กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ นิติศาสตร์อิสลาม( ฟิกห์ )
Pages: 123456
การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: ต.ค. 26, 2006, 05:05 AM
การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา

ประเด็นปัญหาเรื่องนี้ มีการกล่าวขานกันอย่างมากมายในปัจจุบันจนบางกลุ่มได้ตัดสิน ฟันธงลงไปว่ามันคือ บิดอะฮ์ ที่ต้องห้ามเพราะว่า ท่านนบีซ.ล ไม่ได้กระทำ เรื่องนี้ ประเด็นนี้จะเป็นบิดอะฮ์หรือไม่ ? หรือเป็นที่ต้องห้ามหรือไม่ ? เราลองมาฟังคำพูดของท่านผู้รู้และนักวิชาการคนหนึ่งที่ท่านได้กล่าวอ้างอิงด้วยหลักฐานที่ชัดเจน และใช้กฏพื้นฐานหลัก ( قواعد أصوليهْ) ที่ยอมรับกันอย่างแน่นอน เพื่อที่จะสยบ หรือหักล้าง ต่อคำกล่าวอ้างของกลุ่มที่รู้ไม่จริง ในเรื่องศาสนาและกล้าที่กล่าวว่า เป็นบิดอะฮ์ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องของศาสนาแน่นอน

ณ.ตรงนี้ ผมจะขอกล่าวอ้างอิงหลักฐานของท่านตามลำดับโดยเรื่มจากกฏพื้นฐานหลักก่อนแล้วต่อด้วยหลักฐานที่ชัดเจน

กฏพื่นฐานหลักแรก. การที่เราจะยึดถือว่าสิ่งนี้ฮารอมสิ่งนี้มักโระห์ (น่ารังเกียจ) นั้น จะต้องทำความเข้าใจมาจาก คำว่า ่การห้าม(النهي عنه) เพราะกฏพิ้นฐานหลัก ถิอว่า การห้ามนั้นมีสองประการถ้าการห้ามนั้นเป็นการห้ามโดยเด็ดขาดแน่นอน ถือว่า การห้ามที่ฮารอมถ้าการห้ามนั้นเป็นการห้ามที่ไม่เด็ดขาดแน่นอน ถิอว่าการห้ามที่มักโระห์ (น่ารังเกียจ)

ตัวอย่าง การห้ามที่ฮารอมเด็ดขาด พระองค์อัลเลาะห์ ได้ดำรัสไว้ว่า

قل إنما حرم ربي الفواحش ماظهرمنها ومابطن : الأعراف33 :

ความว่า..ท่านจงประกาศเถิด...โอ้มูฮ่ำหมัดอันแท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้าได้บัญญัติสิ่งที่เป็นลามกต่างๆ สิ่งนั้น(กระทำ) เปิดเผย และกระทำไม่เปิดเผย และอีกคำดำรัส ที่ว่า...

ولا تقربوا الزنى إنه كان فاحشة وساء سبيلا : الإسراء:32

ความว่า.. และเจ้าทั้งหลายอย่าเช้าใกล้การประเวณีนอกสมรส เพระมันเป็นความอานาจารและเป็นหนทางอันชั่วร้าย

และตัวอย่างข้อที่สอง การห้ามที่ไม่เด็ดขาด มักโระห์ ท่านนบี ซ.ล ได้วจนะว่า...

إذا دخل أحدكم المسجد فلا يجلس حتى يصلى ركعتين : رواه البخاري ومسلم

ความว่า... เมื่อคนหนี่งจากพวกท่าน ได้เข้ามัสยิด ห้ามนั่งจนกว่าเขา ละหมาดสองรอกาอัตเสียก่อน

ดังนั้นจากกฏพื้นฐานดังกล่าวนี้การยกมือหลังละหมาดห้าเวลาไม่มีหลักฐานทีบ่งบอกว่า ห้ามเด็ดขาด ฮารอม กับห้ามไม่เด็ดขาด มักโระห์ก็ไม่ถึอว่าเป็นเรื่องต้องห้ามจากประการหนึ่งประการใด แต่กลับเป็นสิ่งที่ใช้ให้กระทำอีกบัญญัติเสียอีก กฏพื้นฐานหลัก ที่สอง. การละทิ้งสิ่งหนี่ง ( การที่ท่านนบี ซ.ล ไม่ได้กระทำ ) นั้น ไม่ได้บ่งบอก ชี้ถึงการห้าม เพราะมันไม่ได้เข้าข่ายของการห้าม ด้วยโองการที่ว่า..

وما أتاكم الرسول فخذوه وما نهاكم عنه فانتهوا فاتقواالله ، إن الله شديد العقاب : الحشر:7

ความว่า.. และสิ่งใดก็ตามที่ท่านศาสนทูตได้นำมายังพวกเจ้า พวกเจ้าก็จงยึดถึอมันไว้เถิด ส่วนสิ่งใดที่เขาห้ามพวกเจ้าไว้มิได้กระทำมัน พวกเจ้าจงยุติเสีย และจงยำเกรงอัลเลาะห์ เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ ทรงตอบแทนโทษรุนแรงเป็นที่สุด โดยที่โองการนี้ ได้สร้างอภินิหาร อัศจรรย์ ให้พวกเราได้เห็นว่า ทำไมพระองค์อัลเลาะห์ ไม่ใช้สำนวน... ( وما تركه فا نتهوا عنه ) แทนจากสำนวน

( وما نهاكم فا نتهوا ) ซึ่งหมายความว่า สิ่งใดที่ท่านนบี ซ.ล ทิ้งมัน พวกเจ้าจงยุติเสีย เพราะว่า สิ่งที่ท่านละทิ้ง(ไม่กระทำ)นั้น มีมากมายเหลือเกิน ถ้าพระองค์อัลเลาะห์ เกิดใช้สำนวนนี้แล้วแน่นอนจะสร้างความลำบากเดือดร้อนให้กับมวลบ่าวของพระองค์ (พวกเรา) แน่นอนโดยๆที่พระองค์ประสงค์ ให้เกิดความสะดวกสบาย ง่ายดายแก่ปวงบ่าวทั้งหลายอีกทั้งสิ่งที่ท่านละทิ้ง(ไม่กระกระทำ)นั้นบ่งบอกเพียงว่าอนุญาตกระทำก็ได้ ละทิ้งก็ได้ไม่ได้เข้าข่ายว่าต้องห้ามกอรปกับไม่มีนักวิชาการคนใดเลยที่กล่าวว่า สิ่งใดที่ท่านนบี ซ.ล ละทิ้งนั้นคือบิดอะห์หรือสิ่งที่ต้องห้าม และเป็นเรื่องที่ไม่กินกับปัญญาอีกด้วยที่จะให้ท่านนบี ซ.ล กระทำและสอนรายละเอียดทั้งหมด เรื่องนี้ฮารอม เรื่องนี้ฮาลาล เรื่องนี้มักโระห์เรื่องนี้อนุญาต

ในยุคของท่านท่ามกลางเหตุการณ์อย่างนี้จนรวมถึงทุกยุคทุกสมัยท่ามกลางเหตุการณ์อย่างโน้น จนวันกียามะฮ์และจะทำให้การรวบรวมกุรอ่าน และอัลซุนนะห์ เป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมถึงรายละเอียด ตั่งแต่สมัยท่านนบี ซ.ล จนถึงวันกียามัต ถ้าเกิดกุรอ่านและอันซุนนะฮ์ ได้รวบรวมถึงรายละเอียดทั้งหมดแล้วไซร้ อัลกุร อ่านและอัซซุนนะฮ์ คงจะใหญ่โตมโหฬาร แน่นอน

ด้วยเหตุนี้เอง อัลกุรอ่านและอัลซุนนะฮ์ได้รวบรวมเพียงกฏพื้นฐานใหญ่ๆ เอาไว้ให้เราใช้วินิจฉัยวิเคราะห์ กันในทุกๆเรื่องและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆตามแต่ละยุคแต่ละสมัย ตามกฏพื้นฐานหลัก ที่เข้าใจมาจากอัลกุรอ่านและอัซซุนนะห์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน บางท่านยังทำความเข้าใจกันเองโดยไม่ได้ใช้กฏพื้นฐานหลักที่ว่า (ในบ้างเรื่อง )จนทำให้เขากล้าทีจะอ้างว่ามันไม่ใช่ศาสนา(ท่านนบี ซ.ล ไม่ได้กระทำ) ทั้งๆที่มันคือศาสนา และบัญญัติให้กระทำไว้ด้วยทำให้ศาสนาปั่นป่วน เพราะความรู้ เท่าไม่ถึงการณ์ไม่รู้ไม่จริงไม่รู้กฏพื้นฐานหลักว่าเขาใช้กันอย่างไรนี้แหละคือปัญหา

