อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: poochayser Date: ธ.ค. 12, 2010, 09:26 AM
ช่วยทีนะผู้รู้ทั้งหลาย
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 12, 2010, 05:01 PM
เรื่องการมีแฟน จะระบุหุกุมว่าหะรอมทันที ก็คิดว่าอาจจะไม่ได้เสียทีเดียว แต่ว่าไปแล้ว ผลเสียคิดว่ามีมากกว่า งง
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: hiddenmin Date: ธ.ค. 12, 2010, 08:44 PM
อย่างแรกก็ต้องถามตัวเองก่อนแล้วละ
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: Beechern Date: ธ.ค. 12, 2010, 08:52 PM
เพราะนัฟซูมักจะโอนเอียงไปทางบาปเสมอนะสิ
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: al-firdaus~* Date: ธ.ค. 12, 2010, 09:27 PM
มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน ?

Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: almuminoon Date: ธ.ค. 12, 2010, 10:10 PM
ช่วยทีนะผู้รู้ทั้งหลาย
ถามว่า มีเเฟนเป็นบาปใหญ่ไหม
คำตอบ เป็นบาปแน่นอน ทั้งนี้จะเป็นบาปใหญ่นั้น ก็ต่อเมื่อได้กระทำในสิ่งที่ศาสนาเรียกว่าเป็นบาปใหญ่ เช่น การร่วมประเวณีกัน หรือการกระทำที่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าในความผิดนั้นๆอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ก็อาจถึงขั้นเป็นการกระทำความผิดที่เป็นบาปใหญ่ โดยสาเหตุหลักของการที่ชายหรือหญิงนั้น จะมีความผิดข้างต้นนี้ อันเนื่องจากการที่เค้าทั้งสองได้ตกลงปลงใจคบกันอย่างที่เค้าเรียกว่า แฟน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ย่อมเป็นการฝ่าฝืนซึ่งหลักการอิสลาม ในเรื่องของการที่อิสลามสั่งใช้ สั่งห้ามให้ชายหรือหญิงได้กระทำสิ่งเหล่านี้
ยกตัวอย่างหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้างต้นนี้ เช่น
อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ ซึ่งมีใจความว่า"และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า""[17:32]
อายะฮข้างต้นนี้ นักวิชาการตัฟซีรได้อธิบายไว้ว่า สื่อใดหรือการกระทำใดก็ตามที่ทำให้คนหนึ่งคนใด อาจจะนำไปสู่การกระทำความผิดในลำดับความผิดต่อไป สิ่งๆนั้น ย่อมมิอาจเข้าใกล้เป็นอันขาด ต้องหลีกเลี่ยงให้พ้น ซึ่งหากเข้าใกล้ย่อมเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ย่อมนำมาซึ่งความผิดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า " لا يخلون رجل بامرأة إلا كان ثالثهما الشيطان " ความว่า "ไม่อนุญาตให้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่กันตามลำพัง ยกเว้นชัยฏอนจะเป็นบุคคลที่สาม" (บันทึกหะดีษโดยติรฺมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " لأن يطعن في رأس أحدك بمخيط من حديد خير له من أن يمس امرأة لا تحل له " ความว่า "การที่บุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านถูกเหล็กแหลมทิ่มที่ศีรษะ (ของพวกท่าน) ยังดีกว่าการที่จะไปสัมผัสสตรีที่นางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับเขา (หมายถึงผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาได้)" (บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์,อัลบัยหะกีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การมองสตรีโดยมิได้ตั้งใจถือว่าไม่มีความผิด แต่หากมองซ้ำอีก (เป็นครั้งที่สอง) ถือว่ามีความผิด " (บันทึกโดยติรมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การทำซินา (การละเมิดประเวณี) ทางสายตา คือการมอง(สิ่งหะรอม) "(บันทึกโดยติรมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " "ดวงตาทั้งสองทำซินา กล่าวคือ การทำซินาของดวงตา คือการมอง " (บันทึกโดยบุคอรีย์)
หะดีษข้างต้นเป็นการบ่งชี้ว่า ศาสนาไม่อนุญาตมองเพศตรงข้ามโดยซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยหาเหตุจำเป็นใดๆไม่ได้ หรือการเข้าใกล้อยู่กันสองต่อสอง หรือสิ่งที่เป็นสื่อใดก็ตามที่จะนำไปสู่ความผิด ศาสนายังไม่อนุญาตเลย แล้วหากเป็นการกระทำที่หนุ่มสาวปัจจุบันได้กระทำไว้ที่ถูกเรียกว่า "แฟน" ย่อมมีความผิดดั่งหลักฐานที่อ้างอิงไว้ข้างต้นเป็นไหนๆ
-----------------------
เเล้วจะทำยังไงดีกับความรู้สึกเเบบนี้
ก็ให้พิจาณาถึงการเลือกคู่ครองตามที่หลักการอิสลามได้กำหนดไว้ อันเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เรานั้นเลือกที่จะคบกับใครสักคนนึง ซึ่งอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดที่ว่า ต้องคบกันก่อนแล้วค่อยแต่งหรือ หากไม่คบแล้ว จะรู้นิสัย ใจคอได้อย่างไร จะแต่งกันได้อย่างไร
ลองพิจารณานี้ดู
การเลือกคู่ครองในอิสลามศาสนามีบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนครับ,
1.การเลือกคู่ครองเราไม่รู้ว่าเธอจะมีนิสัยอย่างไรทั้งต่อหน้าและลับหลัง ? แม้ว่าศาสนาไม่มีระบบแฟนก็ตามแต่หลักการของศาสนาดีกว่าและชัดเจน,เป็นจริงกว่าระบบแฟนหลายร้อยเท่าครับ
ประการแรก หากเราชอบพอสตรีมุสลิมคนใดก็ตาม ให้เราเข้าไปสอบถามพ่อแม่ของนาง เช่น นางมีนิสัยอย่างไร ? เรื่องศาสนาปฏิบัติเคร่งครัดหรือไม่ ? มีข้อเสีย หรือข้อตำหนิอย่างไร ? อาทิเช่น เป็นคนขี้เกียจ,เป็นคนไม่ขยัน,เป็นคนไม่ค่อยรักษาความสะอาดหรือไม่? เป็นต้น, รวมทั้งศาสนายังสงเสริมให้ถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเกี่ยวกับสิ่งตำหนิตามร่างกาย เช่น นางมีข้อตำหนิอะไรบ้าง ? เช่นนางอาจมีปานสีแดงตรงบริเวณหัวเข่า, นางมีแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง เป็นต้น,
ครั้นเมื่อฝ่ายชายมาถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองฝ่ายหญิงแล้ว วาญิบที่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิงจะต้องตอบคำถามตามความเป็นจริง แม้ว่าโรคที่สังคมรังเกียจก็ต้องบอกให้แก่ฝ่ายชายรู้นะครับ ทั้งนี้เพื่อให้ฝ่ายชายกลับไปพิจารณาว่าจะรับข้อบกพร่องของนางได้หรือไม่ ?
ฉะนั้นข้อมูลของฝ่ายหญิงจึงถูกต้องค่อนข้าง 100 % เพราะคนที่รู้จักผู้หญิงที่เราจะอยู่กินกับนางในอนาคตคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเป็นแน่ (แนวทางนี้ส่งเสริมให้ฝ่ายหญิงหาข้อมูลจากพ่อแม่ของฝ่ายชายที่มาสู่ขอเช่นกัน),
นี่ถ้าเป็นระบบแฟนต่างก็โกหกนิสัยซึ่งกันและกัน เพราะต่างคนต่างต้องโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งพึงพอใจตนเอง, แต่อิสลามกลับบอกสิ่งที่เหนือกว่าและยอดเยี่ยมกว่านะครับ
ประการที่สอง ภายหลังที่เราสอบถามพ่อแม่หรือผู้ปกครองของนางแล้วท่านรสูลุลลอฮฺยังสั่งให้พิจารณาเพื่อนสนิทของสตรีที่จะไปสู่ขอ เพราะอะไร เนื่องหากเพื่อนสนิทของนางเป็นคนดีมีศาสนาแล้วละก้อ นางก็เป็นคนดีมีศาสนาเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนอันธพาลก็มักจะมีเพื่อนเป็นคนอันธพาลด้วยกัน หรือคนติดยาเสพติดก็มักจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ติดยาเสพติดเหมือนกัน ซึ่งท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "บุคคลหนึ่งอยู่บนศาสนาของเพื่อนของเขา ดังนั้นท่านจงพิจารณาบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านจากบุคคลที่เป็นเพื่อนของเขาเถิด" (บันทึกโดยอบูดาวูด และติรฺมิซีย์),
หุกุมนี้สั่งใช้ให้ฝ่ายหญิงพิจารณาเพื่อนของผู้ชายที่มาสู่ขอเช่นกัน
2. ส่วนเราจะเข้ากับครอบครัวของนางได้หรือไม่? หรือนางจะเข้ากับครอบครัวของเราได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็นครับ, ประเด็นอยู่ที่เราเป็นบุคคลที่มีศาสนาหรือเปล่า ? (หรือนางมีศาสนาหรือเปล่า?), หากเราไม่มีศาสนา นั่นก็หมายรวมว่าการอยู่ด้วยกันก็เกิดปัญหา ตัวอย่างเช่น ภายหลังที่เราแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งเราก็ย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับนางซึ่งเป็นบ้านที่มีพ่อแม่ของนางร่วมอยู่ด้วย, รุ่งเช้าที่บ้านของนางตื่นนมาซศุบหฺ แต่เราไม่ตื่นนมาซศุบหฺเช่นนี้ก็เกิดปัญหาอย่างแน่นอน
ดังนั้นสิ่งที่ผมเคยตอบไปแล้วนั้น คือศาสนาส่งเสริมให้เลือกคู่ครองของเราที่มีศานาเป็นอันดับแรก อินชาอัลลอฮฺปัญหาจะไม่เกิดขึ้นภายหลังนะครับ อนึ่ง หากคุณต้องการรู้เกี่ยวกับการเลือกคู่ครองอย่างละเอียดแนะนำให้คุณอ่านหนังสือของผมที่ชื่อ "การเลือกคู่ครอง" นะครับ วัลลอฮุอะอฺลัมบิศเศาะวาบ, วัสสลาม
...............
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: leeoe Date: ธ.ค. 12, 2010, 10:15 PM
almuminoon
ขอบคุณครับ ส่วนตัวก็ไม่มีใครเหลี่ยวแลผมอยู่แล้วครับก็เลย ไม่ค่อยคิดไรมากมาย
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: ILHAM Date: ธ.ค. 13, 2010, 07:16 PM
มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน ?

มีกิ๊กได้ 555
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: ZikR Date: ธ.ค. 13, 2010, 07:21 PM
ก็คนส่วนใหญ่มัก(ยัง)ยอมให้จิตใจพันธนาการกับอารมณ์นัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ)อยู่ไงล่ะจ้ะ !!
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: ILHAM Date: ธ.ค. 13, 2010, 07:57 PM
ก็คนส่วนใหญ่มัก(ยัง)ยอมให้จิตใจพันธนาการกับอารมณ์นัฟซู(อารมณ์ใฝ่ต่ำ)อยู่ไงล่ะจ้ะ !!
พูดไปก็อย่าให้เข้าตัวเองแล้วกันเนอะ 555
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 13, 2010, 08:46 PM
แม้บางคนจะอ้างเหตุสารพัดว่า การมีแฟนมีผลดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่น้อยคนนักที่จะคงมั่นกับสัญญา หรืออยู่ในกรอบที่ไม่ก้าวข่ายต่อกันจนทำให้ผิดหลักศาสนา ซึ่งหากดูจากผลของการมีแฟนในปัจจุบัน จนแม้กระทั่งในหมู่มุสลิมกันเองนั้น ก็มักจะลงเอยด้วยสิ่งที่ผิดหลักศาสนา ซึ่งก็มีทั้งที่ผิดในระดับเล็กจนกระทั่งผิดในระดับใหญ่ จนกลายเป็นปัญหาสังคมประการที่ทุกฝ่ายต่างก็หนักใจ
ประกอบกับสภาพแวดล้อมความเป็นจริงนั้น สิ่งยั่วยุที่ทำให้การคบแฟนต้องลงเอยด้วยสิ่งที่ผิดศาสนานั้น ค่อนข้างจะมีอยู่อย่างมากมายและใกล้ตัวเสียยิ่งผิวหนังกับกระดูกเสียอีก เพราะสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเรายอมกระทำความผิดได้นั้น นั่นก็คือการถูกสิ่งยั่วยุบางประการครอบงำ "ความคิด" ของตนนั่นเอง ซึ่งสิ่งยั่วยุนั้นก็สิ่งสถิตอยู่ในตัวเรานี่แหละ เข้าไปในความคิดของเราเสียแล้ว มันไม่ใช่อยู่ใกล้ แต่มันอยู่ในตัวเรา ความคิดของเรา และโปรดระวังเถิด เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันเพียงสองคนหรือปะปนกัน สมาชิกที่จะร่วมด้วยก็คือชัยฏอน ซึ่งหน้าที่ของมันมีอะไรนั้น เราทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว - วัลลอฮุอะอ์ลัม
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: al-firdaus~* Date: ธ.ค. 13, 2010, 09:20 PM

