คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: ก.พ. 17, 2011, 01:54 PM
... ความรักนั้นเราไม่สามารถเลือกเฟ้นได้ มันไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้ความต้องการของเรา และเนื่องจากความต้องการตามธรรมชาติ...
ฉันจึงรักอาหารที่โอชะและผลไม้ที่ดี
รักบิดามารดาและลูกๆ
รักภรรยาผู้เป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขของฉัน
รักบรรดานบีผู้มีเกียรติ และบรรดาเอาว์ลิยาอ์ผู้มีคุณธรรม
รักความหนุ่มและชีวิตของฉัน
รักฤดูใบไม้ผลิและทุกๆ สิ่งที่สวยงาม...
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ฉันรักดุนยา แล้วทำไมฉันจะไม่รักสิ่งเหล่านี้หล่ะ?!...
จะมีวิธีการอย่างไรบ้างที่ฉันจะสามารถทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดเป็นความรักเพื่ออัลเลาะฮ์
และทำให้ฉันรักพระนามอันไพจิตรและคุณลักษณะอันยิ่งใหญ่ของพระองค์...
......
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: ก.พ. 17, 2011, 02:02 PM
ในการตอบคำถามข้างต้น ท่านสะอี้ดอันนุรซีย์ ได้ให้เราพิจารณาใคร่ครวญ 4 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นที่หนึ่ง
ความรักนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้ แต่ทว่า โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น เช่น เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของคนหรือสิ่งที่เรารักและแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา หรือ เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง หรือเป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
(อ้างอิง: บะดีอุซซะมาน สะอี้ด อันนุรซีย์, มุรชิด อะค็วาต อัลอาคิเราะฮ์, หน้า 90-109)
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: ก.พ. 17, 2011, 02:13 PM
ขอเชิญพี่น้องร่วมวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น หรือแบ่งปันประสบการณ์กันได้ เพื่อจะได้มองเห็นภาพที่ชัดขึ้น
แล้วจะนำเสนอประเด็นที่เหลือต่อไป อินชาอัลเลาะฮ์

Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Beechern Date: ก.พ. 17, 2011, 05:45 PM
ในการตอบคำถามข้างต้น ท่านสะอี้ดอันนุรซีย์ ได้ให้เราพิจารณาใคร่ครวญ 4 ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นที่หนึ่ง
ความรักนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้ แต่ทว่า โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น เช่น เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของคนหรือสิ่งที่เรารักและแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา หรือ เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง หรือเป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
(อ้างอิง: บะดีอุซซะมาน สะอี้ด อันนุรซีย์, มุรชิด อะค็วาต อัลอาคิเราะฮ์, หน้า 90-109)
มาชาอัลลอฮ์
ต้องอธิบายและเสวนากันสักหน่อยกับเรื่องนี้แล้วละครับคำพูดของท่านสะอี๊ดนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ผมคิดว่าจะต้องคิดหลายตลบ ใช้องค์ความรู้หลายด้าน และต้องลึกซึ้งในจิตใจด้วย
วัลลอฮุอะอฺลัม
ว่าแต่ท่าน Itqan ช่วงนี้ In Love หรือครับ ขออัลลอฮ์เมตตาท่านให้ท่าน In Love อย่างนี้ตลอดไปและนานๆ อามีน
มีหลายข้อนะครับ ผมคิดว่า คือ
ข้อ 1 ความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้
ข้อ 2 โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น
ข้อ 3 เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของสิ่งที่เรารัก และแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา
ข้อ 4 เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง
ข้อ 5 เป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
ข้อแรก กับข้อ 2 ยังพอใช้จิตใจตื้นๆ แต่หมุนอ่องออเอาก็พอไปได้
แต่ข้อที่เหลือที่สิ .. -*-
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Beechern Date: ก.พ. 17, 2011, 07:44 PM
"ความรักนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้..." ได้ว่า "ความรักไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้" ..