จากพื้นฐานหลักข้อนี้ การที่นบี(ซ.ล)ได้ละทิ้ง(ไม่กระทำ)การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา นั้น ไม่ได้บ่งบอกว่า ฮารอม หรือมักโระห์ ตามที่ใครบางคนบอกว่าเป็นบิดอะอ์ ที่ต้องห้ามแล้วเขามีหลักฐานไหนหล่ะที่จะมาอ้างว่า ห้ามกระทำ(การยกมือหลังละหมาด)จะมาอ้างว่าท่านนบี ซ.ล ไม่ได้กระทำก็ไม่ได้ตามกฏที่ผมได้กล่าวมาแล้ว. แต่ทว่ากลับมีกฏพื้นฐานหลัก ข้อที่สาม เข้ามาสนับสนุน

กฏพื้นฐานหลัก ที่สามอายะห์ฮุก่ม หรือซุนนะห์ใด ก็ตามที่ครอบคลุมนัยกว้างๆในเรื่องหนึ่ง (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีหลักฐานใดมาห้าม กระทำ) นั้นบ่งบอกถึงบัญญัติให้ใช้กระทำในเรื่องนั้นๆเช่น วจนะของท่านนบี ซ.ล ที่ได้กล่าวว่า....

إن الله حي كريم يستحي إذا رفع العبد إليه يديه أن يردهما صفرا خائبتين :

رواه الترمذي في الدعوات وابن ماجه في الدعاء 3765 وابن حبان في الإحسان 877

فيه: أبوعثمان النهدي مقبول

ความว่า... แท้จริงพระองค์อภิบาล ผู้ทรงมีชีวิต ผู้ทรงใจบุญเมตตาท่านละอาย เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้ยกสองมือวอนขอ ต่อท่านบีให้กลับไปโดย สองมือว่างเปล่า สิ้นหวัง.. รายงานโดยท่านติรมิซีย์ ท่านอิบนุมายะห์และท่านอิบนุหิบบาน

จากฮาดิษ วจนะนี้ บ่งบอกว่า การยกสองมือ นั้นได้ครอบคลุม กินกว้าง ถึง การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลาหรือละหมาดอื่นๆ ด้วย เพราะวจนะ ฮาดิษ ไม่ได้เจาะจง บอก เรื่องการยกมือเอาไว้ ว่า ยกในช่วงไหน ละหมาดใดบ้าง กอปรกับการที่ไม่มีอาดิษตันใดมาห้าม หรือเจาะจงในช่วงหนึ่ง ช่วงใด ดังนั้นถ้าถึอตามกฏพื้นฐานหลักนี้แล้ว ก็ถึอว่า การยกมือหลังละหมาดทั้งห้า นั้น เป็นบัญญัติ ใช้ให้กระทำ ไม่อนุญาต ให้เรียกว่า นี้คือบิดอะห์ที่ต้องห้าม

และอีกวจนะหนึ่งที่ว่า...

قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: ما رفع قوم أكفهم إلى الله عزوجل يسألونه شيئا إلا كان على الله حقا أن يضع في أيديهم الذي سألوا : رواه الطبرني في الكبير6142 وقال الهيثمي في مجمع الزوائد 1/169 رجاله صحيح

ความว่า.. ท่านนบี ซ.ล ได้วจนะว่า ไม่มีกลุ่มชนใดที่ได้ยกมือวอนขอ ต่ออัลเลาะห์แล้ว เว้นไว้ สิทธิของพระองค์ ทีทรงตอบแทน การวอนขอ

