มะฮัร VS สินสอด !?! By: hiddenmin Date: มิ.ย. 19, 2011, 09:22 PM

เมื่อก่อนเข้าใจว่าสองอย่างนี้คืออันเดียวกัน
ต่อมาชักไหวหวั่น ใช่เหมือนกันรึเปล่า
มาถึงวันนี้ คิดว่ามันต่าง
ขอผู้รู้โปรดชี้แจงด้วย

Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: Al Fatoni Date: มิ.ย. 19, 2011, 09:37 PM
ฟังข่าวช่อง ๓ เมื่อวาน ประจวบเหมาะสมพอดีที่มีนักกฎหมายท่านหนึ่งบอกความหมายของคำว่า "สินสอด" ไว้พอสรุปได้ว่า
"สินสอด" หมายถึง ทรัพย์น้ำใจที่ทางฝ่ายสามีจะ
มอบให้แก่บิดามารดาของฝ่ายหญิงในพิธีสมรส ในฐานะที่ทั้งยอมยกลูกสาวให้ตน"
ส่วน
"มะหัร" หมายถึง "ทรัพย์ที่ทางสามีจะ
มอบแก่ภารยาของตนในพิธีสมรส ไม่ใช่บิดามารดาของเธอ" แต่เมื่อเธอได้รับมันแล้ว เธอก็สามารถที่จะมอบทรัพย์บางส่วนแก่ใครก็ได้ที่เธอต้องการ
ผิดถูกยังงัยก็ท้วงได้ครับ ความเข้าใจนี้ผมเอามาจาก อ.ที่คณะอีกทีครับ เพราะแกท้วงเรื่องความแตกต่างระหว่าง "สินสอด" กับ "มะหัร" อยู่บ่อยๆ - วัลลอฮุอะอ์ลัม
Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: Al Fatoni Date: มิ.ย. 20, 2011, 10:26 PM
ตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 ระบุว่า "การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์ สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิง เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น
เมื่อหมั้นแล้วให้ของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่หญิง
สินสอด เป็น
ทรัพย์สินซึ่งฝ่ายชายให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองฝ่ายหญิง แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส ถ้าไม่มีการสมรสโดยมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิง หรือโดยมีพฤติการณ์ซึ่ง ฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบ ทำให้ชายไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับหญิงนั้น ฝ่ายชายเรียกสินสอดคืนได้
ถ้าจะต้องคืนของหมั้นหรือสินสอดตามหมวดนี้ ให้นำบทบัญญัติ มาตรา 412 ถึง มาตรา 418 แห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้ บังคับโยอนุโลม
________________
อ้างจาก -=>
บรรพ 5 ครอบครัวลักษณะ 1 การสมรส หมวด 1 การหมั้น มาตรา 1435 ถึง มาตรา 1447/2 จาก "
เว็บสำนักงานกฎหมายพี่ศิริ ทนายความ"
Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: Al Fatoni Date: มิ.ย. 20, 2011, 10:46 PM
มะหัร อัลกุรฺอาน -=>

ความว่า
“พวกเจ้าจงมอบปัจจัยทานเป็นของขวัญแก่เหล่าสตรีเถิด” (อันนิสาอฺ : 4)
อัลหะดีษ -=> ความว่า
“นะบีมูฮัมมัดได้กล่าวแก่ชายคนหนึ่งที่ต้องการแต่งงานกับสตรีนางหนึ่งว่า จงหาค่ามะฮัรถึงแม้จะเป็นแหวนเหล็กเพียงวงหนึ่งก็ตาม แต่ชายคนนั้นไม่สามารถหาได้เช่นเดียวกัน ท่านนะบี จึงแต่งงานด้วยการให้ชายคนนั้นสอนบางซูเราะฮ์ในอัลกุรอานให่แก่สตรีที่จะแต่งงานด้วย” (รายงานโดยอัลบุคอรีย์/5135)
_____________
อ้างจาก -=>
บทความเรื่อง " มะฮัร (ค่าสินสอด)" จากหนังสือ "แต่งงานง่าย ซินายาก" โดย อ.มัสลัน มาหะมะ
Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: Bangmud Date: มิ.ย. 21, 2011, 04:16 PM

