การเรียนรู้วิชาการศาสนา By: Haytham Date: มิ.ย. 27, 2007, 10:57 AM
จากที่ทราบมาคร่าวๆ ว่าท่านนาบี มูฮำหมัด (ซล.) เผยแพร่อิสลามเมื่อ1400กว่าปีมาแล้วนั้น มีกุรอ่าน-คัมภีร์ที่อัลลอฮ.ประทานให้มนุษยชาติและแบบแผนชีวิตของท่านรอซูลเป็นบรรทัดฐาน การยอมรับอิสลามเป็นไปตามเงื่อนไขที่อัลลอฮ.ประทานให้คือ
กล่าวชาฮาดะฮยอมรับความเป็นพระเจ้าและการเป็นรอซูลของอัลลอฮ.ของมูฮำหมัด (ซล.)และปฏิบัตตามในสิ่งที่ท่านนาบีนำมา
สำหรับมุสลิมปัจจุบันการศึกษาวิชาศาสนาเบื้องต้น ผ่านการแบ่งเป็นวิชาการดังต่อไปนี้
วิชา เตาฮีด (หลักการศรัทธา) วิชาฟิกห์ (หลักการปฏิบัติ) วิชาตะเซาวุฟพื้นฐาน
คำถาม
1 ) วิชาการพื้นฐานดังกล่าวนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงแบ่งวิชาพื้นฐานออกเป็นสามวิชาในลักษณะดังกล่าว
2 ) บางครั้งวิชาหลักการศรัทธาเรียก เตาฮีด บ้าง อูศูลุดดีน บ้าง อยากทราบว่า เตาฮีด อูศูลุดดีน มีความหมายและแตกต่างอย่างไร อธิบายโดยละเอียด
3) ตามข้อ 2 ฟิกฮ.กับชารีอะฮ. มีความหมายและแตกต่างกันอย่างไร จากที่เห็นการปฏิบัตศาสนกิจที่แตกต่างกันของมุสลิมแต่ละพื้นที่ การเรียนฟิกฮ.ของแต่ละพื้นที่แตกต่างกันหรือไม่
4 ) ตะเซาวุฟ กับอัคลาก มีความหมายและแตกต่างกันอย่างไร ทำไมมุสลิมบางกลุ่มจึงไม่ยอมรับวิชาตะเซาวุฟ
5 ) นอกจากวิชาดังกล่าว การเรียนกุรอ่าน กับฮาดิษ ถือเป็นฟัรฎูอีนหรือไม่
6 ) ปกติเด็กมุสลิมจะเรียนการอ่านกุรอ่าน/ยุซอัมมา/ ผู้ใหญ่มุสลิมจะอ่านอัลกุรอ่านเหมือนกับเด็กแต่จำนวนซูเราะฮจะเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้
ความหมายเป็นกิจวัตร ดังกล่าวนี้การอ่านกุรอ่านถือเป็นการศึกษาและจะยังประโยชน์ลักษณะใดแก่ผู้อ่าน
7 ) มีคำแนะนำอย่างไร สำหรับ นักศึกษาที่เรียนวิชาชีพอื่น บุคคลที่มีหน้าที่การงานมากมายให้เขาได้ศึกษาเพิ่มเติมวิชาศาสนาโดยไม่เฉไฉออกไปนอกประเด็น จากที่ไม่รู้อะไรเลย เรียนไปชักรู้สึกสงสัยว่า แนวปฏิบัตใหนถูกต้อง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพหล่ะกัน// จะตามแนวใหนดี มัซฮับชาฟีอี,สาลาฟี,วาฮาบี,Kaum Tua, Kuam muda,บิดอะฮ์ -----โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัพท์ที่แตกต่างนั้นแปลว่าอะไร
...
Re: การเรียนรู้วิชาการศาสนา By: al-azhary Date: มิ.ย. 29, 2007, 06:32 PM
بسم الله الرحمن الرحيم
ผมขอตอบแบบสรุปดังนี้ครับ
1. วิชาฟิกห์ เตาฮีด และตะเซาวุฟ เป็นวิชาพื้นฐานที่มุสลิมทุกคนต้องรู้เป็นอันดับแรก เพราะในหะดิษบุคอรีย์และมุสลิมได้ระบุยืนยันว่าท่านญิบรีล อะลัยฮิสลาม ได้มาถามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และสอนบรรดาซอฮาบะฮ์เกี่ยวกับ อีหม่าน อิสลาม และเอี๊ยะห์ซาน ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมตอบว่า อีหม่าน คือการศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ , มะลาอิกะฮ์ของพระองค์ , บรรดาคำภีร์ของพระองค์ , บรรดาร่อซูลของพระองค์ , วันกิยามะฮ์ , และการกำหนดสภาวะความดีและความชั่วนั้นมาจากอัลเลาะฮ์ และตอบว่า อิสลามคือ การกล่าวว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ , ดำรงละหมาด , ออกซะก๊าต , ถือศีลอด , และทำฮัจญ์ที่บัยตุลลอฮ์สำหรับผู้มีความสามารถ , และตอบว่า อิห์ซานคือ การที่ท่านทำอิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์เสมือนกับท่านเห็นพระองค์ ดังนั้นแม้นว่าท่านจะไม่เห็นพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงเห็นท่าน
ดังนั้น หากเราจะทราบถึง เรื่องอีหม่าน อิสลาม และอิห์ซานนั้น เราต้องเรียนวิชาเตาฮีด ซึ่งว่าด้วยเรื่องอีหม่านการศรัทธา , วิชาฟิกห์ ซึ่งว่าด้วยเรื่องอัลอิสลาม , วิชาตะเซาวุฟ ซึ่งว่าด้วยเรื่องหลักอะห์ซาน