วจนะนี้ ก็เช่นเดียวกัน กินกว้าง ครอบคลุม ถึงการยกมือหลังละหมาด จะเป็นห้าเวลา หรือละหมาดอื่นๆ รวมไปด้วยและอีกหลายๆ ฮาดิษอีก ที่ผมไม่ได้ยิบหยกมาบอก เพียงเท่านี้ ก็พอแล้วทำหรับผู้ที่ยอมรับ ใจเป็นกลางที่จะปฏิบัติตาม ทว่าเพื่ยงกฏพื้นฐานหลัก ทั้งสามขัอนี้อาจจะไม่เพืยงพอสำหรับคนที่จะเอาหลักฐานตรงๆชัดๆไม่ยอมรับ ฟังการที่เอาพื้นฐาน

มาใช้ตรงนี้แต่ก้อไม่เป็นไรผมมีหลักฐานหนึ่งที่จะชัดเจนตรงๆซึ้งไม่สามารถ เปลึ่ยนเป็นอื่นได้เลย เพื่อจะเปิดตาใจให้เขาได้เห็น และรับรู้ เอาไว้อย่าไปเที่ยวอ้างว่า เป็นบิดอะห์ที่ต้องห้ามอีก และยังคิดว่าตัวเองทำตามซุนนะห์แล้ว (ผมขอ ถ้าไม่รู้จริง อย่าไปเที่ยวกล่าวอ้าง เพราะคนที่ผิดคือท่านนั้นเอง โดยที่ท่านไม่รู้ตัว )ถ้าเขาไม่ยอมรับอีก

ก็เทียบเท่าว่าเขาปฏิเสฐบทบัญญัติเรื่องนี้(วันอียาชูบิ้ลล่าห์)ขอให้พวกเราห่างไกล จากการเป็นคนที่ปฏิเสทบทบํญญัตินี้

พึงทราบเถิดว่า หลักฐานนี้ก็คือ....

ما رواه الطبراني عن محمد بن أبي يحيى قال : رأيت عبدالله بن الزبير ورأى رجلا رافعا يديه يدعو فبل أن يفرغ من صلاته ، فلما فرغ منها قال له : إن رسول الله لم يكن يرفع يديه حتى يفرغ من صلاته ، قال الحافظ الهيثمي : رجاله ثقات : محمع الزوائد 1/169 وعزاه الطبراني

ความว่า..ท่านมูฮ่ำหมัดบุตรท่านอาบียะห์ยาได้กล่าวว่า ฉันได้เห็นท่านอับดุลเลาะห์บุครของชูบี้ร ท่านได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งได้ยกสองมือวอนขอก่อนจากเสร็จละหมาด(ในละหมาด) ต่อมาในขณะที่เขาเสร็จละหมาด ท่านอับดุลเลาะห์ ได้กล่าวแก่ชายผู้นั้นว่า แท้จริงท่านร่อซู้ล ซ.ล ไม่เคยยกสองมือวอนขอในละหมาดเลย จนกว่าท่านจะเสร็จละหมาด ... ในหนังสือมัญมะอ์ชาวาเอ็ด 1/196

ข้อมูลจากหนังสือ

إتقان الصنعة في تحقيق معنى البدعة للعلامة المحدث محمد بن مقبول الأهدل الحسيني الشافعي : تحقيق عبد الله المنشاوي


เซ็งจัง By: Muttakeen Date: พ.ย. 12, 2006, 10:50 AM
ไม่ได้สั่งให้ทำ และท่านไม่เคยทำ แต่เราก็พยายามหาทางจะทำ เออ...แปลกดีจัง
วัลลอฮุอะลัม
การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: พ.ย. 13, 2006, 02:41 AM
คุณ Muttakeen

السلام عليكم ورحمة الله

ในประเด็นของกระทู้นี้นั้น  ตรงใหนหรือครับที่ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่เคยทำ  การยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาด เป็นสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำหรือครับ? คุณลองอ่านให้หมดเสียก่อน

และซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ใช่การกระทำของท่านนบี(ซ.ล.) เพียงอย่างเดียว  เนื่องจากซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) คือ  การกระทำ  คำพูด  การยอมรับ  คุณลักษณะ  และจรรยาของท่านนบี(ซ.ล.) ดังนั้น  การกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ไม่จำเป็นต้องให้ท่านนบี(ซ.ล.)กระทำมาก่อน  แต่หากท่านนบีได้พูดชี้แนะหนทางเอาไว้  ก็เราสามารถนำมาปฏิบัติได้

