เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: กูปีเยาะฮฺสะอื้น Date: มิ.ย. 06, 2009, 11:44 AM
มีคู่รักคู่หนึ่งนั่งรถเมล์ที่กำลังตรงไปในเมืองในหุบเขา
มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ได้ลงกลางทาง
หลังจากที่พวกเขาได้ลงแล้ว รถเมล์ก็วิ่งต่อไป
แต่เพียงไม่นานก็มีหินก้อนขนาดมหึมา ได้ตกลงมาจากที่สูงมาก
และทับรถเมล์คันนั้นพังยับเยิน...ทุกคนที่อยู่ในรถในเวลานั้นเสียชีวิตทั้งหมด
คู่รักคู่นั้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็พูดขึ้นว่า
"ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ"
คนส่วนใหญ่ก็น่าจะคิดว่า "ยังดีนะที่เราลงจากรถก่อน"
แต่คู่รักคู่นี้กลับพูดสิ่งที่ต่างจากคน ส่วนใหญ่คุณคิดว่าเพราะ....................
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 06, 2009, 12:30 PM
"ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ"
เพราะหากคู่รักคู่นี้ยังคงอยู่ในรถ โดยที่ไม่ได้ลงจากรถ
รถเมล์คันดังกล่าวก็ไม่ต้องหยุดรถเพื่อให้คู่รักคู่นี้ลง
และจะขับเลยตำแหน่งที่หินก้อนมหึมาตกลงมา
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: admin Date: มิ.ย. 06, 2009, 01:48 PM
จะอยู่ไหน เมื่อถึงอายัล ก็ไม่รอดอยู่ดี
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: ILHAM Date: มิ.ย. 06, 2009, 02:41 PM
ถูกลบอีกแล้ว
ก็ในเรื่องมันบอกว่าเป็นเมืองในหุบเขา ผมก็แค่ยกตัวอย่าง
แต่ไม่เป็นไร 555
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: Nur-inee Date: มิ.ย. 06, 2009, 03:30 PM

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: บาชีร Date: มิ.ย. 06, 2009, 09:16 PM
ถูกลบอีกแล้ว
ก็ในเรื่องมันบอกว่าเป็นเมืองในหุบเขา ผมก็แค่ยกตัวอย่าง
แต่ไม่เป็นไร 555
โพสใหม่สิ
อยากรู้ว่าเขียนอะไร
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: vrallbrothers Date: มิ.ย. 06, 2009, 11:20 PM
ลองมีคำว่า "ถ้า..." แล้ว มนุษย์เราก็คิดไปได้ 108 แหล่ะ แต่ถ้าจะไม่ให้คิดมันก็อดใจไม่ได้เหมือนกันครับ ต้องมีอีมานที่เข้มแข็ง
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: sara Date: มิ.ย. 07, 2009, 08:53 AM
เพราะ จะได้ไม่เสียใจที่เห็นผู้อื่นตาย

คิดได้งัยเนี่ย เก่งๆๆๆจัง

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: al-firdaus~* Date: มิ.ย. 07, 2009, 03:25 PM
เรื่องราวที่คุณ ปอเนาะริมบึงยกมา...เป็นการฝึกให้เราคิดในแง่มุมที่ต่างจากเดิม
คนเรานั้นมักจะเห็นความสำคัญของตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วลืมที่จะแบ่งปันน้ำใจต่อคนรอบข้าง 
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: คนเดินดิน Date: มิ.ย. 08, 2009, 02:59 PM
บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม
salam
เหมือนกับจะเคยได้ยินอุสตาสท่านนึงให้เหตุผลว่า
คนที่อัลลอฮ์รักมากพระองค์มักนำกลับสู่ความเมตตาของพระองค์เร็วกว่าคนทั่ว ๆ ไป
คู่รักคู่นั้นอาจจะเคยได้ยินคำสอนแบบนี้ด้วย
ก็เลยมีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นหนึ่งในกลุ่มชนที่พระองค์ทรงรักและนำกลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: คนเดินดิน Date: มิ.ย. 08, 2009, 03:01 PM
ส่วนอีกประเด็นก็คือ
ทั้งคู่จะต้องจำภาพเหตุการณ์นั้นอย่างติดตา
จนทำให้เกิดความวิตก
และกลัวว่าจะลามไปสู่ความหลงลืมที่ว่า
รีสกีของบุคคลแต่ละคนนั้นอัลลอฮ์ได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: กะลาแห่งศักดิ์ศรี Date: มิ.ย. 08, 2009, 10:10 PM
"ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ"
เพราะหากคู่รักคู่นี้ยังคงอยู่ในรถ โดยที่ไม่ได้ลงจากรถ
รถเมล์คันดังกล่าวก็ไม่ต้องหยุดรถเพื่อให้คู่รักคู่นี้ลง
และจะขับเลยตำแหน่งที่หินก้อนมหึมาตกลงมา
หนับหนุนด้วย
Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: mustura^@^ Date: มิ.ย. 09, 2009, 12:42 PM
"ถ้าพวกเรายังอยู่ในรถคันนั้นก็ดี น่ะซิ"
เพราะหากคู่รักคู่นี้ยังคงอยู่ในรถ โดยที่ไม่ได้ลงจากรถ
รถเมล์คันดังกล่าวก็ไม่ต้องหยุดรถเพื่อให้คู่รักคู่นี้ลง
และจะขับเลยตำแหน่งที่หินก้อนมหึมาตกลงมา
555 , มีเหตุผลมากคั่บ

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: คนเดินดิน Date: มิ.ย. 09, 2009, 01:48 PM
บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม
Ingatlah kami
semua benda daripada ALLAH (S.W.)
dengan keizinan ALLAH (S.W.)
dan kerana ALLAH (S.W.)
WASTAGHFIRULLAHAL-AZIM

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: บาชีร Date: มิ.ย. 10, 2009, 01:53 AM
จะอยู่ไหน เมื่อถึงอายัล ก็ไม่รอดอยู่ดี
ถึงไม่ลงมา ก็ตายหมดยกเว้นสองคนนั้นอยู่ดี
คำว่าถ้าอย่างนั้นอย่างนี้
จริงๆแล้วคืออัลลอฮฺประสงค์นะครับ
อิซายาอะ อะยะลุฮุม ลายัสตะอฺ คิรูนะซาอะตัว วะลายัซตักดีมูน