กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ประวัติศาสตร์
Pages: 1
ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: นักเดินทาง Date: ม.ค. 26, 2011, 06:05 PM
การขึ้นครองราชของราชวงศ์อุมัยยะฮ์

ราชวงศ์อุมัยยะฮ์
( الدولة الأموية في الشرق )
ครองราชย์ระหว่างปี ฮ.ศ. 41-132 / ค.ศ. 661-750
ศูนย์กลางการปกครองที่ซีเรีย


         การเสียชีวิตของท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน คอลีฟะฮ์อัรรอชิดูนคนที่ 3 เป็นมูลเหตุของการขัดแย้งระหว่างท่านมุอาวียะฮ์ข้าหลวงแห่งเมืองชาม (ซีเรีย) กับท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ คอลีฟะฮ์ อัรรอชิดูนคนที่ 4 ท่านมุอาวียะฮ์เป็นข้าหลวงแห่งเมืองชามตั้งแต่สมัยคอลีฟะฮ์ อุมัร บิน อัลคอฏ - ฏ๊อบ และดำรงตำแหน่งดังกล่าวเรื่อยมากว่า 20 ปี ท่านมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติอย่างใกล้ชิดกับคอลีฟะฮ์อุษมาน บิน อัฟฟาน และทั้งสองสืบเชื้อสายจากตระกูลอุมัยยะฮ์ บุตรของ อับดุซซัม ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “ ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ” เมื่อคอลีฟะฮ์อุษมานถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายโดยกลุ่มกบฏ พร้อมกับการขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นเคาะลีฟะฮ์แทนของท่านอลี โดยการสนับสนุนจากกลุ่มกบฏ ทำให้ท่านมูวียะฮ์ปฏิเสธการให้สัตยาบันต่อท่านอะลี โดยกล่าวหาว่าท่านอะลีมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ฆาตกรรมเหล่านี้ ความขัดแย้งระหว่างท่านอะลีกับท่านมุอาวียะฮ์ เป็นมูลเหตุแห่งการเกิดสงครามศิฟฟิน และมัจญ์ลิสตะฮ์กิมในเวลาต่อมา ซึ่งมุสลิมสูญเสียเลือดเนื้อเป็นจำนวนมาก หลังจากมัจญฺลิสตะฮ์กีม ท่านอะลีถูกกลุ่มเคาะวาริจญ์ ลอบสังหารเสียชีวิต บรรดากลุ่มผู้ติดตามท่านอะลีก็ได้แต่งตั้งท่านหะสัน บุตรของท่านอะลีขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นคอลีฟะฮ์แทน ท่านหะสันดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ไม่กี่เดือนก็สละตำแหน่งให้ท่านมุอาวียะฮ์ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก และสูญเสียเลือดระหว่างชาวมุสลิมด้วยกันมากกว่านี้

          เมื่อได้ขึ้นมาเป็นคอลีฟะฮ์แล้ว ท่านมุอาวียะฮ์ก็ได้อุทิศตนให้แก่การทำให้อาณาจักรอิสลามผนึกเข้าเป็นปึกแผ่น เรียกร้องความสามัคคีในชาติ ซึ่งแตกสลายและไร้ความสงบสุขมาตั้งแต่ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานถูกฆาตกรรม เมื่อตั้งตัวได้สำเร็จแล้ว ท่านมุอาวียะฮ์เริ่มหาทางพิชิตดินแดนอื่นๆ สานต่อจากคอลีฟะฮ์ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพิชิตแอฟริกาเหนือภายใต้การนำของแม่ทัพอุกบะฮฺ บิน นาเฟียะอฺ (عقبة بن نافع ) ท่านอุกบะฮฺได้ทำการต่อสู้กับชาวโรมันเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เอาชนะชาวโรมันและได้ครองแอฟริการเหนือ พร้อมกับสร้างเมืองก็อยรอวาน (القيروان)  ขึ้งทางใต้ของตูนิสเมื่อ ปี ฮ.ศ. 50 นอกจากนี้ท่านมุอาวียะฮ์ ได้ขยายดินแดนไปทางทิศตะวันออกอย่างกว้างขวาง เมือเฮรัต ( هراة) ซึ่งแข็งข้อขึ้นก็ถูกตีได้ เมื่อฮ.ศ.41 อีกสองปีต่อมาก็พิชิตเมืองกาบูลได้ ส่วนเมืองฆอสนา( غزنة )เมืองบัลก์( بلخ ) เมืองกอนดาฮาร์ ( قندهار ) บูคอรอ  ( بخارى ) สะมารคานด์(سمرقند ) และเมืองติรมิด( ترمذ ) ก็ถูกผนวกเข้าเป็นรัฐอิสลามในสมัยของคอลีฟะฮ์มุอาวียะฮ์ ไม่เพียงแต่รวมกำลังอย่างมั่นคงเท่านั้น แต่ยังขยายอาณาเขตการปกครองออกไปอย่างกว้างขวางอีกด้วย