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: เหรียญ 2 ด้าน Date: ก.พ. 18, 2011, 12:54 AM
คนที่รักเรามากที่สุด คือ พ่อแม่ของเรา ความรักของท่านเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด
ดังนั้นแล้วเราต้องรักท่านทั้งสองให้มากๆๆ ที่สุดด้วย
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Beechern Date: ก.พ. 18, 2011, 10:05 AM
คนที่รักเรามากที่สุด คือ พ่อแม่ของเรา ความรักของท่านเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด
ดังนั้นแล้วเราต้องรักท่านทั้งสองให้มากๆๆ ที่สุดด้วย
แล้วทำไมนบีถึงบอกว่า เรายังมีศรัทธาไม่สมบูรณ์ จนกว่าเราจะรักนบีมากกว่าท่านทั้งสอง ^^
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: ก.พ. 18, 2011, 09:00 PM
มาชาอัลลอฮ์ ต้องอธิบายและเสวนากันสักหน่อยกับเรื่องนี้แล้วละครับ
คำพูดของท่านสะอี๊ดนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ผมคิดว่าจะต้องคิดหลายตลบ ใช้องค์ความรู้หลายด้าน และต้องลึกซึ้งในจิตใจด้วย
วัลลอฮุอะอฺลัม
ว่าแต่ท่าน Itqan ช่วงนี้ In Love หรือครับ ขออัลลอฮ์เมตตาท่านให้ท่าน In Love อย่างนี้ตลอดไปและนานๆ อามีน
มีหลายข้อนะครับ ผมคิดว่า คือ
ข้อ 1 ความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้
ข้อ 2 โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น
ข้อ 3 เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของสิ่งที่เรารัก และแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา
ข้อ 4 เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง
ข้อ 5 เป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
ข้อแรก กับข้อ 2 ยังพอใช้จิตใจตื้นๆ แต่หมุนอ่องออเอาก็พอไปได้
แต่ข้อที่เหลือที่สิ .. -*-
เห็นด้วยกับท่าน beechern เป็นอย่างยิ่งว่า คำพูดของท่านสะอี้ดนุรซีย์นั้นลึกซึ้งยิ่งนัก อ่านแล้วอ่านอีกก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า จึงอยากให้พี่น้องช่วยกันวิเคราะห์แลกเปลี่ยนกัน
ขออัลเลาะฮ์เมตตาท่าน beechern และพี่น้องเช่นกัน ยาร็อบ
ขออธิบายตามความเข้าใจของตนเอง (อันจำกัด) ดังนี้
ข้อ 1 ความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้ >> ความรักที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ลูกย่อมรักบิดามารดาของตนเองโดยธรรมชาติ เรารักอาหารที่อร่อย... รักความสวยงาม... เป็นต้น
ข้อ 2 โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น >> แต่ความรักอันเป็นธรรมชาติเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ข้อ 3 เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของสิ่งที่เรารัก และแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา >> เช่น สมมุติว่า เราโปรดปรานอาหารอย่างหนึ่งมาก แต่เมื่อพบว่ามันเป็นเสียต่อร่างกาย ความโปรดปรานนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปได้ หรือ เมื่อพฤติกรรมบางอย่างของคนที่เรารักปรากฏออกมา ความรักนั้นก็เปลี่ยนไป
ข้อ 4 เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง >> ชีวิตอันสุขสบาย ครอบครัวอันอบอุ่น พละกำลังความสามารถที่เรามี ล้วนเป็นสิ่งที่เรารักและแสวงหามัน แต่หากความรักของเราหยุดอยู่เพียงเท่านี้ มันก็จะกลายเป็นม่านกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง นั่นก็คือ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ผู้ทรงประทานสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาให้เรา
ข้อ 5 เป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง >> ในทางกลับกันกับข้อ 4 หากเราสำนึกในความเมตตาของอัลเลาะฮ์ และมีความรักต่อพระองค์แล้ว แน่นอนว่า สิ่งต่างๆ ที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานให้นั้นก็คือกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง นั่นก็คือ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ดังนั้นความรักโดยธรรมชาติของมนุษย์จึงเปลี่ยนโฉมหน้าไปเพราะเหตุนี้
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: ก.พ. 18, 2011, 09:23 PM
ท่านสะอี้ดนุรซีย์ ได้กล่าวต่อไปว่า
ประเด็นที่สอง
เราไม่ได้บอกท่านว่า ท่านอย่าได้มีความรักต่อสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้กล่าวมาข้างต้น แต่เรากำลังบอกท่านว่า จงทำให้ความรักของท่านที่มีต่อสิ่งที่ท่านได้กล่าวมาข้างต้นนั้น อยู่ในหนทางของอัลเลาะฮ์ และเป็นไปเพื่อพระองค์
ดังนั้นการแสวงหาความเอร็ดอร่อยจากอาหารที่ปรารถนา และการลิ้มรสของผลไม้ที่มีประโยชน์ พร้อมกับตระหนักรู้ว่า มันเป็นความดีงามที่ถูกประทานมาจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา และเป็นเนียะมะฮ์จาก อัรเราะห์มานอัรร่อฮีม (ผู้ทรงเมตตาผู้ทรงปราณี) นั่นแหละคือความรักที่มีให้กับพระนาม อัรเราะห์มาน และพระนาม อัลมุนอิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากพระนามอันไพจิตรของอัลเลาะฮ์ และดังกล่าวนี้ก็ยังเป็นการขอบคุณในเชิงนามธรรมอีกด้วย
และสิ่งที่บ่งชี้ว่า ความรักดังกล่าวนี้มิใช่เป็นความรักต่อนัฟซูและอารมณ์ใฝ่ต่ำ แต่เป็นความรักให้กับพระนาม อัรเราะห์มาน ก็คือ การแสวงหาริซกีที่ฮะลาลพร้อมกับมีความเพียงพออย่างสมบูรณ์ภายใต้ขอบเขตของบทบัญญัติ และรับประทานมันด้วยการคิดใคร่ครวญว่ามันนั้นเป็นเนียะมะฮ์จากอัลเลาะฮ์ พร้อมกับชุโกรต่อพระองค์
ส่วนความรักและการให้เกียรติของท่านที่มีต่อบิดามารดา แท้ที่จริงแล้วมันก็กลับไปสู่ความรักของท่านที่มีต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา เพราะพระองค์คือผู้ปลูกความเมตตาและความอาทรไว้ในตัวของท่านทั้งสองจนทำให้ท่านทั้งสองนั้นทำการดูแลและอบรมท่านด้วยความเมตตาและวิทยปัญญาอันยิ่งใหญ่
และสิ่งที่บ่งชี้ว่าความรักและการให้เกียรติที่ท่านมีต่อบิดามารดานั้นเป็นไปเพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาก็คือ การเพิ่มพูนความรักและการให้เกียรติต่อท่านทั้งสองขณะที่ท่านทั้งสองแก่ชรา และการไม่หลงเหลือความละโมบต้องการใดๆ จากท่านในตัวของท่านทั้งสอง ดังนั้นท่านก็จะมีความอาทรและความเมตตาต่อท่านทั้งสองอย่างมากมายแม้ว่าท่านทั้งสองจะทำให้ท่านต้องพบกับความยุ่งยากและภาระอันหนักก็ตาม อายะห์อัลกุรอานที่ว่า
“และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น และจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา และจงกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย” [อัลอิสรออ์: 23-24] ได้เรียกร้องให้บรรดาลูกๆ ให้การดูแลเอาใจใส่สิทธิของบิดามารดาใน 5 ระดับด้วยกัน และได้ชี้แจงถึงความสำคัญของการทำดีต่อท่านทั้งสองและความน่ารังเกียจของการทรยศต่อท่านทั้งสอง
ผู้เป็นบิดานั้นไม่อาจยอมให้ใครเกินหน้าเขาได้นอกจากลูกของเขาเอง เนื่องจากในคุณลักษณะตามธรรมชาติของผู้เป็นพ่อนั้นจะไม่มีความอิจฉาต่อลูกของตนเอง ดังนั้นลูกจึงไม่มีสิ่งใดมาปิดกั้นหนทางที่ลูกจะเรียกร้องสิทธิของตนเองจากผู้เป็นบิดา เพราะการเป็นปรปักษ์นั้นบางครั้งเกิดจากความอิจฉาและการแข่งขันระหว่างคนสองคน หรือเกิดจากการดูหมิ่นสิทธิ ซึ่งผู้เป็นบิดานั้นปลอดจากสาเหตุทั้งสองนี้โดยธรรมชาติ เนื่องจากสิ่งดังกล่าวนี้เอง ลูกจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องผู้เป็นบิดาของตนเอง แม้ว่าเขาจะเห็นความไม่ยุติธรรมออกมาจากบิดา เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะฝ่าฝืนและอกตัญญูต่อท่าน และนั่นก็หมายความว่า ผู้ที่อกตัญญูและทำร้ายบิดามารดาของตนเองนั้น เขาไม่ใช่อื่นใดนอกจากเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Beechern Date: ก.พ. 19, 2011, 11:41 AM
จากท่าน Itqan @
...