อย่างเช่น การอ่านอุอาอ์กุนูตในละหมาดวิติรเดือนรอมมะฏอนที่มัสยิดอัลหะรอม  ซึ่งถ้อยคำในกุนูตนั้น  ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)เคยกระทำกันขอดุอาอ์ไปเสียทั้งหมด ซึ่งเป็นการแต่งดุอาอ์ขึ้นมาเองก็เป็นส่วนมากโดยที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำแล้วทำไมถึงไม่มีผู้อ้างตนเองว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาฮุกุ้มว่าเป็นบิดอะฮ์  

การจำกัดการอ่านคอตัมอัลกุรอานในคืนที่ 27 ของเดือนรอมะฏอนที่ทำกันในมัสยิดอัลหะรอมนั้น  นบีก็ไม่เคยกระทำ  ทำไมผู้อ้างตนว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ฮุกุ่มพวกเขาว่าทำบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง  

ท่านนบีไม่เคยนำละหมาดตะฮัจญุดเป็นญะมาอะฮ์เหมือนกับที่มัสยิดอัลหะรอมเขาทำกัน  ทำไมไม่มีใครฮุกุ่มว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง

การอ่านดุอาอ์คอตัม(จบ)อัลกุรอานในละหมาดตะรอวิห์ ซึ่งนบีไม่เคยกระทำ  แล้วทำไมไม่มีผู้อ้างตนว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ฮุกุ่มว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง

 การที่มุบัลลิฆ กล่าวหลังจากตะรอวิหฺว่า  صلاة القيام أثابكم الله  นั้น  นบีเคยทำ แต่ทำไมผู้อ้างตนเองว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ถึงไม่มาฮุกุ่มว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง

ดังนั้น หากคุณ Muttakeen มีใจเป็นธรรม  ก็อย่าอ้างตนเองว่า ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  วัลลอฮุอะลัม

การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: ubaid Date: พ.ย. 23, 2006, 02:29 PM
ผมไม่ค่อยแน่ใจในแหล่งอ้างอิงครับ ว่ามันถูต้องไหม ไงๆก็ช่วยตรวจสอบเพื่อผมจะได้มั่นใจหน่อยครับ คือ
1.   หนังสือ
إتقان الصنعة في تحقيق معنى البدعة للعلامة
ที่ผมรู้คือเป็นงานเขียนของเชคอับดุลลอฮฺ อัลฆุมารีย์ ไม่ใช่ของอัลอะฮฺดัล

