Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: sufriyan Date: ก.พ. 27, 2009, 01:20 AM
salam
ต้องปรินต์มาอ่านเลยครับ ยาวมาก
ผมคิดว่า บทความก็ให้แง่คิดพอสมควร เพียงแต่ว่า เราน่าจะ จำกัด ต่อต้าน เฉพาะวาฮาบีย์(อาจจะบางส่วน) ซึ่งประกอบไปด้วย คุณสมบัติ มีอากีดะห์ที่บิดอะห์(ดั่งเช่นในกระทู้ต่างๆ) และชอบฮูกมนรกให้กับคนอื่นเท่านั้น(โดยไม่สนใจว่ามีหลักฐานทางศาสนาหรือไม่) และรักษาความเป็นอะลิลซุนนะวัลยามาอะมากกว่า (ถามนิดหนึ่ง ถ้าไม่มีอากีดะบิดอะห์และไม่ฮูกมคนอื่น เค้าเรียกวาฮาบีย์หรือเปล่าครับ)
วัสลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: al-azhary Date: ก.พ. 27, 2009, 03:18 AM
เมื่ออัชอารีย์ อำลาจากไคโรกลับบ้านเกิด อาจไปเจอปัญหาเหล่านี้จะแก้ยังไง ?ตอบคำถามยังไง ?
คำถามของท่าน UBAIDILLAH นั้น ผมก็ตอบกับตนเองไว้เสมอ เพราะเคยกลับเมืองไทยไปแล้ว จึงรู้ในบางส่วนว่าอะไรเป็นอะไร และผมก็ยอมรับว่าข้อมูลที่ท่านนำเสนอมานั้นเป็นจริง และตรงกับที่ผมเคยได้คุยกับน้อง ๆ ที่นี่ จนบางครั้งผมก็คิดว่าอยากจะไปอยู่ป่าเขา อยู่ในสวน หลีกหนีความวุ่นวาย แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะเราต้องอยู่กับสังคม สัมคมอาจจะต้องการเราในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
อนึ่ง อนาคตภายภาคหน้า ฟิตนะฮ์จะทวีคณู แนวทางต่าง ๆ จะมีความหลากหลายขึ้นในเมืองไทยบ้านเรา คนยาฮิลหลายรูปแบบก็จะปรากฏให้เห็น คนที่พยายามเรียกร้องสู่ที่แนวทางที่ตนเองสนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะคณะเก่า คณะใหม่ หรือชีอะฮ์ ก็จะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา อะกีดะฮ์ของกลุ่มชนแห่งปราชญ์ผู้มีคุณธรรมที่แบกรับอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาถึงเรานั้น ถูกมองว่าเป็นอะกีดะฮ์ที่แปลกหน้าไปตามกาล การฟื้นฟูอัลกุรอานและซุนนะฮ์นบีกลับเน้นการอยู่เฉย ๆ เพราะนบีไม่ทำ หลักเอียะห์ซานที่ส่งเสริมให้จิตใจมุ่งอยู่กับอัลเลาะฮ์ก็ถูกมองเป็นคนแปลหน้าเป็นนักพรต
ดังนั้นเมื่อต่อไปฟิตนะฮ์ต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเราจะทำอย่างไร?
