้ ซึ่งปัจจุบันทำได้ในกรณีที่มีผลต่อสุขภาพกายและจิตของแม่ เช่นได้รับการติดเชื้อแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อเรียกร้องจากฝ่ายต่างๆ โดยมีการทำหนังสือติดต่ออย่างเป็นทางการก็คงจะต้องมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในคณะกรรมการยาที่มาจากหลายฝ่ายทั้งเภสัชกร นักกฎหมาย แพทย์ ตัวแทนองค์กรคุ้มครองสิทธิของผู้หญิง เพื่อพิจารณาถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นด้วย?นพ.นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว