ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: Al Fatoni Date: ธ.ค. 17, 2008, 02:36 PM
อัสสลามุ อลัยกุม
เนื่องจากในปัจจุบัน ก็เป็นที่ทราบกันว่า มีการตื่นตัวและเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮ์กันอย่างดาษดื่นในสังคมมุสลิมแทบจะทุกย่อมหญ้า และก็ปฏิเสธไม่ได้ที่สังคมมุสลิมบางสังคม ยังอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับสัจธรรมตรงนี้ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็สมควรตระหนักและรับผิดชอบตามแต่สถานการณ์นั้นๆ ไป
ท่ามกลางการฟื้นฟูอิสลามที่เกิดขึ้นในโลกอิสลามและมุสลิมปัจจุบันนั้น นับเป็นสิ่งที่ดีและน่าติดตามถึงการเจริญเติบโต แม้บางครั้งจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าก็ตาม ขบวนการเหล่านั้น เป้าหมายหลักก็คือ การเรียกร้องสู่ความเป็นเอกภาพแห่งอิสลาม ภายใต้กิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮ์
ดังนั้น ทำให้มีบางกลุ่มพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในสังคมอิสลามและมุสลิม แต่ทว่า มาตรฐานที่พวกเขาได้ตั้งขึ้นมานั้น กลับสังคมมุสลิมบางส่วนไม่เห็นด้วย ในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า มีการเรียกร้องให้ละทิ้งมัฑฮับ และให้ยึดสุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลฯ ซึ่งมาตรฐานที่พวกเขานำมาตั้งไว้ เพื่อกำหนดว่า การกระทำนี้ หรือการกระทำนั้น ถือว่าได้ตามสุนนะฮ์ หรือไม่ได้ตามสุนนะฮ์ เกณฑ์ที่พวกเขามักจะนำมาใช้ก็คือ หนังสือศ็ฮีหฺ อัลบุคอรีย์ มุสลิม และอื่นๆ จากทั้ง 6 เล่มหะดีษที่มีชื่อเสียง โดย 2 เล่มแรกดังกล่าวนั้น ทำให้บางกลุ่มถึงกับหุกุมอีกกุล่มหนึ่งว่า ยึดทัศนะฎ็อีฟ หรือทำขัดกับสุนนะฮ์ เป็นต้น เพียงเพราะทัศนะของคนอื่น ไม่มี หรือขัดกับหะดีษในศ็ฮีหฺบุคอรีย์ และมุสลิม
ดังนั้น ผมจึงใคร่ขอถามว่า การนำหะดีษจากศ็ฮีหฺอัลบุคอรีย์และมุสลิม มาเป็นเกณฑ์วัดถึงความถูกต้อง หรือขัดหรือไม่ขัดกับสุนนะฮ์ ของมัฑฮับทั้งสี่นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ไหม เพราะทราบมาว่า อิมามมัฑฮับทั้งสี่นั้น เกิดก่อนอิมามทั้งสองเสียด้วยซ้ำ และอุละมาอ์อิสลามมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยชี้แจงหน่อยนะครับ อยากทราบ เพราะมันรบเร้าจิตใจมาก โดยเฉพาะช่วงที่เรียน หรือฟังบรรยายธรรมจากสถาบันที่ตนได้เรียน ซึ่งจะยึดแต่ศ็ฮีหฺบุคอรีย์ มุสลิม และอีก 6 เล่มดังกล่าวเป็นหลัก แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ส่วนใหญ่จะถูกตรวจความถูกต้องโดยเชคอัลอัลบานีย์ด้วย???
ฝากบังอัลอัซฮะรีย์ ชี้แจงด้วยนะครับ
วัสสลามุ อลัยกุม วะร็อหฺมะตุ้ลลอฮฺ ตอาลา วะบะร็ก้าตุฮฺ
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: คะลัคคะลุย Date: ธ.ค. 17, 2008, 04:51 PM
salam
สำหรับผมคิดของกระผมน่ะ คือเราจะเอาซอเฮี๊ยะหบุคอรีและมุสลิมมาวัดเกณฑ์ความถูกต้องของมัซฮับทั้ง 4 นั้น หากต้องการทำเช่นนั้นจริงๆ ทำไมอิมามบุคอรีและมุสลิมเจ้าของหนังสือซอเฮี๊ยะห์เองถึงอยู่ในมัซฮับอิมามชาฟิอีย์เป็นหลักล่ะครับ ทำไมท่านทั้งสองไม่ยึดฮะดิษต่างๆในซอเฮี๊ยะห์ขอท่านมาปฏิบัติเลยล่ะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหนอ

Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ธ.ค. 18, 2008, 06:04 AM
ดังนั้น ผมจึงใคร่ขอถามว่า การนำหะดีษจากศ็ฮีหฺอัลบุคอรีย์และมุสลิม มาเป็นเกณฑ์วัดถึงความถูกต้อง หรือขัดหรือไม่ขัดกับสุนนะฮ์ ของมัฑฮับทั้งสี่นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ไหม เพราะทราบมาว่า อิมามมัฑฮับทั้งสี่นั้น เกิดก่อนอิมามทั้งสองเสียด้วยซ้ำ และอุละมาอ์อิสลามมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยชี้แจงหน่อยนะครับ อยากทราบ เพราะมันรบเร้าจิตใจมาก โดยเฉพาะช่วงที่เรียน หรือฟังบรรยายธรรมจากสถาบันที่ตนได้เรียน ซึ่งจะยึดแต่ศ็ฮีหฺบุคอรีย์ มุสลิม และอีก 6 เล่มดังกล่าวเป็นหลัก แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ส่วนใหญ่จะถูกตรวจความถูกต้องโดยเชคอัลอัลบานีย์ด้วย???