ณ ข้าง ๆ อิมามชาฟิอีย์ มีชายสองคนที่กำลังตำหนิกันและกัน อิมามชาฟิอีย์ได้ยินคำพูดของทั้งสอง ดังนั้นท่านจึงกล่าวแก่คนหนึ่งจากทั้งสองว่า : "แท้จริงท่านไม่สามารถทำให้มนุษย์ทั้งหมดพอใจได้หรอก ดังนั้นท่านจงปรับปรุงให้ดีสิ่งที่มีระหว่างท่านกับผู้อภิบาลของท่าน ดังนั้นเมื่อท่านได้ปรับปรุงให้ดีซึ่งสิ่งที่มีระหว่างท่านกับอัลเลาะ ฮ์แล้ว ท่านก็ไม่ต้องไปสนใจผู้คน" หนังสือ : มะนากิบอัชชาฟิอีย์ ของท่านอัลบัยฮะกีย์ 2/198-199
ดังนั้นบางทีอะมัลที่บริสุทธิ์ใจที่อัลเลาะฮ์จะทรงรับอย่างสมบูรณ์ในวันกิยามะฮ์นั้น คือตะฮัจญุดอย่างน้อย 2 รอกะอัตในยามวิกาลและการซิกรุลลอฮ์เท่านั้นก็เป็นได้
ะมีหะดิษ รายงานจากท่าน อบูสะอีด อัล-ค๊อดรีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُوشِكُ أَنْ يَكُونَ خَيْرَ مَالِ الْمُسْلِمِ غَنَمٌ يَتْبَعُ بِهَا شَعَفَ الْجِبَالِ وَمَوَاقِعَ الْقَطْرِ يَفِرُّ بِدِينِهِ مِنْ الْفِتَنِ
"ท่านร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า จะใกล้แล้วซิ ที่ทรัพย์สินของมุสลิมที่ดีที่สุด คือแพะ ที่เขาได้เอาติดตามไปบนยอดเขา และบรรดาหุบเขา ในสภาพที่เขาได้หนีจากฟิตนะฮ์ด้วยสาเหตุ(เรื่อง)ศาสนาบางส่วนของเขา" รายงานโดย อิมาม อัล-บุคอรีย์ (ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 1 หน้า 19 และ หนังสือ อัตตัจญฺรีด อัศศะเรี๊ยะหฺ ฮะดิษที่ 19 หน้า 18 )
ดังนั้น ก็ให้ทำการเผยแผ่ความรู้ที่อัลเลาะฮ์ได้ให้มาให้เต็มที่ตามภาระหน้าที่ที่ควรทำ ช่วงท้ายชีวิตก็กลับไปปลูกบ้านในสวนอยู่อย่างสงบเพื่อฟื้นฟูอัลกุรอานและซุนนะฮ์แก่ตนเองโดยทำอิบาดะฮ์ต่าง ๆ ต่ออัลเลาะฮ์พร้อมทั้งหนีฟิตนะฮ์ความวุ่นวายในสังคม
ไม่ว่าจะคณะเก่า คณะใหม่ หรือ ชีอะฮ์ ผมไม่สนแล้ว เพราะอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
วัสลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: Molto Date: ก.พ. 27, 2009, 04:41 AM
มันเหมือนกับกลเกมส์การเมืองเชิงศาสนา
ณ ข้าง ๆ อิมามชาฟิอีย์ มีชายสองคนที่กำลังตำหนิกันและกัน อิมามชาฟิอีย์ได้ยินคำพูดของทั้งสอง ดังนั้นท่านจึงกล่าวแก่คนหนึ่งจากทั้งสองว่า : "แท้จริงท่านไม่สามารถทำให้มนุษย์ทั้งหมดพอใจได้หรอก ดังนั้นท่านจงปรับปรุงให้ดีสิ่งที่มีระหว่างท่านกับผู้อภิบาลของท่าน ดังนั้นเมื่อท่านได้ปรับปรุงให้ดีซึ่งสิ่งที่มีระหว่างท่านกับอัลเลาะ ฮ์แล้ว ท่านก็ไม่ต้องไปสนใจผู้คน" หนังสือ : มะนากิบอัชชาฟิอีย์ ของท่านอัลบัยฮะกีย์ 2/198-199
ดังนั้นบางทีอะมัลที่บริสุทธิ์ใจที่อัลเลาะฮ์จะทรงรับอย่างสมบูรณ์ในวันกิยามะฮ์นั้น คือตะฮัจญุดอย่างน้อย 2 รอกะอัตในยามวิกาลและการซิกรุลลอฮ์เท่านั้นก็เป็นได้
อัลเลาะฮ์ทรงรักผู้ที่ปฏิบัติฟัรดูและสุนัตก็ถือว่าเป็นคนรักของอัลเลาะฮ์แล้ว แต่การขึ้นปราศัยบนเวทีเพื่อสนับสนุนแนวทางของตนนั้น ความอิคลาศมีเต็มร้อยไหมลองถามใจตนเอง

Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: ۞QolbunSaleem۞ Date: ก.พ. 27, 2009, 02:05 PM