2. การเรียนวิชาเตาฮีด , อุศูลุดดีน , ฟิกฮุลอักบัร , อะกีดะฮ์ ย่อมมีความหมายเดียวกัน แต่การเรียกต่างกัน นักปราชญ์ไม่ขัดข้องในการเรียกศัพท์ เพราะพิจารณากันที่เนื้อหา
3. คำว่า ฟิกห์ คือวิชานิติศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วย "การรู้ถึงหลักการต่าง ๆ ของศาสนาในเชิงปฏิบัติที่วิจัยมาจากบรรดาหลักฐานแบบรายละเอียด" ส่วนคำว่า ชะรีอะฮ์ หมายถึง "สิ่งที่ประมวลไว้ซึ่งหลักการต่าง ๆ ที่อัลเลาะฮ์ทรงวางบทบัญญัติให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย โดยผ่านทางท่านนบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์
จากคำนิยามทั้งสองเราจะพบว่า ชะรีอะฮ์จะมีความหมายที่ครอบคลุมกว่า หมายถึงวิชาการอิสลามทุกสาขาที่นำมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ล้วนเป็นชะรีอะฮ์ทั้งสิ้น ซึ่งรวมทั้ง ฟิกห์ เตาฮีด ตะเซาวุฟ และอื่น ๆ ส่วนฟิกห์นั้น เฉพาะสำหรับวิชาที่ว่าด้วยเรื่องการปฏิบัติ แต่บรรดานักปราชญ์ฟิกห์นิยมเรียก วิชาฟิกห์ว่า ชะรีอะฮ์ ดังนั้น คำว่าชะรีอะฮ์จึงเป็นสิ่งที่รู้กันในนามวิชาฟิกห์
4. วิชาตะเซาวุฟกับวิชาอัคลาค เป็นวิชาเดียวกัน แต่เรียกต่างกัน นักปราชญ์อิสลามไม่ขัดข้องในการเรียกศัพท์ เพราะเนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าในการพิจารณา และการที่บางกลุ่มไม่ยอมรับวิชาตะเซาวุฟนั้น เพราะเมื่อพวกเขาเอ่ยตะเซาวุฟขึ้นมา ก็จะนึกไปถึงกลุ่มตะเซาวุฟนอกลู่เพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ชอบเรียกตะเซาวุฟ
5. การเรียนอัลกุรอานและหะดิษ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรื่องที่นำมาใช้ เช่นเรียนอัลกุรอานเพื่ออ่านอัลฟาติหะฮ์ถูกต้อง เรียนอัลหะดิษเพื่อนำหลักการต่าง ๆ ที่จำเป็นมาปฏิบัติ และหากศึกษาเพิ่มเติมมากกว่านั้น ก็ถือว่าเป็นฟัรดูกิฟายะฮ์ครับ
6. การที่เด็กมุสลิมอ่านยุซฺอัมมานั้น เพราะว่าเป็นยุซฺที่อ่านง่าย เหมาะสมสำหรับเด็กที่เริ่มต้นฝึกอ่านอัลกุรอาน และเมื่ออ่านชำนาญแล้ว ก็พัฒนาเพิ่มเติมขึ้นไปเรื่อย ๆ จนอ่านได้หมดเล่ม และการอ่านอัลกุรอานนั้นย่อมมีประโยชน์และเป็นอิบาดะฮ์อย่างหนึ่ง แม้จะไม่รู้ความหมายก็ตาม
7. สำหรับนักเรียนวิชาชีพ ผมขอแนะนำให้เขาเน้นหนักในเรื่องฟัรดูอีน ละหมาดให้ครบถ้วน ถือศีลอดให้ครบถ้วน เน้นปฏิบัติสิ่งสะดวกปฏิบัติ กล่าวคือ เราไปสนใจเรื่องข้อขัดแย้ง แต่ผมคิดว่าให้เขาสนใจละหมาดสุนัตต่าง ๆ ดีกว่า ถือศีลอดสุนัตให้เป็นประจำดีกว่า อ่านอัลกุรอานให้มาก ๆ ซิกรุลลอฮ์ถ้อยคำง่าย ๆ ให้เป็นประจำ ซึ่งดีกว่าไปมุ่งเน้นให้ความสนใจเกี่ยวกับประข้อขัดแย้ง และจงยึดมั่นหลักอะกีดะฮ์ของชนส่วนมากของโลกอิสลาม คืออัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมุตูรียะฮ์ จะปลอดภัยที่สุด เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ยึดชนส่วนมากเอาไว้ ปฏิบัติอิบาดะฮ์ให้อยู่ในหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮ์ตามความเข้าใจของมัซฮับทั้งสี่ เพราะประชาชาติอิสลามได้ลงมติให้ความพอใจและยอมรับในมัซฮับทั้งสี่
ความแตกต่างในมัซฮับทั้งสี่นั้น หากเราไม่สามารถแยกแยะได้ ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เราและคุณอยู่ในฐานะคนเอาวามสามัญชนทั่วไป การได้รับความรู้และหลักปฏิบัติที่ผู้รู้ได้ถ่ายทอดแนะนำมาให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟัรดูอีนนั้น ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการปฏิบัติขั้นพื้นฐานแล้วครับ และหากต้องการศึกษาเพิ่มเติมให้มากกว่านั้น ก็จงเลือกศึกษาตามที่คุณพอใจตราบใดที่อยู่ในหลักการของอะลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
วัลลอฮุอะลัม