          ท่านมุอาวียะฮ์เป็นผู้บริหารที่ดี ทรงเป็นคนแรกที่จัดตั้งกรมสารบรรณ ( ديوان الخاتم ) และกรมไปรษณีย์ขึ้น จัดตั้งกองกำลังตำรวจและกองทหารองครักษ์ ทรงแต่งตั้งเจ้า เมืองให้ทำการบริหารส่วนท้องถิ่น และแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พิเศษให้เป็นผู้บริหารเงินรายได้ของแผ่นดิน ท่านมุอาวียะฮ์เป็นท่านแรกที่ทรงเปลี่ยนสาธารณรัฐเป็นราชอาณาจักรอิสลามและเป็นคนแรกที่สร้างตำแหน่งคอลีฟะฮฺ ต่อมาการแต่งตั้งแบบนี้ ได้กลายเป็นตัวอย่างในการแต่งตั้งคอลีฟะฮ์ต่อๆมา ตลอดจนราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ทั้งราชวงศ์อับบาสิยะฮ์ และอื่นๆอีกด้วย

           พวกอุมัยยะฮ์สืบเชื้อสายมาจาก อุมัยยะฮ์ อิบนิ อับดุซซัม ซึ่งเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าคนหนึ่งในเผ่ากุเรช สมัยอนารยยุค (ญาฮิลิยะฮ์) ซึ่งมีเกียรติทัดเทียมกับตระกูลของผู้เป็นลุงของท่าน คือ ฮาชิม ปู่ของท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม แต่พวกอุมัยยะฮ์มีทรัพย์สิน เงินทอง และลูกหลานมากกว่าพวกฮาชิม ในสมัยก่อนนั้นตระกูลทั้งสองต่างแก่งแย่งอำนาจกันในการเป็นผู้นำของเผ่ากุเรช เมื่อการเป็นศาสดาได้ปรากฏขึ้นในตระกูลฮาชิม พวกฮาชิมจึงเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามก่อนตระกูลอุมัยยะฮ์ และได้ให้การสนับสนุนต่อท่านรซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ส่วนตระกูลอุมัยยะฮ์ มีบุคคลเพียงจำนวนน้อยที่ให้การสนับสนุนท่านรซูล และส่วนใหญ่ได้ต่อต้านการเผยแพร่ศาสนาอิสลาม สำหรับผู้เป็นหัวหน้าเผ่านี้ได้แก่ อะบูซุฟยาน บิน ฮัรบฺ ซึ่งได้ขัดขวางการเผยแพร่ศาสนาอิสลาม จนกระทั่งศาสดามูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ทำการพิชิตนครมักกะฮ์ เขาจึงได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม รวมทั้งบุคคลในตระกูลอุมัยยะฮ์ด้วย

Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: นักเดินทาง Date: ม.ค. 26, 2011, 09:56 PM
คอลีฟะฮ์แห่งราชวงค์อุมัยยะฮ์


      สายซุฟยานีย์
1.   มุอาวียะฮ์ ที่ 1 บิน อบีซุฟยาน จาก ปี ฮ.ศ. 41 – 60 ( ค.ศ. 661 – 680 )
2.   ยะซีด ที่ 1 บิน มุอาวียะฮ์ ที่ 1 จาก ปี ฮ.ศ. 60 – 64 ( ค.ศ. 680 – 683 )
3.   มุอาวียะฮ์ ที่ 2 บิน ยะซีด ที่ 1 จาก ปี ฮ.ศ. 64 – 64 ( ค.ศ. 683 – 683 )