ฝากบังอัลอัซฮะรีย์ ชี้แจงด้วยนะครับ
วัสสลามุ อลัยกุม วะร็อหฺมะตุ้ลลอฮฺ ตอาลา วะบะร็ก้าตุฮฺ
salam
เชคอัลบานีย์เป็นบุคคลที่ฎออีฟหรือครับ ถึงไม่ค่อยสบายใจเมื่อได้ยินชื่อท่าน
หรือเป็นเพราะในเว็ปนี้ ได้วิพาทน์เชคอัลบานีย์จนหมดความน่าเชื่อถือของนักหะดีษระดับโลกอิสลามไปแล้ว(เสมือนบทความวิภาทเชคอัลบานีย์ในเว็ปนี้เป็นยันต์เพื่อต่อสู้กับวะฮาบีย์ทำนองนั้น) เป็นที่ทราบดีว่าคนทุกคนย่อมมีข้อผิดพลาด แต่นำข้อผิดพลาดที่เล็กน้อยมาก มาตัดสินอุลามาร์และวิพาทน์วิจารณ์จนเกินเหตุจนกลายเป็นบุคคลฎออีฟไปเลย เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะต่อสู้กับฝ่ายทีไม่เห็นด้วยกับตน ...
ส่วนประเด็นของกระทู้ ก็ต้องตั้งคำถามกลับว่า อะไรสำคัญกว่ากันระหว่างหะดีษที่ศอเฮียะห์กับมัสหับครับ?
วัสลาม
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ธ.ค. 18, 2008, 06:13 AM
salam
สำหรับผมคิดของกระผมน่ะ คือเราจะเอาซอเฮี๊ยะหบุคอรีและมุสลิมมาวัดเกณฑ์ความถูกต้องของมัซฮับทั้ง 4 นั้น หากต้องการทำเช่นนั้นจริงๆ ทำไมอิมามบุคอรีและมุสลิมเจ้าของหนังสือซอเฮี๊ยะห์เองถึงอยู่ในมัซฮับอิมามชาฟิอีย์เป็นหลักล่ะครับ ทำไมท่านทั้งสองไม่ยึดฮะดิษต่างๆในซอเฮี๊ยะห์ขอท่านมาปฏิบัติเลยล่ะ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหนอ 
salam
อันนี้ ผมคิดว่า ระดับอุลามาร์ขนาดนี้ เขายึดมัสหับที่ไม่เหมือนกับการยึดมัสหับเหมือนเราๆหรอกนะครับ เขาเป็นผู้รู้และก็ลำดับความสำคัญได้ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน หากหะดีษไหนที่ศอเฮียะห์น่าเชื่อถือและสอดคล้องกับมัสหับก็ยึดถือไป แต่หากมีหะดีษไหนที่ขัดกับมัสหับ เขาก็คงต้องยึดหะดีษเป็นหลักก่อนแหล่ะครับ ซึ่งมันอาจต่างกับการยึดมัสหับของเราๆ เพราะบางครั้งมีหะดีษที่ศอเฮียะห์แค่ไหนบางทีมันไปขัดกับมัสหับ แต่เราก็เลือกปฏิบัติตามมัสหับก่อนหะดีษ ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันต่างกันกับอุลามาร์ระดับอีหม่ามบุคอรีนะครับ
วัสลาม
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: คะลัคคะลุย Date: ธ.ค. 18, 2008, 06:34 AM
salam
ฮะดิษกับมัซฮับเป็นของคู่กัน ไม่แยกกัน ดังนั้นใครถามว่าฮะดีษกับมัซฮับอะไรสำคัญกว่ากันนั้น ถือว่ายังไม่เข้าใจนิติศาสตร์อิสลาม
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ธ.ค. 18, 2008, 10:12 AM
salam
ฮะดิษกับมัซฮับเป็นของคู่กัน ไม่แยกกัน ดังนั้นใครถามว่าฮะดีษกับมัซฮับอะไรสำคัญกว่ากันนั้น ถือว่ายังไม่เข้าใจนิติศาสตร์อิสลาม
ถึงจะไม่สันทัดวิชานิติศาสตร์อิสลาม...
แต่ไม่ทราบว่าจะจับคู่อะไรผิดหรือเปล่า ที่เคยได้ยินมา ก็จะมีแต่ อัล-กุรอานกับฮะดีษเป็นของคู่กัน ไม่แยกกัน ไม่ขัดกัน ไม่เคยได้ยินเลยว่าหะดีษกับมัสหับเป็นของคู่กัน..
