แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - As-Zaleek

หน้า: [1] 2 3 ... 54
1
:salam:

عيـــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــد الفطر مــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــــبارك

2
 :salam:

พวกที่ละหมาด 8 ก็โชว์ประเด็นว่าละหมาดนาน...สุยูดกันหน้าผากดำ...ส่วนพวกที่ละหมาด 20 ละหมาดเร็ว..

ดังนั้นการถือศีลอดจึงเป็นอิบาดะฮ์ที่มีความแตกต่างจากอิบาดะฮ์อื่นๆ อย่างมาก เนื่องจากการปฏิบัติอิบาดะฮ์ที่แสดงออกมาทางภายนอก เช่น การละหมาด การจ่ายซะกาต การทำฮัจญ์ การทำซิกรุลลอฮ์ และการทำหน้าที่เป็นนักการศาสนาเรียกร้องให้ผู้อื่นทำดีและละทิ้งจากความ ชั่ว ซึ่งเป็นอิบาดะฮ์ที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนต่อสายตาของมนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าในขณะที่ท่านทำการละหมาด ทำการยืน โค้งรู่กั๊วะ ก้มลงสุญูด, ทำการออกซะกาตให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับ, ทำฮัจญ์ เดินสะแอ ฏ่อวาฟ ค้างแรมที่มีนา เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ย่อมเปิดโอกาสให้มีการริยาอฺ (โอ้อวด) เข้ามามีบทบาทอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินที่บุคคลหนึ่งทำการละหมาดเพื่อให้มนุษย์เห็นและ หวังผลการยกย่องชมเชยและการให้เกียรติจากพวกเขาเหล่านั้น ทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์ทุกปีเพื่อให้คนอื่นเห็น ทำการอ่านอัลกุรอานเพื่อให้มนุษย์เห็นว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมและมีความตักวา เป็นอาจารย์ที่คอยเรียกร้องผู้อื่นให้กระทำความดีเพื่อให้มนุษย์ยกย่องและ นับหน้าถือตาว่าเป็นผู้เชิดชูอัลกุรอานและซุนนะฮ์ตามที่ได้วาดฝันเอาไว้ แต่การถือศีลอดนั้น มิใช่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากการถือศีลอดนั้นจะอยู่ในรูปแบบงดการกระทำ เช่น งดการกิน งดการดื่ม งดการร่วมหลับนอนกับภรรยา และงดสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียศีลอด ซึ่งผู้ที่ทำการถือศีลอดตามองค์ประกอบและเงื่อนไขนั้น ความโอ้อวดก็จะไม่สามารถเข้ามาแซรกซึมในหัวใจของเขาได้เลย ส่วนการละหมาดและอิบาดะฮ์อื่นๆ นั้น หากว่าได้กระทำครบสมบูรณ์ตามองค์ประกอบและเงื่อนไขก็จริง แต่ความโอ้อวดก็สามารถเข้ามาแซรกซึมในจิตใจของเขาได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการปฏิบัติอิบาดะฮ์เช่นนี้ อาจจะเพื่อตัวของเขาเองมิใช่เพื่ออัลเลาะฮ์

ความอิคลาศคุณลักษณะพิเศษของการถือศีลอด

3
 :salam:

ไม่ใช่ว่าทุกประเด็นฟิกห์จะต้องมีอัลกุรอานและฮะดีษระบุโดยตรงเป๊ะๆ...ในเรื่องของการเอี๊ยะติกาฟของผู้หญิงนั้น...มันอยู่ในการวินิจฉัยตัวบทของอัลกุรอานและฮะดีษในประเด็นที่ว่า...คำว่า "มัสยิด" นั้นรวมถึงสถานที่สุยูดของสตรีที่เตรียมไว้เป็นพิเศษที่บ้านของนางหรือเปล่าเท่านั้นเอง

4
 :salam:

คลิปนี้มีการตัดต่อระหว่างภาพกับเสียง  คือเสียงอิหม่ามที่อ่านนั้น  เป็นเสียงที่อ่านไปละหมาดตะรอวิหฺที่มัสยิดอันนะบะวี..แต่ภาพนั้นเป็นภาพละหมาดมัฆริบที่มัสยิดฮะรอมในคืนค่อตัมอัลกุรอานเดือนรอมดอน...ซึ่งชัยค์ศอลาห์ อัลบุดัยรฺ ได้เป็นอิมามแทนชัยค์อัสสุดัยสฺ..เนื่องในคืนนั้นเนื่องจากชัยค์สุดัยสฺป่วย...




5
สนทนาศาสนธรรม / Re: ละหมาดตะรอวิฮ์
« เมื่อ: ส.ค. 08, 2011, 11:34 AM »
 :salam:

ปัจจุบันกลุ่มทำละหมาดตะรอวิห์นั้น...มีหลักกออิดะฮ์(หลักเกณฑ์)ต่างกัน 2 ฝ่าย..

