กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
สารบัญถามตอบปัญหาศาสนา
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลหะดีษ
»
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12 (อ่าน 2913 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Ahlulhadeeth
เพื่อนใหม่ (O_0)
กระทู้: 27
Respect:
+4
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12
«
เมื่อ:
พ.ย. 19, 2012, 03:23 AM »
0
Tweet
วิชา มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12
โดย รอฟีกี มูฮำหมัด
9.8.ประเภทต่างๆของหะดีษด่ออีฟ
1.หะดีษด่ออีฟที่เกิดขึ้นเนื่องจากความบกพร่องของสายรายงาน :
1.1.หะดีษมู่อัลลั๊ก (
المعلق
) หมายถึง หะดีษที่ผู้รายงานคนหนึ่ง หรือ มากกว่า ได้ตกไปจากต้นของสายรายงาน (นับตั้งแต่ผู้รายงานคนแรก ไล่ไปจนกระทั่งถึงซอฮาบะห์)
1.2.หะดีษมุรซั้ล (
المرسل
) หมายถึง หะดีษที่ตาบีอีนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตาบีอีนรุ่นเยาว์ หรือ ตาบีอีนรุ่นอาวุโส ได้รายงานจากท่านร่อซู้ล(ซล.)
1.3.หะดีษมุงก่อเตี๊ยะอ์ (
المنقطع
) หมายถึง หะดีษที่ผู้รายงานคนหนึ่ง หรือ มากกว่า ได้ตกไปจากตอนกลางของสายรายงาน และเป็นการร่วงที่ไม่ติดต่อกัน
1.4.หะดีษมัวะอ์ด้อล (
المعضل
) หมายถึง หะดีษที่ผู้รายงานสองคน หรือ มากกว่า ได้ตกไปจากตอนกลางของสายรายงาน และเป็นการร่วงที่ติดต่อกัน
1.5.หะดีษมู่ดั้ลลัส (
المدلس
) หมายถึง หะดีษที่ในสายรายงานมีผู้รายงานที่ปิดบังอำพราง ได้แก่ หะดีษที่มีการรายงานในลักษณะที่มีการปกปิดตัวผู้รายงาน
1.6.หะดีษมู่อันอัน (
المعنعن
) หมายถึง หะดีษที่ในสายรายงานมีผู้รายงานคนหนึ่ง หรือ มากกว่า ได้รายงานมาจากบุคคลที่อยู่ก่อนของเขา โดยใช้คำว่า
"อัน"
(
عن
)
"จาก"
1.7.หะดีษมู่อันอัน หรือ หะดีษมู่อันนัน (
المؤنن / المأنأن
) หมายถึง หะดีษที่ในสายรายงานมีผู้รายงานคนหนึ่ง หรือ มากกว่า ได้รายงานมาจากบุคคลที่อยู่ก่อนของเขา โดยใช้คำว่า
"อันน่า"
(
أن
)
"แท้จริง"
2.หะดีษด่ออีฟที่เกิดขึ้นเนื่องจากความบกพร่องของนักรายงานทางด้านความจำ :
2.1.หะดีษมู่อัลลัล (
معلل
) หมายถึง หะดีษที่ถูกพบว่ามีความบกพร่องในการเป็นหะดีษซอเฮี๊ยะห์ เนื่องจากมีการสับสนในการรายงาน ซึ่งเมื่อดูภายนอกแล้ว ไม่พบว่ามีข้อตำหนิ
2.2.หะดีษมุดรอจญ์ (
مدرج
) หมายถึง หะดีษที่มีการเปลี่ยนแปลงสายรายงานจากคนเดิมไปเป็นคนอื่น หรือ ถูกนำไปแทรกในมะตัน ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่หะดีษ
2.3.หะดีษมักลูบ (
مقلوب
) หมายถึง หะดีษที่มีการสับเปลี่ยนคำบางคำในสายรายงาน หรือ ในตัวบท จากก่อนเป็นหลัง หรือ จากหลังเป็นก่อน หรือ เป็นการการสับเปลี่ยนตัวบทของสายรายงานหนึ่งไปเป็นอักสายรายงาน ที่มิใช่ตัวบทหะดีษนั้นๆ