ขออธิบายตามความเข้าใจของตนเอง (อันจำกัด) ดังนี้
ข้อ 1 ความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลือกเฟ้นได้
>> ความรักที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ลูกย่อมรักบิดามารดาของตนเองโดยธรรมชาติ เรารักอาหารที่อร่อย... รักความสวยงาม... เป็นต้น
ข้อ 2 โฉมหน้าของความรักนั้นสามารถเปลี่ยนไปตามความต้องการจากสิ่งที่ถูกรักไปสู่สิ่งอื่น
>> แต่ความรักอันเป็นธรรมชาติเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ข้อ 3 เมื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของสิ่งที่เรารัก และแก่นแท้ของมันปรากฏออกมา
>> เช่น สมมุติว่า เราโปรดปรานอาหารอย่างหนึ่งมาก แต่เมื่อพบว่ามันเป็นเสียต่อร่างกาย ความโปรดปรานนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปได้ หรือ เมื่อพฤติกรรมบางอย่างของคนที่เรารักปรากฏออกมา ความรักนั้นก็เปลี่ยนไป
ข้อ 4 เมื่อเราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคนหรือสิ่งที่เรารักนั้นเป็นม่านที่ปิดกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง
>> ชีวิตอันสุขสบาย ครอบครัวอันอบอุ่น พละกำลังความสามารถที่เรามี ล้วนเป็นสิ่งที่เรารักและแสวงหามัน แต่หากความรักของเราหยุดอยู่เพียงเท่านี้ มันก็จะกลายเป็นม่านกั้นผู้ถูกรักที่แท้จริง นั่นก็คือ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ผู้ทรงประทานสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาให้เรา
ข้อ 5 เป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
>> ในทางกลับกันกับข้อ 4 หากเราสำนึกในความเมตตาของอัลเลาะฮ์ และมีความรักต่อพระองค์แล้ว แน่นอนว่า สิ่งต่างๆ ที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานให้นั้นก็คือกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง นั่นก็คือ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ดังนั้นความรักโดยธรรมชาติของมนุษย์จึงเปลี่ยนโฉมหน้าไปเพราะเหตุนี้
อัลฮัมดุลิลละฮ์ครับผม ^_^
ความรักที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ --> แต่ความรักอันเป็นธรรมชาติเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ --> เมื่อพบว่าสิ่งที่เรารักเป็นเสียต่อร่างกาย ความโปรดปรานนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปได้ -->และหากความรักของเราหยุดอยู่เพียงสิ่งที่เราเห็นเราจับต้องได้ มันก็จะกลายเป็นม่านกั้นระหว่างเรากับอัลลอฮ์ --> สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นกระจกที่สะท้อนความไพจิตรงดงามของอัลลอฮ์
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Beechern Date: ก.พ. 26, 2011, 11:20 AM
ประเด็นต่อไป ประเด็นต่อไป ประเด็นต่อไป

Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: Al Fatoni Date: ก.พ. 28, 2011, 04:55 PM
Semua kerana cinta yang pahit, manis dirasa.
Cinta yang sejati hanya cinta 'kan Ilahi.
Cinta ayah bunda, tulus suci selamanya.
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: มี.ค. 02, 2011, 11:29 AM
สำหรับประเด็นที่สอง อุสตาซอันนูรซีย์ได้ยกตัวอย่างให้เราเห็นภาพว่า ความรักที่มีตามธรรมชาติต่อสิ่งต่างๆ ในโลกนี้นั้นสามารถเปลี่ยนไปสู่ความรักเพื่ออัลเลาะฮ์และหนทางของพระองค์ได้อย่างไรบ้าง ความรักตามธรรมชาตินั้นบางครั้งก็เจือปนไปด้วยความเจ็บปวดและการแยกจาก แต่หากมันได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความรักเพื่ออัลเลาะฮ์และพระนามของพระองค์แล้วความรักนั้นก็จะก่อให้เกิดความหอมหวานที่แท้จริงไร้ซึ่งความเจ็บปวดเจือปนและไม่เสื่อมคลาย นอกจากนี้ยังเพิ่มพูนความรักต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาอีกด้วย