      สายมัรวานีย์
4.   มัรวาน ที่ 1 บิน ฮะกัม จาก ปี ฮ.ศ. 64 – 65 ( ค.ศ. 683 – 684 )
5.   อับดุลมะลิก บิน มัรวาน ที่ 1 จาก ปี ฮ.ศ. 65 – 86 ( ค.ศ. 684 – 705 )
6.   วะลีด ที่ 1 บิน อับดุลมะลิก จาก ปี ฮ.ศ. 86 – 96 ( ค.ศ. 705 – 715 )
7.   สุไลมาน บิน อับดุลมะลิก จาก ปี ฮ.ศ. 96 – 99 ( ค.ศ. 715 – 718 )
8.   อุมัร บิน อับดุลอะซีซ จาก ปี ฮ.ศ. 99 – 101 ( ค.ศ. 718 – 720 )
9.   ยะซีด ที่ 2 บิน อับดุลมะลิก จาก ปี ฮ.ศ. 101 – 105 ( ค.ศ. 720 – 724 )
10.   ฮิชาม บิน อับดุลมะลิก จาก ปี ฮ.ศ. 105 – 125 ( ค.ศ. 724 – 743 )
11.   วะลีด ที่ 2 บิน ยะซีด ที่ 2 จาก ปี ฮ.ศ. 125 – 126 ( ค.ศ. 743 – 744 )
12.   ยะซีด ที่ 3 บิน วะลีด ที่ 1 จาก ปี ฮ.ศ. 126 – 126 ( ค.ศ. 744 – 744 )
13.   อิบรอฮีม บิน วะลีด ที่ 1 จาก ปี ฮ.ศ. 126 – 127 ( ค.ศ. 744 – 744 )
14.   มัรวาน ที่ 2 บิน มูฮัมมัด จาก ปี ฮ.ศ. 127 – 132 ( ค.ศ. 744 – 749 )



Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: Muftee Date: ม.ค. 27, 2011, 09:13 AM

ผลงานเยี่ยมยอดคับ...อยากอ่านต่อคับ...มีราชวงศ์ไรอีกไหม ...
Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: นักเดินทาง Date: ม.ค. 27, 2011, 06:55 PM
1. มูอาวียะฮ์ บิน อะบีซุฟยาน ( ฮ.ศ. 41-60 ค.ศ. 661-680 )

         ท่านมีชื่อเต็มว่า มูอาวียะฮ์ บิน อะบีซุฟยาน บิน ฮัรบฺ บิน อุมัยยะฮ์ บิน อับดิชชัมสฺ บิน อับดิลมานาฟ บิน ก็อยซฺ มารดาชื่อฮินดฺ บินติ อุกบะฮ์ บิน รอบีอะฮ์ บิน อับดิชชัมสฺ บิน อัลดิลมานาฟ

         ท่านเกิดในนครมักกะฮ์ ก่อนที่ท่านศาสดามูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะถูกแต่งตั้งให้เป็นศาสดา 5 ปี และได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามพร้อมกับบิดา มารดา และพี่ชายของเขา ขณะนั้นเขามีอายุได้ 25 ปี และท่านรซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นอาลักษณ์ทำการบันทึกอัลกุอาน ท่านคอลีฟะฮ์อุมัร ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ปกครองประเทศชามส่วนหนึ่ง ต่อมาท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ปกครองดินแดนชามทั้งหมด หลังจากที่ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้เสียชีวิตลง มุอาวียะฮ์ได้แยกอาณาจักรชามเป็นอิสระ และหลังจากที่เขาสามารถสถาปนาอาณาจักรอุมัยยะฮ์ได้แล้ว ก็ได้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรอิสลามจากนครมาดีนะฮ์ไปอยู่ที่นครดามัสกัส ในประเทศชาม

         ท่านมุอาวียะฮ์ เป็นผู้ที่มีสติปัญญาปราดเปรื่อง มีสายตาอันกว้างไกล มีความสุขุม มีความชำนาญทางด้านการเมือง และมีความสุภาพอ่อนโยน ทั้งนี้เนื่องจากว่าความสุภาพอ่อนโยน เป็นคุณลักษณะของหัวหน้าเผ่าต่างๆ ของอาหรับ ท่านสามารถข่มความรู้สึกได้ เมื่อได้รับการพูดจาถากถาง หรือบริภาษจากผู้อื่น พร้อมกับได้ให้อภัยในส่วนที่ควรให้อภัย มุอาวียะฮ์รู้ดีว่าตัวของท่านเองและบรรดาวงศ์วานของท่านไม่สมควรได้คัดค้านการเป็นคอลีฟะฮ์ของท่าน โดยเหตุนี้จึงจำเป็นที่ท่านจะต้องปฏิบัติกับประชาชนด้วยความสุภาพอ่อนโยน มีสัมมาปฏิบัติและแสดงออกถึงความโอบอ้อมอารีเพื่อว่าจะได้จับผู้ที่เป็นศัตรูต่อท่านและเพื่อที่ท่านจะได้จ่าย ทรัพย์สินเงินทองเพื่อปิดปากและยุติการทำร้ายของพวกเขาเหล่านั้น ด้วยการดำเนินนโยบายอันแยบยลของมุอาวียะฮ์เช่นนี้ ประชาชนทั้งหลายจึงยุติการกล่าววิจารณ์ และยอมรับการเป็นคอลีฟะฮ์ของท่าน

         ถึงจะอย่างไรก็ตาม มุอาวียะฮ์ก็มิได้ละเลยกิจการของอิสลามและรัฐแต่ประการใด ท่านได้ทำการขยายดินแดนของอาณาจักรอิสลามออกไปอีก พร้อมกับได้แต่งตั้งผู้ที่มีความเหมาะสม มีความสามารถ และมีความชำนาญให้ทำการบริหารตำแหน่งต่างๆในอาณาจักรอิสลาม ท่านได้คัดเลือกผู้ปกครองที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้เขาเหล่านั้นบริหารอาณาจักรอิสลามด้วยความเด็ดเดี่ยว บริสุทธิ์ใจ และมีสมถะ จึงให้ความผาสุก และความสงบแผ่ไปทั่วอาณาจักรอิสลาม
มุอาวียะฮ์เป็นชาวอาหรับแท้ ซึ่งแสดงออกให้ปรากฏทางด้านอุปนิสัยและความประพฤติของท่าน ท่านชอบใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยหรือเครื่องนุ่งห่ม มีผู้กล่าวว่า ท่านรับประทานอาหารมาก คำพูดนี้เป็นความจริงเพราะว่าท่านเป็นคนอ้วน แต่ทว่าการรับประทานอาหารมากของท่านก็เป็นเช่นเดียวกับอาหารที่ท่านได้เคยรับประทานมาก่อน มิได้เป็นอาหารที่ดีเลิศกว่านี้แต่ประการใด สิ่งที่ท่านชอบรับประทานคือ ขนมปังหยาบ เนื้อต้ม และเนื้อย่าง

         การปกครองของอาณาจักรมุอาวียะฮ์นั้น ท่านไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา ถึงแม้ว่าท่านได้ทำการปกครองประเทศเป็นระยะเวลานานก็ตาม แต่ทว่าระเบียบการปกครองท่านเป็นไปอย่างง่ายๆ ท่านจะเปิดประตูรับประชาชนทุกคนที่ปรารถนาจะเข้าไปพบ เพื่อส่งเรื่องราวร้องทุกข์ตามที่เขาปรารถนา น้อยคนนักที่มาเยือนท่าน และกลับออกไปโดยมิได้รับของขวัญติดมือ ถึงแม้ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับท่านก็ตาม ท่านได้ปูนบำเหน็จให้กับสาวกของท่านรซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม บรรดาลูกๆของเขาเหล่านั้น บรรดาผู้นำของเผ่าต่างๆ และบรรดานักปราชญ์อย่างมากมาย

คุณลักษณะและอุปนิสัยของท่าน

         ท่านเป็นคนที่รูปร่างสูง ผิวขาว ใบหน้ากลม ดูสง่าน่าเกรงขาม ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม เป็นผู้มีความรู้ กล้าหาญ เข้มแข็ง มีความความอดทนอย่างสูง มีจุดยืนที่มั่นคง คล่องแคล่ว อ่อนโยนในสิ่งที่ควรอ่อนโยน และแข็งข้อในสิ่งที่ควรแข็ง แต่ความอ่อนโยนของท่านนั้นสามารถเอาชนะความแข็งกระด้างได้ ท่านเป็นผู้มีความให้อภัยผู้อื่น ชอบบริจาคทรัพย์สิน

จุดเด่นของคอลีฟะฮ์มุอาวียะฮ์

1. มุอาวียะฮ์ คือคอลีฟะฮ์ที่ถูกบอกข่าวโดยท่านรซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม
         จากอับดุลมาลิก บิน อับดุลมาลิก ได้กล่าวว่า : มุอาวียะฮ์ได้กล่าวว่า : ฉันเคยอยากเป็นคอลีฟะฮ์ตั้งแต่ท่านท่านรซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า : “ โอ้ มุอาวียะฮ์ เมื่อไรเจ้าได้เป็นผู้ปกครอง เป็นสิ่งที่ดียิ่ง ”

2. มุอาวียะฮ์คือคอลีฟะฮ์ที่เชี่ยวชาญ
         จากอิบนิ มุลัยกะฮ์ : ได้กล่าวว่า ได้มีคนกล่าวแก่อิบนิ อับบาส ว่า : ท่านเคยรู้เรื่องของมุอาวียะฮ์บ้างไหม เขาไม่เคยทำการละหมาดวิตรฺ นอกจากหนึ่งรอกะอัตเท่านั้น. ท่านได้กล่าวว่า : “ เขาคือเชี่ยวชาญ ”