เคยได้ยินแต่หะดีษที่ว่า "จงกัดซุนนะห์ด้วยกับฟันกราม" แต่ไม่เคยได้ยินหะดีษว่า "จงกัดซุนนะห์และมัสหับด้วยกับฟันกราม" เลยครับ
ประเด็นแยกแยะความสำคัญนั้น ผมว่าน่าจะตั้งเป็นคำถามได้หน่ะ จริงไหม เพราะ อัล-กุรอานสำคัญที่สุด รองลงมาก็เป็นหะดีษ รองลงไปก็เป็น.....อะไรต่างๆ
วัสลาม
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: multi Date: ธ.ค. 18, 2008, 11:15 AM
ไม่มีมุสลิม คนไหนปฏิเสธอัลกุรอ่าน ละครับท่านมัสฮับก็ยึดอัลกุรอาน เป็นที่ตั้งพร้อมกันนั้นก้ ยึดอัลฮาดิษไปด้วยกันแล้วแบบนี้ก็ต้องดำเนิน ไปตามแนวทางของอัลกุรอานและอัลฮาดิษ โดยการวินิฉัยของอุลามะอ์ ของมัสฮับนั้นๆ แบบนี้ก้คงต้องดำเนิน ไปพร้อมๆกัน ละครับ วึ่งมันไม่มีอะไรจะเสียหายเลย
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ILHAM Date: ธ.ค. 18, 2008, 12:01 PM
เจ้าของมัสฮับเขาจะบอกกฎอะไรยังไงก็ต้องตรวจสอบกุรอานฮาเดสละเอียดถิ่ถ้วนหมดแล้วแหละ ไม่ทำมั่วซั่วหรอก
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ธ.ค. 18, 2008, 04:45 PM
ไม่มีมุสลิม คนไหนปฏิเสธอัลกุรอ่าน ละครับท่านดิษมัสฮับก็ยึดอัลกุรอาน เป็นที่ตั้งพร้อมกันนั้นก้ ยึดอัลฮาไปด้วยกันแล้วแบบนี้ก็ต้องดำเนิน ไปตามแนวทางของอัลกุรอานและอัลฮาดิษ โดยการวินิฉัยของอุลามะอ์ ของมัสฮับนั้นๆ แบบนี้ก้คงต้องดำเนิน ไปพร้อมๆกัน ละครับ วึ่งมันไม่มีอะไรจะเสียหายเลย
ครับผม..
มันจะเสียหายก็ตรงยึดมัสหับแบบลืมหูลืมตา ยึดแบบกัดด้วยฟันกราม เสมือนมีหะดีษที่บอกว่าจงยึดมัสหับด้วยกับฟันกรามอะไรทำนองนั้น
เพราะต้องยอมรับว่า มัสหับแต่ละมัสหับ ก็มีข้อผิดพลาดบางเรื่องที่ขัดกับหะดีษ ซึ่งเจ้าของมัสหับเอง ยังโปรยเพื่อเป็นการเตื่อนว่า หากเจอหะดีษที่ศอเฮียะห์แล้วมันไปขัดกับมัสหับฉัน ให้โยนทัศนะฉันเข้าฝา นั่นแสดงว่า เจ้าของมัสหับเองก็ยอมรับว่าบางอย่างในมัสหับอาจมีข้อผิดพลาดได้
ไม่อย่างนั้นแล้วมัสหับทั้ง 4 จะมีข้อปลีกย่อยทางศาสนาที่แตกต่างกันตั้งมากมายทำไมหล่ะครับ เพราะคำวินิจฉัยของอุลามาร์ในแต่ละมัสหับก็ฟัตวาแตกต่างกันไป แล้วสุดท้ายมันจะไปจบตรงไหน ก็จบที่อัล-กุรอานและหะดีษ
แต่คำถามที่ผู้ตั้งกระทู้ได้ถามไว้ ยังไม่เห็นมีคนมาตอบเลยหน่ะครับ รออยู่ครับ
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: multi Date: ธ.ค. 18, 2008, 05:07 PM
ไม่ไช่แค่ 4มัสฮับเท่านั้นหรอกครับ ที่มีข้อปลีกย่อยแต่กต่างกัน ทุกๆ มัสอับบนโลกนี้ ก้ปลีกย่อยทั้งนั้นครับ แต่ที่ปลีกย่อยนี้มันก็ได้ขัดเกลามาจากอัลกุอานและอัลฮาดิทั้งนั้ซึ่ง ถ้ามันจะผิดมันก็ผิด กันทั้งโลกแล้วละครับ หลังจากยุคของท่านนบีเพราะมีข้อปลีกย่อยมากมาย ที่ไม่เหมือนกัน ถ้ามีความเห็นเหมือนกันหมด ก้คงไม่ต้องขึ้นเวทีไปโต้กันไปโต้กันมา จนไม่รู้จักจบสิ้นเพราะฉะนั้น มัสฮับมันก้คือแนวทาง ที่นำไปสู่การ เรียนรู้เพื่อไปสูจุดสูงสุด นั่นคือ อัลกุรอาน แต่ถ้าบอกว่ายึดแบบ ไม่ลืมหูลืมตา นี่ก็คงจะพูดเกินไปละครับ ถ้าจะบอกเช่นนี้ ก็ขอกล่าวว่า กลุ่มที่ไม่มีมัสฮับก้ ยึดความคิด ของตัวเองไม่ลืมหูลืมตา เช่นกันแหล่ะครับ
เพราะต่างก็มีแนวทางที่จะนำไปสู่อัลกุรอานทั้งนั้นเพียงแต่เข้าใจแตกต่างกันแค่เรื่อง เล็กๆน้อยๆ
ดังนั้น คิดว่า ว่ามัสฮับทั้งหลายยึดฮาดิษ ซอเฮี้ย หรือไม่อย่างไร หรือยึดอัลกุรอานหรือไม่อย่างไรอยู่ที่ ระดับอุละมะอ์ ระดับโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน คงไม่อาจกล้า ทำความเสื่อมเสียให้กับ อิสลามโดย การไม่เอาอัลกุรอานและ อัลฮาดิษ อย่างที่มีการกล่าวหา กัน ในปัจจุบัน
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: al-azhary Date: ธ.ค. 19, 2008, 05:58 AM
เนื่องจากในปัจจุบัน ก็เป็นที่ทราบกันว่า มีการตื่นตัวและเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮ์กันอย่างดาษดื่นในสังคมมุสลิมแทบจะทุกย่อมหญ้า และก็ปฏิเสธไม่ได้ที่สังคมมุสลิมบางสังคม ยังอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับสัจธรรมตรงนี้ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็สมควรตระหนักและรับผิดชอบตามแต่สถานการณ์นั้นๆ ไป
ท่ามกลางการฟื้นฟูอิสลามที่เกิดขึ้นในโลกอิสลามและมุสลิมปัจจุบันนั้น นับเป็นสิ่งที่ดีและน่าติดตามถึงการเจริญเติบโต แม้บางครั้งจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าก็ตาม ขบวนการเหล่านั้น เป้าหมายหลักก็คือ การเรียกร้องสู่ความเป็นเอกภาพแห่งอิสลาม ภายใต้กิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮ์
มัซฮับทั้ง 4 มีมาเป็นพันปีแล้ว และอิสลามก็รุ่งเรืองมาพร้อม ๆ กับมัซฮับ และมัซฮับล้วนแต่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ แต่ความตกต่ำที่เกิดขึ้นของมุสลิมโดยรวมนั้น เพราะตัวบุคคลต่างหากที่ไม่อยู่ในระบอบอิสลาม พร้อมกับศัตรูมีความเข้มแข็งทางด้านวัตถุ ไม่ใช่เพราะมีมัซฮับถึงทำให้ตกต่ำ เนื่องจากอัลอิสลามเคยเป็นเอกภาพนมนานภายใต้อัลกุรอานและซุนนะฮ์ในนามของมัซฮับ ดังนั้นในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม อาณาจักรอิสลามทั้งหลายที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนนั้น ล้วนแต่เป็นอาณาจักรอิสลามที่มีมัซฮับ และจอมทัพอิสลาม ก็มีมัซฮับที่อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ ดังนั้นที่ปัจจุบันอิสลามตกต่ำ ไม่ใช่เพราะมีคนอ่านกุนูตซุบฮิ มีคนอ่านตัลกีน มีคนกล่าวอุศ็อลลี มีคนนั่งซิกิรล้อมวง มีคนยกมือดุอาแล้วลูบหน้า มีคนละตัสบีห์ มีคนละฮาญัต มีคนซิกิรแล้วโยก ซึ่งประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่ทำให้อิสลามในปัจจุบันตกต่ำ แต่ที่ตกต่ำนั้น คือผู้นำประเทศมุสลิมไม่นำกฏหมายอิสลามมาใช้ และมุสลิมต่างตะอัศศุบในทัศนะของตนแล้วฮุกุ่มผู้อื่นที่ต่างจากตนว่าลุ่มหลง นี้แหละความตกต่ำ และวะฮาบีย์บางกลุ่มในปัจจุบันกำลังสร้างความตกต่ำนี้ขึ้นมาในคาบของสโกแกนที่ว่าฉันตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ดังนั้น ทำให้มีบางกลุ่มพยายามที่จะกำหนดมาตรฐานหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในสังคมอิสลามและมุสลิม แต่ทว่า มาตรฐานที่พวกเขาได้ตั้งขึ้นมานั้น กลับสังคมมุสลิมบางส่วนไม่เห็นด้วย ในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่า มีการเรียกร้องให้ละทิ้งมัฑฮับ และให้ยึดสุนนะฮ์ของท่านนบีย์ ศ็อลฯ ซึ่งมาตรฐานที่พวกเขานำมาตั้งไว้ เพื่อกำหนดว่า การกระทำนี้ หรือการกระทำนั้น ถือว่าได้ตามสุนนะฮ์ หรือไม่ได้ตามสุนนะฮ์ เกณฑ์ที่พวกเขามักจะนำมาใช้ก็คือ หนังสือศ็ฮีหฺ อัลบุคอรีย์ มุสลิม และอื่นๆ จากทั้ง 6 เล่มหะดีษที่มีชื่อเสียง โดย 2 เล่มแรกดังกล่าวนั้น ทำให้บางกลุ่มถึงกับหุกุมอีกกุล่มหนึ่งว่า ยึดทัศนะฎ็อีฟ หรือทำขัดกับสุนนะฮ์ เป็นต้น เพียงเพราะทัศนะของคนอื่น ไม่มี หรือขัดกับหะดีษในศ็ฮีหฺบุคอรีย์ และมุสลิม
ดังนั้น ผมจึงใคร่ขอถามว่า การนำหะดีษจากศ็ฮีหฺอัลบุคอรีย์และมุสลิม มาเป็นเกณฑ์วัดถึงความถูกต้อง หรือขัดหรือไม่ขัดกับสุนนะฮ์ ของมัฑฮับทั้งสี่นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ไหม เพราะทราบมาว่า อิมามมัฑฮับทั้งสี่นั้น เกิดก่อนอิมามทั้งสองเสียด้วยซ้ำ และอุละมาอ์อิสลามมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยชี้แจงหน่อยนะครับ อยากทราบ เพราะมันรบเร้าจิตใจมาก โดยเฉพาะช่วงที่เรียน หรือฟังบรรยายธรรมจากสถาบันที่ตนได้เรียน ซึ่งจะยึดแต่ศ็ฮีหฺบุคอรีย์ มุสลิม และอีก 6 เล่มดังกล่าวเป็นหลัก แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ส่วนใหญ่จะถูกตรวจความถูกต้องโดยเชคอัลอัลบานีย์ด้วย???
ตามหลักนิติศาสตร์อิสลามนั้น วะฮาบีย์ในปัจจุบัน ก็เสมือนกับมัซฮับหนึ่งเหมือนกัน แต่พวกเขาไม่มีชื่อเรียกมัซฮับ เนื่องจากจะเกิดการเปรียบกับมัซฮับทั้ง 4 ซึ่งเทียบไม่ได้แน่นอน เนื่องจากมัซฮับทั้ง 4 นั้นมีอุลามาอฺที่ทรงคุณธรรมอยู่ทุกมัซฮับ ดังนั้นวะฮาบีย์จึงพยายามบอกว่าตนเองตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ไม่ใช่ตามมัซฮับ ซึ่งคำพูดนี้ คนเอาวามจะหลงเชื่อสโกแกนนี้ แต่ผู้ที่มีความรู้ในฮะดิษและนิติศาสตร์อิสลามนั้น ถือว่าเป็นคำพูดของผู้ที่ไม่เข้าใจหลักการของศาสนา มันเป็นคำพูดที่ถูกต้องแต่เป้าหมายของผู้พูดนั้นผิด
ทุกมัซฮับทั้ง 4 นั้น พวกเขามีล้วนแต่ยึดหลักฐานตามลำดับดังนี้
1. อัลกุรอาน
2. อัซซุนนะฮ์
3. อิจญฺมาอฺ
4. กิยาส
5. และอื่น ๆ ซึ่งมีหลักฐานเสริมที่จุดยืนแต่ละมัซฮับต่างกันไป
บรรดาหลักฐานที่ผมนำเสนอมานั้น ชี้ให้เห็นว่าทุกมัซฮับ ยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์ เป็นลำดับแรก ดังนั้นผู้ใดถามว่า "ทำไมคุณยึดมัซฮับ ทำไมไม่ยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์ล่ะ" ถือว่าเป็นคำถามของคนที่ขาดความเข้าใจเรื่องศาสนา คือไม่ได้เรียนศาสนาอิสลามโดยตรง เพราะการยึดมัซฮับก็คือการยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์ และการยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์ก็คือการยึดมัซฮับ ประโยคหลังนี้บางกลุ่มอาจจะฉงนใจว่า "เป็นไปได้ไงที่ยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์คือการยึดมัซฮับ" คำตอบก็คือ มัซฮับนั้นเกิดขึ้นจากการอิจญ์ฮาต(วินิจฉัย)ในตัวบท ดังนั้นเมื่อตัวบทเดียวกันที่ซอฮิหฺ แต่ปราชญ์วินิจฉัยแตกต่างกันออกไป นั่นถือว่าเกิดมัซฮับขึ้นมาแล้วนั่นเอง และการแตกต่างระหว่างการอิจญ์ฮาดในตัวบทซอฮิห์เดียวกันนั้น ปราชญ์ทั้งสองคนก็ถือว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์แล้ว
การเรียกร้องให้ละทิ้งมัซฮับ เป็นแค่ทฤษฏีจินตนาการ จะมาปฏิบัติจริงไม่ได้ การที่วะฮาบีย์เรียกร้องเอกภาพให้ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์นั้น เบื้องหลังก็คือ พวกเขาต้องการให้ผู้คนตามทัศนะที่ตนเองยึดถือเท่านั้นเอง
ดูตัวของมัซฮับวะฮาบีที่มีสโลแกนว่า ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์
1. เชคบินบาซฺ มีทัศนะว่าไม่มีการละหมาดตัสบีห์ แต่อัลบานีบอกว่าละหมาดตัสบีห์ได้
2. เชคอุษัยมีนบอกว่าเวลายืนขึ้นจากรุกั๊วะให้เอามือกอดหน้าอก ส่วนอัลบานีบอกว่าไม่ต้องกอดหน้าอก
3. อุลามาอฺวะฮาบีย์บางคนกระดิกนิ้วตอนอ่านตะชะฮุด แต่บางท่านบอกว่าไม่ต้องกระดิกนิ้ว ดูได้จากเว็บนี้ http://sulaymani.net/play.php?catsmktba=824
แล้วอะไรคือเอกภาพของวะฮาบีย์ที่ให้ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ พวกเขาต้องการให้มุสลิมทุกคนปฏิบัติให้เหมือนพวกเขาหมดเลยหรือ ? ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ขนาดอุลามาอฺมัซฮับวะฮาบีย์ยังมีทัศนะที่ขัดแย้งกันเลย หรือว่าอุลามาอฺวะฮาบีเหล่านั้นแตกแยกกัน หรือว่าแม้จะแตกต่างในทัศนะแต่ไม่ได้หมายถึงต้องแตกแยก!
