ความอิคลาศคุณลักษณะพิเศษของการถือศีลอด

แท้จริงการถือศีลอดนั้น เป็นสื่อทำให้ผู้ที่ถือศีลอดมีความอิคลาศบริสุทธิ์ใจ เพราะผู้ที่ถือศีลอดนั้น เขารู้ว่าไม่มีผู้ใดเห็นแก่นแท้การถือศีลอดของเขานอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา เมื่อเขาต้องการจะละทิ้งสถานะภาพการเป็นผู้ถือศีลอดโดยไม่มีคนใดรู้เลยนั้น เขาก็สามารถกระทำได้ แต่ทว่าไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถยับยั้งเขาจากการกระทำสิ่งดังกล่าวได้ นอกจากเขารู้สึกอยู่เสมอว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลากำลังเห็นเขา เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่มาผลักดันให้ทำการถือศีลอดนอกจากความปราถนาที่จะแสวงหาความพอพระทัยของอัลเลาะฮ์เท่านั้น ดังนั้นจิตใจที่มีมุมมองและความรู้สึกเช่นนี้ ย่อมเป็นจิตใจที่ประดับประดาไปด้วยความอิคลาศ (บริสุทธิ์ใจ)

ดังกล่าวนี้ คือความหมายของฮะดีษอัลกุดซีย์ที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวรายงานว่า

سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ قَالَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ كُلُّ عَمَلِ ابْنِ آدَمَ لَهُ إِلَّا الصِّيَامَ هُوَ لِي وَأَنَا أَجْزِي بِهِ

“ฉันได้ยินท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า อัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า ทรงตรัสว่า ทุกอะมัลของลูกหลานอาดัมนั้น เป็นของเขา นอกจากการถือศีลอด มันเป็นของข้า และข้าจะตอบแทนเอง” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, ฮะดีษเลขที่ 1904, และมุสลิม, ฮะดีษเลขที่ 161.

คำว่า “ทุกอะมัลของลูกหลานอาดำนั้น เป็นของเขา” หมายถึง “อะมัลอิบาดะฮ์ของลูกหลานอาดำนั้น ย่อมมีกิเลศและอารมณ์ใฝ่ต่ำเข้ามาร่วมด้วย เพราะผู้คนทั้งหลายต่างเห็นการปฏิบัติอิบาดะฮ์ของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการผลการตอบแทนจากมนุษย์ในดุนยานี้เลย โดยต้องการให้มนุษย์ให้เกียรติและยกย่องชมเชยในอิบาดะฮ์ที่เขาได้กระทำ” ส่วนคำว่า “นอกจากการถือศีลอดมันเป็นของข้า” หมายถึง การถือศีลอดนั้นเป็นความบริสุทธิ์ต่อข้าเท่านั้น ซึ่งไม่มีผู้ใดที่เห็นการถือศีลอดของเขานอกข้า และนัฟซูอารมณ์ใฝ่ต่ำ ก็ไม่มีส่วนร่วมใดๆ กับการถือศีลอด เพราะการถือศีลอดนั้น คือ การงดอาหาร เครื่องดื่ม การร่วมหลับนอนกับภรรยา เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ขัดและฝืนกับนัฟซูทั้งสิ้น ดังนั้นนัฟซูจึงต้องทนทุกข์กับความอ่อนล้าของร่างการยในขณะถือศีลอดและต้องอดทนต่อความหิวกระหาย

ท่านอิมามอัลค็อฏฏอบีย์กล่าวว่า “ความหมายของฮะดีษก็คือ การถือศีลอดนั้นเป็นอิบาดะฮ์ที่มีความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งความโอ้อวดและต้องการชื่อเสียงจากมนุษย์นั้นไม่สามารถเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลย เพราะการถือศีลอดเป็นอิบาดะฮ์ที่ไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากอิบาดะฮ์ประเภทอื่นๆ เช่น ละหมาด การทำฮัจญ์ การออกไปทำสงคราม และการบริจาคทาน เป็นต้นนี้ ล้วนเป็นอิบาดะฮ์ที่แสดงออกให้เห็นทางภายนอก ดังนั้นนัฟซูหรืออารมณ์ใฝ่ต่ำจึงมีส่วนร่วมกับอิบาดะฮ์เหล่านี้” อัลลามะฮ์ อิบนุ อัลลาน, ดะลีลุลฟาลิฮีน, เล่ม 4 หน้า 20.