3. มุอาวียะฮ์คือศอฮาบะฮ์ที่ถูกดุอาอฺโดยท่านท่านรซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม
         จากอับดุรเราะห์มาน บิน อมีเราะฮ์ จากท่านนบี ได้กล่าวแก่มุอาวียะฮ์ว่า :
“ اللهم اجعله هاديا مهديا ” หมายความว่า : “ โอ้ พระเจ้าของฉัน จงทำให้เขาเป็นผู้ชี้นำ และได้รับทางชี้นำ ”

4. มูอาวียะฮ์เป็นผู้เขียนวะฮฺยู
         อบูซุฟยานได้ขอจากท่านท่านรซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ให้แต่งตั้งมูอาวียะฮ์ เป็นผู้เขียนต่อหน้าเขา ดังนั้นท่านรซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้ตอบรับคำขอนั้น.

การขยายดินแดนในสมัยของมุอาวียะฮ์

         มุอาวียะฮ์มีทัศนะว่า หนทางที่จะทำให้บรรดามุสลิมละทิ้งความสนใจต่อกิจการภายในอาณาจักรอิสลามและปัญหาพิพาทกันเกี่ยวกับผู้มีสิทธิในการดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ คือ การส่งให้เขาเหล่านั้นออกไปพิชิตและแผ่ขยายอาณาจักรอิสลาม ทำให้อาณาจักรอิสลามได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง จนเป็นที่เกรงขามของข้าศึก และทำให้ตำแหน่งของท่านมีความมั่นคงขึ้นท่ามกลางผู้ที่นิยมในตัวท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจ
 
         ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีการจัดตั้งกองทัพเรือขึ้นในอาณาจักรอิสลามพร้อมกับมีการเพิ่มจำนวนเรือ ทหารเรือและจัดการปรับปรุงกำลังทหารของอิสลามให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ก็ได้มีการจัดระเบียบการรับราชการทหารขึ้น โดยมีชื่อว่า “ ภาคร้อน ภาคหนาว ” ตามนัยนี้ หมายถึงการจัดตั้งกำลังทหารขึ้น โดยทำหน้าที่รักษาเขตแดนของอาณาจักรอิสลามให้พ้นจากการโจมตีและรุกรานของข้าศึก  ซึ่งมีอยู่เสมอ ทั้งในฤดูร้อน และฤดูหนาว ทำให้กำลังทหารของมุสลิมมีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อการทำการสงคราม ณ ที่นี้ เราจะกล่าวถึงการพิชิตของเขาเหล่าทหารมุสลิมในสมัยมุอาวียะฮ์พอเป็นสังเขป

ก.- การพิชิตดินแดนทางภาคตะวันออก

         ในสมัยของคอลีฟะฮ์อุมัร บิน ลคอฏฏ๊อบ บรรดามุสลิมได้แผ่ขยายดินแดนออกไปจนเกือบจะถึงพรมแดนของประเทศปากีสถานในปัจจุบัน บรรดาประชาชนในสมัยนั้นยังคงเคารพบูชาไฟ และรูปเจว็ด และเขาเหล่านั้นได้แสดงความกระด้างกระเดื่องไม่ยอมอ่อนน้อมต่อมุสลิม ขณะที่ได้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างมุอาวียะฮ์และคอลีฟะฮ์อะลี โดยเหตุนี้จึงได้มีคำสั่งให้ทำการปราบปราม เพื่อให้เขาเหล้านั้นอยู่ภายใต้การปกครองของมุสลิมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้โดยการจัดส่ง อับดุลลอฮฺ บิน เซาวาร ยกกองทัพไปทางทิศตะวันออก 2 ครั้ง สามารถพิชิตรัฐสินธ์ คือ ปากีสถานในปัจจุบันได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ได้จัดส่ง อัลมุลฮับ บิน อะบีซ๊อฟเราะฮ์ อัล-อัซดีย์ ให้คุมกำลังทหารมุสลิมจำนวนมากไปยังภาคตะวันออก ซึ่งสามารถพิชิตแคว้นสินธ์ได้ทั้งหมด และได้เข้าไปยังเมืองลาโฮร์ พร้อมกับปรับปรุงเมืองนี้ให้เป็นเมืองมุสลิม
หลังจากนั้นมุอาวะยะฮ์ได้ส่งก็อยสฺ บิน อัล ฮัยซัม ไปพิชิตทางภาคตะวันออกของเมืองคูรอซาน โดยบุกเข้าไปในเมือง บัลคฺ (بلخ) ซึ่งอยู่ในอัฟกานิสถานในปัจจุบันและได้ทำการสร้างมัสยิดขึ้น ต่อจากนั้นก็ได้พิชิตเมืองเฮราต ( هراة ) โดยอับดุลลอฮฺ บิน ฮาชิม ตลอดจนเมืองอื่นอีก เช่น บุคอรอ ( بخارى ) และสมารกอนดฺ (سمرقند )