2.4.หะดีษมุดฎ่อริบ (
مضطرب
) หมายถึง หะดีษที่มีการสับสนทางด้านของการรายงาน ได้แก่ หะดีษที่มีการรายงานอย่างหลากหลาย ซึ่งทุกสายรายงานนั้น มีสถานภาพเท่าเทียมกัน โดยไม่สามารถให้น้ำหนักไปทางหะดีษหนึ่งหะดีษใด และไม่สามารถที่จะรวมตัวบททั้งสองนั้นเข้าด้วยกันได้
2.5.หะดีษชาซ (
شاذ
) หมายถึง หะดีษที่มีการรายงานจากนักรายงานที่มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า(ระดับซิเกาะห์) ได้รายงานขัดแย้งกับผู้รายงานอีกคนที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
2.6.หะดีษมู่เซาะฮัฟ (
مصحف
) หมายถึง หะดีษที่มีการเปลี่ยนแปลงคำ หรือ ตัวอักษร ที่เกิดขึ้นในตัวบท หรือ สายรายงาน ไปสู่คำ หรือ อักษรอื่นๆ ซึ่งมิใช่คำ หรือ อักษร ที่นักรายงานที่มีความน่าเชื่อถือได้รายงานไว้
2.7.หะดีษมุหัรร๊อฟ (
محرف
) หมายถึง หะดีษที่มีการเปลี่ยนแปลงสระของคำที่เกิดขึ้นในตัวบท หรือ ในสายรายงาน แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวอักษร
3.หะดีษด่ออีฟที่เกิดขึ้นเนื่องจากความบกพร่องของนักรายงานทางด้านคุณธรรรม :
3.1.หะดีษเมาดัวะอ์ (
موضوع
) หมายถึง หะดีษที่ถูกแต่งขึ้น หรือ ถูกสร้างขึ้น และมีการพาดพิงการโกหกไปสู่ท่านร่อซู้ล(ซล.)
3.2.หะดีษมัตรูก (
متروك
) หมายถึง หะดีษที่ถูกรายงานโดยนักรายงานที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกหก
3.3.หะดีษมุงกัร (
منكر
) หมายถึง หะดีษที่ถูกรายงานโดยนักรายงานที่มีความผิดพลาดอย่างน่าเกลียด หรือ หลงลืมอย่างมาก หรือ มีความประพฤติชั่วที่เปิดเผย และในอีกคำนิยามหนึ่ง ก็คือ หะดีษที่รายงานจากนักรายงานที่มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า(ระดับด่ออีฟ) ได้รายงานขัดแย้งกับผู้รายที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า(ระดับซิเกาะห์)
และต่อไป ข้าพเจ้าจะได้กล่าวถึงหะดีษแต่ละประเภทอย่างละเอียด อินชาอั้ลเลาะห์ และขอพึ่งพาต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว
9.9.ประเภทของหะดีษด่ออีฟที่เกิดขึ้นเนื่องจากความบกพร่องของสายรายงาน
1.หะดีษมู่อัลลั๊ก
(
المعلق
) : คำว่า
"มู่อัลลั๊ก"
(
المعلق
) นั้น ในแง่ของภาษา หมายถึง
"สิ่งที่ถูกเกี่ยว"
หรือ
"สิ่งที่ถูกแขวน"
และในแง่ของวิชาการ ก็คือ
"หะดีษที่ผู้รายงานคนหนึ่ง หรือ มากกว่า ได้ตกไปจากตอนต้นของสายรายงาน ซึ่งเป็นการตกไปโดยชัดเจน โดยไม่ได้ถูกปกปิด หรือ ซุ่มซ่อนไว้"
หมายเหตุ :
คำว่า
"ตอนต้นของสายรายงาน"
นั้น หมายถึง
"ครูของมู่ซอนนิฟ(ผู้ประพันธ์หนังสือ)"
และคำว่า
"ท้ายของสายรายงาน"
ก็คือ
"ซอฮาบะห์"
รูปแบบและตัวอย่างของหะดีษมูอัลลั๊ก :