ฟังเทป อาจารย์ อิสมาแอล วิสุทธิปราณี จะบอกเสมอ ๆ
สินสอด มอบให้พ่อแม่เจ้าสาว เหมือนเป็นค่าน้ำนม
มะฮัรฺ มอบให้เจ้าสาวในวันแต่งงาน, เมื่อผ่านการนิกาหฺแล้ว เป็นของเจ้าสาวครึ่งหนึ่ง เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้ว เป็นของเจ้าสาวทั้งหมดผมจำมาอย่างนี้ตลอด
วัลลอฮุอะอฺลัม
Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: Sunni Partisan Date: มิ.ย. 21, 2011, 06:19 PM
ท่าน อาจารย์ อาดำ มะหะหมัด เคยบอกว่า
ไม่ควรจะใช้คำว่าสินสอด เพราะท่านเกรงว่าจะไม่เซาะฮ์ เนื่องจากในอิสลามไม่มีค่าน้ำนม ที่สำคัญ
สินสอดนั้นเหมือนกับการปฏิบัติในยุคญาฮีลียะห์ ซึ่งที่เวลาบุตรสาวแต่งงาน ทรัพย์สินนั้นจะตกเป็นของบิดามารดาทันที
โดยที่ลูกสาวนั้น ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ผู้ชายมอบให้
ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับความหมายของมะฮัรในอิสลามมะฮัรในอิสลามนั้นคือ ทรัพย์สินต่างๆ ที่ฝ่ายชายมอบให้ เพื่อเป็นการแสดงถึงเกียรติของผู้หญิง
และ
บิดามารดานั้นไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์นี้ เว้นแต่ ด้วยการยินยอมของบุตรสาว
จากความหมายข้างต้น เราจะเห็นว่า มะฮัรและสินสอดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยที่จากคำนิยามของสินสอดนั้น คือ สิ่งที่อิสลามให้การปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง! วัลลอฮุอะอฺลา วะ อะอฺลัมบิซซ่อวาบ
Re: มะฮัร VS สินสอด !?! By: nada-yoru Date: ธ.ค. 10, 2013, 04:02 PM
ได้ความรู้เพิ่ม...
เชื่อว่า ผู้ชายหลายคนก็คงตระหนักและกังวลกับเรื่องนี้
เพราะข้าน้อยมีทั้งพี่ชายและพี่สาว มีทั้งน้องชายและน้องสาว...
คนไทยเรา แม้จะนับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังคงมีการเรียกค่่า "สินสอด"
อยู่ในบางพื้นที่ค่ะ...เพราะเขาเชื่อว่า พ่อแม่ควรจะได้รับทรัพย์สินตรงนี้
เพราะว่าลูกสาวแต่งงานแล้วออกจากเรือนไปอยู่กับสามี...
บางแห่งก็เชื่อว่า ลูกสาวคือทรัพย์สินของพ่อแม่ หากใครต้องการ
หรือนำไปอยู่ที่อื่นก็จำเป็นต้องเสียค่าสินสอดให้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา...
อย่างเพื่อนคนจีนก็ยังเคยบ่นๆว่า เกิดเป็นผู้หญิงนั้นลำบาก
เวลาแต่งงานต้องย้ายไปอยู่บ้านสามี มีหน้าที่ไม่ต่างจากทาสของคนที่นั่น
พ่อแม่ที่มีลูกสาวจึงต้องเรียกค่าสินสอดจากฝ่ายชาย เพราะเขาเอาลูกของตัวเอง
ไปใช้งาน อะไรประมาณนั้น...
ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีความเชื่อหรือความคิด มุมมองที่แตกต่างกัน...
แต่อิสลามเราได้ให้คำจำกัดความไว้อย่างดีแล้ว...
พ่อกับแม่ของข้าน้อยก็น้อมรับบัญชานั้นโดยดุษฎี
ในพิธีแต่งงานของลูกสาวจึงมีแค่ค่ามะฮัรฺที่พ่อให้ลูกสาวเป็นคนเสนอเอง...
เพราะพ่อแม่เลี้ยงลูกมาหวังให้ลูกมีความสุข...
หากคนที่มาขอนั้นพอจะนำพาลูกของตนไปสู่หนทางของอัลลอฮฺ
เป็นคนมีความรับผิดชอบ ค่าสินสอดก็ไม่จำเป็นแต่อย่างใด...
ส่วนมะฮัรฺนั้นยกให้เป็นเรื่องของลูกสาว...
เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของลูกสาว...
แล้วทางฝั่งพี่ชายเอง...หากฝ่่ายหญิงเรียกสิ่งใดมาก็พยายามสนองตอบ...