เรื่องค่ายนี้ต้องรวมกันหลายๆคน เพราะแต่ละคนจะรู้กันคนละเล็กคนละน้อย
แต่คิดว่าพี่น้องเราในนี้คงไม่มีใครเข้าค่ายนั้นหรอกมั้ง ถ้าใครมีน้องชายอยู่ปี1 ก็ช่วยเตือนๆด้วย เป็นที่กันว่าค่ายรอบบานีที่จัดตอนปิดเทอมเป็นของพวกวัฮฮาบี บอกจุดประสงค์บังหน้าว่าเป็นค่ายฝึกความเป็นผู้นำ แต่ที่จริงจับเด็กไปล้างสมอง ใครแข็งๆหน่อยช่วยเข้าไปเซอเวย์ด้วยก็จะดี แล้วเอามาเล่ากันด้วย
ใครบางคนที่รู้เพิ่มจากเพื่อนๆก็ช่วยบอกต่อๆด้วยก็ดี เสริมเป็นเกราะ
salam
แรงไปไหม...
ตัวเองไม่มีข้อมูลอะไรเลย ฟังคนนี่พูด ฟังคนโน่นกล่าว แล้วเอามาเล่าต่อแบบผิดๆอย่างนี้ไม่มีมารยาทเลย...เรียนสถาบันดีๆซะเปล่า
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: ILHAM Date: ก.พ. 27, 2009, 02:08 PM
อยู่ที่คน สถาบันไม่เกี่ยว
แล้วสมมุติว่าได้ยินวัฮฮาบีวงในพูดมาตรงๆว่าต้องการจะดึงเป็นฝ่ายเขาเนี่ย ของแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 27, 2009, 02:30 PM
ทางออกที่รีบด่วนที่สุด ก็คือให้ความสำคัญกับการสอนหนังสือกีตาบอันเป็นหัวใจหลักของบรรดาโต๊ะครูที่เคยสอนเป็นตัวอย่าง เร่งฟื้นฟูความรัก ความสามัคคีในหมู่บ้าน อย่าให้ใครมาเบียนเบียนทำลาย ให้ทุกท่านมั่นใจในความยิ่งใหญ่ของอีหม่ามชาฟีอีย์ , อีหม่ามอัชอารีย์ ,อีหม่ามฆอซาลี และอูลามาห์คนสำคัญ ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธในความเป็นอูลามาห์ของพวกเขา ที่ได้ทิ้งความเป็นชาฟีอียะห์เป็นมรดกให้เราเดินตามจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคตข้างหน้า จงเร่งรีบหาความรู้ใส่ตัวเพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับตนเอง และลูกหลานของเราในวันข้างหน้า
เราห่วงลูกหลานข้างหน้าเราเหลือเกิน อย่าได้ทอดทิ้งพวกเขานะคะ
อัลลอฮฺได้ประทานความรู้ให้แก่ท่าน ขอพวกท่านจงสืบสานต่อไป ทำให้เต็มที่...เท่าที่มีความสามารถ
เราหวังเหลือเกิน...
อินชาอัลลอฮฺ
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: UBAIDILLAH Date: ก.พ. 27, 2009, 02:51 PM
ขอขอบคุณ ที่เปิดกว้างให้แสดงความเห็นโดยไม่ได้ปิดกระทู้นะครับ
อยากเล่าให้ฟัง
เดือนรอมฏอนที่ผ่านพ้นมา ผู้จัดรายการเปิดให้ถามผ่านเข้าในรายการ มีผู้ฟังรายหนึ่งถามถึงประเด็นทางศาสนาแต่ ผู้ดำเนินรายการบอกว่า เป็นคำถาม แตกแยก ไม่ขอตอบชาวบ้านก็พากันงุนงง และเมื่อเช้าวันนี้เอง (27 ก.พ.52 )ได้ยินวิทยุชุมชน (ค่ายวาฮาบีย์ซาวด์) พูดออกอากาศวิจารณ์เรื่องทำบุญเจ็ดวัน ว่าที่อาหรับและบ้านเราทำไม่เหมือนกันชาวบ้านได้แต่ฟังทำตาปริบๆ นี่มันอะไรกัน ( ) ผู้ดำเนินรายการวิทยุรอมฏอนห้ามถามในประเด็นที่วาฮาบีย์นำเข้ามาอ้างว่า แตกแยก แต่วาฮาบีย์เดินหน้าสร้างมัสยิดไม่รู้จักหยุดจักหยุด รายการกรอกหูชาวบ้านทุกๆ เช้า ขอถามหน่อยว่า นี่เป็นสังคมที่สร้างสรรค์ นี่เป็นสังคมที่เปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้หรือไม่ ?