หะดีษมู่อัลลั๊กนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ ก็คือ
1.หะดีษที่ผู้ประพันธ์หนังสือ หรือ ผู้รายงานหะดีษท่านแรก ได้รายงานหะดีษโดยตัดสายรายงานทั้งหมดออกไป และก็กล่าวว่า ท่านร่อซู้ล(ซล.)ทรงกล่าวว่า... เช่น หะดีษที่ท่านอีหม่ามบุคอรีย์(รฮ.)ได้รายงานถึงคำกล่าวของท่านนบี(ซล.)เกี่ยวกับการเริ่มต้นประจำเดือนของสตรีว่า
(( قال البخاري : قال النبيّ صلى الله عليه وسلم : (( هَذَا شَيْءٌ كَتَبَهُ اللَّهُ عَلَى بَنَاتِ آدمَ
ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ได้รายงานว่า ท่านนบี(ซล.)ทรงกล่าวว่า "นี่คือ สิ่งที่อัลเลาะห์ทรงกำหนดแก่บรรดาลูกผู้หญิงของท่านนบีอาดัม" (บันทึกโดย ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ บทที่ว่าด้วย การเริ่มต้นของเฮด และคำพูดของท่านนบี(ซล.)ที่ว่า นี่คือ สิ่งที่อัลเลาะห์ทรงกำหนดแก่บรรดาลูกผู้หญิงของท่านนบีอาดัม และคำพูดนี้ถูกบึนทึกเช่นกันในหะดีษที่ 294 และ 305)
ข้อสังเกตุ :
หะดีษบทนี้ เป็นหะดีษมู่อัลลั๊ก เนื่องจากผู้บันทึกหะดีษ(คือ ท่านอีหม่ามบุคอรีย์)ได้กล่าวเพียงท่านร่อซู้ล(ซล.)เท่านั้น โดยมิได้กล่าวถึงสายรายงานของหะดีษแต่อย่างใด
2.หะดีษที่ผู้รายงานหะดีษท่านแรก ได้ตัดสายรายงานทั้งหมดออกไป เว้นแต่ ซอฮาบะห์เท่านั้น เช่น
(( قال البخاري : وقال أبو موسى الأشعري : (( غَطَّى رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رُكْبَتَيْهِ حِينَ دَخَلَ عُثْمَانُ
ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ได้รายงานว่า ท่านอบูมูซา อัลอัชอารีย์ ได้กล่าวว่า :
"ท่านร่อซู้ล(ซล.)ได้ปิดหัวเข่าของท่าน ในขณะที่ท่านอุสมานได้เข้ามา"
(บันทึกโดย ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ ใน
كتاب الصلاة
บทที่ว่าด้วย สิ่งที่ถูกกล่าวถึงขาอ่อน)
ข้อสังเกตุ :
หะดีษบททนี้ เป็นหะดีษมู่อัลลั๊ก เนื่องจากผู้บันทึกหะดีษ(คือ ท่านอีหม่ามบุคอรีย์)ได้ตัดสายรายงานทั้งหมดออกไป และได้กล่าวถึงซอฮาบะห์ คือ
ท่านอบูมูซา
เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่รายงานถึงท่านร่อซู้ล(ซล.) โดยไม่ได้กล่าวถึงตาบีอีน และบุคคลที่อยู่ก่อนเขา
3.หะดีษที่ผู้รายงานหะดีษท่านแรก ได้ตัดสายรายงานทั้งหมดออกไป เว้นแต่ ตาบีอีนและซอฮาบะห์ เท่านั้น เช่น
(( قال البخاري : وقال بهزعن أبيه عن جده عن النبيّ صلى الله عليه وسلم : (( اللَّهُ أَحَقُّ أَنْ يُسْتَحَى مِنْهُ مِنَ النَّاسِ
ท่านอีหม่ามบุคอรีย์ได้รายงานว่า ท่านบะหซ์ ได้กล่าวจากพ่อของเขา(เป็นตาบีอีนที่มีความซิเกาะห์) ซึ่งนำมาจากปู่ของเขา จากท่านนบี(ซล.) ว่า
"อัลเลาะห์เท่านั้นที่มนุษย์ควรละอายมากที่สุด ยิ่งกว่ามนุษย์ด้วยกัน"
