Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: sufriyan Date: ต.ค. 17, 2011, 07:40 PM
แต่สำหรับผม...เป็นเพียงแค่ผู้รู้..ที่เริ่มแสวงหาความรู้..ไม่มีพรรคหรือว่ามีสังกัด. ..กลุ่มหรือว่าองค์กรณ์ใดๆ
ระวังอยู่พรรคชัยฏอน เพราะพวกไม่มีพรรค ชัยฏอนจะเอาเขาเข้ามาเป็นพรรคพวก
เอาตามจริง ตอนแรกนึกว่าเค้าพิมพ์ผิดแล้วจะเข้ามาแก้ไข แต่พอเค้าเข้ามายืนยัน ...........
เอาเป็นว่าผมจะเงียบแล้วรออ่าน
ผู้รู้เค้าคุยกันดีกว่า
วัสลาม
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: anakin Date: ต.ค. 17, 2011, 07:42 PM
นี่่ขนาดอาจารย์อะลี ยังบอกว่าตนเองเป็นคนเอาวามเพื่อเป็นมารยาทตามหลักศาสนา แล้วคนที่บอกว่าตนเองเป็นผู้รู้ ไม่สนใจในเรื่องจริยธรรม ชอบแอบอ้างตนเอง ยกย่องตนเองแม้สักนิดก็ยังดี แบบนี้มีความรู้ก็ไร้ประโยชน์ครับ
.............................
ครับป๋ม..การบอกว่าตัวเองเป็นผู้รู้..อ้างตัวตรงไหนหรือครับ...เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมุสลิมหน้าที่คือแสวงหาวิชาความรู้ครับ...ผมไม่ได้กล่าวอ้างว่าผมรู้มากหรือรู้หมดทุกเรื่องเลยนิครับ...
อาจารย์อาลีก็คนเหมือนอาจารย์์คนอื่นๆนะละครับ..เขาก็เป็นเพียงแค่ผู้รู้ท่านหนึ่ง..บางทีหรือบางเรื่อง..ที่เขาไม่รู้.ก็มี...มันผิดหลักจรรยาบรรณตรงไหนหรือครับ..แล้วเป็นการอวดอ้างตรงไหนหรือครับ...
ผมคิดว่่ามุสลิมทุกคนเป็นผู้รู้ทั้งหมดละครับ..เพราะหน้าที่คือ...ต้องแสวงหาวิชาความรู้.. ดังที่ท่านรอซูล.(ซ.ล) ได้กล่าวเอาไว้นะครับ...".จงศึกษาวิชาความรู้..ตั้งแต่ในแปลจนถึงหลุมฝังศพ.."
เพราะผุ้ที่ศึกษาวิชาความรู้..ก็เปรียบเสมือนผู้รู้ท่านหนึ่งหรือว่าคนหนึ่งนะละครับ...แต่รู้มากหรือว่ารู้น้อย..อีกเรื่องหนึ่งครับ...
คนที่เก่งกว่าอาจารย์อาลีก็มี..คนที่ ความรู้น้อยกว่าอาจารย์อาลีก็มี...ไม่ใช่เรื่องแปลก..เพราะอยู่ที่ว่าใครจะพยายามหรือหมั่นแสวงหามากน้อยแค่ไหนมากกว่านะครับ.
อาจารย์อาลีก็คน..อาจารย์..คนอื่นๆก็คนเหมือนกัน.อาจารย์อาลีไม่ได้เหนือกว่าอาจารย์คนอื่นๆหรือว่าอาจารย์คนอื่นๆไม่ได้เหนือกว่ากว่าอาจารย์อาลีเลย...
สำคัญที่ว่า..ใครที่มุ่งมั่นแสวงหาวิชาความรู้..และมีความพยายามมากกว่าต่างหาก....
เพราะอาจารย์อาลีก็คน..อาจารย์คนอื่นๆก็คนเหมือนกัน..ไม่เห็นแตกต่างเลยนี่ครับ...เพราะมิใช่ว่าคนที่ใช้คำว่า..อาจารย์จะมีเกียตริมากกว่าคนธรรมดาเลยนิครับ..
ถ้ามีเกียตริ ณ.ที่มนุษย์นะใช่ครับ...แต่ถ้ามีเกียตริ ณ ที่พระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ)น่าจะมองกันที่ความยำเกรงและการตั๊กวามากกว่านะครับ...
เพราะอาจารย์บางคนหรือว่าบางท่าน..ก็เหมือนปีศาจในคราบนักบุญ.หรืออีกแง่หนึ่งก็คือ..อาจารย์เชิงพานิชน์ดีๆนี่เองนะครับ..._@^_^@
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 17, 2011, 07:49 PM
ดังที่ท่านรอซูล.(ซ.ล) ได้กล่าวเอาไว้นะครับ...".จงศึกษาวิชาความรู้..ตั้งแต่ในแปลจนถึงหลุมฝังศพ.."
ฮะดีษนี้ใครรายงานครับ ซอฮิหฺหรือเปล่า
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 17, 2011, 08:02 PM
คนที่เก่งกว่าอาจารย์อาลีก็มี..คนที่ ความรู้น้อยกว่าอาจารย์อาลีก็มี...ไม่ใช่เรื่องแปลก..เพราะอยู่ที่ว่าใครจะพยายามหรือหมั่นแสวงหามากน้อยแค่ไหนมากกว่านะครับ.
คนเก่ง ไม่ใช่คนที่หมั่นแสวงหาวิชาความรู้ แต่คนเก่งนั้นคือคนที่มีมารยาท มีจริธรรม และระงับนัฟซูตนเองได้ โดยไม่อวดอ้าง ยกย่องตนเอง
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: anakin Date: ต.ค. 17, 2011, 08:08 PM
ดังที่ท่านรอซูล.(ซ.ล) ได้กล่าวเอาไว้นะครับ...".จงศึกษาวิชาความรู้..ตั้งแต่ในแปลจนถึงหลุมฝังศพ.."
ฮะดีษนี้ใครรายงานครับ ซอฮิหฺหรือเปล่า
....
ขอบคุณครับ...ที่ช่วยชี้แนะ...ฮาดิษข้างต้น..สายรายงานยังไม่ซอเฮียะ์ห์ครับอันนี้ผมสับสนนิดหนึ่งครับ..จริงๆผม..อ้างถึงเรื่องความจำเป็น..จะเอาหลักฐานจากอันนี้นะครับ...
ขอบคุณที่ช่วย..เตือน...อย่างนี้ซิครับ..ถึงเรียกว่า.ศาสนาคือการตักเตือน...ขอบคุณครับป๋ม...
(طلب العلم فريضة على كل مسلم)
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 12:08 AM
ฮาดิษข้างต้น..สายรายงานยังไม่ซอเฮียะ์ห์ครับอันนี้ผมสับสนนิดหนึ่งครับ..จริงๆผม..อ้างถึงเรื่องความจำเป็น..จะเอาหลักฐานจากอันนี้นะครับ...
ที่คุณยอมรับว่าสายรายงานหะดีษนี้ไม่ซอฮิห์นั้น มีนักรายงานคนใดบ้างที่ทำให้หะดีษไม่ซอฮิหฺหรือว่าคุณพูดเรื่องศาสนาแบบปราศจากความรู้ ก็ถือว่าพฤติกรรมของคุณนี้ขัดกับซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) เช่นกัน
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: บาชีร Date: ต.ค. 18, 2011, 04:01 AM
เพลาๆกันหน่อยก็ดีนะครับ พี่น้องกันหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ขัดใจกันก็ดี
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 09:56 AM
และสิ่งเหล่านั้นคือมรดกทางวิชาการที่ล้ำค่า ซึ่งอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงประทานให้แก่บรรดาอุละมาอฺเหล่านั้นที่เป็นธรรมทายาทของท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) และกลายเป็นความประเสริฐของประชาชาตินี้ที่บรรดาอุละมาอฺของประชาชาติคือผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขา ลองคิดสักนิด หากว่าเราไม่ถ่ายทอดมรดกทางวิชาการเหล่านั้น ไม่นานข้อมูลทางวิชาการเหล่านี้ก็จะสูญหายไปในที่สุดด้วยเหตุผลที่เราอ้างว่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยพวกเขาอีกแล้ว
ต่อไปตำราต่างๆ ที่เป็นมรดกทางวิชาการอันล้ำค่า(อัตตุร็อษ)ของอุลามาอฺผู้เปี่ยมคุณธรรม ก็จะหายไปด้วยน้ำมือของพวกที่บอกกับคนอื่นว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขายังต้องอาศัยอัตตุร็อษตำราเชิงวิชาการของอุลามาอฺรุ่นก่อนๆ ในการอธิบายอัลกุรอาน อธิบายหะดีษ และอธิบายฟิกห์นิติศาสตร์อิสลาม