วะฮาบีบางคนคิดว่า ต้องปฏิบัติฮะดีษซอฮิห์จะได้ไม่ต้องขัดแย้งกันและมีเอกภาพในระหว่างพี่น้องมุสลิม พยายามเรียกร้องเอาฮะดีษบุคอรีและมุสลิมมาเป็นตัววัดเพื่อเอกภาพในอิสลาม ผมขอกล่าวว่า คำพูดแบบนี้เป็นคำพูดของคนไม่เข้าใจศาสนา เพราะหลักฐานอัลกุรอ่านและฮะดิษที่ซอฮิห์นั้น จะมีทั้งตัวบทที่ข้อบ่งชี้ไม่ชัดเจน ยิ่งฮะดีษซอฮิห์แล้วส่วนมากจะมีตัวบทต้องทำการวินิจฉัย ซึ่งแน่นอนว่า นักปราชญ์มัจญฺฮิดต้องวินิจฉัยฮะดีษซอฮิห์บทเดียวกัน โดยมีทัศนะที่แตกต่างกันออกไป อ้าว...ทำไมยึดฮะดิษซอฮิห์บทตัวกัน แล้วไม่เป็นเอกภาพในทัศนะล่ะ
อย่างเช่น ฮะดิษบุคอรีที่ว่า
إِنَّمَا الأَعْمَالُ بِالنِيَاتِ
"แท้จริงบรรดาการกระทำนั้นด้วยการเจตนา"
ฮะดิษนี้ซอฮิห์ แต่การวินิจฉัยขัดแย้งกัน เช่น มัซฮับชาฟิอีย์บอกว่า วายิบต้องเหนียตในละหมาดโดยอ้างฮะดิษนี้ ส่วนมัซฮับฮะนะฟีย์บอกว่าไม่วายิบเหนียตเพราะอ้างฮะดีษนี้เหมือนกัน แต่อิจญฺติฮาตต่างกันนั่นเอง ซึ่งรายละเอียดนั้นผมไม่ต้องการนำมากล่าว เกรงว่าจะยืดยาว
เช่นฮะดิษบุคอรีและมุสลิมที่ว่า
لاَ صلاةَ لَمَنْ لَمْ يَقْرأ بِفَاتِحَةِ الكِتَابِ
"เป็นถือว่าเป็นละหมาด สำหรับผู้ที่ไม่อ่านอัลฟาติฮะฮ์"
ฮะดิษซอฮิห์บทเดียวกัน แต่นักปราชญ์วินิจฉัยต่างกัน เช่น มัซฮับชาฟิอีย์บอกว่าฮะดีษนี้ชี้ถึงว่า การอ่านอัลฟาติฮะฮ์เป็นรุกุ่นของละหมาด ส่วนมัซฮับฮะนะฟีย์ถือว่าไม่ใช่รุกุ่น ทั้งที่เข้าใจจากตัวบทฮะดีษซอฮิห์นี้เหมือนกัน
เช่นฮะดีษบุคอรีรายงานว่า
مَنْ تَوَضَّأَ فَلْيَسْتَنْثِرْ
"ผู้ใดทำการอาบน้ำละหมาด เขาจงสูดน้ำเข้าจมูก"
ฮะดิษซอฮิห์บทเดียวกัน แต่อุลามาอฺขัดแย้งกันในด้านฮุกุ่ม เช่น อิมามอะห์มัดบอกว่า การสูดน้ำเข้าจมูกเป็นวายิบ แต่อิมามชาฟิอีย์มีทัศนะว่า เป็นวายิบแต่เป็นเพียงแต่สุนัต
และยังมีบรรดาฮะดีษซอฮิห์อีกมากมายเหลือเกิน ที่บรรดาปราชญ์อิสลามใช้นำมาอ้างหลักฐานในบทเดียวกัน แต่มีทัศนะที่ขัดแย้งกัน เพราะเป็นผลมาจากการวินิจฉัยที่ต่างกัน
ตรงนี้ชี้ให้เห็นว่า การยึดฮะดิษซอฮิห์ มิได้หมายความว่าต้องมีทัศนะที่ตรงกัน และการเรียกร้องไปมายึดฮะดิษซอฮิห์ มิได้หมายความว่ามุสลิมทั้งหมดจะปฏิบัติเหมือนกัน นี่คือสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น ดังนั้น การที่วะฮาบีย์เรียกร้องให้ไปยึดฮะดีษซอฮิห์ โดยอ้างว่าเพื่อเอกภาพในมุสลิมนั้น มิใช่อื่นใดเลย นอกจากเขาพูดไปเพื่อให้ผู้คนมายึดทัศนะของวะฮาบีย์ยึดอยู่ให้มากที่สุดเท่านั้นเอง และแล้วความตกต่ำและความเลวร้ายเริ่มเกิดขึ้น เมื่อมีบางกลุ่มคิดว่าของฉันเท่านั้นที่ถูก แม้จะอ้างว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ที่ตนเองยึดมาบังหน้าก็ตาม
ดังนั้น จะยึดมัซฮับหรือบอกว่าไม่ยึด แต่ความวิบัติมันจะเกิด เมื่อบุคคลหนึ่ง บ้าคลั่งในทัศนะที่ตนเองยึดอยู่โดยไม่ลืมหูลืมตานั่นเองครับ
วัลลอฮุอะลัม
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: al-azhary Date: ธ.ค. 19, 2008, 06:06 AM
salam
ดังนั้น หากพบว่าหะดิษซอฮิหฺในบุคอรีและมุสลิมแล้ว จะนำมาปฏิบัติเลยนั้น อย่าเพิ่งประมาท เพราะหะดิษซอฮฺหฺนั้น
1. บางครั้งมีความหมายแบบกว้าง ๆ ซึ่งจะนำมาใช้โดยตรงไม่ได้หากว่ามีหะดิษซอฮิหฺอีกหะดิษหนึ่งที่มาจำกัดความ หมายของมัน ซึ่งหะดิษที่มาจำกัดความหมายต้องมาอยู่ก่อน
2. หากหะดิษซอฮิหฺหนึ่งมีความหมายแบบครอบคลุมก็ย่อมจะนำมาใช้อย่างพละการไม่ได้ หากว่ามีหะดิษซอฮิหฺอื่นอีกที่มาทอนความหมายของมัน ซึ่งหะดิษที่มาทอนความหมายนั้นต้องนำมาอยู่ก่อน