ดังนั้นการถือศีลอดจึงเป็นอิบาดะฮ์ที่มีความแตกต่างจากอิบาดะฮ์อื่นๆ อย่างมาก เนื่องจากการปฏิบัติอิบาดะฮ์ที่แสดงออกมาทางภายนอก เช่น การละหมาด การจ่ายซะกาต การทำฮัจญ์ การทำซิกรุลลอฮ์ และการทำหน้าที่เป็นนักการศาสนาเรียกร้องให้ผู้อื่นทำดีและละทิ้งจากความชั่ว ซึ่งเป็นอิบาดะฮ์ที่แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนต่อสายตาของมนุษย์ เพราะฉะนั้นไม่ว่าในขณะที่ท่านทำการละหมาด ทำการยืน โค้งรู่กั๊วะ ก้มลงสุญูด, ทำการออกซะกาตให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับ, ทำฮัจญ์ เดินสะแอ ฏ่อวาฟ ค้างแรมที่มีนา เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ย่อมเปิดโอกาสให้มีการริยาอฺ (โอ้อวด) เข้ามามีบทบาทอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายเหลือเกินที่บุคคลหนึ่งทำการละหมาดเพื่อให้มนุษย์เห็นและหวังผลการยกย่องชมเชยและการให้เกียรติจากพวกเขาเหล่านั้น ทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์ทุกปีเพื่อให้คนอื่นเห็น ทำการอ่านอัลกุรอานเพื่อให้มนุษย์เห็นว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมและมีความตักวา เป็นอาจารย์ที่คอยเรียกร้องผู้อื่นให้กระทำความดีเพื่อให้มนุษย์ยกย่องและนับหน้าถือตาว่าเป็นผู้เชิดชูอัลกุรอานและซุนนะฮ์ตามที่ได้วาดฝันเอาไว้ แต่การถือศีลอดนั้น มิใช่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากการถือศีลอดนั้นจะอยู่ในรูปแบบงดการกระทำ เช่น งดการกิน งดการดื่ม งดการร่วมหลับนอนกับภรรยา และงดสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียศีลอด ซึ่งผู้ที่ทำการถือศีลอดตามองค์ประกอบและเงื่อนไขนั้น ความโอ้อวดก็จะไม่สามารถเข้ามาแซรกซึมในหัวใจของเขาได้เลย ส่วนการละหมาดและอิบาดะฮ์อื่นๆ นั้น หากว่าได้กระทำครบสมบูรณ์ตามองค์ประกอบและเงื่อนไขก็จริง แต่ความโอ้อวดก็สามารถเข้ามาแซรกซึมในจิตใจของเขาได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการปฏิบัติอิบาดะฮ์เช่นนี้ อาจจะเพื่อตัวของเขาเองมิใช่เพื่ออัลเลาะฮ์