เราจะสังเกตได้ว่า เว็บวะฮาบีทั้งหลายไม่ค่อยเน้นค้นคว้าจากตำราอัตตุร็อษของอุลามาอฺยุคก่อนๆ กันแล้ว จะตอบปัญหาศาสนา ก็"มุ่งเน้น"จะเอาฟัตวาของคณะกรรมการถาวรของซาอุฯ มาเป็นบรรทัดฐาน เอาฟัตวาเชคมุนัจญิด เชคอุษมัยมีน เชคบินบาซ เชคเฟาซาน มาเป็นบรรทัดฐานในการปิดศักยภาพของตนเองในเรื่องการค้นคว้าไปแล้ว ส่วนจะวิเคราะห์ค้นคว้าจากมรดกเชิงวิชาการอันล้ำค่า(อัตตุร็อษ) ก็จะถูกละเลย
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะไม่ต้องการมีมัซฮับแต่เอาคำว่ายึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาแทนที่มัซฮับ เพื่อจะได้ดูดีและมีทางออกให้กับตนเอง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ที่จะไปอ้างอิงจากตำรามัซฮับนั้นมัซฮับนี้ เพราะอาจจะถูกโต้กลับไปว่า "ใหนบอกไม่เอามัซฮับไม่ใช่หรือ" เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เที่ยวแอบเอาการอธิบายของอุลามาอฺมัซฮับนั้น มัซฮับนี้ แล้วนำมาพูดโดยบอกว่านี่แหละ ตามหลักของอัลกุรอานและซุนนะฮ์นบี หากไม่ตามสิ่งที่ฉันนำมาพูด ก็จะไม่ตามซุนนะฮ์นบี คนเอาวามทั่วไปก็ตกหลมพรางเชื่อกันไป ด้วยหลักการยกยอทัศนะของตนเองว่าเป็นซุนนะฮ์นบี
ด้วยเหตุนี้ จะสังเกตว่าอาจารย์อะลี จะเน้นค้นคว้าจากตำราตุร็อษโดยตรงเพื่อนำมาเข้าใจและอธิบายอัลกุรอานและซุนนะฮ์ โดยมีการอ้างอิงตามหลักวิชาการ และบรรดาผู้รู้เว็บนี้หลายคนก็มีแนวทางอย่างนั้นด้วยเช่นกัน
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: Al Fatoni Date: ต.ค. 18, 2011, 11:55 AM
ชัยฅ์ยูสุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์เคยในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า "มะกอศิด อัชชะรีอะฮ์" พอสรุปได้ว่า พวกสะละฟีย์นั้นมีจุดประสงค์ดีเยี่ยมในการเรียกร้องอุมมะฮ์ให้เป็นเอกภาพกันทั้งโลก ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แต่น่าเสียดาย ที่พวกเขาพยายามจะให้คนทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้มาตรฐานที่พวกตนวางกรอบไว้ ซึ่งหากมีใครไม่เดินตามนั้น ก็จะถูกพวกเขาหุกุมไปต่างๆ นานา ... และท่านยังกล่าวตอบแก่คนที่ถามท่านว่า ท่านเป็นสะละฟีย์ (หมายถึงกลุ่มที่อยู่ในประเทศซาอุดิอารเบีย) นั้นไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันจะเป็นพวกนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่อฉันเองยังถูกพวกเขาหุกุมกาฟิรเลย" ... วัลลอฮุอะอ์ัลัม
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 12:10 PM