ส่วนตัวคิดว่า เป็นแฟนกันได้นะ ต่างคนต่างให้กำลังใจกันและกัน เป็นเสมือนน้ำอ้อยชโลมหัวใจ

สำคัญ...ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของศาสนา
แต่เมื่อวันหนึ่ง ความรู้สึกมันมากเกินกว่าที่จะซอบัรกับนัฟซูได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ให้เราหยุด แล้วคิด ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ...
หากมั่นใจว่าเขาหรือเธอคือคนที่ใช่ แล้วเราไม่อาจหักห้ามใจในการทำอะไรๆที่ไม่ควรทำ
ก็ในเมื่อความรู้สึกมันเอ่อล้นกับความรักของกันและกัน อยากอยู่เคียงข้างกัน และที่สำคัญ เราสองคนไม่อยากทำผิด
เป็นแฟนกัน ได้ศึกษานิสัยกันและกันมา ความผูกพันธ์มันมี แบบว่า ขาดเธอว์แล้วฉันคงขาดใจ
แบบนี้ แต่งงานคือทางออกที่ดีที่สุดค่ะ

ไม่ต้องรออะไรให้พร้อมมากมาย แค่ปรึกษาผู้ใหญ่ บอกเหตุผลให้เขารับฟัง โดยเฉพาะเหตุผลทางศาสนา
ทุกอย่างมีอุปสรรคก็จริง แต่เราต้องเอาศาสนามาเป็นที่ตั้ง อย่าเอานัฟซูเหนืออิหม่าน อันนี้เตือนทั้งเราและผู้ใหญ่ที่เราไปปรึกษาค่ะ
วันนี้ยังไม่พร้อม อดทนอีกหน่อยได้ไหม ถ้าไม่ได้ แต่งดีกว่านะคะ รอไม่ไหวแล้วล่ะค้าบบบ

ถ้าว่าเราอดทนกับนัฟซูได้ อัลฮัมดุลิลละฮ์ กำหนดการณ์ของอัลลอฮ์ตะอาลาต้องมีมาอย่างแน่นอน
คนเป็นผู้ใหญ่ก็เช่นกันควรมีเหตุผล ลูกหลานมาปรึกษาว่ามีแฟนอยากแต่งงาน (แบบว่า คนนี้จริงจังมากๆแล้ว ที่ผ่านมาทั้งสิบคนนั้นมันไม่ใช่)