ฝ่ายที่ 1- หลักการยึดหลักเจาะจงว่านบีไม่ทำ...ผลตามมาก็ฮะรอม...จึงไม่ต้องทำอะไร

ฝ่ายที่ 2- หลักการที่ว่า..มีหลักฐานแบบกว้างๆ มาระบุ..แต่เมื่อเงื่อนไขว่า...อย่ามีเจตนาไปเจาะจงว่านบีทำ...แต่ทำไปเพราะยึดหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบกว้างๆ ที่ระบุให้ทำ...

คำพูดที่ว่า..."อย่ามีเจตนาไปเจาะจงว่านบีทำ"...ก็เพราะว่าเป็นโกหกต่อท่านนบีที่ไปเชื่อและบอกคนอื่นว่านบีเจาะจงทำนั่นเอง...เช่นเดียวกัน...หากนบีไม่ได้เจาะจงห้าม...ก็อย่าไปโกหกและโฆษณาให้คนอื่นเชื่อว่านบีได้เจาะจงห้าม...

หากยึดหลักการของฝ่ายที่ 1 แน่นอนว่าปัญหาบานปลาย...เพราะฝ่ายที่ 2 ก็จะถามต่อไปว่า

1- นบีเจาะจงห้ามให้ตัสบีห์...ศ่อลาวาต...และดุอาหลักสะลามละหมาดตะรอวิห์หรือไม่?

2- มีหลักฐานเจาะจงจากท่านนบีกระทำการกล่าว...ศ่อลาตุดตะรอวิห์อะษาบะกุมุลลอฮ์...ตามที่มัสยิดฮะรอมทำหรือไม่?

3- มีหลักฐานเจาะจงการกระทำจากท่านนบีให้อ่านถ้อยคำกุนูตวิติรยาวๆจากท่านนบี...ตามที่มัสยิดฮะรอมทำหรือไม่?

4- มีหลักฐานเจาะจงการกระทำของท่านนบีให้ค่อตั่มอัลกุรอานในละหมาดตะรอวิห์ในคืนที่ 27 หรือ 28...ตามที่มัสยิดฮะรอมทำหรือไม่?

5- มีหลักฐานเจาะจงจากการกระทำของท่านนบี...ทำการละหมาดสุนัตตะฮัจญุดในมัสยิดฮะรอมในญะมาอะฮ์เป็นการเฉพาะหรือไม่?

แต่ถ้ายึดหลักการจากฝ่ายที่ 2...ปัญหาก็จะยุติลง...การกล่าวหามุสลิมทั่วโลกว่าทำบิดอะฮ์ลุ่มหลงก็จะหมดไป...เพราะหลักการของฝ่ายที่ 2 ...สามารถนำมาใช้ได้จริงในทุกยุคสมัย...

6
อัสลามอลัยกุม ครับ ชื่อเฟาซี เรียนวิศว มธ ครับ
เว็บเต็มไปด้วยความรู้

ยินดีต้อนรับคร้าบ....

7
 :salam:

ซุหูร السُّحُوْرُ  หมายถึง...การรับประทานหารตอนดึก

ซะหูร السَّحُوْرُ แปลว่า...อาหารที่ใช้รับประทานตอนดึก

ซึ่งเหมือนกับ

วุฏอฺ الوُضُوْءُ หมายถึง..การอาบน้ำละหมาด

วะฏูอฺ الوَضُوْءُ หมายถึง..น้ำที่ใช้อาบน้ำละหมาด

ดังนั้น  สำหรับผู้ถือศีลอด...สุนัตให้สุหูรโดยการรับประทานอาหารสะหูร  smile:

วัลลอฮุอะลัมบิศศ่อวาบ

8
:salam:

การอ่านอัลกุรอานเป็นซุนนะฮ์  ส่วนการเจาะจงรูปแบบตารางดังกล่าวนั้นท่านนะบีย์ไม่เคยทำแต่เป็นบิดอะฮ์หะซะนะฮ์ครับ

ตารางที่ 1 และตารางที่ 2 น่าจะเข้าข่าย เพราะนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามเคาะตัมอัลกุรอานน้อยกว่า 7 วัน วัลลอฮุอะอฺลัม

มุสลิมบันทึกจากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรุ ว่า
عَنْ عَبْد اللهِ بْن عَمْرِو بْنِ الْعَاصِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا، قَالَ صلى الله عليه وسلم: ... «وَاقْرَأِ الْقُرْآنَ فِي كُلِّ شَهْرٍ» قَالَ قُلْتُ: يَا نَبِيَّ اللهِ، إِنِّي أُطِيقُ أَفْضَلَ مِنْ ذَلِكَ، قَالَ: «فَاقْرَأْهُ فِي كُلِّ عِشْرِينَ» قَالَ قُلْتُ: يَا نَبِيَّ اللهِ، إِنِّي أُطِيقُ أَفْضَلَ مِنْ ذَلِكَ، قَالَ: «فَاقْرَأْهُ فِي كُلِّ عَشْرٍ» قَالَ قُلْتُ: يَا نَبِيَّ اللهِ، إِنِّي أُطِيقُ أَفْضَلَ مِنْ ذَلِكَ، قَالَ: «فَاقْرَأْهُ فِي كُلِّ سَبْعٍ، وَلَا تَزِدْ عَلَى ذَلِك
หะดีษเลขที่ 182 - (1159)

บังฟีนเขาบอกว่าเป็นบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ในเรื่องเจาะจงที่ตาราง...