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เป็นไปได้ไหม ? ที่เราจะไม่พูดถึงคณะเก่า คณะใหม่ และข้อขัดแย้งประเด็นต่างๆในวิชาการศาสนา แล้วกลับมาทบทวนถึงความเหมือนความต่างในแบบ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
ด้วยเราท่านทั้งหลายกำลังเดินทางความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์ด้วยกันทั้งนั้น ลองเข้าจิตเข้าใจของแต่ละฝ่ายหาทางออก เพื่อประโยชน์สุขด้วยกัน ในลักษณะตระหนักถึงสังคม ของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำนองว่าอย่าไปก้าวก่ายสังคมของคนอื่น พี่น้องวาฮาบีย์ขอให้เลิกฮุก่ม บิดอะห์ ชิริก ให้กับพี่น้องคณะเก่า เสียที หากมีเงินจากอาหรับบริจาคก็ให้เขาไปโดยไม่หวังผล (ช่วยสร้างมัสยิดก่อน แล้วนำเข้าวิชาการ) แบบที่ชาวบ้านมองเห็นแล้วไม่สบายใจ เพราะเขากลัวที่จะไม่เหมือนสมัย ที่โต๊ะครูเก่าๆ ในหมู่บ้านเคยสอนเอาไว้ เพียงเท่านั้นผมคิดว่าทุกอย่างคงดีขึ้น พี่น้องที่รักทั้งหลาย ใครมีความคิดเห็นยังไง แสดงออกมาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะครับ :วัซซาลาม:
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: Al Fatoni Date: ก.พ. 28, 2009, 04:53 PM
salam
คุณ UBAIDILLAH ครับ การออกความเห็นในกระทู้นี้นั้น ได้ตามสบาย เพราะการเสนอปิดกระทู้ ก็เป็นแค่ความเห็น แต่ผมไม่ปิด ดังนั้นสิ่งที่ผมได้ออกความเห็น คุณ UBAIDILLAH ก็เสวนาออกความเห็นแย้งหรือสนับสนุนมาได้เลย และข้อมูลต่าง ๆ ที่พบเห็นนั้น เราพร้อมรับฟังครับ
สรุปคือ กระทู้นี้ผมไม่ปิด แต่อยากให้พี่น้องออกความเห็นที่อยู่ในกรอบและความเป็นจริง
วัสลาม
เห็นด้วยครับ - วัสสลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: Al Fatoni Date: ก.พ. 28, 2009, 05:18 PM
ส่วนตัวผมแล้วนั้น จากที่มองความเป็นไปของทั้งคณะเก่าและคณะใหม่นั้น ผมว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีศักยภาพในการสร้างสถาบันและดึงมวลชนได้เกือบๆ เท่าเทียมกัน ต่างกันบ้าง แต่เพียงโอกาสที่แต่ละฝ่ายได้รับในช่วงเวลาต่างๆ และขึ้นอยู่การเกาะกลุ่มของแต่ละฝ่ายเช่นกัน
หากมีการอ้างว่าทำไมคณะเก่าไม่มีแม้แต่มหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็นิตรสาร วารสาร ค่ายต่างๆ ทางศาสนาที่ผู้คนนิยมอ่านกัน ผมว่าสิ่งเหล่านี้หากจะทำกันจริงก็ทำได้ไม่ยากนัก