3. หากหะดิษซอฮิหฺที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ก็จะนำมาใช้ไม่ได้อย่างแน่นอนโดยต้องทิ้งการปฏิบัติมันไป
4. บางครั้งมีตัวบทหะดิษซอฮิหฺที่ความหมายคลุมเครือและมีความหมายหลายนัย ก็อย่าเพิ่งนำมาปฏิบัติโดยพละการ เพราะต้องตรวจดูหลักวินิจฉัยของปราชญ์มุจญฮิดเสียก่อน
5. บางครั้งตัวบทหะดิษซอฮิหฺที่บ่งถึงการห้ามนั้นจะนำมาใช้ปฏิบัติและหุกุ่มผู้ อื่นเลยยังไม่ได้ เพราะต้องตรวจสอบดูหะดิษซอฮิหฺบทอื่นเสียก่อนที่อาจจะเป็น(กอรีนะฮ์)ที่มี ข้อบ่งชี้แวดล้อมที่มาผินความหมายของหะดิษซอฮิหฺบทแรกให้อยู่ในความหมายการ ห้ามในรูปแบบอื่นที่ไม่เด็ดขาด เช่นเป็นมักโระฮ์
6. บางครั้งมีหะดิษซอฮิหฺบทหนึ่งมาระบุแต่ปรากฏว่ามีหะดิษซอฮิหฺอีกหะดิษหนึ่ง ที่มาค้านกัน ก็ต้องใช้หลักการรวมหลักฐานหากเป็นได้ หรือต้องละทิ้งหะดิษซอฮิหฺอีกบทหนึ่ง เช่นด้วยหลักการที่ว่า หะดิษที่มายืนยันย่อมอยู่ก่อนหะดิษที่มาปฏิเสธ
ดัง นั้น หลักนิติศาสตร์อิสลาม มีหลักการที่ละเอียดละออและรัดกุม ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะมาศึกษาเอาเองหรือเจอหะดิษในเชิงนิติศาสตร์แล้วก็จะนำมาใช้ ปฏิบัติเลยนั้น ไม่ได้ แต่ต้องเพิ่งพาอุลามาอฺวินิจฉัย ซึ่งทัศนะก็ต้องแตกต่างกันไปทั้งที่ยึดฮะดีษบทเดียวกัน
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ธ.ค. 19, 2008, 06:20 AM
มัซฮับทั้ง 4 มีมาเป็นพันปีแล้ว และอิสลามก็รุ่งเรืองมาพร้อม ๆ กับมัซฮับ และมัซฮับล้วนแต่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ แต่ความตกต่ำที่เกิดขึ้นของมุสลิมโดยรวมนั้น เพราะตัวบุคคลต่างหากที่ไม่อยู่ในระบอบอิสลาม พร้อมกับศัตรูมีความเข้มแข็งทางด้านวัตถุ ไม่ใช่เพราะมีมัซฮับถึงทำให้ตกต่ำ เนื่องจากอัลอิสลามเคยเป็นเอกภาพนมนานภายใต้อัลกุรอานและซุนนะฮ์ในนามของมัซฮับ ดังนั้นในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม อาณาจักรอิสลามทั้งหลายที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนนั้น ล้วนแต่เป็นอาณาจักรอิสลามที่มีมัซฮับ และจอมทัพอิสลาม ก็มีมัซฮับที่อยู่บนพื้นฐานของอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ ดังนั้นที่ปัจจุบันอิสลามตกต่ำ ไม่ใช่เพราะมีคนอ่านกุนูตซุบฮิ มีคนอ่านตัลกีน มีคนกล่าวอุศ็อลลี มีคนนั่งซิกิรล้อมวง มีคนยกมือดุอาแล้วลูบหน้า มีคนละตัสบีห์ มีคนละฮาญัต มีคนซิกิรแล้วโยก ซึ่งประเด็นเหล่านี้ไม่ใช่ทำให้อิสลามในปัจจุบันตกต่ำ แต่ที่ตกต่ำนั้น คือผู้นำประเทศมุสลิมไม่นำกฏหมายอิสลามมาใช้ และมุสลิมต่างตะอัศศุบในทัศนะของตนแล้วฮุกุ่มผู้อื่นที่ต่างจากตนว่าลุ่มหลง นี้แหละความตกต่ำ และวะฮาบีย์บางกลุ่มในปัจจุบันกำลังสร้างความตกต่ำนี้ขึ้นมาในคาบของสโกแกนที่ว่าฉันตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์
อาจารย์ตัดปัญหาการทำบิดอะห์ออกจากสังคมซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความตกต่ำของอิสลามได้หรือครับ แสดงว่าอาจารย์ก็ยังสนับสนุนอยู่หรือครับ หรือคัดค้านในใจแต่ไม่กล้าพูด
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: al-azhary Date: ธ.ค. 19, 2008, 06:26 AM
อาจารย์ตัดปัญหาการทำบิดอะห์ออกจากสังคมซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความตกต่ำของอิสลามได้หรือครับ แสดงว่าอาจารย์ก็ยังสนับสนุนอยู่หรือครับ หรือคัดค้านในใจแต่ไม่กล้าพูด