การปรับปรุงกองทัพเรือของมุสลิม

         มุอาวียะฮ์ได้ให้ความสนใจอย่างกว้างขวางต่อกองทัพเรือและการทำสงครามทางเรือนับตั้งแต่ท่านเป็นผู้ปกครองเมืองชามสมัยคอลีฟะฮ์อุมัร บิน คอฏฏ๊อบ ท่านได้จัดตั้งกองทัพเรือขนาดใหญ่ และได้พิชิตเกาะต่างๆ เช่น เกาะโรดส์ และเกาะไซปรัส
นอกจากนี้ มุอาวียะฮ์ยังได้จัดตั้งอู่ต่อเรือตามท่าเรือต่างๆ เช่นที่เมืองซูร ซอยดา อัสกอลาน และกาซา และบรรดาท่าเรือที่อียิปต์ เช่น ดิมยาฎ และอเล็กซานเดรีย ท่านได้ให้ความสนใจต่อเรือรบ และฝึกซ้อมเหล่าทหารมุสลิมให้มีความชำนาญในการสงครามทางทะเล เมื่อท่านได้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ ก็ได้ให้ความสนใจทางด้านกองทัพเรือของมุสลิมในแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนมากยิ่งขึ้น และได้ทำให้จำนวนเรือรบของมุสลิมมีถึง 100 ลำ

ข. - ความพยายามในการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล

         ในปี ฮ.ศ.48 (ค.ศ.668) มุอาวียะฮ์ได้จัดเตรียมกองทัพทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อทำการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยให้ซุฟยาน บิน เอาฟฺ เป็นแม่ทัพ        กำลังทหารของมุสลิมได้เดินทางไปจนถึงกำแพงเมืองของกรุงคอนสแตนติโนเปิล และได้ทำการสู้รบกับพวกโรมันไบเซ็นตีนอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถพิชิตเมืองนี้ได้ เพราะว่ากำแพงเมืองมึความแข็งแรงมาก ประกอบด้วยขณะนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว มีหิมะตกมาก นอกจากนั้น พวกโรมันไบเซ็นติน ยังได้ใช้อาวุธชนิดหนึ่งเรียกว่า “ ปีนไฟของกรีก ” ระดมยิงมายังเรือของมุสลิม ทำให้เรือเกิดไฟไหม้และเสียหายอย่างใหญ่หลวง บรรดามุสลิมจึงประสบความปราชัยอย่างย่อยยับและต้องถอยทัพกลับ
 
ค- การพิชิตอัฟริกา

          ในปี ฮ.ศ.50 (ค.ศ. 670) มุอาวียะฮ์ได้จัดส่งกำลังทหารจำนวน 10,000 คน ไปให้กับอุกบะฮ์ บิน นาเฟียะอฺ ผู้ปกครองบัรเกาะฮ์ ตั้งแต่สมัยของอัมรฺ บิน อาศ เป็นผู้ปกครองอียิปต์ เพื่อให้ทำการพิชิตอัฟริการตะวันตก อุกบะฮ์จึงพากำลังทหารของมุสลิมบุกเข้าไปยังอัฟริกา และสามารถพิชิตดินแดนส่วนนั้นได้จนถึงตูนีเซียในปัจจุบัน ขณะที่ทำการพิชิตดินแดนส่วนนี้นั้น พวกเบอร์เบอร์ จำนวนมากได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่อย่างไรก็ตามบรรดามุสลิมต้องประสบกับอุปสรรคอย่างมากมายหลังจากที่ได้ทำการพิชิตอัฟริกา ทั้งนี้เนื่องจากดินแดนนี้อยู่ใกล้กับเกาะซิชิลี จึงทำให้พวกโรมันสามารถจัดส่งเสบียงสัมภาระมาให้กำลังทหารของตนได้อย่างสะดวก นอกจากนี้แล้วพื้นเพทางภูมิศาสตร์ของอัฟริการเป็นภูเขาจึงทำให้พวกเบอร์เบอร์หลบซ่อนตัวอยู่แถบหุบเขาเพื่อซุ่มดักโจมตีกำลังทหารของมุสลิม โดยเหตุนี้การพิชิตอัฟริกาโดยสมบูรณ์จึงใช้เวลามากกว่า 60 ปี