ณ วันนี้ แม้เพื่อนผมได้เลือกที่จะเรียนปอเนาะ และตัวผมเองเลือกที่จะเรียนศาสนาในรูปแบบมหาวิทยาลัย และผมเองพยายามอวดสรรพคุณข้อดีต่างๆ นานาของการศาสนาแบบมหาวิทยาลัยให้เพื่อนฟังอยู่ตลอดเวลาว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้
ณ วันนี้เช่นกัน ทุกๆ คำที่ผมพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนผมคนนั้น เขากลับไม่สะทกสะท้านใดๆ ทั้งสิ้น ซ้ำเขายังพูดอะไรบางอย่างเพียงสั้นๆ แต่ทำให้ผมต้องคิดและเห็นคล้อยตามเขาทุกทีว่า "ยังงัยๆ ปอเนาะก็ดีกว่ามหาวิทยาลัย" คำพูดเพียงแค่นี้ แรกๆ ผมฟังแล้วยิ้มและไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แต่ ณ วันนี้มันกลับทำให้ผมต้องคิดหนักและพยายามหาคำตอบและพร้อมกับตอบกับตัวเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราได้ยินจากเพื่อนนั้นมันหมายความว่าอะไรหรือ แล้วมันจะดีกว่าได้อย่างไรหละ ในเมื่อชีวิตมหาลัยเปิดกว้างสำหรับสิ่งต่างๆ มากกว่า มีอุปกรณ์ประกอบการเรียนต่างๆ ครบครันและหลากหลาย แบบชนิดที่ปอเนาะไม่มีอะไรจะมาสู้ได้เลย มีห้องเรียน สะดวกกว่าเยอะ แต่ปอเนาะนั้น แต่ละวันก็นั่งแต่สัปงกก้มหน้าก้มตาเขียนและฟังๆ ในสิ่งที่บาบอ หรือโต๊ะฟากิรสอน และดำเนินไปอย่างนั้นซ้ำๆ กันทุกๆ วัน ปีแล้วปีเล่า กว่าจะได้จบเล่มหนึ่งก็ใช้เวลากันแรมปีนานปี
จากที่พยายามหากคำตอบมานั้น วันนี้มันเริ่มปรากฏคำตอบแก่ผมทีละข้อทีละข้อว่า มันเป็นจริงอย่างที่เพื่อนของผมพูดจริงๆ แรกๆ ผมก็พยายามเลี่ยงที่จะยอมรับมัน และพยายามบอกกับตัวเองว่า เอ้ย ยังงัยการเรียนแบบมหาลัยต้องดีกว่าสิวะ แต่ยิ่งนานวัน ผมก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ จนบางครั้งผมคิดที่จะออกจากมหาลัยให้รู้แล้วรู้รอดแล้วไปเรียนปอเนาะกับเพื่อนสนิทของผมคนนั้น แต่มาคิดดูดีๆ ก็รู้สึกละอายใจที่ได้พูดไปกับเพื่อนเช่นนั้น (เขายังไม่รู้นะว่าผมคิดเช่นนี้)
วันนี้ ไม่แคลงใจใดๆ อีกแล้วว่า การเรียนศาสนาแบบปอเนาะนั้น (อาจจะเป็นระบบการเรียนศาสนาของคณะเก่า) กับแบบมหาวิทยาลัย (ที่คณะใหม่พยายามจะโชว์ศักยภาพของตนในปัจจุบันนั้น) ผมว่า มหาลัยมิอาจจะสู้กับปอเนาะแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ได้เลยครับ หากจะอาศัยความเข้าใจในเรื่องศาสนาทีแท้จริง แม้อาจารย์มหาลัยเองยังยอมรับว่าเด็กปอเนาะดีกว่า หากจะอาศัยการรับผิดชอบในเรื่องศาสนา อ.มหาลัยก็ยกให้เด็กปอเนาะ และอื่นๆ อีกมากมายครับ ที่วันนี้ผมประจักษ์แล้วว่า "ยังงัยๆ ปอเนาะก็ดีกว่ามหาวิทยาลัย" แน่นอน ต่อให้คณะให้อ้างว่าตนมีมหาลัยศาสนาเป็นสิบในเมืองไทย ผมก็ไม่รู้สึกอิจฉาหรือเป็นกังวลใดๆ เพราะหากจะเทียบคุณภาพกันจริงๆ แล้ว อาจจะเทียบกันไม่ติดเลย แค่เอาเรื่องการให้เกียรติต่อครูบาอาจารย์ระหว่างเด็กมหาลัยกับเด็กปอเนาะมันก็ต่างกันโขแล้ว