อันนี้เจอหลายกรณี...จึงบอกได้แค่ว่า มุสลิมเราก็จริง หากอยู่ต่างพื้นที่กัน
ความเชื่อและค่านิยมของแค่ละพื้นที่ก็ย่อมแตกต่างกันไป...
แต่ไม่อยากให้ผู้หญิงเรามีความเชื่อว่า หากได้ค่าสินสอด
หรือมะฮัรฺเยอะๆแล้ว หมายความว่าเรานั้นมีคุณค่ามาก
ตามจำนวนของมะฮัรฺเลย...หลายๆคนเลยเรียกซะน่าใจหาย
บางคนเรียกให้เกินหน้าผู้หญิงคนอื่นๆในหมู่บ้าน
เพื่อประกันว่าฉันนั้นมีค่าเหนือหญิงใด เพราะฝ่ายชาย
นำมะฮัรฺมาให้มากกว่าใครในหมู่บ้าน...
ไม่อยากให้เราตีค่าตัวเองหรือยกระดับคุณค่าตัวเอง
ด้วยการเรียกมะฮัรฺเสียสูงลิบ...
เพื่อให้คนฟังได้ฮือฮากันทั่วหน้าเลย...
เพราะคุณค่าที่แท้จริงของผู้หญิง ไม่ได้อยู่ที่จำนวนของมะฮัรฺเลย
แต่อยู่ที่จรรยามารยาทและบทบาทหน้าที่ที่ถูกอบรมมา
เพื่อการเป็นภรรยาที่ดีและเป็นมารดาแห่งศรัทธาชน...
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเรียนมามากหรือเรียนมาน้อย
หากความรู้ที่มีนั้นไม่ได้สร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้กับเรา
และบุตรของเราที่จะมีมาในอนาคต...
บางคนถึงกับกล่าวว่า ลูกสาวฉันจบโท สินสอดต้องได้อย่างน้อย
เท่านั้นเท่านี้ บางคนก็ดูถูกผู้หญิงที่จบแค่ป.หกว่าเรียนมาแค่นี้
แล้วมาเรียกมะฮัรฺซะเยอะ...หรือให้ค่าที่ความสวย
หากว่าคนใดสวยมากก็ควรจะได้ค่ามะฮัรฺมากหน่อย
คนไหนสวยน้อยหน่อยก็ลดหลั่นกันไป...
ก็ไม่อยากให้ใครมาตีค่าผู้หญิงด้วยกับสิ่งอื่นเลย
นอกจากคุณงามความดีที่ผู้หญิงคนนั้นได้กระทำมา
และยังคงยึดมั่นกระทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ...
เราควรยกระดับคุณค่าของตัวเองด้วยกับการพยายาม
กระทำสิ่งที่ดีงามมากกว่าการพยายามยกระดับคุณค่าของตัวเอง
ด้วยกับจำนวนมะฮัรฺ
เพราะหากไม่ใช่...เราอาจจะได้สามีที่มีแค่เงินแต่ปราศจากความดี
เพราะคนดีมีอีหม่านแต่ไม่รวยนั้นมีเยอะ...เราอาจจะตัดสินใจ
พลาดหากเราวางมาตรฐานคุณค่าตัวเองเอาไว้ที่จำนวนของมะฮัรฺ
ยังเคยแนะนำน้องชายเลยว่า...หากพบว่่าผู้หญิงคนใดมีจรรยา
มารยาทที่ดี แต่งกายเรียบร้อย หน้าตาดี เรียนมาสูง
อย่าเพิ่งคิดว่า เธอคนนั้นจะไม่ยอมรับเราหรือว่าเธอคนนั้น
มีคนจองไว้แล้ว แต่ให้กล้าที่จะเดินเข้าไปสู่ขอเธอแต่งงาน
เพราะผู้ชายหลายคนก็คิดเช่นนั้นแหล่ะ ก็เลยไม่มีใคร
ไปขอเธอหรือเอาเธอลงมาจากคาน...และเธอคนนั้นก็อาจจะอาย
เกินกว่าจะประกาศตนว่าพร้อมจะลงจากคาน...
ซึ่งบางครั้ง เราอาจจะโชคดีกว่านั้น เมื่อหญิงผู้นั้นไม่ได้เรียกค่า
มะฮัรฺซะสูงตามที่ใครๆแอบคิดกันอยู่ก็ได้...
ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากผิดพลาดประการใด
ชี้แนะด้วยนะคะ...^^
วัสลาม