2.   ส่วนหนังสือของอัลอะฮฺดัลที่พูดถึงเรื่องนี้ คือมีหนังสือเล่มที่ได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ (ตอนนี้จำชื่อไม่ได้ เดี๋ยวจะบอกที่หลัง)
และหนังสือนี้ ตะหิกีก โดย เชคอับดุลลอฮฺ อัลฆุมารีย์ ไม่ใช่ อัลดุลลอฮฺ อัลมินชาวีย์
การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: พ.ย. 23, 2006, 02:39 PM
หนังสือ إتقان الصنعة في تحقيق معنى البدعة  นี้  หากผมจำไม่ผิด  เป็นหนังสือของท่าน อัลลามะอ์ อัลฆุมารีย์  ซึ่งตะหฺกีก โดย อับดุลลอฮ์ อัลมินชาวีย์  ซึ่งทำการตะหฺกีกแบบไม่ละเอียดนัก แต่ในช่วงท้ายเล่มของหนังสือ  ท่าน อัลลามะฮ์ อัลฆุมารีย์ ได้นำริซาละฮ์หนึ่งของท่าน อัลอะฮ์ดัล เข้ามาผนวกช่วงท้ายเล่มด้วย  หากผมจำไม่ผิดนะครับ เนื่องอ่านผ่านมาเป็นปีแล้ว
มาด้วยสันติ By: Muttakeen Date: พ.ย. 26, 2006, 01:56 PM
อัสสลามมุอาลัยกุมครับ
ก่อนอื่นในกระทู้นี้ของชี้แจงน่ะครับ
ผมรู้สึกยินดีมากน่ะครับทีได้สนทนากับคุณ เพราะทำให้ผมได้รู้ความรู้ใหม่ๆขึ้นมากที่เดียว  
1. ผมไม่ได้สังกัดพักพวกใดโดยลืมหูลืมตา ใครผิดก็ว่าผิด ประเด็นทีบิดอะหฺต่างๆนั้นที่คุณยกมา หากมันผิดก็ว่าผิด ผมไม่เห็นจะต้องปกป้องใคร เพราะผมไม่มีความคิดสังกัดกลุ่มอย่างตาบอดอยู่แล้ว ไม่ว่ากลุ่ม เปาะตูโระ(กลุ่มที่ทำตามปุ่ย่าตายายโดยไม่สนใจหลักฐาน) หรือกลุ่มวะฮาบีย์ ที่ถูกกล่าวหาในบ้านเรา หากพวกเขาจะทำผิดหรือบิดอะหฺ มันก็ผิดกันทุกกลุ่ม  
2. ผมมาในฐานะไม่รู้ และต้องการจะรู้ โดยต้องการให้คุณที่ผมให้เกียตริเป็นผู้รู้ ให้ความรู้แก่ผม ดังนั้นผมก็ไม่อคติอันใดต่อคุณ และหวังว่าการตอบคำถามของคุณก็ไม่ใส่อารมณ์หรืออคติอะไรต่อผม น่ะครับ
3. หากมีคำตอบใดของผมที่ถามไปหรือพูดไปในเชิงไม่ใช่วิชาการ ก็ต้องมาอัฟด้วย เพราะผมคิดว่า คนที่รู้อย่างคุณคงไม่ทำตัวเหมือนผู้ไม่รู้น่ะครับ
4. ถึงกระทู้นี้น่ะครับ ที่ว่ายกมือหลังละหมาดนั้น ผมหมายถึงละหมาดฟัรดูของท่านนบีน่ะครับ  ดังนั้นหากมีหลักฐานใดที่ท่านนบียกมือหลังละหมาดฟัรดู ช่วยนำมาให้ผมด้วย
วัลลอฮุอะอลัม
การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: อายะฮ์ Date: พ.ย. 27, 2006, 12:53 AM
เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ คือในหะดิษที่ว่า

قال له : إن رسول الله لم يكن يرفع يديه حتى يفرغ من صلاته

"แท้จริงท่านร่อซู้ล ซ.ล ไม่เคยยกสองมือวอนขอในละหมาดเลย จนกว่าท่านจะเสร็จละหมาดของท่านนบี..."

และผมเองก็ไม่พบว่า นบี(ซ.ล.) ได้ห้ามสิ่งใดหลังจากท่านนบีละหมาดเสร็จ ยิ่งการขอดุอานั้น  ก็เป็นอิบาดะฮ์อย่างหนึ่งที่จะขอเมื่อไหร่ก็ได้  ดังนั้นการมาเจาะจงว่าหากยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาดเป็นสิ่งที่หะรอม  ก็ต้องมีหลักฐานระบุยืนยันด้วยนะครับ
การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: Muttakeen Date: ธ.ค. 03, 2006, 12:21 PM
อัสสลามุอาลัยกุม
ถึง คุณ ลายเคง  พูดว่า

อ้างถึง
เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ คือในหะดิษที่ว่า


ผมว่าพูดแบบนี้ไม่เคลียร์น่ะครับ อีกทั้งให้ทำให้ทราบว่า คุณไม่รู้ในเรื่องหะดิษ เพราะ การที่จะกล่าวอ้างถึง ซุนนะห์ของท่านนบีได้นั้น ต้องกล่าวอย่างชัดเจนน่ะครับ ว่าหะดิษจากใคร บันทีกโดย่มานใดคำกล่าวที่ว่า
อ้างถึง
เท่าที่ผมเข้าใจน่ะครับ