ชัยฅ์ยูสุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์เคยในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า "มะกอศิด อัชชะรีอะฮ์" พอสรุปได้ว่า พวกสะละฟีย์นั้นมีจุดประสงค์ดีเยี่ยมในการเรียกร้องอุมมะฮ์ให้เป็นเอกภาพกันทั้งโลก ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นด้วย แต่น่าเสียดาย ที่พวกเขาพยายามจะให้คนทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้มาตรฐานที่พวกตนวางกรอบไว้ ซึ่งหากมีใครไม่เดินตามนั้น ก็จะถูกพวกเขาหุกุมไปต่างๆ นานา ... และท่านยังกล่าวตอบแก่คนที่ถามท่านว่า ท่านเป็นสะละฟีย์ (หมายถึงกลุ่มที่อยู่ในประเทศซาอุดิอารเบีย) นั้นไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันจะเป็นพวกนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่อฉันเองยังถูกพวกเขาหุกุมกาฟิรเลย" ... วัลลอฮุอะอ์ัลัม
ก็อุลามาอฺสะละฟีย์ยุคปัจจุบัน ชื่อ เชคมุกบิล บิน ฮาดี อัลวาดิอีย์ ได้แต่งหนังสือวิจารณ์เชคอัลเกาะเราะฎอวีย์ โดยตั้งชื่อหนังสือว่า
إسكات الكلب العاوي يوسف القرضاوى
"ทำให้หยุดนิ่งกับสุนัขที่เห่าหอนนามยูซุฟอัลเกาะเราะฎอวีย์"
ดังนั้นไม่ใช่ว่า ไม่ตรงกันแล้วเชคยูซุฟจะถูกฮุกุ่มเป็นกาเฟรอย่างเดียวตามที่ท่าน Al Fatoni นำเสนอมาน่ะ ยังถูกเปรียบดั่งเป็นสุนัขอีกด้วย
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 12:40 PM
สิ่งที่พวกเขาตอบนั้นจริงๆ แล้วโดยมากหรือเกือบทั้งหมดต่างก็มีการวิเคราะห์ของอุละมาอฺในอดีตมาแล้วทั้งสิ้น แล้วพวกเขาก็ยึดหนึ่งจากความเห็นของอุละมาอฺเหล่านั้นมาชี้ขาดโดยบอกว่านั่นคือตัวบทหรือคำตอบตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คือกลายเป็นว่าถ้าใครไปมีทัศนะที่ต่างออกไปจากนั้นก็จะกลายเป็นพวกไม่เอากิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ ทั้งๆที่ในข้อเท็จจริงอาจจะมิใช่เช่นนั้นเลย
เขาเรียกว่าโขมยการอธิบายของอุลามาอฺมาเป็นของตนเอง เพราะถ้าหากว่าอ้างคำอธิบายของอุลามาอฺ เช่นอิหม่ามชาฟิอีย์ ก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่า กลับมาตามมัซฮับหรืออุลามาอฺมัซฮับแล้วหรือ? หรือถ้าหากบอกว่า เรื่องนี้มีอุลามาอฺขัดแย้งกัน บางทีก็ไม่กล้าบอกว่า อุลามาอฺนั้นชื่ออะไร
ส่วนตัวผมเองก็เคยเจอ มีคนเอาวามคนหนึ่งชอบโม้มาก กำลังคึกและร้อนวิชา มักชอบพูดกล่าวหาคนนั้นคนนี้บิดอะฮ์บ้าง ทำชิริกบ้าง ทำกร่าง มองคนอื่นเหมือนมีความผิดเท่าภูเขา แต่ตนเองก็ไม่ตรวจสอบ คุณลักษณะที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ โดยเขาชอบหลุดพฤติกรรมออกมาเองโดยไม่รู้ตัว คือ ชอบตะกั๊บบุรและอุญุบ(ลำพองตน) วันนั้นเขาบอกว่า ตอนนี้เขาเองยึดมัซฮับซุนนะฮ์แล้ว ทั้งที่แปลอัลกุรอานและหะดีษไม่เป็น แต่ไปฟังอาจารย์ที่บอกว่าตนเองนั้นตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์อย่างเดียว พูดอะไรๆ ก็บอกว่านี่ซุนนะฮ์ อุลามาอฺว่าอย่างนี้(ทัศนะที่ตนเองไม่เอา) และนบีบอกอย่างนี้(ทัศนะที่ตนเองจะเอา) พี่น้องจะเลือกใครก็คิดกันเอาเอง
เวลาใครอธิบายอีกทัศนะหนึ่งให้เข้าใจ ก็ไม่ฟังแล้ว และบอกว่าฉันไม่ต้องการโต้เถียงกับใคร แต่คำพูดกลับชอบวิจารณ์และชอบฮุกุ่มคนอื่น ตอนนี้เขาอาจจะมีนัฟซูที่มีความสุขแต่หัวใจทนทุกข์และจมปลักอยู่กับความลำพองตนและตะกั๊บบุรอย่างไม่รู้ตัว โดยรู้สึกว่าตนเองสมบูรณ์แล้ว มาเจอสัจธรรมของแท้แล้ว และดีกว่าคนอื่นแล้ว นี่แหละตะอัศศุบของแท้
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 12:47 PM