เช่น ในตารางที่ 3 (ที่คุณเก็ตไม่ได้บอกว่าไม่เข้าข่าย)แต่จริงๆ ก็เข้าข่ายบิดอะฮ์หะซะนะฮ์...เพราะท่านนบีไม่ได้เจาะจงรูปแบบให้อ่านหลังละหมาด 5 เวลา...คือไม่ได้เจาะจงให้อ่านหลังซุบฮ์ครึ่งยุซฺแรก...หลังซุฮฺร์ครึ่งหลังยุซฺแรก...หลังอัสริอ่านยุซสอง...หลังมัฆริครึ่งแรกยุซสาม...หลังอีชาอฺครึ่งหลังยุซสาม...ถ้าหากทำรูปแบบนี้ 10 วัน...ก็ค่อตั่มได้ครั้ง...แต่ท่านนบีไม่ได้บอกเจาะจงไว้...

9
ประกาศ สำนักจุฬาราชมนตรี
เรื่อง กำหนดวันที่ 1 เดือนรอมฎอน    ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1432



           ตามที่ สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศแจ้งให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวัน ที่ 1 เดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1432 ในวันอาทิตย์ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่าในวันและเวลาดังกล่าว มีผู้เห็นดวงจันทร์

          ดังนั้น อาศัยอำนาจจุฬาราชมนตรี ผู้นำกิจการศาสนาอิสลาม และอำนาจตามมาตรา 8 (4) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารกิจการศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 จุฬาราชมนตรี ขอประกาศว่า วันที่ 1 เดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1432 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

          จึงขอประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศได้เริ่มต้นถือศีลอดในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

 ประกาศ ณ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

 สำนักจุฬาราชมนตรี




11
 :salam:

ดีมากเลยครับ... mycool:

12
สนทนาศาสนธรรม / Re: Logical Fallacy
« เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 03:03 PM »
http://changingminds.org/disciplines/argument/fallacies/fallacies_alpha.htm

 http://www.nizkor.org/features/fallacies/index.html#index

ลิงค์ที่คุณให้มาเนี่ย...ใครเ็ป็นคนแต่ง...เป็นคนมุสลิมหรือยิวครับ...

13
สนทนาศาสนธรรม / Re: Logical Fallacy
« เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:16 PM »
 :salam:

การสร้างเหตุผลอำพราง  ด้วยการบอกว่าเห็นเดือนเสี้ยวตอนตี 3 นั้น...มันอยู่ในเหตุผลประเภทใดที่คุณศึกษามาหรือ?...

14
สนทนาศาสนธรรม / Re: Logical Fallacy
« เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:13 PM »
ถ้าไม่ฝึกกันจริงๆ ก็คงยาก   

ฝึกฝันกันจนไม่รู้เรื่องของหลักศาสนาและยกเหตุผลที่ไม่ขัดกับหลักศาสนากันเลยหรอไงครับ...แบบนี้คนละทางกันแล้ว...

15
สนทนาศาสนธรรม / Re: Logical Fallacy
« เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:09 PM »
ป่วยการครับ ที่จะพูดกับคนที่เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคแล้ว คิดปลอดใจตัวเองว่าไม่ได้เป็นโรค สุดท้ายก็ไม่ได้รักษาโรคที่ตนเองเป็นทั้งๆที่มีผู้หยิบยื่นสิ่งที่จะมารักษาโรคของตนเอง แต่ก็ยังปฎิเสธ ไม่สนใจต่อยารักษาโรคนั้น  และก็เป็นโรคนั้นอยู่ต่อไป 

ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะถ้าคุณเรียนรู้ตามที่ผมได้บอกไปแล้ว คุณจะไม่แสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน 

มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า บางทีวิธีการที่เราจะจัดการกับคนโง่ ก็คือ ปล่อยให้เขาโง่อยู่ต่อไปเช่นนั้น ... ผมน่าจะเห็นด้วยกับคำพูดนี้ไหมครับ

อ้าว..คนที่ชอบใช้เหตุผลมักจะเป็นคนไม่รับผิดชอบเยี่ยงนี้หรือ...การที่ไปบอกว่ามีคนเดือนเสี้ยวตอนตี 3 มาเป็นเหตุผลนั้น...เป็นความโง่เขลาหรือความถูกต้องกันแน่...

อย่าพยายามสร้างภาพให้คนนั้นป่วยคนนี้ป่วยและโง่เขลา...เพราะคนที่ชอบใช้เหตุผลมักจะไม่เห็นข้อผิดพลาดของตนเอง...เหตุผลอำพรางก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว...

หน้า: [1] 2 3 ... 54