มันเป็นคำพูดที่เสี่ยงเกินไปน่ะครับในหลักการศาสนา ถ้าหากเป็นคำถามกระทู้เรื่องคอมพิวเตอร์ในเว็บพันธ์ทิพย์ว่าไปอย่าง หากไม่รู้จริงไม่ต้องดีกว่าครับ เป็นห่วง
วัลลอฮุอะอลัม
การยกมือหลัีงละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: ธ.ค. 03, 2006, 01:19 PM
วะอะลัยกุมุสลาม

คุณมุสตะกีม  น้องลายเคงเขาเข้าใจหะดิษผิดตรงใหนหรือครับ ? ยังไงคุณก็ชี้แจงนะครับ  เนื่องจากหะดิษของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น เราต้องพยายามทำความเข้าใจมันเท่าที่มีความสามารถ  และหะดิษดังกล่าว ท่านอัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า นักรายงานทั้งหมดเชื่อถือได้  หากคุณอะไรจะคัดค้าน ก็เชิญอธิบายรายละเอียดได้ครับ  เพื่อจะได้ตรงประเด็น
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: Aleekhan Date: ก.ย. 20, 2008, 05:56 AM
ผมเป็นอีกคนที่ได้เห็นลักษณะการปฏิบัติในละหมาดที่แตกต่างกันออกไป การยกมือหรือไม่ยกมือดุอาอฺหลังละหมาด หรือเวลามีการกล่าวดุอาอฺ นั้นผมมองว่าเป็นแนวความคิดที่แฝงความจริงในการนอบน้อมถ่อมตนไว้ คนที่มั่งมี เมื่อยกมือดุอาอฺแล้วอาจจะทำให้คิดได้ว่า เมื่อมั่งมีแล้วต้องรู้จักนอบน้อม ยกมือขึ้นมาเพื่อขอความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)  ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อการปฏิบัติลดความคิดที่แตกแยกระหว่างชนชั้น จะมั่งมีหรือจะยากจนต่างก็ต้องยกมือเพื่อขอจากพระองค์เหมือนกัน หลักฐานหากยกมาแย้งกัน หรือเข้าข้างตัวเองกันไป มีแต่จะทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน นำสู่การปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ส่วนผมปฏิบัติเหมือนที่ผู้ใหญ่ผมได้ทำสืบต่อกันมาแต่อดีตแล้วครับ ขอร้องว่าคุณจะทำอย่างไร จะยกมือหรือไม่ก็เป็นสิทธิของคุณเอง แต่อย่าว่าผู้อื่นหรือกล่าวหาว่าพวกเค้าเป็นบิดอะห์

วัสลาม
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: ActionMask Date: ก.ย. 20, 2008, 11:23 AM
ถ้านบีไม่ห้าม แล้วเราไปห้ามกันเอง บิดอะห์มั๊ยครับ?
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: Al Fatoni Date: ก.ย. 20, 2008, 12:46 PM
อัสสลามุ อลัยกุม

             พี่น้องวะฮาบีย์ครับ ไม่เหนื่อยบ้างหรือกับการมานั่งจับผิดคนอื่น แล้วพูดเองเออเอง เข้าใจเอง พอเค้ามาติหน่อย ก็หาว่าไม่ยอมรับสุนนะฮ์ ว่างๆ ก็อย่าลืมนำสิ่งที่ใสๆ มาส่องหาความผิดของตัวเองบ้างก็ได้นะครับ อย่าสักแต่ว่าจะหาข้อผิดของคนอื่นแต่ฝ่ายเดียว - อัสตัฆฟิรุ้ลลอฮฺ

วัสสลามุ อลัยกุม
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: บาชีร Date: ก.ย. 20, 2008, 04:11 PM
และในบุชรอกะรีม+มุกอดดิมะฮฺอัลฮัดรอมี่ ซึ่งเป็นหนังสือฟิกมัสฮับชาฟิอี  ถือว่า

นัดบุน(ซุนนะฮฺ)ให้ยกมือดุอาหลังละหมาด และทุกๆดุอา เพื่อเป็นการตามท่านนบี

และหากไม่มือข้างใดหรือมีแต่ใช้การไม่ได้ ก็ให้ยกอีกข้างหนึ่ง

แต่มักรูฮฺที่จะยกมือที่เปื้อนนะยิส แม้ว่าจะมีสิ่งปกปิดมือก็ตาม

บุชรอกะรีมหน้า246 ดารุลมินฮาจ พิมพ์ครั้งแรก



ฉะนั้นมัสฮับชาฟิอีสุนนะให้ยกมือดุอาหลังละหมาดครับ

ส่วนผู้ไม่มีมัสฮับนั้นตามนัฟสูตัวเองนะครับ ไม่ได้ตามอุลามาอฺครับ
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: ก.ย. 20, 2008, 05:45 PM
salam