ยังมีอีกนัยยะหนึ่งจากความหมายของฮะดีษดังกล่าว ก็คือ ผู้ทำการถือศีลอดนั้น เขาจะมีการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ในรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีในอิบาดะฮ์อื่นๆ กล่าวคือ เมื่อเขามีความรู้สึกกระหายน้ำในสภาพที่กำลังถือศีลอดและอยู่ในสถานที่ลับตาผู้คนทั้งหลาย แต่เขาไม่ยอมดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย บางท่านอาจจะถามว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขายับยั้งจากการดื่มน้ำ? คำตอบก็คือ การที่เขามีจิตสำนึกอยู่เสมอว่าเขากำลังถือศีลอด สำนึกอยู่เสมอว่าเขากำลังอิบาดะฮ์เพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา และรู้สึกอยู่เสมอว่าเขากำลังถือศีลอดและอัลเลาะฮ์เห็นและกำลังมองเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่เขาระงับและงดจากสิ่งที่ทำให้เสียศีลอดนั้น มิใช่อื่นใดเลย นอกจากว่าเขามีการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์อย่างสม่ำเสมอ และในทุกขณะที่เขารู้สึกว่าหิวและพบว่าตนเองอยากรับประทานอาหารที่วางอยู่ต่อหน้าเขา แต่เขาพยายามกลับยับยั้งจิตใจไม่รับประทาน ก็เพราะว่าเขาสำนึกในจิตใจอยู่เสมอว่า กำลังถือศีลอด ดังนั้นการสำนึกว่ากำลังถือศีลอดอยู่นั้น ก็คือเป็นการรำลึกถึงอัลเลาะฮ์นั่นเอง เนื่องจากว่าเขามิได้ถือศีลอดเพื่อผู้ใดนอกเพื่อจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถือศีลอดถึงช่วงเวลาหลังเที่ยงวันไปแล้ว เขาจะเริ่มรู้สึกหิวและกระหายในทุกเสี้ยวนาที และในทุกเสี้ยวนาทีที่มีความรู้สึกเช่นนั้น เขาก็จะรำลึกถึงอัลเลาะฮ์ในทุกเสี้ยวนาทีเช่นกัน และในทุกเสี้ยวนาทีเขาก็จะสำนึกอยู่เสมอว่า หากเขามิได้ถือศีลอดเพื่ออัลเลาะฮ์ เขาจะต้องดื่มน้ำอย่างแน่นอน และหากเขาไม่ถือศีลอดเพื่อสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ เขาจะต้องนั่งประทานอาหารอย่างแน่นอน แต่ทว่าการแสวงหาความพึงพอพระทัยจากอัลเลาะฮ์นั้นเป็นสิ่งที่มายับยั้งมิให้เขาละศีลอดและทำให้เขามีความอดทน ดังนั้นคุณลักษณะของผู้ที่อดทนอย่างแท้จริงก็คือคุณลักษณะของผู้ที่ถือศีลอดนั่นเอง เพราะฉะนั้นอัลเลาะฮ์ตะอาลาจึงทรงตอบแทนผู้ถือศีลอดที่มีความอดทนอย่างไม่สามารถคำนวณได้ ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ความว่า

إِنَّما يُوفَّى الصّابِرُونَ أَجْرَهُمْ بِغَيْرِ حِسابٍ

“แท้จริงบรรดาผู้มีความอดทนจะได้รับการตอบแทนอย่างคณานับมิได้” [อัซซุมัร:10]

ดังนั้น เมื่อการถือศีลอดทำให้จิตใจมีความอิคลาศและมีความอดทน อัลเลาะฮ์ตะอาลาจึงทำการตอบแทนด้วยพระองค์เอง ดังที่พระองค์ได้ตรัสยืนยันไว้ว่า

إِلَّا الصِّيَامَ هُوَ لِي وَأَنَا أَجْزِي بِهِ

“นอกจากการถือศีลอด มันเป็นของข้า และข้าจะตอบแทนเอง”

ฉะนั้นการตอบแทนด้วยพระองค์เองนั้น เป็นการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่และทรงให้อย่างกว้างขวางอย่างคณานับไม่ได้ เพราะพระองค์ได้ทรงตอบแทนในฐานะของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง ดังนั้นการตอบแทนก็จะยิ่งใหญ่จนคณานับไม่ได้เช่นกัน ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงภาคผลของการตอบแทนการถือศีลอดได้นอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ติดตามได้ทาง