หลายๆประเด็นที่นักวิชาการบ้านเราฟันธงแล้วประทับตราว่านี่คือคำตอบตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺนั่นแหล่ะ โดยเนื้อแท้ของมันคือการสร้างการตะอัศศุบกับคนเหล่านั้น ข้อนี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่คุณกลัวเกี่ยวกับเรื่องตะอัศศุบกับมัซฮับในบ้านเราเสียอีก
เพราะในขณะที่นักวิชาการเหล่านั้นฟันธงว่านี่แหล่ะคือคำตอบตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ มิใช่ทัศนะอุละมาอฺคนนั้นคนนี้ว่า ทั้งๆ ที่สิ่งที่พวกเขาตอบมันมีทัศนะของอุละมาอฺคนหนึ่งจาก 4 มัซฮับตอบเอาไว้แล้ว แล้วพวกเขาก็ยึดเอาทัศนะนั้นมาว่าพร้อมกับตีตราประทับดังกล่าว ใครที่พูดอื่นจากนั้นก็กลายเป็นของเถื่อนของปลอมไป
นี่แหละคือความตะอัศศุบและฟิตนะฮ์ที่ปราชญ์สะลัฟศอลิหฺจริงๆ ซึ่งพวกเขาไม่ส่งเสริม เนื่องจากสะลัฟจริงๆนั้น จะไม่ยกยอปอปั้นตนเอง ว่าทัศนะของฉันเท่านั้นที่ถูก ส่วนคนอื่นกลายเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง เถื่อนของปลอม
อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จริงๆ นั้นมิใช่มีลักษณะอย่างนี้
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: muqorrabeen Date: ต.ค. 18, 2011, 01:01 PM
ที่สำคัญก็คือขณะที่พวกเขากล่าวว่า พี่น้องทั้งหลายจงเชื่ออย่างนี้ จงปฏิบัติอย่างนั้น เพราะนี่เป็นไปตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ อย่าได้ถือในมัซฮับ อย่าได้ยึดมั่นตะอัศศุบกับอิหม่ามท่านนั้นท่านนี้ คำพูดเช่นนี้เป็นคำพูดที่ถูกต้องไม่ผิดเลยแต่สิ่งที่แอบแฝงและอยู่ในความมุ่งหมายของคำพูดก็คือ สิ่งที่เสียหายโดยไม่รู้ตัว นั่นคือ “ต้องตามเรา ต้องเชื่ออย่างเรา เพราะเราตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ” ในที่สุดพวกเขากำลังตั้งมัซฮับใหม่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งกว่านั้น เหมือนกับว่าเอาตนเองเป็นผู้ปกป้องศาสนาที่คนอื่นต้องตาม เพราะถ้าไม่ตามเราไม่เชื่อเรา ก็จะถูกตัดสินว่าเป็นคนบาป เป็นคนฟาซิก ยิ่งกว่านั้นบางทีถึงขั้นกลายเป็นคนนอกรีดเป็นกาเฟรกันเลยทีเดียว ทำตนเหมือนกับเจ้าของสวรรค์เจ้าของนรก ที่คอยแจกตั๋วเข้าสวรรค์แก่คนที่ตามพวกเขาและห้ามผู้ที่ไม่ตามคำพูดของพวกเขา เพราะไม่ตามมัซฮับที่ตนเองได้ตั้งขึ้นมาใหม่โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: ahmaad Date: ต.ค. 18, 2011, 03:24 PM

ใครเรียกคุณว่า"ผู้รู้"หรือครับanakin

Re: ทำไมต้องยกหลักฐานจากจากมัซฮับอื่นมาเสริมในการตอบคำถาม? By: anakin Date: ต.ค. 18, 2011, 11:15 PM
คนเก่ง ไม่ใช่คนที่หมั่นแสวงหาวิชาความรู้ แต่คนเก่งนั้นคือคนที่มีมารยาท มีจริธรรม และระงับนัฟซูตนเองได้ โดยไม่อวดอ้าง ยกย่องตนเอง
..............
คนเก่งคือคนที่นั่งเทียนแล้วปิดไฟ..แล้วเกิดวิชาความรู้..อย่างนั้นหรือครับ...เอ.....แล้วคำว่า...
طلب العلم فريضة على كل مسلم
ที่ท่านรอซูล (ซ.ล) ส่งเสริมให้มีการแสวงหาวิชาความรู้..คงเป็นหมันแน่ครับ...ฮาดิษนี้คงใช้ไมไ่ด้..
เพราะระดับ...พวกท่าน..เพียงแค่มีจริยธรรมดี..ก็ได้รับการยกย่องแล้ว...หรือเพียงแค่ปิดไฟนั่งเทียน...ก็เป็นผู้วิเศษแล้วอย่างนั้นหรือครับ