หากคุยกับผู้ที่อยู่มัซฮับวะฮาบีย์ในเรื่องนี้นั้น  เราจะยกหลักฐานอะไรพวกเขาไม่ฟังหรอกครับ  เพราะเขาจะบอกว่า "นบีไม่ได้ทำ" เหมือนกับว่าหลักฐานในด้านนิติศาสตร์อิสลามนั้น คือนบีต้องทำ แต่หากเราศึกษานิติศาสตร์อิสลามที่เกี่ยวกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์จริง ๆ นั้น  หลักฐานในด้านศาสนาไม่ใช่เพียงแค่บอกว่า "นบีไม่ทำ" นั้นคือหลักฐานมาชี้ขาด  เพราะคำว่า "หลักฐาน"  มีทั้งหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบ "มัฏลัก" (มีข้อบ่งชี้แบบกว้าง ๆ) หรือหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบ "อัลอาม" (มีข้อแบ่งชี้แบบครอบคลุม) ดังนั้นหากไม่มีหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาเจาะจงระบุห้ามหลักการที่อยู่ในนัยยะแบบกว้าง ๆ หรือครอบคลุมนั้น  ถือว่าหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่มีนัยยะแบบกว้าง  ๆ หรือครอบคลุม ก็ยังคงนำมาปฏิบัติได้อยู่ตลอดไป  เราจะไปปฏิบัติหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบนัยยะกว้าง ๆ หรือครอบคลุมไม่ได้  ซึ่งหากปฏิเสธก็กลายเป็นพวกบิดอะฮ์น่ะซิครับ  ส่วนการที่บอกว่า "นบีไม่ทำ" นั่นหมายความว่า "ไม่มีหลักฐาน" มาเจาะจงห้ามหรือมาทอนความหมายจากหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบกว้าง ๆ หรือแบบครอบคลุม

ดังนั้น การที่นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยกมือขอดุอาหลังละหมาดมีหลักฐานมาระบุจากซุนนะฮ์  และการขอดุอาเป็นญะมาอะฮ์ก็มีหลักฐานระบุจากซุนนะฮ์ในรูปแบบของหลักฐานที่ระบุแบบกว้าง ๆ หรือครอบคลุม  ดังนั้นหากไม่มีหลักฐานมาเจาะจงหรือทอนความหมายว่าการขอดุอาหลังละหมาดแบบญะมาอะฮ์ฮะรอม  ก็แสดงว่าอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบกว้าง ๆ ก็ยังคงปฏิบัติได้ตลอดไปยันกิยามะฮ์ 

ส่วนการที่อ้างว่า "ท่านนบีไม่ทำ" ถือว่าไม่ใช่เป็นหลักฐานมาเจาะจงหรือทอนความหมาย  แต่ชี้ถึงว่า "ไม่มีหลักฐาน" นั่นเอง

วัลลอฮุอะลัม 
Re: การยกมือหลังละหมาด ห้าเวลา By: al-azhary Date: ก.ย. 20, 2008, 06:08 PM
ถ้านบีไม่ห้าม แล้วเราไปห้ามกันเอง บิดอะห์มั๊ยครับ?

หากมีหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบ "มัฏลัก" (มีข้อบ่งชี้แบบกว้าง ๆ) หรือหลักฐานอัลกุรอานและซุนนะฮ์แบบ "อัลอาม" (มีข้อแบ่งชี้แบบครอบคลุม) มาระบุ  แล้วเรามาห้ามกันเองและมาห้ามคนอื่นไม่ให้กระทำฮุกุ่มบิดอะฮ์คนอื่นโดยไม่มีหลักฐานมาเจาะจง  ถือว่าการฮุกุ่มของเขานั้นเป็นบิดอะฮ์ครับ  วัลลอฮุอะลัม