หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12: การยุ่งอยู่กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ By: ItQan Date: ม.ค. 04, 2011, 10:13 PM
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ، رضي الله عنه، قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ، صلى الله عليه وسلم "مِنْ حُسْنِ إسْلَامِ الْمَرْءِ تَرْكُهُ مَا لَا يَعْنِيهِ".
จากอบีฮุร็อยเราะฮ์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งจากความสวยงาม(สมบูรณ์)ของอิสลามของบุคคลหนึ่งนั้น คือการที่เขาละทิ้งสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขา”
ฮะดีษนี้ฮะซัน รายงานโดยติรมีซีย์และคนอื่นๆ ด้วยสำนวนเดียวกัน
ความสำคัญของหะดีษบทนี้อบูฮุร็อยเราะฮ์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ผู้ซึ่งอยู่กับท่านนบี (ศ็อลฯ) และได้แสวงหาจริยธรรมของท่านนบีนั้น ได้บอกเล่าแก่เราถึงหะดีษบทหนึ่งที่ท่านนบี (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ ในหะดีษบทนี้ท่านนบี (ศ็อลฯ) ได้ชี้แจงด้วยประโยคที่กระชับและมีความหมายรวมไว้ซึ่งความดีงามของดุนยาและความผาสุกในอะคีเราะฮ์ อุลามาอฺบางท่านได้กล่าวว่า ท่านนบีได้รวมครึ่งหนึ่งของศาสนาไว้ในหะดีษบทนี้ เพราะศาสนานั้นมีทั้งการกระทำและการละทิ้ง หะดีษบทนี้ได้กล่าวเกี่ยวกับการละทิ้ง และบางท่านได้กล่าวว่า ท่านนบีนั้นได้รวมศาสนาไว้ทั้งหมดต่างหาก เพราะท่านได้พูดถึงการละทิ้งและได้บ่งชี้ถึงการกระทำ
ท่านอิบนุเราะญับ อัลฮัมบาลีย์ กล่าวว่า หะดีษบทนี้เป็นรากฐานอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งจากรากฐานแห่งจริยธรรม
คำศัพท์ในหะดีษความสวยงามของอิสลามของบุคคลหนึ่ง หมายถึง ความสมบูรณ์ของอิสลามของเขา และเครื่องหมายต่างๆ ของความสัจจริงของอิหม่านของเขา และคำว่าบุคคลหนึ่งนั้น หมายถึง มนุษย์ ไม่ว่าหญิงหรือชาย
สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขา คือ สิ่งที่ไม่สำคัญกับเขาไม่ว่าจะเป็นในด้านของดุนยาหรือศาสนา การกระทำหรือคำพูด เมื่อเขาให้ความสนใจกับมันและมันเป็นเป้าหมายและสิ่งที่เขาต้องการ
Re: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12 By: ItQan Date: ม.ค. 04, 2011, 10:17 PM
ความเข้าใจและสิ่งบ่งชี้จากหะดีษ1. การสร้างสังคมที่มีเกียรติ
อิสลามส่งเสริมสังคมที่ปลอดภัย และให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่สงบเรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้งและการพิพาท ดังเช่นที่อิสลามได้ส่งเสริมความปลอดภัยของบุคคล และการมีชีวิตในดุนยาที่มีความสุข เป็นมิตรต่อกัน ได้รับการให้เกียรติและไม่ถูกทำร้าย และออกจากดุนยาแห่งนี้ไปในสภาพของผู้ที่ชนะและได้รับผลกำไร ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่ทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างผู้คน ทำให้สังคมเสื่อมเสีย และสร้างความหายนะให้แก่มนุษย์ก็คือการเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา และเนื่องจากสิ่งดังกล่าวนี้เองเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความมั่นคงและความสัจจริงของอิหม่านของเขาก็คือการละทิ้งการเข้าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อของเขา
2. การให้ความสนใจกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์นั้นคือการทำให้สูญเปล่า และทำให้อิหม่านอ่อน
มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในโลกนี้มีผู้คนห้อมล้อมมากมาย มีเรื่องต่างๆ และความสัมพันธ์มากมายหลากหลาย และมุสลิมนั้นจะถูกถามถึงการงานทุกอย่างที่เขาได้กระทำ และถูกถามถึงทุกเวลาที่เขาได้ใช้ไป และทุกคำพูดที่เขาได้เปล่งมันออกมา ดังนั้นถ้าหากว่ามนุษย์ให้ความสนใจทุกเรื่องรอบตัวเขา และเข้าไปยุ่งในกิจการที่ไม่เป็นประโยชน์กับเขา ดังกล่าวนี้ก็จะทำให้เขาพลาดการปฏิบัติหน้าที่ และกระทำสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบของเขา ดังนั้นเขาก็จะถูกตำหนิในโลกดุนยาและได้รับการลงโทษในอาคิเราะฮ์ และสิ่งดังกล่าวนี้เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเข้าใจที่อ่อนแอของเขา และไม่ดำรงอยู่บนจริยธรรมของท่านนบี และอิสลามของเขานั้นใกล้กับการเป็นอิสลามแต่เพียงลมปาก
3. การหันหลังให้กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้น เป็นหนทางสู่ความสันติและความสำเร็จ
และเมื่อมุสลิมได้ตระหนักถึงหน้าที่ของเขา และครุ่นคิดถึงความรับผิดชอบของเขา ดังนั้นเขาก็ได้ให้ความสนใจกับตนเอง และพยายามในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขาทั้งในเรื่องดุนยาและอาคิเราะฮ์ของเขา ดังนั้นเขาก็จะหันหลังให้กับสิ่งอื่น และห่างไกลจากเรื่องหยุมหยิมต่างๆ และหันไปสนใจสิ่งที่มีประโยชน์กับเขา
และเมื่อเรารู้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์กับมนุษย์ในดุนยาแห่งนี้นั้นมีน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เราก็จะรู้ว่า ผู้ใดที่มุ่งอยู่กับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขานั้น เขาจะปลอดภัยจากความชั่วร้ายและบาปอันมากมาย และเขาก็จะมีเวลาว่างพอที่จะให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ในอาคิเราะห์สำหรับเขา และสิ่งดังกล่าวนี้บ่งชี้ถึงความสมบูรณ์และความมั่นคงของอิหม่าน และแก่นแท้ของตักวา การห่างไกลจากการสนองอารมณ์ใฝ่ต่ำ และความสำเร็จ ณ ที่พระผู้อภิบาลของเขา
อิหม่ามบุคอรีย์ได้รายงานจากอบีฮุร็อยเราะฮ์ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า “เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าได้ทำให้อิสลามของเขาสวยงาม (สมบูรณ์)แล้ว ดังนั้นทุกความดีงามที่เขากระทำมันนั้นจะถูกบันทึกให้สำหรับเขาเป็นสิบเท่าไปจนถึงเจ็ดร้อยเท่า และทุกความชั่วที่เขาได้ทำนั้นก็จะถูกบันทึกให้สำหรับเขาแต่เพียงเท่านั้น
4. หัวใจที่มุ่งอยู่กับอัลเลาะฮ์ตะอาลาจะไม่ให้ความสนใจต่อกิจการของมนุษย์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
และมุสลิมที่อิบาดะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาเสมือนกับที่เขาเห็นพระองค์ และตระหนักรู้ในหัวใจของเขาอยู่เสมอว่าเขานั้นอยู่ใกล้ชิดอัลเลาะฮ์ตะอาลา และอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้นก็ทรงอยู่ใกล้ชิดเขา เขาก็จะมุ่งอยู่กับสิ่งดังกล่าวนี้จนไม่สนใจต่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา และการไม่ให้ความสนใจต่อสิ่งที่ไม่มีประโยชน์นี้เองที่เป็นเครื่องหมายบ่งชี้ถึงความสัจจริงของเขาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาและการมีจิตใจผูกพันอยู่กับพระองค์ ดังนั้นผู้ใดที่ยุ่งอยู่กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขา สิ่งดังกล่าวย่อมบ่งชี้ถึงการไม่มีหัวใจผูกพันใกล้ชิดอยู่กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา และไม่มีความสัจจริงต่อพระองค์ การงานของเขาก็จะตกไป และเขาก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้หายนะ
มีรายงานจากท่านฮะซัน อัลบัศรีย์ ว่า ท่านได้กล่าวว่า ส่วนหนึ่งจากเครื่องหมายของการที่อัลเลาะฮ์ไม่สนใจต่อบ่าวคือ การที่เขายุ่งอยู่กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขา
5. สิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขา
สิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์คือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการอยู่รอดปลอดภัยของการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม สถานที่อยู่อาศัย และอื่นๆ และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการกลับไปและอาคิเราะฮ์ของเขา และสิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งดังกล่าวนี้นั้นก็ไม่มีประโยชน์ต่อเขา
ดังนั้น ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ก็คือ เป้าหมายทางโลกดุนยาที่เกินระดับของความจำเป็น (เฎาะรูเราะฮ์) และความต้องการพื้นฐาน (ฮาญีย์ยะฮ์) เช่น การทำให้กว้างขวางในดุนยา การสรรหาอาหารและเครื่องดื่มประเภทต่างๆ และแสวงหายศตำแหน่ง และการรักคำสรรเสริญเยินยอจากมนุษย์ ดังนั้นเครื่องหมายอย่างหนึ่งของการเป็นมุสลิมที่สัจจริงคือการห่างไกลจากสิ่งดังกล่าว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป้าหมายดังกล่าวนั้นมีการประจบประแจงเสแสร้งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาของเขา
การกระทำที่เป็นที่อนุมัติ (มุบาห์) ที่ไม่มีประโยชน์ใดกลับไปหามนุษย์ทั้งในทางดุนยาหรืออาคิเราะฮ์ เช่น การละเล่น การเล่นตลก และสิ่งที่ทำให้บกพร่องในเรื่องของจริยธรรม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ และมุสลิมก็ควรจะละทิ้งมันไป เพราะมันทำให้เสียเวลาอันมีค่าไปในสิ่งที่มันไม่ได้ถูกมาเพื่อสิ่งนั้น และต่อไปเขาก็จะต้องถูกสอบสวนในสิ่งนั้น
การพูดมากจนเกินไปในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ และบางครั้งอาจพาไปสู่การพูดที่ฮะรอม และเนื่องจากสิ่งดังกล่าวนี้เอง มารยาทอันดีงามของมุสลิมคือการไม่พูดพร่ำเพรื่อ เอะอะ และเจาะลึกในทุกสิ่งที่คนนั้นคนนี้พูด ท่านติรมิซีย์ได้รายงานจากมุอาซ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะอ์ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า คำพูดของลูกหลานอาดัมนั้น เป็นผลเสียต่อเขา ไม่ได้เป็นผลดีต่อเขาเลย นอกเสียจากการสั่งใช้ให้ทำความดี และการห้ามปรามจากความชั่ว และการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ตะอาลา
6. และหะดีษบทนี้ยังชี้แนะว่า แท้จริงแล้วคุณลักษณะของมุสลิมก็คือ การให้ความสนใจต่อภารกิจอันสูงส่ง และการห่างไกลจากเรื่องหยุมหยิมและการงานที่ต่ำต้อย
7. และในหะดีษบทนี้อีกเช่นกัน เป็นการอบรมและขัดเกลานัฟซูจากสิ่งที่ทำให้มัวหมองและเกิดข้อบกพร่อง และให้ละทิ้งสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประโยชน์ต่อเขา
อ้างอิง: ดร. มุศตอฟา อัลบุฆอ, อัลวาฟีย์ ฟี ชัรหฺ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ (เบรุต: ดาร อิบนิกะษีร, พิมพ์ครั้งที่ 11, ค.ศ. 1999), หน้า 93-96.
Re: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12 By: hiddenmin Date: ม.ค. 04, 2011, 11:03 PM
ก๊ะ ItQan ทิ้งห่างไปนานมากเลย
หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 1หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 2หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 3
Re: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12 By: Al Fatoni Date: ม.ค. 05, 2011, 12:14 PM
ช่าย ว่าจะถามอยู่พอดี ว่าไมอยู่ดีๆ มาโผล่ตั้ง ๑๒ อยู่
Re: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12 By: ItQan Date: ม.ค. 07, 2011, 02:24 PM
ช่าย ว่าจะถามอยู่พอดี ว่าไมอยู่ดีๆ มาโผล่ตั้ง ๑๒ อยู่
เปิดมาเจอหะดีษนี้พอดี อ่านแล้วได้คิดอะไรบางอย่าง จึงอยากนำมาเผยแพร่ต่อ
ขอข้ามหะดีษยาวๆ ไปก่อน แล้วจะตามมาเก็บทีหลังนะ อินชาอัลเลาะฮ์

Re: หะดีษ อัลอัรบะอีน อันนะวะวียะห์ หะดีษที่ 12 By: Beechern Date: ม.ค. 07, 2011, 02:33 PM
ความเข้าใจนั้นคือคิดเองรึเปล่าครับทั่น ^_^
เห็นละ มีอ้างอิง

jazakallahukoiran ครับ