ผู้ใหญ่รู้ทั้งรู้ว่าความรู้สึกของวัยหนุ่มสาวมันเหมือนภูเขาไฟที่รอปะทุ

จะให้ห่างกัน แล้วตั้งหน้าเรียนให้จบ ก็กระไรอยู่ (ถ้าคู่รักทำได้ ก็ไม่มีตัณหา เอ้ย ปัญหา)
แต่ส่วนใหญ่ยากมากๆค่ะ คือพวกเขาสองคนก้าวข้ามอะไรเด็กๆไปแล้ว พวกเขามีความรู้สึกที่คนเป็นผู้ใหญ่ก็เข้าใจดี
แต่ผู้ใหญ่มองข้ามไป อะไรๆถึงได้เละเทะเช่นทุกวันนี้

อูย...ยาวจัง ไม่รู้จะต้องกับหัวข้อมั้ย

Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: GeT Date: ธ.ค. 13, 2010, 09:49 PM
โหลดถามตอบปัญหา
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: ILHAM Date: ธ.ค. 13, 2010, 09:49 PM
ห่างกัน ก็หาใหม่แลก๊ะ 555
Re: อยากรู้ ฮูกมของการมีแฟน หากว่าบาปแล้วทำไมเรายังทำ!!!?!?!!! By: tatcha_jah ~♪ Date: ธ.ค. 14, 2010, 04:18 AM
สมัยตอนดิฉันเด็กๆ...คนที่มีแฟน(โดยไม่ได้แต่งงาน)จะโดนประณาม
ผู้หญิงที่ออกตัวว่ามีแฟนแล้ว(โดยไม่ได้แต่งงาน)จะถูกตีตราว่าหน้าด้าน
ดาราที่เป็นพระเอกนางเอกก็ยังต้องบอกว่าตัวเองไม่มีแฟน
แต่สมัยนี้
มันกลับตรงกันข้ามอย่างสุดโต่ง
ดังนั้น
ดิฉันจึงคิดว่า
ที่เขามีแฟนทั้งๆที่รู้ว่าบาปก็เพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคม
สมัยนี้ใครๆก็มีแฟน ใครๆก็ทำกัน ไม่มีสิแปลก ( ขี้เหร่หรือไงถึงไม่มีใครเอาประมาณนั้น)
ซึ่งเรื่องการมีแฟนถือว่าเป็นค่านิยมอย่างหนึ่ง
เพราะคนในสังคมต่างยอมรับการที่ผู้หญิงผู้ชาย(หรือเพศที่345...) จะคบกันเชิงชู้สาว
โดยการยอมรับของคนในสังคม...ทำให้สมาชิกในสังคมมองว่าการมีแฟนเป็นเรื่องปกติ
ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมปฏิบัติกัน
จนทำให้เรื่องไม่ดี เรื่องน่าละอาย เรื่องผิดบาป กลายเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนก็ทำกัน
ตัวอย่างอื่นๆก็เช่น
การใส่กางเกงขาสั้น ใส่เสื้อสายเดี่ยว
การไม่เคารพผู้อาวุโส
การผิดเพศ
การเป็นนักร้อง(สมัยก่อนสมัยก่อนไม่เป็นที่นิยมเพราะเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน)
นางเอกละครแก่นเซี้ยว...ยิ่งร้ายก็ยิ่งดี(ผู้หญิงสมัยนี้จึงมีนิสัยมีการแสดงออกแบบร้ายๆ)
ภาพยนต์ลามกที่ผู้ชมมองว่าเป็นศิลปะ
สาเหตุทั้งหมดก็เพราะสังคมเกิดการพลวัตร
แต่ที่สำคัญ
เพราะมนุษย์ควบคุมตนเองไม่ได้
และคล้อยตามสังคมอย่างไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ เหมือนไม้หลักปักขี้เลน
ไปตามการหล่อหลอมจากสังคม
ทั้งๆที่ลืมไปว่า
แมลงวันทั้งฝูงที่รุมตอมขี้....มันไม่ได้หมายความว่าขี้จะหอม
เช่นเดียวกันกับใครๆที่มีแฟนกัน.....มันก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้อง