(บันทึกโดยท่านอีหม่ามบุคอรีย์ ใน
كتاب
الغسل
บทที่ว่าด้วย การอาบน้ำเพียงคนเดียวโดยเปลือยกายในที่โล่งแจ้ง)
ข้อสังเกตุ :
หะดีษบทนี้ เป็นหะดีษมู่อัลลั๊ก เนื่องจากผู้บันทึกหะดีษ(คือ ท่านอีหม่ามบุคอรีย์)ได้กล่าวถึงตาบีอีน คือ
ท่านบะหซ์ บิน ฮากีม
และซอฮาบะห์ คือ
ท่านมู่อาวิยะห์ บิน ฮัยดะห์ อัลกู่ชัยรีย์
เท่านั้น โดยไม่กล่าวถึงสายรายงานหะดีษระหว่างเขา(ตัวผู้บันทึก) กับ ตาบีอีน(คือ ท่านบะหซ์) หรือ บุคคลที่อยู่ก่อนเขา
วิจารณ์สายรายงาน :
โดยแต่ละคนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.ท่านบะหซ์ บิน ฮากีม
เป็นตาบีอีน เนื่องจากทันปู่ของท่านซึ่งเป็นซอฮาบะห์ของท่านร่อซู้ล(ซล.) และเป็นผู้ที่มีความซิเกาะห์
2.ท่านฮากีม บิน มู่อาวิยะห์
เป็นตาบีอีน เพราะไม่ทันท่านร่อซู้ล(ซล.) แต่ก็เป็นผู้ที่มีความซิเกาะห์
3.ท่านมู่อาวิยะห์ บิน ฮัยดะห์ บิน กู่ชัยร์ บิน กะอับ อัลกู่ชัยรีย์
เป็นซอฮาบะห์ที่มะอ์รูฟอีกท่านหนึ่งของท่านร่อซู้ล(ซล.)
และแม้ว่าหะดีษนี้ จะเป็นหะดีษมู่อัลลั๊ก แต่ก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ เพราะผู้รายงานทุกคนนั้นมีความน่าเชื่อถือ (
ثقة
)
"ซิเกาะห์"
และนักวิชาการหะดีษได้ทำการศึกษาวิเคราะห์แล้ว พบว่า หะดีษมู่อัลลั้กในหนังสือทั้งสองนั้น มีการรายงานด้วยสายรายงานที่ติดต่อกัน โดยสืบทราบจากสายรายงานอื่นๆ ซึ่งมีตั้งแต่ 2 สนัดขึ้นไป และสนัดอื่นๆนั้นอยู่ในระดับที่ซอเฮี๊ยะห์ หรือ อย่างต่ำที่สุด ก็อยู่ในระดับหะซัน ดังนั้น หะดีษมู่อัลลั๊กในซอเฮี๊ยะห์ทั้งสอง จึงเป็นที่อนุญาตให้นำมาปฎิบัติได้
การนำมาเป็นหลักฐาน
หะดีษมุอัลลั้กนั้น แม้ว่าจะอยู่ในประเภทของหะดีษมัรดู๊ร แต่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ หากหะดีษนั้น เป็นหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ หรือ หะซัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหะดีษมู่อัลลั๊กที่อยู่ในซอเฮี๊ยะห์บุคอรีย์และซอเฮี๊ยะห์มุสลิม ส่วนหะดีษมุอัลลั้กที่เป็นหะดีษด่ออีฟจะมีฮู่ก่มเหมือนกับหะดีษด่ออีฟทั่วๆไป ซึ่งสามารถนำมาเป็นหลักฐานได้และไม่ได้ ดังนั้น ถ้าถือตามทัศนะของญุมฮูรอุลามาอ์ ก็อนุญาตให้รายงานและปฎิบัตตามหะดีษด่ออีฟที่ไม่ถึงขั้นเมาดัวะอ์ได้ ในเรื่องที่เป็นการเตือนให้กลัวบาป กระตุ้นให้ทำความดี และในเรื่องของความประเสริฐต่างๆทางด้านอามั้ล แต่ถ้าถือตามทัศนะของอุลามาอ์อีกกลุ่ม ที่ไม่อนุญาตให้นำหะดีษด่ออีฟมาเป็นหลักฐาน ก็ไม่อนุญาตให้นำหะดีษมู่อัลลั๊กที่จัดอยู่ในประเภทด่ออีฟมาปฎิบัติเช่นเดียวกัน
ข้อสังเกตุของหะดีษมู่อัลลั๊กที่จะอนุญาตให้นำมาเป็นหลักฐาน และไม่อนุญาตให้นำมาเป็นหลักฐาน