อาหารรสเลิศที่เราโปรดปราน... การที่เราสำนึกรู้ว่ามันคือเนียะมัตที่มาจากอัลเลาะฮ์ผู้ทรงมีพระนามว่า อัลมุนอิม แน่นอนว่า ความรักที่เรามีต่ออาหารรสเลิศนั้นก็จะทำให้เรารักผู้ที่ให้มันมาที่แท้จริงเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้น เราก็จะมุ่งแสวงหาริสกีที่หะลาลในขอบเขตที่พระองค์กำหนดไว้ พร้อมกับมีความพอเพียงอย่างสมบูรณ์
บิดามารดา... ผู้เป็นที่รักของเราทั้งหลาย... ความอ่อนโยน ความเมตตา ความเอื้ออาทรที่เราได้รับจากท่านทั้งสองนั้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮ์ ผู้ทรงมีพระนามว่า อัรเราะห์มาน ได้ปลูกไว้ในตัวท่านทั้งสอง... ดังนั้นเมื่อเราตระหนักได้เช่นนี้ เราก็จะรักอัลเลาะฮ์มากยิ่งขึ้น และยามที่ท่านทั้งสองแก่ชราลง... เราก็ยิ่งมีความเมตตาอาทรต่อท่าน ดูแลท่านอย่างดีโดยไม่ต้องการสิ่งใดๆ เป็นการตอบแทนจากทั้งสอง ... แม้มันจะเป็นภาระที่หนักก็ตาม นั่นแหละ... เรารักท่านเพื่ออัลเลาะฮ์
ความรักต่อสิ่งอื่นๆ ก็เช่นกัน หากเราใคร่ครวญอย่างดี... มันก็สามารถทำให้เรารักอัลเลาะฮ์ตะอาลาเพิ่มพูนขึ้น
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: ItQan Date: มี.ค. 02, 2011, 12:44 PM
นอกจากนี้ อุสตาซอันนูรซีย์ได้ยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
“ถ้าหากมีสุลตานผู้ยิ่งใหญ่ได้ให้แอปเปิลลูกหนึ่งเป็นของขวัญแก่ท่าน ท่านก็จะมีความรักเกิดขึ้นในใจของท่านสองประเภทด้วยกัน และท่านก็จะมีความรู้สึกเอร็ดอร่อยด้วยแอปเปิลลูกนั้นสองลักษณะด้วยกัน
ประเภทที่หนึ่งความรักที่กลับไปหาตัวแอปเปิลเอง เนื่องจากมันเป็นผลไม้ที่ดีมีรสชาติที่อร่อยอันเป็นคุณลักษณะของมันเอง ความรักประเภทนี้ไม่ได้กลับไปหาสุลต่าน แต่ผู้ใดที่รับประทานแอปเปิลนั้นอย่างตะกละตะกลามต่อหน้าสุลต่านย่อมเผยให้เห็นความรักที่เขามีต่อแอปเปิล ไม่ใช่ต่อตัวสุลต่าน ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมดังกล่าวย่อมทำให้สุลต่านไม่ประทับใจ และรังเกียจความรักอันหลุ่มหลงต่อนัฟซูของเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้น ความเอร็ดอร่อยที่มีอยู่ในแอปเปิลนั้นก็เป็นความเอร็ดอร่อยเพียงเล็กน้อยซึ่งมันจะหมดไปอย่างแน่นอน เมื่อเขารับประทานเสร็จสิ้นแล้วความอร่อยมันก็หายไป เขาก็รู้สึกเสียใจ
ประเภทที่สองความรักที่มีต่อการให้เกียรติของสุลต่าน และความใส่ใจที่พระองค์ทรงมีให้เขาซึ่งปรากฏออกมาทางแอปเปิลผลนั้น ดังนั้นผู้ใดที่รับของขวัญจากสุลต่านด้วยความรักและซาบซึ้งในความเมตตาของพระองค์แล้ว เขาย่อมเผยให้เห็นถึงความรักที่มีต่อสุลต่าน ไม่ใช่ต่อตัวแอปเปิลเอง และแน่นอนว่าในตัวแอปเปิลที่ได้กลายเป็นอนุสรณ์ของความเมตตาของสุลต่านนั้น ก็จะมีความเอร็ดอร่อยที่แอปเปิลร้อยลูกพันลูกอื่นๆ ไม่มี ความเอร็ดอร่อยดังกล่าวนี้แหละคือการขอบคุณในตัวของมันเอง และความรักดังกล่าวนี้แหละคือความรักที่มีการให้เกียรติและนอบน้อมต่อสุลต่าน
ดังนั้นหากมนุษย์มุ่งความรักไปยังตัวเนียะมัตและบริโภคมันอย่างหลงลืมด้วยความเอร็ดอร่อยทางวัตถุเพียงอย่างเดียวแล้ว มันก็คือความรักที่กลับไปยังนัฟซู และเมื่อเขามุ่งความรักไปยังความกรุณาเมตตาของพระผู้อภิบาลอันล้นเหลือ ซาบซึ้งในความดีงามของพระองค์ และเอร็ดอร่อยกับเนี๊ยะมัตเหล่านั้นด้วยความนอบน้อม นั่นก็คือการขอบคุณเชิงนามธรรมนั่นเอง
Re: คำถามสำคัญ เกี่ยวกับ... ความรัก... By: nada-yoru Date: ก.ค. 20, 2013, 10:32 AM
อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ
ขอขุดนะคะ...
เพราะรู้สึกได้ว่าเนื้อหาข้างต้น บรรยายได้ล้ำลึกเกี่ยวกับความรัก
และการรักทุกอย่างเพื่ออัลลอฮฺ...
เราหลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า รัก...เพื่ออัลลอฮฺ
แต่ก็น้อยคนนักที่จะมานั่งอธิบายว่า การรัก...เพื่ออัลลอฮฺนั้น มีวิธีการอย่างไร
สำหรับข้าน้อยได้สัมผัสกับความรักเพื่ออัลลอฮฺเมื่อ...
วันนึง ตื่นมารู้สึกรักพ่อกับแม่มากเมื่อเราได้จากกัน
และได้อยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ไม่มีท่านคอยประคับประคอง
อย่างแต่ก่อน รู้สึกได้ว่า...ชีวิตเรานั้นขาดท่านไม่ได้เลย...
เมื่อไม่มีท่านทั้งสอง ชีวิตเราก็เหมือนไปต่อได้ลำบากเหลือเกิน...
จึงทำให้สำนึกถึงบุญคุณอันมากมายที่ผ่านมาทีี่ท่านได้ทำเพื่อเรา
โดยไม่ได้หวังผลอะไรจากเราเลย(ไม่เลยจริงๆ)...
วันนั้น จึงตั้งใจว่าจะเข้มแข็งเพื่อให้ท่านทั้งสองสบายใจว่าเราอยู่ได้
เราเดินต่อได้ โดยมีท่านทั้งสองอยู่ข้างๆ
แน่นอนว่าด้วยรูปธรรมไม่มีท่านเดินกับเราหรืออยู่กับเรา
แต่ทุกๆคำพูดทุกๆการกระทำของท่านทั้งสอง
ตั้งแต่เรารู้เดียงสาจวบจนทุกวันนี้ สิ่งเหล่านั้นยังคงประทับอยู่ในความทรงจำของเรา แม้กายของท่านจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
แต่ทุกอย่างที่เราได้เคยมีต่อกันมันยังอยู่
มันไม่ได้หายไปไหนเลย...
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกคำสอนของท่านจึงคอยเป็นดั่งแผนที่
ยามที่เราก้าวเดินไปข้างหน้า
เวลาล้มลงคำปลอบใจของท่านก็ดังขึ้นว่าให้สู้...
เราก็ลุกขึ้นได้อีกครั้งแล้วก็เดินต่อไป
เพราะเรารู้ว่า...ใครเป็นคนสอนให้เราเดินได้
และใครคอยประคองเราเมื่อยามที่เราหกล้ม
กว่าเราจะเดินได้แข็งแรงและมั่นคงเช่นดังวันนี้ได้
ก็เกิดมาจากก้าวแรกของเราที่เริ่มมาจาก
สองมือของท่านทั้งสองที่คอยประคับประคอง คอยสอน
คอยฝึกฝนและคอยจับตามองของพ่อกับแม่ในทุกๆฝีก้าว
ของเรา...จนเราสามารถเดินได้อย่างมั่นคงในที่สุด...
สิ่งเหล่านี้จึงหล่อหลอมให้เรารู้สึกรักท่านขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
และอะไรหรือใครที่ท่านทั้งสองรัก
เราก็อยากจะรักอยากจะปฏิบัติดีด้วย
เริ่มจากลูกๆของท่านซึ่งเป็นพี่น้องของเรา...
หลายคนอาจจะมีข้อขัดแย้งหรือทะเลาะ
กับบรรดาพี่น้องของตัวเอง จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
แต่เมื่อเรามองไปยังพ่อกับแม่ ด้วยความรักที่เรามีต่อท่าน
มันทำให้เราหยุดการทะเลาะนั้นทันที...
เราไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น
เพียงแค่รู้ว่า เราทั้งหมดที่กำลังทะเลาะกันนั้น
เป็นลูกๆของท่าน...
ท่านอาจจะรู้ว่าหนึ่งในบรรดาลูกๆของท่านนั้น
ใครเป็นคนถูกใครเป็นคนผิด
แต่ความรู้นั้น ก็ไม่ได้ทำให้ท่านทั้งสอง
เลิกรักลูกคนใดคนหนึ่งไปได้...
ท่านก็ยังคงรักลูกๆทุกคนของท่านอยู่อย่างนั้น...
และยังปฏิบัติดีกับลูกๆของท่านด้วยความรัก
คอยสอนคอยติเมื่อลูกหลงผิด...
เมื่อได้คิดว่า...จะอย่างไรท่านก็รักลูกๆของท่าน
การทำดี ปฏิบัติดีต่อลูกๆของท่านซึ่งก็คือพี่น้องของเรานั้น
เป็นสิ่งที่จะทำให้ท่านทั้งสองพึงพอใจเป็นแน่แท้...
เราจึงรักพี่น้องซึ่งเป็นลูกๆของท่าน
เพื่อหวังความพึงพอใจจากท่านทั้งสอง...