ผมจุดยืนชัดเจนครับ ตัลกีนเป็นหลักฐานจากศาสนาฮะดีษฎออีฟถึงขั้นฮะซัน , กุนูตซุบฮ์มีฮะดีษซอฮิห์ยืนยันไว้ตามทัศนะที่มีน้ำหนัก , การกล่าวอุศ็อลลี ใช้หลักฐานกิยาสไม่ขัดกับศาสนา , ซิกิรล้อมวงมีฮะดีษซอฮิห์รับรอง , ดุอาแล้วลูบหน้ามีฮะดีษฮะซันรับรอง , ละหมาดตัสบีห์มีฮะดีษซอฮิห์หรือฮะซันรับรอง , ละหมาดฮาญัดมีฮะดีษซอฮิห์รับรอง , ซิกิรโยกแบบไม่เลยเถิดมีฮะดีษซอฮิห์รับรอง , แต่วะฮาบีย์บางกลุ่มบอกว่ามันเป็นบิดอะฮ์ตกต่ำ เพราะไม่ตรงกับทัศนะของพวกเขา ความตกต่ำบังเกิด เพราะคลั่งในทัศนะของตนจนละเมิดฮุกุ่มทัศนะอื่น ทั้งที่มีหลักฐานในกรอบของนิติศาสตร์อิสลามมารับรอง แต่ความจริงแล้วบิดอะฮ์ที่ตกต่ำ คือบิดอะฮ์ตามหลักการอิสลามที่มีหลักฐานมายืนยันแน่นอน มิใช่บิดอะฮ์บางอย่างตามทัศนะของวะฮาบีย์ ที่ปฏิบัติฮะดีษฎออีฟแล้วเป็นบิดอะฮ์ หรือนบีไม่ได้เจาะจงกระทำเป็นบิดอะฮ์ทั้งที่มีหลักฐานมูลรวมรับรองเอาไว้ ซึ่งถือว่าไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องของวะฮาบีในการนำมาเป็นบรรทัดฐานฮุกุ่มบิดอะฮ์นะครับ ส่วนหนึ่งจากอุตริกรรม ในศาสนาอันน่ารังเกียจ ที่กลุ่มอัลวะฮาบียะฮ์ผู้ชอบอ้างว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์พูดว่าฮะดิษฏออีฟอยู่ในความหมายของสิ่งที่โกหกเหลวไหลและพยายามทำฮะดิษฏออีฟให้อยู่ใน ตำแหน่งของฮะดิษเมาฏั๊วะ พวกเขาคิดว่าการปฏิบัติด้วยกับฮะดิษฏออีฟนั้น เป็นความโสมม บิดอะฮ์ที่ชั่ว และเป็นความโง่เขลา ทั้งที่การปฏิบัติด้วยกับอะดิษฎออีฟดังกล่าวนับว่าการดำเนินตามแนวทางของสะ ละฟุศศอลิห์ เนื่องจากฮะดิษฎออีฟมีขอบเขตที่สามารถนำมาปฏิบัติได้ในศาสนา ดังนั้นถือว่าเป็นการอธรรม(ซฺอลิม)ต่อศาสนาและวิชาความรู้ โดยการที่ทำฮะดิษฎออีฟให้อยู่ในฐานะของฮะดิษเมาฏั๊วะ ทั้งที่ความจริงแล้วฮะดิษฎออีฟเป็นฮะดิษที่มีรากฐานที่มา แต่ไม่ครบเงื่อนไขที่ซอฮิห์ หมายถึงในฮะดิษฎออีฟนั้นในแง่หนึ่งมีความถูกต้องและมีเงื่อนไขที่สามารถรับ มาเป็นฮะดิษได้ แต่ยังมีเงื่อนไขบางประการยังไม่สมบูรณ์เท่านั้นเอง
ด้วย เหตุนี้บรรดาปราชญ์อิสลามจึงตอบรับฮะดิษฎออีฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ การปฏิบัติในเรื่องคุณงามความดี(ฟะฎออิลุลอะมาล) และนำฮะดิษฎออีฟมาใช้เกี่ยวกับฮุกุ่มที่ไม่ใช่วายิบหรือฮะรอม ดังนั้นฮะดิษฎออีฟจึงมิใช่เป็นฮะดิษประเภทที่ถูกปฏิเสธเลยอย่างสิ้นเชิง แต่ยิ่งกว่านั้นปราชญ์สะละฟุศศอลิห์บางส่วนยังนำมาปฏิบัติในบางสถานที่ และยกฮะดิษฎออีฟให้อยู่ในระดับฮะซันได้ด้วยเงื่อน ๆ อันที่เป็นยอมรับกัน ดังนั้นสิ่งที่ผมได้พูดนี้อาจจะไม่ทำให้บางกลุ่มพอใจเลย แต่ทว่าการสร้างความพึงพอใจต่ออัลเลาะฮ์นั้นย่อมมีความจำเป็น ถึงแม้ว่าจะมีบางกลุ่มต้องไม่พอใจก็ตาม
^
^
^
แต่เป็นที่น่าเสียใจ ที่ปรากฏว่าปัจจุบันยังมีบางกลุ่มพยายามนำประเด็นเรื่องฮะดิษฎออีฟมาเป็น ปัจจัยในการฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมที่ปฏิบัติฮะดิษฎออีฟในเรื่องคุณความดีตาม เงื่อนไขที่ระบุไว้ ว่าเป็นผู้กระทำบิดอะฮ์ เป็นคนชั่ว และลุ่มหลงตกนรก ทั้งที่การปฏิบัติฮะดิษฎออีฟเป็นแนวทางของสะละฟุศศอลิห์ ดังนั้นพฤติกรรมของบางกลุ่มที่อ้างว่าไม่ยึดฮะดิษฎออีฟ แล้วทำการฮุกุ่มต่อผู้อื่นที่ทัศนะต่างกับตนในเรื่องการปฏิบัติฮะดิษฎออีฟตามเงื่อนไขนั้น ถือว่าพวกเขากำลังก่ออุตริกรรมบิดอะฮ์ในศาสนาที่น่ารังเกียจ ฉะนั้นพวกเขากล้าพูดไหมล่ะครับว่า บรรดาฮะดิษฎออีฟตามหลักการดังกล่าวไม่เรียกว่าฮะดิษนบี?! อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
Re: ยึดศ็ฮีหฺบุคอรีย์และมุสลิม เป็นเกณฑ์วัดความศ็ฮีหฺของ 4 มัฑฮับได้หรือไม่? By: ILHAM Date: ธ.ค. 19, 2008, 07:34 AM
ชอบจริง ประโยคสุดท้าย ขอยืมใช้คงไม่สงวนสิทธิ์นะบัง