           เมื่ออุกบะฮ์สามารถเอาชนะเบอร์เบอร์ได้แล้ว จึงได้ยกทัพลงไปทางตอนใต้ของตูนีเซียและได้จัดสร้างเมืองก็อยรอวาน ขึ้นไปในปี ฮ.ศ.55 โดยเป็นเมืองแรกที่มุสลิมได้จัดสร้างในอัฟริกา เป็นเมืองที่สี่ที่มุสลิมได้จัดสร้างขึ้นหลังจากกุฟะฮ์ บัสเราะฮ์ และฟุสฏ๊อฏ การสร้างเมืองก็อยรอวาน ดำเนินไปเป็นเวลา 5 ปี จึงเสร็จเรียบร้อย และได้มีการจัดสร้างมัสยิดญามิอฺขึ้นด้วย ซึ่งถือได้ว่ามัสยิดหลังนี้เป็นมัสยิดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอิสลาม

           ด้วยการสร้างมัสยิด ทำให้ก็อยรอวานกลายเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนาอิสลามภาคตะวันตกของทวีปอัฟริกา และเป็นที่ป้องกันภัยของมุสลิมจากการโจมตีของเบอร์เบอร์

การมอบอำนาจการเป็นคอลีฟะฮ์ของมุอาวียะฮ์ให้แก่ยาซีดผู้เป็นบุตร

          มุอาวียะฮ์มีความเห็นว่า ควรแต่งตั้งให้ยาซีดผู้เป็นบุตรดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์สืบต่อไป และจำกัดอำนาจการปกครองอาณาจักรอิสลามแก่บุคคลภายในตระกูลของตน โดยเหตุนี้เขาจึงเริ่มทำการโฆษณาชวนเชื่อในหมู่ประชาชนโดยทั่วไปถึงข้อดีเกี่ยวกับการกระทำเช่นนี้ ทั้งนี้โดยอาศัยบรรดาผู้ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์อุมัยยะฮ์เป็นสื่อกลาง ด้วยการใช้วิธีเช่นนี้จึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบต่อการคัดเลือกให้ยาซีดดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์สืบต่อไป และเนื่องจากความหวั่นเกรงต่อความยุ่งเหยิงอันอาจจะเกิดขึ้นอีก หลังจากมุอาวียะฮ์สิ้นชีวิตไป โดยมิได้แต่งตั้งให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์แทน บรรดาหัวเมืองต่างๆจึงได้จัดส่งคณะผู้แทนมาขอร้องให้มุอาวียะฮ์จัดการให้สัตยาบันแก่ยาซีดเพื่อให้ดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งมุอาวียะฮ์ก็เห็นชอบด้วย โดยที่ท่านก็มีเจตนารมณ์ที่จะกระทำเช่นนั้นอยู่แล้ว โดยเหตุนี้การให้สัตยาบันทั่วไปแก่ยาซีดจึงเกิดขึ้น โดยไม่มีผู้ใดคัดค้านเลยนอกจากชาวฮิญาซ ( حجاز ) ดังนั้นมุอาวียะฮ์จึงเดินทางไปยังแคว้นฮิญาซเพื่อบีบบังคับให้อับดุลลอฮฺ บิน อุมัร,อับดุลลอฮฺ บิน ซุเบร, อับดุลลอฮฺ บิน อับบาส และอัล-หุเซน บิน อะลี ให้การสัตยาบันต่อการเป็นคอลีฟะฮ์ของยาซีด ดังนั้นจึงเป็นคอลีฟะฮ์ของอาราจักรอิสลามสืบต่อจากผู้เป็นบิดา ขณะที่บิดาของเขายังมีชีวิตอยู่

การเสียชีวิต

           มูอาวียะฮ์ได้เสียชีวิตในเดือนรอญับ ปีที่60 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช ด้วยอายุ 78 ปี ที่เมืองซีเรีย เนื่องด้วยถูกโรคร้าย หลังจากที่ปกครองอาณาจักรอิสลามนานถึง 20 ปี

 

Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: Bangmud Date: ม.ค. 29, 2011, 06:36 AM
 :salam:

ขอเอกสารอ้างอิงด้วยได้ไหมครับ เอาเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