อยากให้ท่านทั้งสองอุ่นใจว่าเราอยู่กันได้ด้วยรักและสามัคคี...
แม้บางครั้งจะมีเรื่องขัดใจกัน
แต่เราก็จะให้อภัยกันและกันในที่สุด...
ดังนั้น...การรักพี่ๆน้องๆเพื่อหวังความพึงพอใจของพ่อแม่
จึงเป็นผลให้เราสะท้อนสิ่งดังกล่าว
ไปยังผู้ที่สร้างพ่อกับแม่ของเรามา
พระองค์ย่อมมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเป็นแน่แท้
เพราะพ่อแม่แค่ให้กำเนิดเราและพี่ๆน้องๆของเรามา
แต่อัลลอฮฺนั้น...ทรงบังเกิดพ่อแม่ของเรา
และทุกสรรพสิ่งที่อยู่รายล้อมเรา
และทุกอย่างที่พระองค์สร้างมาก็เป็นประโยชน์ต่อเรา...
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พระองค์คือผู้ทรงส่ง
ท่านศาสนทูตมุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
มายังเราด้วยเพราะความเมตตาจากพระองค์...
หากพระองค์ไม่ส่งท่านรอซู้ล ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมาแล้วไซร้
เราลูกหลานนบีอาดัมทั้งหมดจะเป็นอย่างไร...
และการได้ศึกษาสิ่งที่ท่านรอซู้ล ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ได้สอนสั่งและทำไว้เป็นแบบฉบับก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกรักท่าน
รักทั้งๆที่ไม่ได้เห็นหน้าท่าน ไม่ได้ยินเสียงของท่าน
ไม่ได้เห็นท่านเดินอยู่ข้างๆ...
แต่ทุกๆถ้อยคำที่ท่านนำมาสอนเรา มันทำให้เรารู้สึกรักท่านได้
โดยอัตโนมัติ ที่รักได้เพราะเรารู้และสัมผัสได้ถึงความรัก
ที่ท่านมีต่อประชาชาตินี้...
จึงไม่มีม่านใดกั้นความรักที่เรามีต่อท่านได้
แม้แต่กาลเวลาทีี่ผันผ่านมานับพันปี
ก็ไม่อาจขวางกั้นความรักนั้นได้...
แค่ได้ศึกษาตัวท่านผ่านวจนะของท่านที่ถูกถ่ายทอด
จากรุ่นสู่รุ่นยังทำให้เรารู้สึกรักท่านได้เช่นนี้
จึงมิอาจพูดได้เลยว่า หากมีท่านมานั่งอยู่ใกล้ๆ
แล้วจะเป็นเช่นไร...แล้วผู้ใดกันที่ส่งท่านมา...
หากมิใช่ผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีเสมอ...
เมื่อเราได้ซาบซึ้งถึงความรักดังกล่าว จึงไม่แปลกที่เราจะรัก
ในพระนามอันวิจิตรของอัลลอฮฺที่พระองค์กล่าวไว้ในอัลกุรอ่าน
เพื่อเป็นการยืนยันถึงสัจธรรมดังกล่าว...
เพราะเมื่อเราได้มองได้สัมผัสทุกสิ่่งทุกอย่างในโลกนี้
ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก
เราก็จะสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่
ของผู้ที่สร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา
และเราจะรู้ว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร
ก็ไม่อาจทดแทนบุญคุณนั้นได้หมด
หากบุญคุณของพ่อกับแม่นั้นยากต่อการทดแทนให้หมดได้
แล้วอะไรเล่าจะตอบแทนบุญคุณของอัลลอฮฺ ตะอาลาได้...
สำหรับข้าน้อย...สิ่งที่ทำได้ก็คือ การพยายามแสวงหาความพึงใจของพ่อกับแม่
เพื่อหวังในความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ ตะอะลา...
จึงไม่เคยแปลกใจตัวเองว่า...
ทำไมวันนึงที่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกรักพ่อกับแม่มากๆ
แล้วทำให้เริ่มทำสิ่งดีๆเพื่อหวังความพึงพอใจของท่านทั้งสอง
จึงได้สร้างความอิ่มเอมใจในความรักนั้นนัก
เพราะเมื่อได้ทำอย่างนั้นยามใด
ยามนั้นเองที่อัลลอฮฺให้เราได้สัมผัสกับความรักของพระองค์
และความรักของศาสนทูตของพระองค์ที่มีมายังเราทั้งหมด...
"รักแท้" เกิดจากจุดนั้นที่เราเคยมองข้ามไปนั่นเอง...
และเมื่อเราได้เรียนรู้"รักแท้"จากผู้สร้างเรามา...