เพราะฉะนั้นจงรู้ว่าตนคือตนอย่างที่ตนเป็นอยู่ แต่อย่าพยายามทำตนให้เป็นตนอย่างที่เขาต้องการ แล้วมาดูถูกตนเองในภายหลัง ทั้งๆ ที่ตนมีดีกว่า - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: al-firdaus~* Date: ก.พ. 28, 2009, 06:18 PM
จบแล้วก็ไปต่อปอเนาะ...ระดับโลกสิ

อินชาอัลลอฮฺ
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: Al Fatoni Date: ก.พ. 28, 2009, 06:20 PM
จบแล้วก็ไปต่อปอเนาะ...ระดับโลกสิ loveit
อินชาอัลลอฮฺ
คิดไว้งั้นแหละ แต่คนที่บ้านท่าจะให้ปล่อยให้ไปยากหน่อย ไม่หน่อยอะ ยากมากๆ ฝากพี่น้องช่วยดุอาอ์ให้มันง่ายด้วยนะครับ - วัสสลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: IamCrying Date: มี.ค. 01, 2009, 12:39 PM
wahabism,problem political



this picture from flickr.com
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: UBAIDILLAH Date: มี.ค. 01, 2009, 09:11 PM
ได้อ่านข้อเขียนถ้อยคำสละสลวย ง่ายๆแต่ลึกซึ้งกินใจ แถมยังแต่งแต้มด้วยวรรณศิลป์อ่านแล้วได้แง่คิดสะกิดใจ คุณอัช - อารีย์ คุณอัล- ฟาตอนี นอกจากมีความรู้ดีมากแล้ว ทั้งสองคนยังมีลีลาการเขียนหนังสือยอดเยี่ยมทีเดียว ไม่แน่นะครับ นอกจากเราจะได้คนอาเหล่ม ออกมารับใช้สังคมแล้ว เราอาจมีนักเขียนบทความวิชาการ , ความรู้เกี่ยวกับศาสนา , หรือแปลหนังสืออาหรับสู่ภาคภาษาไทยในอนาคตก็ได้
มีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ครับ
ที่คุณอัล ฟาตอนีเขียนมาก็ถูกต้อง แต่ก็ไม่หมดจดนะครับ จริงอยู่ว่าระบบการศึกษาในปอเนาะนั้น ได้สร้างบัณฑิตไร้ปริญญาออกรับใช้สังคมมาอย่างยาวนาน แต่ในปัจจุบันนี้ ก็ได้ล้มหายตายไปตามวันและเวลาด้วยหลายๆปัจจัยด้วยกัน ที่เหลือก็มีน้อยน่าใจหาย และเราก็ไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปสู่อดีตกาลที่ผ่านมาเหล่านั้นได้อีกแล้ว คิดถึงเด็กปอเนาะ ที่ไปท่องหนังสือดึกดื่น สามปี ห้าปี สิบปี กว่าจะได้เดินทางกลับบ้านเกิด ปักหลักสอนหนังสือที่มัดดราซะ หรือมัสยิด ใช้เวลายาวนานกว่าสังคมจะยอมรับ นั่นเป็นวิถีของเด็กปอเนาะ และเส้นทางเดิน จากโต๊ะปาเก โต๊ะละใบ โต๊ะครู โต๊ะอีหม่าม เพราะบริบทสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตอนนี้ปอเนาะที่กลายเป็น ร ร เอกชน สอนหนังสือศาสนา ในอัตราส่วนน้อยนิดน่าใจหาย จากโต๊ะครู เป็น ผจก โรงเรียน เรามีเยาวชนยุคใหม่ ที่แปลกเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก เด็กเหล่านี้แหละที่ดำเนินชีวิตในสังคมจำนวนมาก เด็กรุ่นใหม่ นับถือคนที่ปริญญาบัตร บริบทของสังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว
คณะใหม่นั้นมีความพร้อมในตรงนี้เป็นอย่างสูง ที่ดูเหมือนจะโดดเด่น บดบังราศีเด็กปอเนาะไร้ปริญญาไปทุกวัน ที่ต้องอ่านหนังสือกีตาบสอนชาวบ้าน พวกเขาชอบแสดงโวหารบนมิมบัร คุยแต่อุดมการณ์อิสลาม และปลูกฝังความใหม่ใส่ลงไปคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็มีแนวโน้มได้ผล เพราะเด็กรุ่นใหม่ ไม่ลึกซึ้งในศาสนา พร้อมที่จะเอนเอียงได้เสมอ ยิ่งเมื่อเจอลูกล่อลูกชนของวาฮาบีย์ก็ตกหลุมง่ายๆ
สำหรับผมแล้ว เด็กปอเนาะ ยุคใหม่ ต้องบินไปเรียนต่อเพิ่มเติมที่เมืองนอกแบบอัช- อารีย์ แบบ อัล -ฟาตอนีย์ นี่แหละดีที่สุด ที่จะเป็นคู่ขับเคี่ยวกับวาฮาบีย์ ที่กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกวันเป็นอย่างดี เพราะเด็กปอเนาะแบบเดิมๆ อาจไม่ทันการณ์เชิงรุกของคณะใหม่เสียแล้ว แถวบ้านผม เครือข่ายของวาฮาบีย์เดินสายถล่มโต๊ะครู โยนใส่บิดอะห์ ชิริก เป็นว่าเล่น เดี๋ยวจัดงานตรงโน้น ตรงนี้ ในขณะที่โต๊ะละใบต้องแอบสอนกีตาบในบ้านเงียบๆ เพราะมัดดราซะที่สอนหนังสือ วาฮาบีย์ให้เงินทำเป็นสุเหร่าเล็กๆเกือบหมดแล้ว ?
วัซซาลาม
Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: al-firdaus~* Date: มี.ค. 01, 2009, 09:51 PM
สำหรับผมแล้ว เด็กปอเนาะ ยุคใหม่ ต้องบินไปเรียนต่อเพิ่มเติมที่เมืองนอกแบบอัช- อารีย์ แบบ อัล -ฟาตอนีย์ นี่แหละดีที่สุด ที่จะเป็นคู่ขับเคี่ยวกับวาฮาบีย์ ที่กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกวันเป็นอย่างดี เพราะเด็กปอเนาะแบบเดิมๆ อาจไม่ทันการณ์เชิงรุกของคณะใหม่เสียแล้ว แถวบ้านผม เครือข่ายของวาฮาบีย์เดินสายถล่มโต๊ะครู โยนใส่บิดอะห์ ชิริก เป็นว่าเล่น เดี๋ยวจัดงานตรงโน้น ตรงนี้

Re: บทความ คณะใหม่ : ในเชิงรุก By: IamCrying Date: มี.ค. 01, 2009, 09:52 PM
เฮอะๆๆๆ ผมคิดว่าประเด็นไม่ได้อยู่ใบปริญญาอะไรนั่น เมื่อสังคมแปรเปลี่ยน ปอเนาะมิอาจต้านกระแสหลักได้ แต่มิได้หมายความว่าปอเนาะ ที่ มี
ความเป็น ปอเนาะ จะหายไปด้วย การปรับตัวจึงสำคัญประเด็นคือ จะทำอย่างไรให้ความเป็น
ปอเนาะ คงอยู่ในระบบการศึกษา แบบใหม่ ที่ปอเนาะต้องปรับตัวตาม


ภาพนี้ปอเนาะ บ้านตาล แคคอน