1.หะดีษมู่อัลลั้กในหนังสือซอเฮี๊ยะห์บุคอรีย์และมุสลิมนั้น บรรดาอุละมาอ์ได้ยอมรับว่า ทั้งหมดเป็นหะดีษที่ซอเฮียะห์ เนื่องจากนักวิชาการหะดีษได้ทำการศึกษาวิเคราะห์แล้ว พบว่า หะดีษมู่อัลลั้กในหนังสือทั้งสองนั้น มีการรายงานด้วยสายรายงานที่ติดต่อกัน โดยสืบทราบจากสายรายงานอื่นๆ ซึ่งมีตั้งแต่ 2 สนัดขึ้นไป และสนัดอื่นๆนั้นอยู่ในระดับที่ซอเฮี๊ยะห์ หรือ อย่างต่ำที่สุด ก็อยู่ในระดับหะซัน ดังนั้น หะดีษมู่อัลลั๊กในซอเฮี๊ยะห์ทั้งสอง จึงเป็นที่อนุญาตให้นำมาปฎิบัติได้
2.หะดีษมู่อัลลั้กในหนังสืออื่นๆ เช่น สุนันซิตตะห์ มุสนัดต่างๆ อัลมู่ซอนนัฟ และหนังสือประพันธ์อื่นๆ จะต้องพิจารณาจากสำนวนของการรายงานเป็นหลัก ซึ่งพอสรุปได้ดังต่อไปนี้
2.1.หากหะดีษมู่อัลลั้กนั้น ใช้สำนวนที่เด็ดขาด (
صيغة الجزم
)
"ซีฆ่อตุ้ลญัซม์"
เช่น กล่าวว่า
"กอล่า"
(
قَالَ
)
เขาได้กล่าวว่า
/
"ซ่าก้าร่อ"
(
ذَكَرَ
)
เขาได้กล่าวว่า
/
"ฮ่ากา"
(
حَكَي
)
เขาได้เล่าว่า
/ เป็นต้น หะดีษมู่อัลลั้กที่ใช้สำนวนอย่างนี้ จะถือว่า เป็นหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ และสามารถนำมาเป็นหลักฐานได้
2.2.หากหะดีษมุอัลลั้กนั้น ใช้สำนวนที่คลุมเครือ (
صيغة التمريض
)
"ซีฆ่อตุ๊ดตัมรีด"
เช่น กล่าวว่า
"กีล่า"
(
قِيْلَ
)
ถูกกล่าวว่า
/
"ซู่กี้ร่อ"
(
ذُكَِر
)
ถูกกล่าวว่า
/
"ฮู่กี้ย่า"
(
حُكِيَ
)
ถูกเล่าว่า
/ เป็นต้น หะดีษมู่อัลลั้กที่ใช้สำนวนอย่างนี้ จะไม่ถูกตัดสินให้เด็ดขาดได้ นอกจากจะต้องพิจารณาและตรวจสอบหะดีษนั้นเสียก่อน เพราะหะดีษมู่อัลลั๊กนั้น มีทั้งหะดีษที่ซอเฮี๊ยะห์ หะดีษที่หะซัน และหะดีษที่ด่ออีฟ ซึ่งบางหะดีษก็ถึงขั้นเมาดั๊วะอ์ ดังนั้น ฮูก่มการตัดสินหะดีษเหล่านี้ จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัวบทและสถานภาพของการรายงานเป็นสำคัญ ดังนั้น หากหะดีษบทนั้น อยู่ในสถานะที่ซอเฮี๊ยะห์ ก็จะถูกตัดสินว่าซอเฮี๊ยะห์ และหากอยู่ในสถานะอื่นๆ ก็จะถูกตัดสินไปตามสถานะอื่นๆที่มีความเหมาะสมกับมัน
______________________________________________________________________________________________
อ่านย้อน >
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 11
อ่านต่อ >
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 13
โปรดรอ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 15, 2013, 11:50 PM โดย Ahlulhadeeth
»
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลหะดีษ
»
มุสตอละฮุ้ลหะดีษ (หลักพิจารณาอัลหะดีษ) ตอนที่ 12
GoogleTagged
ฮะดีษ
ดี
มุรซัล
المنقطع
อัน
ที่มี
ฎออีฟ
dgi
มูซา
sunnahstudents
ฮาดีษ
51495398
มัตรูก
52164340
1357700187
สอง
65788261
อัล
หะ