เราก็อยากถ่ายทอดความรักนั้น
สู่สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาเช่นกัน...
ความรักแท้นั้นไม่มีอะไรปิดกั้น
ระหว่างเรากับสิ่งที่เรารักหรือสิ่งที่ถูกรัก
และมันจะคอยเป็นเงาสะท้อนถึงผู้ที่ถูกรักที่แท้จริง
ผู้ที่มอบรักแท้มาให้เรา
และทรงเป็นผู้ที่ได้รับรักแท้นั้นอย่างแท้จริง...
ความรักแท้ จึงไม่มีคำว่าเจ็บปวด ทรมาน...
แต่มันจะสร้างความหวัง กำลังใจ และความอบอุ่นในหัวใจ
อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ให้กับผู้ที่ได้สัมผัส
และได้มอบรักนั้นอยู่ตลอดเวลา...
หากการรักใครแล้วเรายังรู้สึกเจ็บปวดทรมานอยู่
เราต้องถามตัวเองใหม่แล้วว่า..."ทำไม"ถึงเป็นเช่นนั้น...
ที่เราเจ็บปวดอยู่นั้นมันเกิดจาก "ความรัก"เป็นต้นเหตุ
หรือเหตุของมันจริงๆเกิดจากสิ่งใดกันแน่...
แล้วเราจะหาต้นตอของความเจ็บปวดนั้นเจอ
เมื่อเจอ...อินชาอัลลอฮฺ...
โรคทุกอย่างอัลลอฮฺได้ทรงให้มียามารักษา...
เพราะหากเราหวังว่าจะได้เจอรักแท้...
และเขาผู้นัั้นจะรักและไม่ทอดทิ้งเราไป...
เราจะหวังรักแท้โดยไม่ต้องถูกทอดทิ้ง
จากสิ่งถูกสร้างมิได้อย่างแน่แท้...
เพราะสิ่งดังกล่าวทั้งหมด เปรียบเหมือนดั่งสิ่งของที่อัลลอฮฺ
ให้เราหยิบยืมมา วันนึงพระองค์ก็จะนำกลับไป...
แม้แต่ร่างกาย ลมหายใจของเราก็มิใช่กรรมสิทธิ์ของเรา...
แล้วเราจะหวังที่จะเป็นกรรมสิทธิ์ในชีวิตหนึ่งชีวิตใด
หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ถูกหยิบยืมมาจากพระองค์ได้อย่างไร...
แต่หากเราหวังรักแท้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง...
อัลลอฮฺนั้นเพียงพอแล้วสำหรับเรา...
พระองค์มิเคยทอดทิ้งชีวิตหนึ่งชีวิตใด...
แม้ชีวิตนั้นจะเล็กสักแค่ไหนก็ตาม...
และพระองค์มิมีดับสูญ...
เราผู้มีพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา และอัลลอฮฺให้ท่านทั้งสอง
หรือจากหนึ่งของท่านทั้งสองได้อยู่กับเราจนแก่เฒ่าชรา
นั่นแหล่ะคือ เนี๊ยะมัตอันยิ่งใหญ่ คือประตูสู่สวรรค์
ที่อัลลอฮฺได้นำมาวางไว้ต่อหน้าเราแล้ว...
ใช่ว่าเราจะได้เข้าสวรค์ของอัลลอฮฺได้โดยง่ายดาย
แต่เชื่อเถิดว่าเรานั้นโชคดีว่าเด็กกำพร้าอีกหลายเท่านัก...
ท่านนบีของเราเป็นเด็กกำพร้า ท่านกำพร้าทั้งพ่อและแม่
เรารักท่าน เราจึงรักเด็กกำพร้าด้วย...
ความรักจึงเป็นไปโดยอัตโนมัตด้วยกับรักนั้นๆ...
เมืื่อเรารักอัลลอฮฺ...และรู้ว่าอัลลอฮฺรักเรา
ทุกๆการทดสอบหรือทุกๆอย่างที่เราได้รับมาจากพระองค์
จึงไม่เป็นอื่นใดนอกจากว่าสิ่งเหล่านัั้น
มีความรักจากพระองค์แนบติดมาด้วย...
พยายามหาความรักจากทุกสิ่งที่ได้รับจากพระองค์มาให้เจอ
แล้วเราจะรักสิ่งนั้นได้โดยอัตโนมัติ...
อย่าขว้างสิ่งใดทิ้งไป จนกว่าเราจะหาความรักจากพระองค์
ทีี่แนบมากับสิ่งนั้นจนเจอเสียก่อน...
หากผิดพลาดประการใด ติติงกันได้นะคะ
วัลลอฮุอะลัม
วัสลามุอะลัยกุม