ภาษาอาหรับผมไม่ชำนาญ
Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: GeT Date: ม.ค. 29, 2011, 09:46 AM
ประเทศชามส่วนหนึ่ง ต่อมาท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ปกครองดินแดนชามทั้งหมด หลังจากที่ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้เสียชีวิตลง มุอาวียะฮ์ได้แยกอาณาจักรชามเป็นอิสระ และหลังจากที่เขาสามารถสถาปนาอาณาจักรอุมัยยะฮ์ได้แล้ว ก็ได้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรอิสลามจากนครมาดีนะฮ์ไปอยู่ที่นครดามัสกัส ในประเทศชาม


หมายความว่างัยหรือ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม
Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: GeT Date: ม.ค. 29, 2011, 09:54 AM
การปรับปรุงกองทัพเรือของมุสลิม

         มุอาวียะฮ์ได้ให้ความสนใจอย่างกว้างขวางต่อกองทัพเรือและการทำสงครามทางเรือนับตั้งแต่ท่านเป็นผู้ปกครองเมืองชามสมัยคอลีฟะฮ์อุมัร บิน คอฏฏ๊อบ ท่านได้จัดตั้งกองทัพเรือขนาดใหญ่ และได้พิชิตเกาะต่างๆ เช่น เกาะโรดส์ และเกาะไซปรัส


้ถ้าจะบอกว่ามุอาวิยะฮฺได้ให้ความสนใจต่อกองทัพเรือนับตั้งแต่ท่านเป็นผู้ปกครองเมืองชามสมัยคอลีฟะฮ์อุมัร บิน คอฏฏ๊อบ อันนี้ใช่ แต่ถ้าจะบอกว่ามุอาวิยะฮฺเริ่มทำสงครามทางเรือนับตั้งแต่ท่านเป็นผู้ปกครองเมืองชามสมัยคอลีฟะฮ์อุมัร บิน คอฏฏ๊อบ อันนี้คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง เพราะมีรายงานอย่างชัดเจนว่า ท่านอุมัรได้สั่งกำชับมุอาวิยะฮฺห้ามไม่ให้ทำสงครามทางทะเล เพราะชาวมุสลิมยังด้อยประสบการณ์ด้านการทำสงครามทางทะเล กลัวว่าจะพาชาวมุสลิมไปสังเวยสงคราม


Re: ประวัติ ราชวงค์อุมัยยะฮ์ By: GeT Date: ม.ค. 29, 2011, 10:01 AM
ข. - ความพยายามในการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล

         ในปี ฮ.ศ.48 (ค.ศ.668) มุอาวียะฮ์ได้จัดเตรียมกองทัพทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อทำการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล โดยให้ซุฟยาน บิน เอาฟฺ เป็นแม่ทัพ กำลังทหารของมุสลิมได้เดินทางไปจนถึงกำแพงเมืองของกรุงคอนสแตนติโนเปิล และได้ทำการสู้รบกับพวกโรมันไบเซ็นตีนอย่างรุนแรง แต่ไม่สามารถพิชิตเมืองนี้ได้ เพราะว่ากำแพงเมืองมึความแข็งแรงมาก ประกอบด้วยขณะนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว มีหิมะตกมาก นอกจากนั้น พวกโรมันไบเซ็นติน ยังได้ใช้อาวุธชนิดหนึ่งเรียกว่า “ ปีนไฟของกรีก ” ระดมยิงมายังเรือของมุสลิม ทำให้เรือเกิดไฟไหม้และเสียหายอย่างใหญ่หลวง บรรดามุสลิมจึงประสบความปราชัยอย่างย่อยยับและต้องถอยทัพกลับ


ซุฟยาน บิน เอาฟฺ เป็นแม่ทัพอะไรหรือ แม่ทัพบก แม่ทัพทะเล แต่ถ้าจะหมายถึงแม่ทัพใหญ่คิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะเป็นที่รู้กันว่า สงครามปิดล้อมกรุงคอนสแตนติโนเปิลในครั้งนั้น มุอาวิยะฮิได้แต่งตั้งบุตรชาย ยะซีด บิน มุอาวิยะฮิ เป็นแม่ทัพใหญ่ ไม่ใช่ซุหยาน และในสงครามครั้งนี้มีเศาะหาบะฮฺหลายคนร่วมติดตามด้วย อาทิ อิบนุ อับบาส อิบนุอุมัร อัลหุสัยนฺ บิน อาลี และอบูอัยยูบ อัลอันศอรีย์ ซึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ท่านอบูอัยยูบได้เสียชีวิตลง และถูกฝังใต้กำแพงกรุงคอนสแตนติโนเปิล