Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: อัซซาดีลียะฮ์ Date: มิ.ย. 10, 2009, 02:34 AM
salam
ถ้าพวกเขาอยู่ในรถคันนั้น...
ในเมื่อเขาคิดว่า "ดีน่ะสิ" มันก็เป็นไปได้หลายๆอย่างว่าดีอย่างไร?
มันแสดงถึงความรู้สึกยินดีที่ได้ประสบ "เนี้ยะมัต" ที่พระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)ประทานให้มา พวกเขาได้มอบทุกอย่างไว้กับอัลเลาะห์แล้ว จึงไม่มีการเสียดายในชีวิตซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ เมื่อเกิดการยอมรับ อุปสรรคก็เปลี่ยนเป็นความเมตตา "เราะห์มัต"
หรือพวกเขาจะเป็นคน "วาลียุลลอฮ์"

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: Azharion Date: มิ.ย. 10, 2009, 06:46 AM
salam
จงยอมรับในสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงประทานให้เถิด หากความคิดของชาย หญิงคู่นั้น เป็นแบบนี้ แสดงว่า ไม่พอใจ หรือไม่ยินดี กับกอฏอ กอดัร
ของอัลเลาะห์นะ ทั้งๆที่ พระองค์ ทรงให้ เค้าทั้งคู่อยู่รอด เพื่อจะได้ ทำอาม้าลต่อ ไป
สิ่งที่เป็นอยู่ คือสิ่งที่ดีที่สุด แล้ว ล่ะ แต่มนุษย์ก้อ ไม่พอใจ ไม่มีใครรู้หรอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดของเค้าคืออะไร ที่นอกเหนือจากการมีชีวิตอยุ่ เพื่อทำอาม้าล
ต่อพระผู้อภิบาลของเค้าเอง
ผมว่า ควรขอบคุณ พระองค์ ไม่ว่าจะให้ มีชีวิตอยู่หรือว่า ตาย ไป คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ศรัทธา
ดีกว่า การ ที่จะมา ตัดพ้อ หรือ ความ น่าจะ อย่างนั้น อย่างนี้ คงไม่เหมาะสมเป็นแน่ คับผม

Re: เป็นเราจะคิดเเบบนี้ใหม By: คนเดินดิน Date: มิ.ย. 10, 2009, 11:18 AM
บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม
ทำให้นึกถึงส่วนหนึ่งในหนังสือคุณค่าของอาม้าลเลยค่ะ
ที่ป้องกันไม่ให้เกิดคำถามในตัวเองว่าถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ โดยยึดว่า
ก๊อดดารัลลอฮูมาชาอะฟะอัล
